ตอนที่ 18 พิธีเลือกราชินี
ตอนที่ 18 พิธีเลือกราชินี
รถม้าสีทองของเสนาบดีคลังวิกเชอร์และรถม้าสลักลายกุหลาบและลิลลี่ของท่านหญิงลินเดียร์มาถึงหน้าประตูวังแห่งโกลด์เรนเดียร์ในยามพลบค่ำ ส่วนโชก้าไม่ได้มาด้วยเพราะไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง โชก้าเลือกที่จะขายของบริเวณใกล้เคียงพระราชวังเพราะมีผู้คนคับคั่ง
เซน่าเห็นพระราชวังโกลด์เรนเดียร์เป็นปราสาทสีทองที่โอ่อ่าและงดงามยิ่ง บริเวณปราสาทมีหอคอยสูงอยู่ทั้งสองฝั่งเป็นที่อยู่ของราชาฟินเดลและพระพี่นางฟินโอร่า
ก่อนเข้าสู่ตัววังมีบันไดยาวหลายสิบขั้น ข้างบันไดทั้งสองด้านประดับไปด้วยคบไฟสีทองแกะสลักเป็นรูปนกฟินิกส์กางปีก เป็นความยิ่งใหญ่ที่เซน่าไม่เคยเห็นมาก่อน
ตอนนี้บริเวณบันไดทางขึ้นสู่พระราชวังมีผู้คนคับคั่ง มีทั้งขุนนางชั้นผู้ใหญ่ เจ้าเมืองต่าง ๆ หรือแม้แต่เจ้าหญิงจากอาณาจักรอื่น แต่ที่งดงามที่สุดคงไม่พ้นการแต่งกายของสตรีชนชั้นสูง ทั้งหมดต่างใส่ชุดกระโปรงยาวสีสันต่างกัน มีทั้งสตรีผมทอง ผมดำ ผมน้ำตาล บางคนถือพัด สตรีทั้งหมดต่างประชันความงาม สตรีบางนางพูดจาชมเชยความงามของฝ่ายตรงข้าม แต่ก็บอกว่าเสื้อผ้าตนทำมาจากเนื้อผ้าชั้นดีกว่าเพื่อข่มอีกฝ่าย
พิธีเลือกราชินียังไม่ทันเริ่ม เหล่าสตรีก็ทำสงครามเล็ก ๆ กันก่อนแล้ว
ตลอดชีวิตของเซน่าไม่เคยเห็นสตรีมารวมตัวมากมายเช่นนี้มาก่อน แต่เซน่าเห็นสตรีเหล่านี้บ้างหัวเราะคิกคัก บ้างพูดคุยมักเอาพัดปิดปากแสดงมารยาท เซน่ารู้สึกรำคาญไม่น้อยกับกิริยาเหล่านี้
เมื่อถึงหน้าประตูวังชั้นใน เห็นรูปปั้นทหารหลายสิบตัวขนาดเท่าคนจริงตัวสวมใส่เกราะสีทองยืนเรียงรายมีความน่าเกรงขามยิ่ง ประตูวังชั้นในเต็มไปด้วยทหารเกราะทองถือดาบและโล่หลายร้อยคนยืนเรียงราย เซน่ามองดูก็ทราบว่าคนเหล่านี้มีความเข้มแข็งมากกว่าทหารเกราะเงินด้านนอกปราสาทแต่อาจไม่เท่าหน่วยแบล็คเคิซของเพธอส
“เจ้าเข้าไปไมได้” ทหารเกราะทองนายหนึ่งกล่าวกับเซน่า เมื่อนางมาถึงหน้าประตูในส่วนของงานพิธี
ลินเดียร์หันไปกล่าวกับเซน่าว่า “เจ้ารออยู่บริเวณนี้ก่อน หากจบพิธีแล้ว เราค่อยพบกันที่นี่”
เซน่าพยักหน้า เห็นวิกเชอร์ยื่นบัตรเชิญสีทองให้นายทหารหน้าประตู ทหารหน้าประตูจึงอนุญาตให้วิกเชอร์และท่านหญิงลินเดียร์เข้าไปได้
เซน่าเห็นว่าเป็นโอกาสของนางพอดี เซน่าไม่ต้องการเข้าพิธีเลือกคู่อันไร้สาระอยู่แล้ว ที่นางต้องการคือสืบเรื่องของหยดน้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งลอเลียน
เซน่าจดจำคำพูดจอมเวทจันทราได้ หากจะเริ่มสืบค้นเรื่องหยดน้ำศักดิ์สิทธิ์ให้เริ่มที่วิหารแห่งเมธีอาร์ วิหารศักดิ์สิทธิ์ซึ่งอยู่ในพระราชวังแห่งนี้
เซน่าเดินไปหาทหารเกราะทองนายหนึ่งถามว่า “ไม่ทราบวิหารแห่งเมธีอาร์อยู่ที่ใด”
ทหารเกราะทองเห็นสตรีงามถือดาบสีเงินก็อดแปลกใจไม่ได้จึงถามว่า “เจ้าเป็นใคร?”
เซน่ากล่าวว่า “ข้าเป็นผู้คุ้มกันให้ท่านหญิงลินเดียร์ลูกสาวของเสนาบดีคลังวิกเชอร์ ข้าศรัทธาในพระเจ้าและเคยได้ยินความสง่างามของวิหารแห่งเมธีอาร์ ข้าต้องการไปเยือนวิหารศักดิ์สิทธิ์เพื่อขอพรสักครั้ง”
ทหารเกราะทองเห็นว่าส่วนของวิหารศักดิ์สิทธิ์ไม่เกี่ยวข้องกับส่วนที่ประทับของกษัตริย์ฟินเดลและพระพี่นางฟินโอร่า จึงกล่าวว่า “เจ้าไปทางตะวันออกจะพบเห็นวิหารสูงใหญ่ หน้าวิหารจะมีรูปปั้นท่านเมธีอาร์ขนาดใหญ่อยู่ แต่ที่นี่เป็นเขตพระราชฐาน เจ้าไม่อาจเดินเพ่นพ่านวุ่นวาย หากเกิดอะไรขึ้นอย่าหาว่าข้าไม่เตือน”
เซน่าเดินไปทางตะวันออกตามที่ทหารเกราะทองแนะนำ ยังไม่ทันจะถึงวิหารศักดิ์สิทธิ์พลันเห็นชายผู้หนึ่งสวมชุดสีกรมขลิบขาวถือหนังสือปกสีแดงเล่มหนึ่งเดินมาพร้อมกับเด็ก ๆ กลุ่มหนึ่ง เด็กเหล่านั้นมีทั้งชายและหญิงอายุไม่น่าเกินสิบปี
เซน่าเห็นชายผู้นี้รูปร่างสูงใหญ่กว่าชายทั่วไปมาก เขามีใบหน้ากลม ผมสีน้ำตาล นัยน์ตาสีเขียว ที่คอห้อยเหรียญทรงกลมสีทองแดงขนาดเท่ากำปั้น กลางเหรียญมีแร่สีฟ้าแกะสลักเป็นรูปหยดน้ำ
ที่เซน่าสนใจคือเหรียญทองแดงของชายผู้นี้
ชายชุดสีกรมกล่าวว่า
“วันนี้พวกเจ้าอย่าได้ซุกซน ในวังมีงานพิธีใหญ่ มีผู้สูงศักดิ์มารวมกันมากมาย หากจะเล่นก็ให้วิ่งเล่นอยู่บริเวณนี้”
“คุณพ่อเจฟ ข้าอยากไปดูได้ไหม?” เด็กชายผู้หนึ่งกล่าว
ชายชุดสีกรมที่ชื่อเจฟยิ้มอย่างมีเมตตากล่าวว่า
“ไม่ได้ หากพวกเจ้าวิ่งซน ทำข้าวของเขาตกแตกจะถูกดุว่าเอาได้”
เด็กชายทำท่าเบ้ปาก คล้ายไม่ยินยอมพร้อมใจกับคำสั่งของคุณพ่อเจฟ
เจฟเห็นสตรีงดงามปรากฏอยู่ที่เบื้องหน้าจึงถามว่า
“ไม่ทราบท่านคือ?”
เซน่ากล่าวว่า “ข้าชื่อเซน่า ข้าศรัทธาในท่านเมธีอาร์อยากไปเยือนวิหารศักดิ์สิทธิ์สักครั้ง”
เจฟยิ้มและกล่าวว่า “ขอให้พระเจ้าคุ้มครอง วิหารแห่งพระเมธีอาร์อยู่ทางนั้น”
เจฟชี้ไปยังทางด้านหลังของเขา ได้ยินเซน่าถามว่า “เหรียญของท่านแปลกตานัก ไม่ทราบว่าสิ่งนี้คืออะไร?”
เจฟหยิบกล่าวว่า “เป็นสิ่งของศักดิ์สิทธิ์ที่อาจารย์ข้ามอบให้”
เซน่ากล่าวว่า “แร่สีฟ้ากลางเหรียญท่านดูคล้ายรูปหยดน้ำ”
เจฟพยักหน้ากล่าวว่า “เป็นรูปหยดน้ำศักด์สิทธิ์แห่งลอเลียน”
เซน่าตื่นเต้นเล็กน้อย หรือนักบุญคนนี้จะรู้เรื่องหยดน้ำศักดิ์สิทธิ์ ?
ท่านหญิงลินเดียร์เมื่อเข้าไปในงานพิธีก็พบห้องโถงที่เต็มไปด้วยความหรูหราใหญ่โต เห็นเพดานด้านบนประดับไปด้วยสีทอง เขียนลวดลายเหล่าเทวฑูตสวรรค์มีปีก บนเพดานประดับด้วยคริสตัลสีขาวส่องแสงสะท้อนกับพื้นสีทองงดงามอย่างไม่เคยพบเห็น ทั่วบริเวณมีกลิ่นหอมของกุหลาบให้ความรู้สึกสดชื่น
เบื้องหน้าของลินเดียร์มีเก้าอี้สีทองสองตัว เก้าอี้ตรงกลางเป็นเก้าอี้สีทองประดับไปด้วยเพชรเม็ดเล็กล้อมรอบแสดงว่าเป็นของราชาฟินเดล ส่วนเก้าอี้สีทองซึ่งอยู่ด้านซ้ายสลักรูปดอกกุหลาบ
ได้ยินเสียงพลุดังลั่น พลุสีแดงดอกหนึ่งถูกยิงขึ้นฟ้าเป็นสัญญาณเริ่มงานพิธี
เมื่อเสียงพลุเงียบลง ขุนนางสวมชุดขาวอายุสี่สิบปีผู้หนึ่งพลันตะโกนว่า
“กษัตริย์ฟินเดลและพระพี่นางฟินโอร่าเสด็จ”
ขุนนางน้อยใหญ่และเจ้าเมืองจากอาณาจักรต่าง ๆ มากันรวมตัวเบื้องหน้าราชบัลลังก์สีทอง
สักพักได้ยินเสียงแตรเป่าดังกังวาน กษัตริย์ฟินเดลในชุดสีขาวขลิบทองเสด็จมาถึง พระองค์มีใบหน้าหล่อเหลา ผมสีดำผสมน้ำตาลอ่อน ดวงตาสีน้ำตาล คิ้วดำเรียว จมูกโด่งเป็นสัน ผิวขาวสะอาด ท่าท่างองอาจสง่างามประดุจดังเทพบุตรจุติลงมาจากแดนสวรรค์
ถัดจากกษัตริย์ฟินเดล เป็นสตรีนางหนึ่งสวมชุดกระโปรงยาวสีแดงปักลวดลายดอกกุหลาบ นางมีใบหน้าเรียวงาม ดวงตากลมโต ปากนางสีแดงดุจกุหลาบ ผิวพรรณขาวอมชมพู ท่วงท่าการเดินสูงสง่าราวกับเป็นกษัตริย์ นางคือฟินโอร่า ฉายากุหลาบศักดิ์สิทธิ์
ท่านหญิงลินเดียร์ในวัยเยาว์เคยพบและเล่นกับคนทั้งสอง แต่เนื่องจากมารดานางแยกทางกับวิกเชอร์ผู้เป็นบิดา ท่านหญิงลินเดียร์จึงไปอยู่กับมารดาซึ่งเป็นสตรีด้วยกันเพราะเลี้ยงดูกันง่ายกว่า ส่วนวิกเชอร์นานครั้งจะไปเยี่ยมลินเดียร์บ้าง เมื่อในวังมีงานพระราชพิธีเลือกราชินี วิกเชอร์จึงเขียนจดหมายให้ลินเดียร์เข้าเมืองหลวง เขาคิดว่าไม่แน่ลูกสาวแสนสวยของเขาอาจเป็นที่ต้องตาของกษัตริย์หนุ่มฟินเดล
เฟอร์ดินานด์ ราชเลขาธิการแห่งโกลเด้นกราวด์อายุราวสี่สิบปีกล่าวเสียงดังว่า
“กษัตริย์ฟินเดลมีพระบารมีเกริกไกรไปทั่วทั้งแดนเหนือใต้ บัดนี้พระองค์มีพระชนมายุได้สิบแปดพรรษา พระองค์ทรงเล็งเห็นถึงความมั่นคงของราชบัลลังก์และการสืบสันติวงศ์ จึงได้จัดพิธีเลือกราชินีคู่พระทัย หากสตรีนางใดทราบว่ามีความงดงามทั้งใบหน้าและจิตใจ ขอให้มั่นใจว่าสตรีนางนั้นมีคุณสมบัติพร้อมที่จะเป็นราชินีแห่งมหาอาณาจักรโกลเด้นกราวด์”
แขกเหรื่อของราชาฟินเดลต่างร้องทรงพระเจริญกึกก้อง
เสียงพิณอันไพเราะดังขึ้นด้วยทำนองเพลงช้า เฟอร์ดินานด์ถือม้วนกระดาษสีทองแผ่นหนึ่ง ประกาศรายชื่อของเจ้าหญิงและท่านหญิงซึ่งมาร่วมงานไม่หยุด เจ้าหญิงและท่านหญิงเมืองต่าง ๆ ทยอยเรียงแถวเดินเข้ามาถวายพระพรและแนะนำตัว
ฟินเดลยิ้มรับเหล่าสตรีซึ่งทยอยเข้ามาถวายพระพร ต่อให้สตรีใดมีใจเย็นชาดุจน้ำแข็ง เมื่อได้เห็นรอยยิ้มที่อบอุ่นดุจแสงตะวันนี้ หัวใจน้ำแข็งของสตรีนางนั้นก็มีอันต้องละลายในทันที
“ท่านหญิงลินเดียร์บุตรีแห่งวิกเชอร์” เฟอร์ดินานด์ประกาศ
ลินเดียร์สวมชุดขาวปักลายดอกลิลลี่สีขาวเข้าถวายพระพร ฟินเดลเห็นความงดงามของนางจึงถามว่า “เจ้าคือลินเดียร์? เจ้าโตขึ้นมากจนข้าจำเจ้าไม่ได้”
“ใช่เพคะ” ลินเดียร์ตอบพร้อมยิ้มอยางเอียงอาย นางคาดไม่ถึงกษัตริย์หนุ่มจะชวนนางสนทนา เหล่าสตรีสูงศักดิ์และเจ้าหญิงต่างเมืองได้เห็นเช่นนั้นต่างก็พากันอิจฉา
“เจ้าจะให้เกียรติเต้นรำกับข้าสักเพลงไหม?” ฟินเดลถาม
ลินเดียร์คาดไม่ถึงว่าจะได้รับเกียรติเช่นนี้ นางอึ้งไปพักหนึ่งจากนั้นรีบตอบว่า “หม่อมฉันมากกว่าที่ได้รับเกียรติจากพระองค์”
ฟินเดลลุกขึ้นจากราชบัลลังก์ค้อมกายเล็กน้อยเป็นการขอเต้นรำกับลินเดียร์ ทั้งสองต่างเต้นรำกัน เสียงพิณเปลี่ยนท่วงทำนองจากเชื่องช้าเป็นไพเราะอ่อนหวานประดุจคู่รักกระซิบบอกรักกัน
วิกเตอร์เห็นลูกสาวตนได้เต้นรำกับองค์เหนือหัวก็ยิ้มแก้มปริไม่หุบ ฟินโอร่ายิ้มเล็กน้อยเมื่อได้เห็นน้องชายตนได้พบกับคนที่ชอบ
ทันใดนั้น เสียงปังดังขึ้น เมื่อเจ้าเมืองขุนนางมองออกนอกหน้าต่าง แต่ไม่เห็นสิ่งใดคาดว่าเป็นเสียงพลุ เหล่าท่านผู้หญิงทั้งหลายจึงเลิกสนใจเสียง ต่างพากันจ้องมองไปที่ลินเดียร์ราวกับว่าจะกัดกินเนื้อของนาง
สักพักเห็นนายทหารเกราะทองนายหนึ่งเดินมาอย่างเร่งรีบไปเข้าเฝ้าพระพี่นางฟินโอร่า จากนั้นฟินโอร่าขมวดคิ้วเล็กน้อยเดินออกจากประตูห้องโถงด้านข้างไป
“เจ้ารู้จักหยดน้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งลอเลียน?” เซน่าถามนักบุญที่ชื่อเจฟด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นเล็กน้อย
เจฟกล่าวว่า “หยดน้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งลอเลียนเป็นสัญลักษณ์ของความเมตตาของพระเจ้า ตอนนั้นพระองค์เพียงแค่หลั่งน้ำตาเพียงหยดเดียวก็สามารถช่วยเหลือชีวิตนับแสน ความเมตตานั้นเหล่านักบวชและนักบุญล้วนถือเป็นแบบอย่าง”
เซน่าถามว่า “หยดน้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งลอเลียนข้าคิดว่าเป็นเพียงแค่ตำนานมากกว่า”
เซน่าจงใจกล่าวกระตุ้นยุยงว่าหยดน้ำศักดิ์สิทธิ์ไม่มีจริงเพื่อยุยงให้นักบุญเจฟเล่าเรื่องหยดน้ำศักดิ์สิทธิ์ออกมา
นักบุญเจฟมีสีหน้าไม่เห็นด้วย เขากล่าวว่า “มี..แต่ว่า...”
ปัง !!
เซน่าและเจฟได้ยินเสียงพร้อมดังพร้อมกัน พวกเด็ก ๆ ต่างสะดุ้งตกใจ ไม่นานก็เห็นควันดำพวยพุ่งจากที่ไกลตาและมีแสงสีแดงจากระยะไกลแสดงว่ามีไฟไหม้ในเมือง
เจฟกล่าวว่า “ช่วงนี้อากาศร้อน หากประมาทก็เกิดไฟไหม้ได้”
แต่เซน่ารู้ว่าผิดปกติ แต่นางไม่สนใจเพราะเห็นว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับตน
ปัง ปัง ปัง !
เสียงดังติดต่อกันกลุ่มควันดำลอยขึ้นจากทิศทางต่าง ๆ จากนั้นปรากฏเปลวไฟขึ้น เกิดไฟไหม้พร้อมกันราวเจ็ดแปดแห่ง เซน่าครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว นางพลันนึกถึงลินเดียร์
เจฟเองก็รู้สึกผิดปกติ เขากล่าวกับเด็ก ๆ ว่า
“รีบเข้าไปในวิหาร ท่านมิโนอาห์จะคุ้มครองพวกเจ้า”
เด็ก ๆ รับคำ รีบวิ่งไปยังวิหารแห่งเมธีอาร์
ทันใดได้ยินเสียงกรีดร้องของเหล่าสตรีดังขึ้น
เจฟขมวดคิ้วกล่าวว่า “ในวังต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่”
เจฟมองไปยังทิศทางของเสียงซึ่งมาจากในวัง เขาหันไปมองเซน่าถามว่า
“แล้วเจ้าล่ะ?”
เซน่าครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว หากในวังเกิดเรื่องวุ่นวายนางสมควรใช้โอกาสนี้รีบสืบหาเรื่องหยดน้ำศักดิ์สิทธิ์ แต่ในวังกว้างใหญ่ไม่ทราบจะเริ่มค้นหาจากที่ใด ยิ่งถ้าหากลินเดียร์เป็นอะไรไปนางก็ไม่อาจใช้ความเป็นผู้คุ้มครองเข้าวังได้อีก
เซน่ากล่าวว่า “ไปดูกัน”
นางตกลงไปดูสถานการณ์ให้แน่ชัดก่อนค่อยตัดสินใจ
ขณะที่ราชาฟินเดลเต้นรำอยู่กับท่านหญิงลินเดียร์ ได้ยินเสียงระเบิดดังกึกก้องมาเป็นระยะ เหล่าขุนนางต่างหันไปมองว่าเกิดอะไรขึ้น มีขุนนางและท่านหญิงหลายนางเดินออกนอกประตูห้องโถง เห็นขุนนางชุดทองหนวดเคราสีดำเข้มกล่าววว่า “ออกไปไม่ได้”
“ข้าคือเดซ่าท่านหญิงแห่งเมืองซีรอส เจ้าเป็นใครมาขวางข้า?” สตรีหญิงผมทองถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด
ขุนนางชุดทองกล่าวว่า “ไม่ได้ก็คือไม่ได้”
ท่านหญิงเดซ่าไม่สนใจมันอีก นางพยายามออกนอกประตูห้องโถงให้ได้
เห็นประกายสีขาววูบหนึ่ง มีดสั้นของขุนนางชุดทองปักที่อกนางทันที !
เหล่าขุนนางและสตรีชั้นสูงเห็นเช่นนั้นต่างก็กรีดร้องด้วยความตกใจ ทุกคนพยายามหนีออกจากห้องโถง แต่ประตูห้องโถงถูกขุนนางบางกลุ่มกันขวางไว้
ทันใดนั้นขุนนางบางคนที่มาจากต่างเมืองพลันหยิบมีดสั้นจากในรองเท้าบูทขึ้นมา จากนั้นสะบัดมีดพร้อมตวาดว่า “วินด์ กัส” (Wind Gusts-ลมกรรโชก) ทันใดนั้นแสงสีเขียวนับสิบสายออกมาจากมีดขุนนาง เวทลมแห่งคมดาบสังหารขุนนางและสตรีสูงศักดิ์นับสิบราย !
พวกขุนนางเหล่านี้ล้วนเป็นชนชั้นสูงที่มาจากสถานที่ต่าง ๆ แม้ก่อนเข้ามาในห้องโถงจะถูกตรวจค้นอาวุธ แต่เหล่าองครักษ์เกราะทองของฟินเดลก็ไม่ถึงกับลดตัวลงไปตรวจรองเท้าบูทของขุนนางเหล่านี้ พวกเขาจึงแอบพกมีดสั้นเข้ามาได้
“ปิดประตูห้องโถงทุกด้าน” ขุนนางชุดทองกล่าวเสียงเข้ม ทันใดขุนนางจากต่างเมืองหลายคน รวมทั้งท่านหญิงหลายคนต่างวิ่งไปปิดประตูห้องโถงและยืนขวางไว้ทุกด้าน
ราชาฟินเดลเห็นเหตุการณ์ผิดปกติขึ้นเขารีบสั่งให้ท่านหญิงลินเดียร์มาอยู่ด้านหลังของเขา
ฟินเดลตวาดว่า “พวกเจ้าทำอะไร?”
ขุนนางชุดทองกล่าวเสียงเข้มว่า “สังหารพระองค์”
ฟินเดลงุนงงยิ่งขุนนางเหล่านี้ที่กำลังจะก่อกบฏส่วนใหญ่เป็นขุนนางต่างเมืองซึ่งเขาไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน บางคนก็เป็นขุนนางประเทศอื่น แต่เหตุใดจึงร่วมมือกันขึ้นมาได้?
“ทหาร เข้ามา” ฟินเดลร้องสั่ง
ยังไม่ทันสิ้นเสียงคำสั่ง ฟินเดลได้ยินเบื้องนอกเกิดเสียงฆ่าฟันกันไม่หยุด ที่แท้เหล่าทหารเกราะทองของฟินเดลกำลังต่อสู้อยู่กับเหล่าผู้คุ้มกันที่ขุนนางต่าง ๆ พามา ส่วนประตูห้องโถงก็ถูกลั่นกลอนไว้ ตัวประตูทำจากเหล็กผสมทองสุดแข็งแกร่ง ยามกะทันหันทหารทั้งหลายเข้ามาช่วยไม่ได้
เห็นขุนนางสองคนถือมีดพุ่งเข้าจู่โจมฟินเดลทันที
“เฮฟเว่น ไลท์” (Heaven Light-แสงแห่งสรวงสวรรค์) ฟินเดลร้องขึ้น พร้อมผลักมือขวาออก แสงสีขาวเจิดจ้าออกจากฝ่ามือฟินเดลกระแทกใส่ขุนนางสองคนจนกระเด็น
ขุนนางชุดทองมองฟินเดลด้วยสายตาเย็นชาและกล่าวว่า “แม้อายุยังน้อยก็ยังไม่ทิ้งลายความเป็นกษัตริย์ ถือว่าไม่เลว”
ขุนนางชุดทองใช้มือจับที่ใบหน้าตน จากนั้นฉีกหน้ากากตนเองออก ปรากฏใบหน้าของบุรุษที่มีใบหน้าเต็มไปด้วยรอยแผลนับสิบรอย แววตาของมันเยือกเย็นจ้องมองไปที่ฟินเดลราวกับไม่รับรู้สิ่งอื่นใดในโลก จากนั้นมันสะบัดมีดสั้นของมัน มีดสั้นของมันยาวขึ้นอีกเกือบครึ่งเมตร
ฟินเดลเห็นแสงสีเขียวที่มีดสั้นมันเปล่งแสงแวววาว จากนั้นเกิดสายลมขึ้นทั่วห้องโถง ทั้งที่ประตูและหน้าต่างห้องโถงปิดสนิท มีดสั้นเล่มนี้เมื่อมองดูให้ดีจะพบว่าที่แท้มันคือกริชเล่มหนึ่ง
กริชเล่มนี้คือ “เอ็กเซอเคท บรีท” (Execrate Breath-ลมหายใจแห่งความเกลียดชัง) เป็นหนึ่งในอาวุธในตำนานที่เทียบเท่าดาบเพน (Pain-เจ็บปวด) และดาบโฮปเลส เฟรมHopeless Flame –เปลวเพลิงแห่งความสิ้นหวัง) เห็นแสงสีเขียวบนกริชเปล่งเขียวเข้ม กระแสลมในห้องโถงยิ่งรุนแรงดุจพายุ
ขุนนางชุดทองพลันใช้กรีชกรีดเสื้อผ้าตนเองเบา ๆ เสื้อผ้าขุนนางอันสูงศักดิ์ก็ถูกฉีกขาดปลิวว่อนตามแรงลม ปรากฏชุดสีดำที่ซ่อนอยู่ข้างใน เป็นชุดสีดำรัดกุมชุดหนึ่งทำให้มันมีลักษณะน่าเกรงขามและคล่องแคล่วกว่าเดิม
ชายชุดดำเดินเข้าหาราชาฟินเดลอย่างช้า ๆ พร้อมกริชแห่งความเกลียดชัง ฟินเดลไม่เพียงพบคู่ต่อสู้ที่ร้ายกาจ ซ้ำรอบ ๆ ห้องโถงก็เต็มไปด้วยมือสังหารซึ่งปิดประตูทางออกไว้ สถานการณ์ของเขาวิกฤติถึงขีดสุด !
----จบตอน 18 ----
ราชาฟินเดลจะทำยังไงต่อเมื่อเจอนักฆ่าที่ถืออาวุธระดับตำนานธาตุลม แล้วเซน่าจะเอายังไงต่อ ตอน 19 เข้มข้นสุดขีด !