บทที่ 20 : บีตาทีม
บทที่ 20 : บีตาทีม
ด้วยคำสั่งของหัวหน้าบีตาทีม ทำให้ทุกคนลุกออกจากห้องอาหารเพื่อไปยังห้องฝึกทันที ระหว่างทางกลุ่มของพวกเขาพบกับซีโรเซียที่ยืนเหม่อมองหน้าต่างอยู่อย่างใจลอย แมรีเข้าไปทักและบอกเธอเกี่ยวกับการฝึกที่กำลังจะเริ่มขึ้น
ซีโรเซียมองไปที่กิลเลนอย่างชิงชัง ลึก ๆ เธอรู้ว่าคนที่เป็นคนเหตุของทุกอย่างคือจัสติน แน่นอนว่าจัสตินคือคนที่เธอเกลียดมากที่สุด แต่เธอก็ไม่สามารถห้ามให้ตัวเองคิดได้ว่ากิลเลนเองก็มีส่วนผิดไปไม่น้อยกว่ากัน ในตอนนั้นเนวิลพยายามเตือนเขาแล้วว่าการไปช่วยพีโอเนียเหมือนกับการฆ่าตัวตาย แต่เขาก็ไม่ฟัง ไม่คิดแม้แต่จะรอกำลังสนับสนุน เขาห่วงพีโอเนียมากจนกล้าเอาชีวิตของทุกคนไปเสี่ยง และผลของการเดิมพันบ้า ๆ นั้นก็คือชีวิตของเนวิล จีคและเดซี
จริงอยู่ที่ถ้าหากเรื่องราวกับเปลี่ยนไป กลายเป็นเนวิลเป็นคนที่ถูกจับตัวไป ซีโรเซียก็อาจจะทำอะไรไม่ต่างจากที่กิลเลนทำเลย แต่ถึงรู้อยู่แก่ใจมันก็ไม่ได้ช่วยให้เธอคลายความโกรธที่มีต่อเขาได้
...ใช่ มันอาจจะเป็นแค่การพาลของเธอเอง แต่เธอไม่สามารถทำใจยอมรับ แล้วกลายเป็นคาตาลิสต์ให้กับกิลเลนแบบนี้ได้หรอก…
“จับคู่กันสู้เฉย ๆ ไม่มีการซิงโครอะไรทั้งนั้น แน่นอนว่าเธอไม่ต้องย้ายมาอยู่ด้วยกันด้วย” กิลเลนชี้แจง เขาหยุดฝีเท้าลงข้างกับซีโรเซีย หญิงสาวขยับหนีห่างออกจากเขา ไม่ว่าจะไตร่ตรองอย่างไรก็ไม่อาจลดความโกรธที่มีอยู่ได้เลย
“ไม่เอา!” สาวผมทวินเทลเกรี้ยวกราดใส่ เธอไม่คิดจะลดลาวาศอกลงสักนิด “ถ้าได้จับคู่กันสู้ สักวันก็ต้องถูกบังคับให้ซิงโครกันอยู่ดี” เธอปฏิเสธเสียงแข็ง
“แต่เธอจำเป็นต้องมีคู่หูในการทำภารกิจนะ” แมรีช่วยเกลี้ยกล่อม เธอยิ้มแหย ๆ ให้กับซีโรเซีย พยายามใจเย็นที่สุดเพื่อไม่ให้สถานการณ์แตกหักไปมากกว่านี้ และอาจจะได้ผล ซีโรเซียนิ่งไปสักพัก
ซีโรเซียไม่ได้ตอบแต่เธอคิดในใจว่า ถ้าให้จับคู่กับคนที่มีส่วนในการตายของเนวิล เธอจะมีหน้าไปพบเขาทีหลังได้อย่างไร ยิ่งต้องไปอยู่ในทีมด้วยกันแล้ว เขาไม่อาจลืมภาพที่กิลเลนทอดทิ้งเนวิลได้เลย แม้เธอจะรู้ดีว่าเขา...ไม่มีชีวิตรอดไม่ว่าอย่างไรก็ตามที
“ไม่ต้องตอบตอนนี้ก็ได้ ฉันคุยกับคุณอาเบลแล้วว่าให้เธอมีสิทธ์เลือกได้ว่าอยากจะซิงโครกับใคร แต่ในระหว่างนี้เราจะต้องจับคู่กันไปก่อน”
คำพูดของกิลเลนทำให้หญิงสาวถึงกับผงะ นี่เขากำลังล้อเธอเล่นอยู่ใช่ไหม กิลเลนอยู่ในสถานะที่จำเป็นต้องมีคาตาลิสต์อย่างเร่งด่วนแต่เขากลับยอมให้เธอเลือกจับคู่กับคนอื่นแทน
“นายไม่ได้พูดจริงใช่ไหม” ซีโรเซียถามซ้ำ เมื่อแมรีเห็นว่าทั้งสองยอมคุยกัน เธอจึงยอมเดินตามแพทริคไปรอหน้าห้อง เพราะพิจารณาจากรูปการณ์แล้ว กิลเลนและซีโรเซียคงไม่ตีกันหรอก...มั้ง
“ไปถามคุณแมดเดอลีนหรือคุณอาเบลก็ได้ ถ้าเธอเลือกผู้ถูกเลือกคนใหม่ได้เมื่อไหร่ การจับคู่ของเราก็จบลงในทันที” กิลเลนกล่าว จดจ้องมาที่ซีโรเซียด้วยสายตาจริงจัง แต่เธอก็ยังไม่ยอมเชื่อเรื่องที่เขาพูดอยู่ดี
“นายพูดเพราะรู้อยู่แล้วมากกว่า ถ้าได้จับคู่กันสุดท้ายเราก็จะโดนบังคับให้ซิงโครกันอยู่ดี” ซีโรเซียกอดอก “นายกล้าสาบานไหมล่ะว่าไม่คิดจะให้มันจบแบบนั้น”
“ฉันไม่คิดว่าเธอจะเชื่ออะไรแบบนี้นะเนี่ย” กิลเลนตอบด้วยรอยยิ้ม “ฉันสาบาน ต่อให้คุณอาเบลหรือคุณแมดเดอลีนบังคับ ฉันก็จะไม่รับเธอมาเป็นคาตาลิสต์ของตัวเอง ถ้าผิดคำพูดขอให้ไม่ตายดี”
ซีโรเซียรู้สึกแปลก ๆ กับคำพูดของเขา มันควรจะทำให้เธอโล่งใจแต่ไม่รู้ว่าทำไมเธอกลับรู้สึกเศร้า ไม่รู้ว่ารอยยิ้มที่เธอเห็นนั้นออกมาจากใจหรือเปล่า เธอไม่เข้าใจ ทำไมเขาต้องทำเพื่อเธอด้วย ซีโรเซียยังคงทำหน้าเหมือนไม่เชื่อเขา กิลเลนเดินเข้ามาหาเธอก้าวหนึ่ง
“ถ้าโดนบังคับ ฉันจะออกจากดิกนิตี” กิลเลนย้ำเสียงหนักแน่น สายตานั่นไม่มีความลังเลเเม้แต่น้อย
ที่ห้องจำลองการฝึก แพทริคที่รออยู่นานแล้วประกาศเริ่มทันทีที่ทุกคนก้าวเท้าเข้าไปจนครบ เขาเลือกภารกิจที่มีระดับความยากไม่สูงมากแต่มีแวนเดียร์แมสไทป์จำนวนมหาศาลให้ทุกคนได้แสดงพลังของตัวเองออกมาอย่างเต็มที่ ทุกคนจะยืนอยู่ห่าง ๆ ตึกมากมายเหล่านั้นเพื่อคอยดูการต่อสู้ของแต่ละคู่
พอลและออร์คิดเริ่มประเดิมก่อนเพื่อน เขาคือหนึ่งในสมาชิกบีตาทีมที่ใกล้จะปลดล็อคพลังขั้นที่สองได้ ทั้งสองช่วยกันทำลายแทงค์น้ำที่เก็บน้ำจำนวนมากไว้บนตึกแรก จากนั้นก็ควบคุมน้ำเหล่านั้นได้ราวกับมันคือสิ่งมีชีวิต
น้ำจำนวนมหาศาลที่ไหลเป็นเกลียวรูปร่างเหมือนงูยักษ์พุ่งโจมตีผ่านหน้าต่างทั้งหลายของตัวตึก เศษกระจกกระจายออกทั่วทุกทิศทาง แวนเดียร์จำนวนมากถูกกระชากออกมาและบดขยี้โดยไม่มีโอกาสรู้ด้วยซ้ำว่าใครคือคนที่ฆ่าพวกมัน เพียงไม่กี่นาทีต่อมาแวนเดียร์นับร้อยก็ถูกฆ่าจนหมดพร้อมกับพลังของพอลและออร์คิดที่ถึงขีดจำกัดเช่นกัน
“หมดไปตึกนึงแล้ว แต่พลังของผมกับออร์คิดก็เหลืออีกไม่มากเช่นกัน” พอลกล่าว เขาไม่ได้หอบหายใจหรือแสดงท่าทีว่าเหนื่อยอย่างที่คิด แต่สายน้ำที่ไหลล้อมรอบกายทั้งสองก็มีจำนวนลดลง
กิลเลนลองคำนวณดูว่าถ้าเป็นเขาจะทำอย่างไรในสถานการณ์นี้ แวนเดียร์แมสไทป์ร้อยตัวไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับเขา บากะอินุและซีโรเซีย แต่ว่ากิลเลนจะทำอย่างไรถึงจะจบการต่อสู้ได้เร็วแบบที่พอลและคาตาลิสต์ของเขาทำ
...ต่อให้ฆ่าทุกตัวในความเร็วไม่เกินหนึ่งวินาที แต่ต้องวิ่งไปจนทั่วตึกหกเจ็ดชั้น มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะจบได้เร็วขนาดนี้…
“ต่อไป ฉันกับไวโอเลตเอง” เบรนตันพูดบ้าง เขามองไปที่ตึกที่สองที่มีรูปร่างเหมือนตึกแรกที่พอลเพิ่งจะกวาดล้างไปเรียบร้อย ไวโอเลตก้าวมายืนข้างกับคู่หูของตนเองอย่างรู้ทัน บนใบหน้านั้นไม่ได้มีรอยยิ้มอยู่เลย เธอเฉยชาเหมือนกับทุกครั้ง เธอจึงเป็นคนหนึ่งที่กิลเลนอยากจะเห็นฝีมือการต่อสู้มากที่สุด
เบรนตันวิ่งเข้าไปในตัวตึกและเริ่มการต่อสู้ มันทำให้กิลเลนโล่งใจที่อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้ใช้พลังพิเศษกวาดล้างทั้งตึกแบบเดียวกับคู่ของพอล แต่แล้วกิลเลนก็นึกขึ้นได้ว่าในตึกที่สองนั้นมีอะไรอย่างอื่นด้วย
“แวนเดียร์เฮฟวีไทป์” ซีโรเซียหน้าซีดทำท่าเหมือนจะเป็นลมเมื่อได้ยินเสียงคำรามและรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนที่คุ้นเคย มันคือแวนเดียร์หายากที่แข็งแกร่งพอจะเรียกว่าเป็นมินิบอสได้เลย และมันคือชนิดเดียวกับที่เนวิลพลาดท่าเสียทีให้กับมัน
ตูมมมม
ร่างของเบรนตันกระเด็นทะลุชั้นสามของตึกและลอยละลิ่วมาตกข้างหน้าของกิลเลนพอดี ถ้าเป็นคนทั่วไปนี่คงจะหมายถึงชีวิตไม่ก็ต้องเจ็บหนักแน่ แต่เบรนตันกลับลุกขึ้นมาได้อย่างสบาย ๆ ร่างที่เป็นสีเงินแวววาวนั้นไม่ได้รับความเสียหายเลยแม้แต่น้อย กิลเลนจำได้ว่าเขาเคยความสามารถของคู่ของเบรนตันมาก่อน ไวโอเลตและชายหนุ่มมีพลังในการเปลี่ยนร่างของตนเป็นโลหะได้นั่นเอง และนั่นทำให้พวกเขาราวกับสวมเกราะอย่างดีไว้ตลอดเวลา
“เจ้านี่มันตัวยุ่งยากจริงนะ ยังดีที่ภารกิจนี้มีมันอยู่แค่ตัวเดียว” เบรนตันบ่นอุบอิบก่อนจะหันไปทางแพทริค “ช่วยส่งกลับขึ้นไปหน่อยได้ไหม” เขาส่งสายตาไปที่ชั้นสามของตึกที่อยู่สูงขึ้นไปและห่างจากจุดที่พวกเขายืนดูอยู่
แพทริคได้ฟังแบบนั้นก็พยักหน้าให้ เขากำลังจะใช้พลังจิตส่งเบรนตันกลับไปสู้แต่แมรีไวกว่า เธอใช้พลังแม่เหล็กดีดเบรนตันที่ตอนนี้กลายเป็นมนุษย์โลหะปลิวไป ร่างของเขาพุ่งทะยานขึ้นฟ้าจากนั้นก็เปลี่ยนทิศกะทันหัน พริบตาต่อมาร่างสีเงินนั้นก็พุ่งทะลุกลับเข้าไปในตึกที่สองอย่างรวดเร็ว
แมรียักไหล่ทำหน้าเป็น “อยากทดสอบว่าร่างโลหะของหมอนั่นทนทานขนาดไหนแล้ว”
“หมอนั่นเองก็คงใกล้แล้วแหละ” แพทริคขยับแว่นและเผยรอยยิ้ม “อีกไม่นานทีมเราก็จะได้ขั้นที่สองมาทุกคน”
คำพูดของแพทริคไม่ได้หมายความรวมไปถึงซีโรเซีย เธอไม่มีผู้ถูกเลือก พลังของเธอจะไม่พัฒนาไปมากกว่านี้อีกแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงกิลเลนเลย เขาไม่มีแม้แต่พลังพิเศษขั้นแรกด้วยซ้ำ
หลังจากนั้นก็เป็นเหตุการณ์ที่กิลเลนพอจะคาดเดาได้จากเสียงระเบิดและเศษซากตึกที่กระจายลงมาข้างล่างจนเละเทะ แม้จะเสียเวลาไปพักใหญ่แต่เบรนตันและไวโอเลตก็ฆ่าเฮฟวีไทป์และแวนเดียร์ตัวอื่น ๆ ในตึกที่สองได้จนหมด
แมรีไม่ต่างจากพอล เดิมทีพลังของเธอควบคุมได้เฉพาะเหล็กและแม่เหล็ก ต่อมาเธอสามารถใช้พลังกับโลหะอื่น ๆ ได้ทุกชนิด นั่นก็รวมไปถึงแวนเดียร์ที่ร่างกายมีส่วนประกอบของโลหะชนิดพิเศษ “แวนดาเรียม” และธาตุเหล็กที่มีอยู่ในสิ่งมีชีวิต
พลังของเธอและควินซ์ สามารถจัดการกับแวนเดียร์ทั้งหมดที่อยู่ในตึกที่สามได้ในชั่วอึดใจ
“ตึกนี้มีแค่สองชั้น แต่ใหญ่กว่าสองตึกหลายเท่า ตามข้อมูลบอกว่ามีแวนเดียร์มากกว่าสองร้อยตัวเจ้าค่ะ” อินุจิโยะแจ้งข้อมูลกับกิลเลนผ่านอุปกรณ์สื่อสารที่หูของเขา
กิลเลน บากะอินุและซีโรเซียได้รับมอบหมายให้จัดการกับตึกที่สี่ ตึกนี้มีลักษณะเป็นตึกสูงยี่สิบชั้น แต่ว่าในแต่ละชั้นมีพื้นที่ไม่มากนักและแวนเดียร์ที่เฝ้าในแต่ละชั้นก็ไม่ได้เยอะแยะมากมาย อุปสรรคของเขาจึงมีเพียงความสูงเท่านั้น
บากะอินุและซีโรเซียจะบุกเข้าไปจากข้างหน้า ในขณะที่กิลเลนขอให้แมรีช่วยส่งเขาขึ้นไปบนชั้นดาดฟ้า แผนของเขามีเพียงแค่การกวาดล้างที่ไล่จากทั้งบนลงล่างและล่างขึ้นบนโดยหวังว่ามันจะทำให้เขาทำเวลาได้ดีขึ้น ร่างของกิลเลนถูกส่งถึงจุดหมายอย่างปลอดภัย ในขณะที่ลอยอยู่กลางอากาศ พลาสมาร์สเปียร์ก็ส่องแสงเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้
กิลเลนแทบไม่ได้เสียเวลาไปกับการล้มศัตรูเลยเมื่อกระโจนเข้ามายังชั้นบนของตึก ไม่ว่าจะแวนเดียร์รูปแบบไหน เขาก็ใช้เวลาไม่เกินครึ่งวินาทีในการปราบ แต่ต่อให้เร็วแค่ไหน และต่อให้พวกบากะอินุไล่แวนเดียร์จากข้างล่างขึ้นมาให้เขาจัดการแต่เวลาที่ใช้ไปก็ยังเทียบไม่ได้กับแมรีและพอล
“ก็ไม่เลว อย่างน้อยก็เร็วกว่าเบรนตันและไวโอเลต” แพทริคหันไปมองคู่หูที่ช้ารั้งท้ายแต่ทั้งสองไม่ได้สลด
“ช่วยไม่ได้นี่นา...ความสามารถของเรามันสายป้องกันจะไปเร็วเท่าสายโจมตีได้ยังไง” เบรนตันกล่าว
กิลเลนและซีโรเซียไม่ได้พูดอะไร แพทริคไม่ได้ตำหนิอะไรเขาก็จริงแต่เขารู้ว่าตัวเองเป็นจุดอ่อนของทีม เขาทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้แล้วและต่อให้แข็งแกร่งขึ้นอีกสามสี่เท่า ผลลัพธ์ก็อาจจะไม่แตกต่างกัน
“ว่าแต่พวกนายยังจัดการได้ไม่หมดเลยนะ” พูดจบแพทริคก็ยกมือขึ้น จากนั้นสิ่งที่กิลเลนไม่อยากเชื่อสายตาก็เกิดขึ้น ร่างของแวนเดียร์อีกหลายสิบตนที่ยังแอบซ่อนอยู่ในฉากจำลอง ถูกพลังที่มองไม่เห็นของแพทริคยกขึ้น เขารับรู้ตำแหน่งทั้งหมดของมันได้แม้ว่าจะมีบางตัวที่ซ่อนตัวจากเรดาร์ ร่างของแวนเดียร์มากมายถูกบีบจนแหลกเละโดยที่แพทริคแทบจะไม่ได้ออกแรงเลยด้วยซ้ำ
...นี่สินะ ขั้นที่สองที่ว่า...
หลังจากการฝึกเสร็จสิ้น กิลเลนและบากะอินุคิดจะกลับไปฝึกในห้องฝึกเพียงคนเดียวต่อ แต่ว่ายังไม่ทันจะได้เริ่มฝึกตามที่ตั้งใจ เสียงประกาศเรียกรวมก็ดังขึ้น ซีโรเซียและคนอื่น ๆ ที่เดิมกำลังจะกลับห้องพักของแต่ละคนก็เปลี่ยนเส้นทางไปที่ห้องบรรยายทันที
ในห้องนั้นมีผู้ถูกเลือกจากทีมอื่น ๆ มารออยู่ก่อนเเล้ว ทำให้บีตาทีมมาถึงเป็นทีมสุดท้ายเพราะง่วนอยู่กับการฝึก พวกเขากระจายตัวนั่งลงตรงเก้าอี้ที่ว่างอยู่ แมดเดอลีนพยักหน้าให้เมื่อเห็นว่ามากันจนครบแล้ว
บากะอินุหอบพร้อมกับกระดิกหางเมื่อมันได้มีส่วนร่วมเข้ามาในห้องนี้ด้วย กิลเลนลูบหัวมันและส่งสัญญาณให้เจ้าหมาโง่นั่งนิ่ง ๆ เพื่อจะได้ฟังการบรรยายของเธอต่อ
“ที่เรียกมาไม่มีภารกิจอะไรด่วนหรอก” แมดเดอลีนกล่าว กิลเลนลอบเห็นบางคนถอนหายใจอย่างโล่งอก อาจจะเป็นเพราะเพิ่งเหนื่อยล้าจากการฝึกและภารกิจล่าสุดมา ทุกคนจึงยังไม่อยากทำภารกิจอะไรในตอนนี้ “ฉันอยากจะคุยเรื่องการปลดล็อกพลังขั้นที่สอง”
หน้าจอด้านหลังเธอเรืองแสงขึ้นมา เผยภาพประกอบการบรรยายที่จะทำให้บางคนเข้าใจมากขึ้น เพราะจากที่รายงานแมดเดอลีนก็รู้อยู่แล้วว่ามีบางคนสามารถปลดล็อกพลังขั้นที่สองได้แล้ว
“ดูคลิปนี้จบพวกนายจะเข้าใจเองว่าทำไมเราถึงต้องใช้พลังนี้ในการต่อกรกับแวนเดียร์” คำพูดของแมดเดอลีนทำให้กิลเลนที่เครียดอยู่แล้วยิ่งกดดันยิ่งกว่าเดิม