ตอนที่แล้วตอนที่ 19 ไปด้วยกันเถอะ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 21 ประมุขเสวี่ย

ตอนที่ 20 พัฒนาการ


ตอนที่ 20 พัฒนาการ

 

พลังความเย็นพุ่งตัวไปด้านหน้า ทำให้น้ำในแม่น้ำค่อยๆ จับตัวกันกลายเป็นธารน้ำแข็งอย่างรวดเร็ว แช่แข็งทุกสิ่งทุกอย่างที่มันเคลื่อนตัวผ่านรวมถึงสาหร่ายหัวผีจำนวนมาก พวกมันแข็งค้างเป็นก้อนสาหร่ายแช่แข็ง ยิ่งเปียกน้ำมากเท่าไรน้ำแข็งก็ยิ่งเกาะได้ไวมากเท่านั้น

แว่วยินเสียงลั่นเปรี๊ยะคล้ายบางอย่างกำลังแตกออกและสุดท้ายสาหร่ายหัวผีที่ถูกแช่ก็ระเบิดกลายเป็นซากจมลงสู่เบื้องล่างอย่างรวดเร็ว!

เมื่อทุกสิ่งจบลง ความเงียบงันก็เข้ามาแทนที่ ความตกใจกับสิ่งที่เห็นทำให้คนที่มองอยู่พูดไม่ออกแต่ก็ประทับใจเป็นอย่างมาก

เสวี่ยหงเยว่เหลียวมองไปยังด้านหลัง หาต้นสายของพลังนั้นก็เจอกับเหอไป๋เทียนที่ยืนอยู่บนสะพาน มือกำกระบี่หานหลิ่งเอาไว้ เด็กชายมองไปยังกระบี่ของตนเองที สลับกับสาหร่ายก้อนแช่แข็งที ดวงตาสีทองฉายแววความตกใจไม่อยากเชื่อว่านั่นคือสิ่งที่ตัวเองเพิ่งกระทำลงไป

โอเค..

ไม่จำเป็นต้องห่วงว่าจะแย่งซีนเด็กมันแล้ว....ให้ตายเถอะ! มีอย่างที่ไหน ปล่อยพลังเองตกใจเอง เห้! ถ้าพี่ยังตกใจ ผมเองก็ตกใจไม่แพ้พี่เหมือนกันนั่นแหละครับ!!!

เมื่อสบสายตากับเสวี่ยหงเยว่ เด็กชายก็เม้มปากเสียแน่น

เพราะความหงุดหงิดที่สาหร่ายพวกนั้นทำให้เขาอดเดินเล่นงานเทศกาลแท้ๆ เลยเผลอซัดพลังออกไปแรงขนาดนั้น

เหอไป๋เทียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ความหงุดหงิดแบบนี้ไม่สมเป็นตัวเขาเลยแม้แต่น้อย เด็กชายตั้งสมาธิ มือของเขาก็กำกระบี่แน่นเข้ามา สายตาเตรียมพร้อมเข้าสู่การต่อสู้ แล้วตะโกนออกมาใส่ชาวบ้านที่ยังมายืนมุงดูพวกเขา

“หลบไปยังที่ปลอดภัย!!”

พูดจบเหอไป๋เทียนโดดลงมาจากสะพาน วิ่งอย่างรวดเร็วไปบนทางเดินน้ำแข็งที่ตนสร้าง ฟาดฟันต่อสู่กับเส้นสายที่ดำที่พุ่งเข้ามาทำร้ายตน มันไวมากก็จริงแต่ช้ากว่าเหมินจิ้นเค่ออยู่มากนัก การฝึกต่อสู้กับคนที่มีชั้นเชิงมาตลอดมันทำให้มาตารฐานความไวของเขาสูงมาก

เพราะฉะนั้นความไวระดับเส้นสาหร่ายนี้เพียงแค่กวัดไกวกระบี่ใส่ก็จัดการได้ง่ายดายแล้ว

เด็กชายวาดกระบี่ไปพลางหมุนตัวหลบไปพลาง หยิบยันต์ออกจากอกเสื้อปาไปด้านหน้า ร่ายคาถา เส้นสาหร่ายที่เข้ามาทำร้ายตนก็ไหม้เป็นจุล

เหอไป๋เทียนพ่นลมหายใจออกมา พักเหนื่อยชั่วประเดี๋ยวแล้วหันไปต่อสู้ต่อ เขาสังหารสาหร่ายหัวผีจำนวนนับไม่ถ้วนด้วยกระบวนท่าและการร่ายกระบี่ที่ฝึกฝนมาเป็นอย่างดี ทั้งวิชาของสกุลตัวเอง ทั้งวิชาที่เสวี่ยหงเยว่ละเหมินจิ้นเค่อสอน ทุกอย่างสอดประสานกลายเป็นท่วงท่าต่อสู้ที่งดงาม

แต่เท่านั้นยังไม่พอ เขายังใช้พลังของหานหลิ่นในการแช่แข็งระเบิดสาหร่ายหัวผีจำนวนมากในควรเดียวอีกครั้ง

ทว่ายิ่งใช้พลักของหานหลิ่งมากเท่าใดมือของก็ยิ่งเขาสั่นไม่หยุดมากเท่านั้น ความรู้สึกเจ็บปวดราวกับมีน้ำแข็งขั้วลบเกาะอยู่ที่ปลายนิ้ว ไล่ลามจนชามาทั้งแขน แค่ยืมพลังมาใช้สองสามทีก็แทบเต็มกลืนความสามารถ การที่ยังไม่ถูกยอมรับเป็นนายทำให้หานหลิ่งเริ่มวกกลับมาทำร้ายผู้ใช้แล้ว แต่กระนั้นเหอไป๋เทียนก็ยังฝืนตัวเองกัดฟันเดินหน้าให้พลังของหานหลิ่งต่อสู้กับสาหร่ายหัวผีเหล่านั้นต่อไป

ที่เขาก็ยังทนใช้มันต่อ ไม่ใช่ว่าเพราะดื้อด้าน ไม่ใช่ว่าเพราะไม่มีอะไรจะใช้ แต่ถ้าไม่เริ่มหัดใช้หานหลิ่งสู้ตอนนี้เขาก็ไม่รู้จะเริ่มหัดตอนไหน เหอไป๋เทียนอยากต่อสู้ไปร่วมกับมัน อยากทำความคุ้นเคยกับพลังนี้ เพื่อในสักวันข้างหน้ามันจะยอมรับตัวเขาเป็นนายอย่างเต็มตัวเสียที

เพื่อปกป้องตัวเอง

เพื่อปกป้องคนอื่น

เพื่อกำจัดสิ่งบุกรุก

และเพื่อ...

เหอไป๋เทียนใช้จังหวะเสียงเสี้ยววินาทีละความสนใจจากสาหร่ายหัวผีเพื่อมองไปยังอีกฝากที่เสวี่ยหงเยว่กำลังต่อสู้อยู่ สีหน้าและแววตามีประกายมุ่งมั่นขึ้นมา

 

เทพทรู...

นั่นคือสิ่งที่เสวี่ยหงเยว่คิดออกมาเป็นอย่างแรกตอนที่เห็นเหอไปเทียนรับมือกับสาหร่ายหัวผีในฝั่งของตัวเอง แล้วพบว่าเด็กคนนั้นเก่งขึ้นมากกว่าที่เจอเมื่อเดือนก่อนอย่างจมหู

ตลอดระยะเวลาเดือนกว่าที่ฝึกฝนให้นั้นฝีมือของเหอไป๋เทียนพัฒนาขึ้นได้ไวราวกับก้าวกระโดด อาจจะเป็นเพราะอีกฝ่ายเป็นคนมีความพยายามตั้งใจ สอนอะไรไปก็จะรับฟัง สั่งอะไรไปก็จะทำ พอทำได้ดีก็ยังไม่หยุดฝึกฝน อีกทั้งฝีมือตั้งต้นย่อมไม่ขี้ริ้วขี้เหร่อะไรเพราะมีพื้นฐานวิชาของสกุลเหอติดตัวมาอยู่แล้วด้วย

แต่ที่สำคัญที่สุดถึงที่สุดชนิด ปัจจัยความขยันทั้งทั้งหมดลามไปจนปัจจัยปมหลังจะต้องแพ้ไป...

นั่นก็คือชนชั้นพระเอกน่ะนะลูกรักคนแต่ง! ติดสกิลเทพแต่กำเนิด ฝึกนิดๆ หน่อย ๆ ก็เก่งแล้วเถอะ!!

พอคิดถึงเรื่องความต่างของระดับชนชั้นตัวละครแล้วก็รู้สึกเหมือนลูกหมัดลูกถีบจะทวีกำลังมากกว่า เสวี่ยหงเยว่ฟาดกระบี่ไปทีหนึ่ง ต่อยเตะไปอีกหลายที เหลียวมองเหอไป๋เทียนบ้าง แล้วก็ยิ่งต่อยแรงขึ้นไปอีกด้วยความหมั่นไส้และน้อยใจในโชคชะตาของตัวเอง

เสวี่ยหงเยว่ถอนหายใจ จัดการก้อนสาหร่ายพวกนั้นไปก็หลายตัวแล้ว ทั้งเผา ทั้งฟัน ทั้งแช่แข็ง ป่นลงไปเป็นอาหารปลาในน้ำหรือก็มาก แต่มันก็ยังลอยขึ้นมาไม่รู้จักจบสิ้น คนมุงหรือก็รีบหลบไปยังที่ปลอดภัยกันหมดแล้ว ตอนนี้เขาพอเข้าใจแล้วว่าพวกมันเหมือนพยายามจะขึ้นมาบนบกเพื่ออะไรสักอย่าง มากกว่าการมาล่าหัวมนุษย์เป็นอาหาร

ดวงตาสีแดงเลือดหันมองไปรอบๆ อย่างใคร่สงสัย แต่แล้วก็ไปสะดุดตาเข้ากับบางสิ่ง

ไม่ใช่เหอไป๋เทียนที่กำลังต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตาย ไม่ใช่สาหร่ายที่กำลังโดนแช่แข็งกองเท่าภูเขา แต่เพราะตรงนั้น ข้างหลังในมุมอับกำลังมีเส้นสาหร่ายกำลังตั้งท่าพุงเข้าโจมตีเด็กชายอยู่ต่างหาก!

ด้วยระยะทางตอนนี้เขาวิ่งไปช่วยไม่ทันแน่ เลยได้แต่ตะโกนร้องออกไป

“ไป๋เทียน!!!”

เด็กชายสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อ เขาเหลียวไปมองด้านหลังนั้นทันที รับรู้ด้วยสัญชาติญาณว่ากำลังมีอันตรายคืบคลานมาถึงตัว แต่ก็ช้าไป! มันกำลังเข้าใกล้มาแล้ว จะก้าวหลบหรือจะวาดดาบฟันก็อยู่ในระยะที่ไม่ทันการณ์สักอย่างแล้ว

แต่--!!

มีดสั้นสีเงินสลักลายพุ่งตรงเข้าไปปักยังกลางตัวของก้อนสาหร่ายหัวผีก้อนนั้น มันส่งเสียงหวีดร้องด้วยความเจ็บปวด ดีดดิ้นอย่างทรมาณและชักเกร็ง พลังชีวิตทั้งหมดของมันถูกสูบเข้าไปในอัญมณีบนตัวมีดสั้นเล่มนั้นอย่างรวดเร็ว ใบเริ่มเหี่ยวเฉา สีคล้ำลงเรื่อยๆ และแตกสลายกลายเป็นผง

วิชาดูดกลืนพลังชีวิต...

หรือว่า!?

มีดเล่มนั้นสั่นเล็กน้อยก่อนจะลอยกลับไปหาเจ้าของ เสวี่ยหงเยว่รีบหันไปยังต้นทิศทันที ดวงตาสีแดงสบกับดวงตาอันนิ่งสงบสีดำขลับของเจ้าของมีดที่กำลังมองมาพอดี ความตกใจผสมโล่งใจในยามที่เห็นชายชุดดำคนหนึ่งยืนอยู่บนสะพานนั้นปรากฏบนใบหน้าของเขาทันที

ตัวช่วยสุดเทพปรากฏกายอย่างอลังกาลถ้าไม่ติดว่าอยูในสถาณะการณ์เสี่ยงตายแบบนี้น้ำตาเขาคงจะไหลพรากไปแล้ว

“อาจารย์หลาน?”

เสวี่ยหงเยว่เอ่ยเรียก ซึ่งทำให้เหอไป๋เทียนรีบเงยมองตามทันที ความตกใจผสานกับความงุ่นงงปรากฏบนใบหน้าของเด็กชายเพราะชื่อนั้น มันช่างคุ้นหูของเขานัก

อาจารย์หลาน...หลานซิ่นหลิง...?

“ท่านควรสอนทักษะการรับรู้ถึงภัยให้ศิษย์ของท่านเสียบ้าง” เสียงนิ่งนั่นยังคงดุ แต่กระนั้นก็พอจับเค้าได้ว่าที่ดุก็เพื่อให้สำนึกถึงสิ่งที่ตนทำพลาด หลานซิ่นหลิงกระดิกนิ้วของตนเบาๆ ก่อนที่มีดสั้นเล่มนั้นจะลอยวนไปมาบนฝ่ามือของผู้เป็นเจ้านาย

ไอพลังมืดสีดำแกมเขียวที่เพิ่งดูดจากสาหร่ายหัวผีเมื่อครู่ถูกถ่ายออกมาจากมีดสั้นลอยวนอยู่ในมือของหลานซิ่นหลิง และเพียงแค่เขาสะบัดมือออกไป คลื่นพลังมวลใหญ่ก็ซัดตู้มเข้าหาทัพผู้รุกรานนั้น สร้างการระเบิดที่รุนแรงและจัดการสาหร่ายหัวผีจำนวนมากในทีเดียว

ตื่นตาตื่นใจ อลังกาลงานสร้าง ทีเดียวรวดเดียวจบสมกับที่เป็นดังบุคคลในตำนาน

หลานซิ่นหลิงโดดลงมาจากสะพานสู่ธารน้ำแข็งเบื้องล่าง ด้วยทีท่านุ่มนวลและสง่างามชวนมองนัก ดวงตาสีดำกวาดมองไปโดยรอบเพื่อประเมินถึงสถานการณ์การที่เกิดขึ้นอยู่ในตอนนี้ ลมหายใจเบาบางพ่นออกมาจากริมฝีปากเมื่อยังเห็นสาหร่ายหัวผีเริ่มผุดขึ้นมากบนบกอีกครั้งซ้ำยังจำนวนมากมายไม่รู้จักจบสิ้น

แต่แล้วเขาก็ชะงัก ดวงตาสีดำขลับรีบหันไปมองทางเสวี่ยหงเยว่ทันที

เสี้ยววินาทีหนึ่งที่เสวี่ยหงเยว่สบตากับหลานซิ่นหลิงก็รู้ถึงอะไรบางอย่าง เขาเข้าใจได้ทันทีว่ามันต้องมีอะไรที่ไม่ชอบมาพากลจนถึงขั้นอันตรายกำลังจะเกิดขึ้น

ทันทีที่หลานซิ่นหลิงพยักหน้าให้เสวี่ยหงเยว่หันไปมองตาม ดวงตาสีแดงก็ถึงกับเบิกตากว้าง เขาเห็นสาหร่ายหัวผีจำนวนมากกำลังแหวกว่ายไปยังทิศหนึ่่งซึ่งเป็นสถานที่มีผู้คนหนาแน่น...และยังเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างเสวี่ยและสถานที่อื่นๆ

เจ้าสาหร่ายหัวผีพวกนั้นกำลังจะบุกขึ้นที่ท่าเรือ!

ในตอนแรกเขาคิดจะท่องกระบี่ใช้วิชาเหาะเหินบินตรงไปทางนั้น แต่เสวี่ยหงเยว่ก็เป็นห่วงเหอไป๋เทียน อีกทั้งไม่รู้ว่าจะมีสาหร่ายหัวผีโผล่ขึ้นมาที่แม่น้ำส่วนที่พวกเขายืนอยู่อีกหรือไม่ เพราะต่อให้เมื่อครู่หลานซิ่นหลิงระเบิดจนเละไม่เป็นซากไปทั้งฝูงแล้วก็จริง แต่เขายังเห็นฟองอากาศปุดๆ คล้ายสัตว์หายใจเตรียมลอยขึ้นมาบนผิวน้ำอยู่เลย

และก็เป็นดังว่า สาหร่ายหัวผีกลุ่มใหม่เริ่มผุดขึ้นมาจากน้ำอีกครั้งแล้ว เหอไป๋เทียนตั้งท่าร่ายกระบี่เตรียมการตั้งรับกับศัตรู โดยมีหลานซิ่นหลิงเปิดฉากซัดพลังทำลายสาหร่ายที่หลุดรอดออกมาได้ทันทีด้วยความรวดเร็ว

เมื่อเห็นดังนั้น เหอไป๋เทียนก็รีบหันไปหาเสวี่ยหงเยว่ทันที

“หงเกอรีบไปเถิดขอรับ...น้องดูแลตัวเองได้” เด็กชายมองอีกฝ่าย ไม่ใช่ไม่ห่วง ไม่ใช่ไม่กลัวว่าเสวี่ยหงเยว่มีอันตราย แต่ทางนี้ยังมีหลานซิ่นหลิงคอยดูอยู่ แต่อีกทางนั้นไม่มีใครประครองสถานการณ์ เขาต้องห่วงความปลอดภัยส่วนรวมมากกว่าความกังวลของตัวเอง

เหอไป๋เทียนยิ้มให้บางๆ มองอีกฝ่ายด้วยสายตาเชื่อมั่น

“น้องเชื่อใจในตัวพี่นะ เพราะหงเกอต้องไม่เป็นอะไรอยู่แล้--!!” ยังพูดไม่ทันจบ สาหร่ายหนึ่งเส้นก็พุ่งเข้ามาโจมตีใส่ เหอไป๋เทียนใช้หานหลิ่งปัดออกหันไปซัดพลังใส่มันทันทีอย่างรวดเร็วและรุนแรง...รุนแรงมากเสียจนเสวี่ยหงเยว่ไม่แน่ใจนักว่าเมื่อครู่นี้เขาเห็นอะไรแปลกๆ...

เขารู้สึกเหมือนเห็นเหอไป๋เทียนมืดครึ่งหน้าและแสดงความหงุดหงิดออกมา...

แต่เขาคงคิดไปเองเพราะทุกอย่างมันไวมากก็ได้

“แล้วข้าจะรีบกลับมา!” เขาพูดพยักหน้าให้หลานซิ่นหลิงและเหอไปเทียนแล้วรีบออกผละจากตรงนั้น เพื่อตรงไปยังท่าเรือทันที

 

เสวี่ยหงเยว่ให้เหอไป๋เทียนอยู่กับหลานซิ่นหลิงเพื่อให้รับมือกับตรงนั้นส่วนตัวเองก็รีบท่องกระบี่ตรงไปขัดขวางการบุกท่าเรืออย่างรวดเร็ว

ดวงตาสีแดงประเมินสถาณการณ์จากระยะไกล เห็นการริ้วไหวของน้ำ คาดคะเนในใจถึงจำนวนของพวกมันแล้ว แบมือออกไปด้านหน้า วาดอักขระบางอย่างในอากาศ สร้างอาณาเขตป้องกันเส้นทางเอาไว้ ไม่ให้พวกสาหร่ายหัวผีทะลุผ่านไปยังเส้นท่าเรือ

น่าจะรั้งเอาไว้ได้ชั่วคราว...เสวี่ยหงเยว่คิดเช่นนั้น

เขาโดดลงใส่ตัวสาหร่ายหนึ่งตัว ปายันต์เพลิงใส่อีกตัว เผาพวกมันให้เกรียมแม้ว่ามันจะยังไม่ผุดหัวขึ้นมาก็ตาม เสวี่ยหงเยว่ปักกระบี่กลางแสกกลางเจ้าสาหร่าย โดดออกจะตัวหนึ่งไปสู่อีกตัวหนึ่งมันต่างทุ่นเหยียบเพื่อให้ประครองตัวในน้ำได้

มองจำนวนที่โผล่มาไม่หวาดไม่ไหวแล้วได้แต่เหนื่อยใจ พวกมันแทบจะย้อมแม่น้ำใสๆ ให้กลายเป็นสีเขียวแกมดำ

สาหร่ายหัวผีนั้นไม่ใช่ปิศาจที่หายาก วัดจากสถิติคำร้องเรียนที่ถูกส่งมาให้ศิษย์สำนักเสวี่ยไปช่วยเหลือ ก็พบว่ามันมักโผล่มาสร้างความวุ่นวายให้กับเมืองเนื่องๆ ดึงหัวหมาหัวแมวลงน้ำสักตัวสองตัว นึกอยากจะขึ้นจากน้ำก็ขึ้นมา ก่อเรื่องเรี่ยราดไม่ต่างจากตัวเงินตัวทอง

แต่การที่มีจำนวนมากแถมดุร้ายกินหัวคนเยอะขนาดนี้เพิ่งเคยเห็น

เซนส์ของเขามันบอกว่าสาหร่ายหัวผีพวกนั้นถูกอะไรบางอย่างเรียกให้ขึ้นมา

แต่จะเป็นอะไรแล้วใครเรียกมันได้กันเล่า ในเมื่อคนที่ควรจะเดินเรื่องก่อความวุ่นวายตอนนี้...คนที่ควรจะทำแผนชั่วประจำเรื่องนี้คือตัวร้าย

ตัวร้ายคนนั้นก็คือเขา

และเขาตอนนี้นั้น...

...

แม่งไม่รู้เรื่องห่Oอะไรเลย! เวรเอ้ยยย!

บทก็มั่ว รู้เรื่องไหม...ก็ไม่ นิยายบ้าอะไรวะสะเปะสะปะฉิบหาย บทที่ตัวร้ายควรรู้ก็ไม่รู้อะไรสักอย่าง บทที่ดันไม่ควรรู้ก็ดันดึงตูเข้าไปเกี่ยวข้อง ดีแล้วที่ไม่ใช่นิยายที่เคยอ่าน ถ้าเคยอ่านพ่อจะเผาทิ้งให้ แล้วคอมเมนท์ด่าในเพจนักเขียนยันเพจสำนักพิมพ์เลย! แม่งหัวร้อนโว้ยยยย!!

“เออ จะอะไรก็เข้ามาเลย! พ่อจะเผาไม่ให้เป็นซากแม่งให้หมดเนี่ยแหละ!” เขาเสยผมของตัวเองขึ้นมา ดวงตาแข็งกร้าวขึ้นจนน่ากลัว หงุดหงิดกับเนื้อเรื่องจนไม่เก็กขรึมมันแล้ว ยังไงตรงนี้จะหมูจะหมา จะคนมันก็ไม่มี เสวี่ยหงเยว่กำกระบี่แน่นชี้ไปข้างหน้า รู้สึกเหมือนเส้นเลือดข้างขมับเดือดปุดๆ แทบระเบิด เขาเริ่มออกแรงต่อย ออกแรงถีบและฆ่าเจ้าสาหร่ายพวกนั้นอย่างคนหัวร้อน

ยิ่งโมโหก็รู้สึกเหมือนพลังการทำลายพุ่งขึ้นสูง ไม่ทันไร เขาก็เผาก้อนสาหร่ายหัวผีแทบราบเป็นหน้ากลอง การออกแรงมันทำให้เขาได้ระบายอารมณ์ได้ดีอย่างน่าเหลือเชื่อ ซ้ำยังทำให้การทำงานเร็วขึ้นอีกต่างหาก!

ถึงจะปราบไปแล้วชุดหนึ่งแต่เดี๋ยวสาหร่ายหัวผีอีกชุดก็จะตามมา ต่อให้ขุดพลังโมโหมาใช้มากสักแค่ไหน แต่เขายังไม่สำเร็จวิชาขั้นสูงแบบหลานซิ่นหลิง อึดกว่าคนปกติมากแค่ไหนแต่แรงคนก็คือแรงคน เสวี่ยหงเยว่เริ่มจะรู้สึกเหนื่อยขึ้นมาแล้ว

เสียงถอนหายใจดังออกมาเบาๆ เขาใช้วิชาตัวเบาเพื่อยืนเหนือน้ำ สอดสายตาระวังพร้อมรับมือหากมีสาหร่ายหัวผีชุดใหม่โผล่ไปพลาง เหลียวหลังไปพลาง ทอดสายมายังตรงจุดลานกลางเมืองที่ตนเพิ่งจากมา ในใจเป็นห่วงเหอไป๋เทียนและหลานซิ่นหลิง

....ห่วง...กลัวว่าหลานซิ่นหลิงจะไปซัดพลังพังเมืองเขาน่ะนะ

แต่ในระหว่างที่เขากำลังนึกห่วงคนทางไกลอยู่นั้น อยู่ ๆ เขาก็รู้สึกวูบ พลังตัวเบาของเขาใช้การไม่ได้กะทันหัน...ไม่สิ! เขากำลังถูกพลังดึงดูดลงไปด้านล่างต่างหาก!

ร่างของเขาจมลงไป พลังอะไรบางอย่างนั้นดึงดูดให้เขาลงไปในน้ำอย่างรวดเร็ว น้ำทะลักเข้ามายังจมูกปากจนแทบสำลัก ดวงตาพร่าเบลอไม่อาจมองเห็นชัดแจ้งได้ในน้ำ คลับคล้ายจะเห็นดวงตากลมโตสีแดงเถือกเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอยโผล่พ้นจากกอสาหร่ายยักษ์ มันจ้องเขาอย่างกระหายหิว

ม่านสาหร่ายสีเขียวแกมดำโอบล้อม พันร่างของเขาเอาไว้ เสวี่ยหงเยว่มั่นใจได้แล้วว่าสิ่งที่ใช้พลังดึงตนให้จมอยู่ในตอนนี้ คงเป็นหัวหน้าของสาหร่ายหัวผีพวกนี้

เสวี่ยหงเยว่พยายามปัดป่ายมือใช้กระบี่ฟัน หากแต่การต่อสู้ในน้ำนั้นก็เป็นเรื่องยาก เขาไม่ได้มีหญ้าศวาสะมัจฉาติดกาย ในตอนนี้เขาเป็นเพียงแค่มนุษย์ที่ไม่อาจจะหายใจในน้ำได้

อากาศเริ่มหมด เขาเริ่มหายใจไม่ได้ อึดอัด ทรมาน สิ่งที่ตามองในน้ำมันชัดเจนอะไรเลยสักอย่าง ที่รับรู้ตอนนี้คือเขารู้สึกเหมือนกำลังถูกเส้นสาหร่ายพันตรึงร่างเอาไว้

หากเขาตายก่อนโดนเหอไป๋เทียนฆ่ามันจะผิดกฎร้ายแรงแน่ๆ

...แต่...สิ่งที่แว้บเข้ามาในหัวไวกว่ากลัวผิดกฏก็คือ..

ยังไม่อยากตาย...ตายเพราะโดนสาหร่ายพันแบบนี้...อนาถเกินไป

ในสภาวะสุดท้ายที่สติจะหลุดเขารับรู้ถึงความอบอุ่นบางอย่างเข้ามาประสานมือของตนเอาไว้ เสวี่ยหงเยว่ค่อยๆ ปรือตาขึ้นมองสิ่งที่เกิดขึ้นเบื้องหน้า แม้จะเป็นภาพน้ำที่พร่ามัวแค่ไหนก็ตาม

เส้นผมสีดำขลับยาวสวยในทรงตัดตรงรับใบหน้ากลม และดวงตาคู่โตสีน้ำตาลอ่อน เบื้องหน้าของเขาปรากฏภาพอันไม่ชัดเจนของหญิงสาววัยไม่เกินยี่สิบห้าปีในชุดที่...เขามั่นใจได้เลยว่านั่นเป็นชุดเดรสสีชมพูติดระบายแบบที่สาวออฟฟิศชอบใส่กัน

เขาได้ยินเสียงดังก้องในหัว ทั้งที่ไม่ควรได้ยินเสียงใดๆ ในน้ำ

“อย่าลืมความสามารถที่มีสิคะ...”

ริมฝีปากนั้นก็พึมพำบอกอะไรบางอย่างที่ทำให้เสวี่ยหงเยว่เบิกตากว้างขึ้นมา

ความร้อนบางอย่างมันแผดเผาอกตัวเอง เขาดิ้นพล่านในน้ำ ความทรมานจากกระแสพลังในกายมันปั่นป่วนจนทำให้เขาหลุดออกมาจากการรัดตรึงจากสาหร่ายหัวผี เส้นผมสีดำที่แผ่กระจายในน้ำค่อยๆ เลือนไป แปรเปลี่ยนกลับไปเป้นสีขาวเงินดังเดิม

มือจิกเกร็ง กัดปากกลั้นความทรมาน ร้อน...ร้อนราวกับอกจะถูกเผา ความมืดมิดค่อยๆ แผ่แทรกซึมมาในร่าง

ความรู้สึกแบบนี้มัน--!!

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด