บทที่ 23 พระเอกละคร
บทที่ 23 พระเอกละคร
มวยคาดเชือกในปัจจุบันถือว่าเป็นที่สุดของมวยแล้วใช่ไหม ขอบอกเลยว่าไม่ เมื่อมวยคาดเชือกกลายเป็นกีฬาก็ย่อมที่จะต้องมีกฎ ด้วยเหตุนั้นจึงทำให้รูปแบบการต่อสู้ของมวยไทยเปลี่ยนไปให้สอดคล้องกับกฎกติกาการชกสากล
ไม่ว่าจะเป็นศิลปะการต่อสู้แบบใดก็ตาม พอกลายเป็นกีฬา อะไรๆ ที่มันอันตรายก็ต้องเอาออก โดยเฉพาะมวยไทยที่มีพื้นมาจากการฝึกเพื่อไปสู้รบ ทำให้มีอะไรหลายๆ อย่างที่ห้ามเอามาใช้ในการแข่งขัน แถมเดี๋ยวนี้ค่ายมวยในปัจจุบันก็เน้นสอนเฉพาะท่าที่ทำคะแนนได้จริงเป็นส่วนใหญ่ ทำให้มวยไทยโบราณในสมัยนี้มีผู้เชี่ยวชาญน้อยลงทุกวัน
ที่เกริ่นมาตั้งนานก็เพราะในตอนนี้ผมกำลังขอเรียนมวยไทยโบราณอยู่ครับ มวยในรูปแบบฆ่ารันฟันแทงของจริง
“เอ็ง...เอ็งจะเอาไปใช้ทำอะไร!! หายหน้าไป 3-4 วันจู่ ๆ มาขอเรียนมวยไทยโบราณกับข้า อย่าบอกนะว่า...” ครูทศร้องลั่นก่อนจะเดินมากระซิบพูดเสียงเบาใส่ข้างหูผมอย่างตื่นตระหนก “นี่เอ็งไปเกี่ยวพันอะไรกับพวกมาเฟียมาใช่ไหม เอ็งโดนพวกมันข่มขู่หนีหัวซุกหัวซุน แล้ววันนี้ก็แอบมาหาข้าขอเรียนวิชาก่อนจะกลับไปทลายแก๊งสินะ ไอ้ภา!”
จบประโยคสุดมโนของครูทศ ผมกลอกตาสามร้อยหกสิบองศาแล้วถอนหายใจออกมาดังเฮือกยาว ๆ“ครู...ดูหนังช่องเจ็ดให้มันน้อย ๆ หน่อยก็ดีนะครับ พูดซะเป็นละครเลย”
“เอ๊า ไม่ใช่เหรอวะ แหม...ก็พล็อตมันได้นี่หว่า แล้วมีเรื่องอะไรล่ะถึงมาขอให้ข้าสอน ไม่ใช่ข้าไม่อยากสอนเอ็ง ข้าล่ะอยากถ่ายทอดวิชาจะตาย แต่ถ้าจะเอาถึงขั้นใช้สู้ได้จริงแค่ฝึกก็อันตรายแล้ว อย่างเอ็งจะไหวเรอะ” ครูทศทำหน้าเซ็ง อ่ะแหนะ ใจจริงครูอยากให้เหมือนบทในละครช่องเจ็ดอะดิ ขอโทษแล้วกันที่มันไม่ใช่วะครู แต่เรื่องของผมมันเหนือภาพมโนของครูไปไกลลิบเลยขอบอก
“โธ่ครู สอนผมเหอะ ผมไหว ถ้าผมไม่ได้ฝึกชีวิตผมจะอันตรายกว่าแน่นอนเลยครู ครูรู้ไหมเมื่อวานผมเกือบตาย ครูดูนี่นะ” ผมยกโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดช่องยูทูบตัวเองแล้วกรอคลิปไลฟ์สตรีมเมื่อวานกดข้ามๆ บทพูดลาตายสุดจะป๊อดเข้าช่วงสู้กับบอสลับให้ครูทศดู“เนี่ยครูเห็นไหม นั่นปืนจริงนะครู แม่งโคตรโหดเลย ตอนแรกผมคิดว่าจะตายซะแล้ว” ผมพูดระหว่างที่คลิปวิดีโอการต่อสู้ดำเนินไป ครูทศก็มายืนดูข้างๆ อย่างจริงจัง
“ที่หายไป 3-4 วันนี่เอ็งไปถ่ายหนังมาเรอะ เออๆ แต่ฉากสู้ทำได้สมจริงดีนี่หว่า โฮ่ แม่สาวน้อยหน้าแฉล้มหูยาว ๆ คนนั้นเก่งเข้าขั้นปรมาจารย์มีดสั้นเลยนะนั่น ข้าดูแล้วจากทั้งทีมนี่เอ็งอ่อนสุดเลยเว้ยไอ้ภา ฮ่า ๆ ๆ” ไม่ว่าเปล่ามือครูทศก็ตบลงหลังผมดังป้าบ ๆ แย่งโทรศัพท์ผมไปถือแล้วกดกรอดูท่าทางการใช้มีดสั้นของทีน่าซ้ำหลายๆ ที "เอ็งโคตรจะอ่อน ฮ่า ๆ ๆ ดูดิๆ หลบได้โคตรจี้"
“โธ่ ครูไม่ต้องย้ำหรอกน่า ผมรู้ว่ากากสุดในทีม ผมก็เลยมาขอเรียนวิชาจากครูนี่ไง” ผมแย่งโทรศัพท์คืนมาจากครูด้วยความเซ็งจิต
“เออ ๆ ข้าเข้าใจล่ะ แต่ถ้าเอ็งเจ็บตัวระหว่างฝึก เอ็งจะไปแสดงไหวเรอะ” ครูทศที่พยายามกลั้นขำ เกร็งหน้าถามออกมาอย่างเป็นห่วง
“ไหวดิ ที่กองถ่ายมียาดีครู กินแป๊บเดียวแผลหายเกลี้ยง เพราะงั้นเขาเลยให้สู้กันจริงๆ ไง” แรก ๆ ให้แกเข้าใจว่าถ่ายหนังไว้ดีกว่า เดี๋ยวจะช็อกตายไปซะก่อน แค่หายไป 3- 4 วันก็มโนไปนู่นแล้ว
เรื่องเจ็บตัวจากการฝึกนั่นเรื่องเล็ก ไว้ไปซื้อโพชั่นมาตุนก็จบเรื่อง ตอนแรกผมก็เคยคิดว่าจะเอาของต่างโลกมาขายที่โลกเราบ้าง แต่ไป ๆ มา ๆ ก็คิดว่าไม่เอาดีกว่า เกิดโดนแก๊งมาเฟียหรือองค์กรลับโผล่มาจับตัวไปจะทำยังไง แค่คิดก็หนาวแล้ว ถ้าจะเอามาใช้ก็ขอใช้ส่วนตัวดีกว่า สบายใจกว่ากันเป็นไหน ๆ
“งั้นก็ดี ข้าจะได้จัดเต็ม เอ็งไปวอร์มร่างกาย เดี๋ยวข้าจะไปเตรียมอะไรสักหน่อยแล้วจะตามไป”
“ขอบคุณครับครู ผมจะไม่ทำให้ครูผิดหวัง” ผมไหว้ขอบคุณครูทศ ตอนแรกนึกว่าจะโดนไล่ตะเพิดออกจากบ้านซะแล้ว ขนาดแม้แต่รุ่นพี่สองคน ลูกศิษย์สุดที่รักของครูแกขอเรียนยังไม่ได้เรียนเลย “เออ...แต่ว่าทำไมครูถึงยอมสอนผมอะครับ”
“ก็เอ็งจะต้องเอามันไปใช้ทำงานนิ”
“อ่าว แต่ผมเห็นพี่พลกับพี่สินขอเรียน ครูก็ไม่ยอมสอนนิ” ผมพูดขึ้นมาอย่างสงสัย
“เออ! ตอนแรกข้าก็กะจะไม่สอน แต่พอเห็นคลิปเอ็งแล้วมันจี๊ดใจ ลูกศิษย์ข้าจะกากสุดในทีมได้ยังไงเสียชื่อข้าหมด อีกอย่างที่ข้าไม่สอนไอ้สองคนนั้นก็เพราะเป็นนักมวยอาชีพ เรียนไปพวกมันก็ไม่ได้ใช้งานหรอก เสียเวลาซ้อมเปล่า ๆ ให้มันฝึกเพื่อขึ้นชกแหละ” ว่าเสร็จครูทศก็เดินขึ้นบ้านไปด้วยหน้าตาขึงขัง ดูท่าครูแกจะเอาจริงแฮะ
ก็จริงอย่างที่ครูแกพูดเรียนไปก็ไม่ได้ใช้งาน ถ้าไม่ใช่เพราะผมอยากเป็นคนดังสายบู๊เหมือนพี่โทนี่ จา ผมก็ไม่รู้จะเอาไปใช้ทำอะไรเหมือนกัน
ผมเกาหัวเดินออกจากบ้านตรงไปลานฝึก โธ่เอ๊ย ถ้ารู้ว่าครูจะตกลงง่ายแบบนี้ ผมมาขอให้สอนตั้งนานแล้ว ไม่น่าไปเชื่อไอ้รุ่นพี่สองคนนั้นเลย พวกมันบอกว่าครูทศไง ๆ ก็ไม่ยอมสอนหรอก ดีไม่ดีได้โดนเผ่นกบาลกลับมา แล้วผมก็ดันโง่เชื่อพวกมันอยู่นาน ถึงขนาดเตรียมตัวรับฝ่ามือแกที่จะตบลงกลางหัวเลย
มาถึงลานฝึก ผมเดินไปหยิบเสื้อผ้าตรงล็อกเกอร์ประจำไปเปลี่ยน มันเป็นเสื้อกล้ามสีแดงกับกางเกงมวยสีแดง แต่รองเท้าผ้าใบผมยังใส่คู่เดิม ผมทาครีมกันแดดแบบจัดเต็ม พอออกจากห้องเปลี่ยนเสื้อก็มายืดเส้นเล็กน้อยเป็นท่าวอร์มอัพปกติ 2-3 นาที หยิบผ้าเช็ดตัวพาดบ่าก่อนจะออกไปวิ่งรอบลานฝึกตอนแดดเปรี้ยง ๆ ยามบ่าย ดีนะที่ผมไม่ใช่คนดำง่าย สีผิวดำสุด ๆ ก็แค่แทน ตากแดดเป็นชาติก็ยังไม่ดำถึงพี่บัวขาว ถ้าเลือกได้ผมก็ไม่อยากซ้อมมวยตอนบ่าย ๆ กลางแจ้งแบบนี้หรอก ใจจริงก็เคยคิดว่าอยากกลับไปขาวเหมือนสมัย ม.ต้น บ้างเผื่อชีวิตจะได้ฮอตขึ้น แต่เวลาเช้ากับเย็นดันไม่ว่างซะนี่
หาาา...จะให้ผมเลิกซ้อมมวย? ไม่มีทางซะหรอก ถึงมีดาบกับปืนมาวางตรงหน้าผมก็ยังเลือกใช้หมัดอยู่ดี ทำไมงั้นเหรอ ก็ใช้หมัดมันสะใจกว่าน่ะสิ! ที่สำคัญพี่โทนี่ จาก็ใช้หมัดยังไงล่ะ
วิ่งรอบลานฝึกได้เกือบโล ก็เจอครูทศใส่ชุดซ้อมมวยเต็มยศถือของมาเต็มสองมือเดินมานั่งบนเก้าอี้ใต้สังเวียน
“ไอ้ภามานี่!” เสียงตะโกนเรียกจากเจ้าของค่ายมวยเรียกสายตาลูกศิษย์ที่อยู่ในลานฝึกให้หันมามองชั่วแวบหนึ่ง
“ครับ” ผมตอบรับแล้ววิ่งเหยาะๆ เข้าไปหา พอมาถึงครูแกก็บอกให้นั่งลงแล้วยัดอะไรต่อมิอะไรใส่มือผม อะไรวะ ขันเงิน ผ้าขาวม้า จะให้ตูไปอาบน้ำเรอะ โทษทีนะครูห้องผมมีฝักบัว แต่ตอนกำลังงง ๆ กับของในมือก็ได้ดอกไม้กับธูปเทียนมาเพิ่ม เห็นทีคงจะไม่ได้เอาไปอาบน้ำแล้วล่ะ
“เอานี่...นี่ด้วย เอ็งมีเงินไหม” ครูทศพูดขึ้นเมื่อยัดทุกอย่างใส่มือผมเรียบร้อย
เอิ่ม จู่ ๆ ก็ถามถึงเรื่องเงิน ถ้าครูจะยืมผมไม่มีให้หรอกนะเมื่อคืนพึ่งไปติดหนี้ป้าบรรณารักษ์แกมาเป็นหมื่น “ครู ผมบอกครูตรง ๆ เลยนะตอนนี้กำลังติดหนี้อยู่ 3 หมื่น ผมไม่มีใครครูกู้...” ยังไม่จบคำ ผมก็โดนสันมือฟาดใส่กระบาลไปหนึ่งที หน้าแทบมืด
“ไม่ได้จะถามว่าเอ็งมีหนี้มีสินเท่าไหร่ เงินน่ะเอามาไหว้ครูโว้ย กี่บาทก็ได้ใส่ ๆ ขันมา วันนี้วันพฤหัสพอดี ไม่งั้นเอ็งได้รอไปอีก 7 วันแน่ ของทุกอย่างข้าเตรียมให้หมดแล้วเนี่ย”
“เอ๊า ก็ไม่บอกแต่แรก ตอนมาใหม่ๆ ผมก็ไหว้ไปรอบแล้วนิครู ยังต้องไหว้อีกเหรอ”
“อันนั้นไหว้แบบธรรมดาเบ ๆ อันนี้พิธีการขึ้นครูไอ้ควาย เห็นไหมเนี่ยของเซ่นมันต่างกัน”
อื้อฮือ ควายเต็ม ๆ หน้า แล้วก็ไม่บอก แล้วผมจะไปตรัสรู้เองได้ไงเล่า
ผมเดินกลับไปหยิบแบงก์ร้อยมาให้ครูแกใบหนึ่ง แหมจะให้แค่ 5 บาท 10 บาทคงโดนครูแกแขวะใส่หน้าอีกแน่นอน
“เออ ยกของมา ต่อจากนี้เอ็งก็เป็นศิษย์ข้า บอกไว้ก่อนมวยข้าเป็นสายมวยท่าเสามวยพระยาพิชัยดาบหัก...” เมื่อครูทศรับของไหว้ ที่เป็นของแกเองเกือบหมดยกเว้นแบงก์ร้อยไป แกก็เริ่มเกริ่นเรื่องประวัติความเป็นมาของมวยท่าเสาแบบยาวยืด จนผมได้แต่คิดว่า วันนี้ตูจะได้เริ่มเรียนไหมเนี่ย แม่งมาเป็นประวัติพระยาพิชัยตั้งแต่เกิดยันตาย นานเป็นนาทีจนขาผมตะคริวกิน
“เมื่อแม่ทัพพม่า ได้มาตีเมืองพิชัยท่านได้นำทหาร ออกรบและต่อสู้จนดาบหักไปข้างหนึ่ง ท่านจึงได้รับสมญานามว่า ‘พระยาพิชัยดาบหัก’ ตั้งแต่นั้นมา หลังสิ้นพระเจ้าตากสิน สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ได้ทรงเสด็จขึ้นครองราชย์ พระยาพิชัยดาบหักท่านไม่ยอมอยู่เป็นข้าสองเจ้า บ่าวสองนาย จึงได้กราบบังคมทูล สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ขอถวายความจงรักภักดีถวายชีวิตตาม สมเด็จพระเจ้าตากสิน แต่ขอฝากบุตรชายให้รับราชการสนองพระเดชพระคุณสืบไป”
“เฮ้ยคอแห้ง ไอ้อุ้มไปเอาน้ำมาดิ” จบประวัติพระยาพิชัยครูแกก็สั่งเด็กที่อยู่ใกล้ ๆ ให้ไปเอาน้ำมาให้ ผมที่นั่งฟังแบบสัปหงกไปสิบรอบ สะดุ้งขึ้นมานิดๆ แล้วยกแขนเสื้อขึ้นมาแอบซับน้ำลายที่มุมปาก แบบเนียนๆ ไม่ให้แกสงสัย การนั่งหลับแบบไม่ให้รู้ว่าเราหลับนี่ผมเซียนนักแล ตอนอยู่เฝ้าเค้าเตอร์เซเว่นยามดึกผมทำบ่อย หึหึ
“จบแล้วเหรอครู โหยผมกำลังฟังเพลินเลย”ประชดครับ ผมประชด
“ยัง นี่แค่เริ่ม ใจมากไอ้อุ้ม” ครูทศยื่นมือไปรับกระติกน้ำมาดื่ม
“ห๊ะ!” นี่ยังไม่จบอีกเรอะ
“เอาล่ะ ต่อไปข้าจะเล่าถึงเอกลักษณ์ของมวยท่าเสา”
“เดี๋ยว ๆ นี่จะสี่โมงเย็นแล้วนะครู ไอ้พี่สินกับพี่พลมันจะมาแล้ว ถ้าพวกมันรู้ว่าผมได้เรียนมวยโบราณจากครูผมตายแน่ ไว้...ครูเล่าวันอื่น วันนี้เราเลยซ้อมกันเลยดีไหมครู” ผมพยายามตะล่อมครู
“อย่ารีบสิวะ นี่มันเป็นพิธีโว้ย ข้าต้องทำให้ครบชุด แหมทำยั่งกับข้าอยากจะเล่าให้เอ็งฟังงั้นแหละ หัวขี้เลื่อยอย่างเอ็งเรื่องเมื่อกี้ฟังไปก็เข้าหูซ้ายทะลุหูขวาหมด” ครูทศหรี่ตามองผมอย่ารู้ทัน อ่า ไม่ใช่แค่ทะลุหูซ้ายออกหูขวานะครูเมื่อกี้อะ ผมหลับเลย
“อะแฮ่ม...ต่อ ๆ เอกลักษณ์ มวยไทยสายพระยาพิชัย ไม้มวยมีทั้งอ่อนแข็งอยู่ในคราวเดียวกัน จะถนัดเรื่องการใช้เท้าเป็นอาวุธที่รวดเร็ว มีเอกลักษณ์เด่น 5 ประการ คือ หนึ่ง การยืนมวยหรือจดมวยยืนน้ำหนักอยู่เท้าหลัง สอง การร่ายรำไหว้ครู สาม ท่านั่งต้องส่องเมฆก่อนยืน สี่ มงคลและประเจียด เป็นมงคลถักสีแดงลงอาคมและมีประเจียดข้างเดียว ห้า พิธีกรรม เป็นพิธีที่สำคัญมี 3 พิธี ได้แก่ ยกครูหรือขึ้นครู ไหว้ครูและครอบครู”
รอบนี้ดีหน่อยระหว่างเล่าครูทศก็ลุกขึ้นยืนแสดงท่าทางเป็นตัวอย่าง เสร็จก็บอกให้ผมลองทำตามดู เนื่องด้วยเคยเรียนพื้นฐานมาก่อนเลยทำได้ง่ายรอบเดียวก็ทำตามได้แล้ว
“กระบวนท่า มีท่าการชก 15 ไม้ หมัดตรง หมัดครึ่งศอก ครึ่งหมัดครึ่งศอก หมัดเหวี่ยงหรือหมัดขว้าง หมัดตบหรือหมัดเหวี่ยงสั้น หมัดตบหรือหมัดเฉียงสั้น หมัดเหวี่ยงขึ้นตรง หมัดเหวี่ยงกลับ หมัดงัด หมัดเสย หมัดสอยดาว หมัดหงาย หมัดเหวี่ยงบนยาว หมัดจิกหรือหมัดฉก หมัดเสือหรือหมัดมะเหงก หมัดคู่ หมัดอัด และหมัดตวัด”
รอบนี้ท่าพิสดารขึ้นมาหน่อยแต่เพราะครูสาธิตให้ดูแบบช้า ๆ ผมเลยทำตามได้ ครูทศพูดชื่อท่าแล้วต่อยตาม แรก ๆ ก็เริ่มแบบช้า ๆ พอรอบสามก็เร่งสปีดขึ้นทันที พอผมเริ่มจะจำได้คร่าว ๆ ครูก็หยุดสาธิตและอธิบายต่อ
“กระบวนท่าเตะมี 10 ไม้ เตะตรงต่ำ เตะตรงสูง เตะเฉียง เตะเหวี่ยงหรือเตะตัด เตะตวัดกลับ เตะหลังเท้า เตะกลับหลัง เตะครึ่งแข้งหรือครึ่งเข่า เตะโขกและเตะตบและกระโดดเตะ”
ระหว่างที่เตะตามครูทศ ดูเหมือนว่าผมจะลืมกระบวนท่าต่อยไปบางอันแล้ว เยอะจัด แต่ผมก็ไม่ได้คิดมากไง ๆ นี่ก็วันแรกถ้าฝึกนาน ๆ ไปก็จำได้เองแหละ ผมมันพวกใช้ร่างกายจำไม่ใช่สมอง ถ้าได้ทำซ้ำ ๆ ก็จำได้เอง
“กระบวนท่าถีบมี 10 ไม้ ถีบจิก ถีบกระทุ้ง ถีบข้าง ถีบตบ ถีบต่อเข่า ถีบกลับหลังหรือม้าดีด โดดถีบ ถีบหลอก ถีบยันและเดินถีบ กระบวนท่าตีเข่ามี 10 ไม้ เข่าตรงหรือเข่าโทน เข่าเฉียง เข่าโค้ง เข่าเหวี่ยงหรือเข่าตัด เข่าเหน็บหรือเข่าหยอกนาง ครึ่งเข่าครึ่งแข้ง เข่ากระชาก เข่าลอย เข่าพุ่งและเข่าคู่ กระบวนท่าศอกมี 10 ไม้ ศอกตัด ศอกเฉียง ศอกโค้ง ศอกเสยหรือศอกงัด ศอกถอง ศอกจามหรือศอกสับ ศอกพุ่ง ศอกกระแทก ศอกเฉือน ศอกเช็ด ศอกกลับ ศอกคู่”
“เอาล่ะทวนทั้งหมดกันอีกที ชก เตะ ถีบ เข่า ศอก”
พอสาธิตกระบวนท่าศอกจบครูทศก็ทวนใหม่หมดอีกทีตั้งแต่เริ่มแรกท่าชกหมัดตรงยันศอกคู่ ทวนแค่รอบเดียวผมก็หอบแล้ว เห็นมันน้อยแต่ทำหลาย ๆ รอบก็เหนื่อยเหมือนกัน ขนาดทวนตามครูไปรอบหนึ่ง ทั้งรวมตอนสาธิตให้ดูครั้งแรก ผมก็ยังจำได้ไม่หมดอยู่ดี...
4 โมงกว่าได้เวลาที่รุ่นพี่ศิษย์รักของครูแกจะโผล่มาซ้อม ผมก็เลยไหว้ลาครู ขอตัวไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าไปทำงาน พออาบน้ำเสร็จออกมาเจอเข้ากับพวกมันพอดีในห้องล็อกเกอร์ ผมเกือบจะร้องเชี่ยออกมาแล้วเชียว ไอ้เราก็คนมีชนักติดหลัง ตอนแรกว่าจะหลบมุมย่องหนีไป แต่พอคิดว่าแบบนั้นยิ่งมีพิรุธ เลยเนียนไหว้ทักทายรุ่นพี่ทั้งสองในท่าทางสุดจะปกติ แต่พอออกจากห้องล็อกเกอร์ก็วิ่งไปขึ้นจักรยานปั่นออกไปอย่างรวดเร็ว