บทที่ 19 : เพื่อนใหม่
บทที่ 19 : เพื่อนใหม่
แน่นอนกิลเลนฉลาดพอและไม่คิดจะเสียเวลากับเรื่องพวกนี้อีกต่อไปแล้ว เขาเรียกบากะอินุให้ตามเขามา แต่โอเวนก็ยังไม่ยอมปล่อยเขาเดินจากไป ชายหนุ่มเดาะลิ้นอย่างไม่พอใจเมื่ออีกฝ่ายไม่ได้แสดงการตอบกลับอย่างที่ตนต้องการ
“จะไปไหนฉันยังคุยไม่จบ”
กิลเลนพูดเสียงเข้ม “ปล่อย” เขามองมาที่ท่อนแขนแข็งแรงที่ยึดมือเขาเอาไว้ แต่อีกฝ่ายปฏิเสธ กิลเลนมีแรงมากกว่า เขาสะบัดแขนนั้นออกอย่างง่ายดายแต่โอเวนก็ยังดื้อด้าน เขาวิ่งออกไปขวางทางกิลเลน ทุกคนในห้องเบนสายตามาที่พวกเขาเรียบร้อยแล้ว
“ก็บอกว่ายังคุยไม่จบไง”
“แต่ฉันคุยกับนายจบแล้ว ถ้าไม่อยากให้ฉันเข้าร่วมทีมก็ไปบอกคุณแมดเดอลีนสิ” กิลเลนตอบกลับไปหน้าตาย ด้วยคำพูดนั้นโอเวนที่จ้องจะหาเรื่องก็หมดความอดทนเช่นกัน เขากำหมัดและพุ่งมันไปที่หน้ากิลเลน เขาหลบได้อยู่แล้ว แต่บากะอินุคอยสังเกตอยู่ตลอดเวลา เมื่อรู้ว่าคนตรงหน้าเป็นภัย มันก็กระโจนเข้าขย้ำใส่แขนของโอเวน
“ไอ้หมาโง่เอ้ย!” โอเวนตวาดลั่น เขาชะงักหมัดและใช้ศอกกระทุ้งไปที่สีข้างของบากะอินุจนมันเซถลาออกไป
พลั่ก!
“เอ๋งงง” กิลเลนรีบกระโดดออกไปด้านข้าง เขาไถลตัวไปเพื่อใช้ตัวเองรองรับบากะอินุไม่ให้หล่นกระแทกพื้น เจ้าหมาร้องงี้ด ๆ อยู่ในอ้อมแขนของกิลเลน บากะอินุค่อย ๆ ลุกขึ้น เขาลูบหัวมันและมองอย่างเป็นห่วง
โอเวนไม่ได้รู้สึกรู้สา เขายืนเฉยอย่างกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ท่ามกลางคนมากมายไม่มีใครกล้ายื่นมือเข้ามายุ่งเลยสักนิด คาตาลิสต์ของโอเวนและบาร์เรตไม่ได้พอใจที่โอเวนทำแบบนั้นนัก แต่ก็ไม่กล้าทำอะไร
“มันจะมากไปแล้วนะ” พลาสมาร์สเปียร์อันใหม่ที่พับเก็บไว้ข้างเอวถูกชักออกมาอย่างรวดเร็ว ดวงตาของกิลเลนเปลี่ยนไปแล้ว ชายหนุ่มไม่มีความลังเล และนี่แหละคือสิ่งที่โอเวนต้องการ น่าแปลกทั้งที่โอเวนทำร้ายคู่หูของเขาแต่กลับไม่มีใครสนใจ แต่กลับกันแค่กิลเลนชักอาวุธออกมาทั้งลานพิธีก็อื้ออึงไปด้วยเสียงอุทาน
โอเวนตั้งหมัดขึ้นมา ยกยิ้มเหมือนรอคอยจังหวะนี้มานานแล้ว
“หยุด! คิดจะทำอะไรกันน่ะ ไม่เคารพงานเลยรึไง” เเมดเดอลีนกลับเข้ามา เธอวิ่งไประหว่างคนทั้งสอง ไม่ต้องรอให้บอกกิลเลนรีบขอโทษและเก็บหอกไป
“ผมจะไม่เอากิลเลนเข้าทีมเด็ดขาด ผมไม่รู้ว่าการตัดสินใจของหมอนั่นจะพาพวกผมไปตายรึเปล่า” โอเวนกล่าวเสียงดัง ชี้หน้ากิลเลนข้ามไหล่ของแมดเดอลีนไป
“แล้วจะเอายังไง จะมาตีกันแบบนี้ไม่ได้นะ” แมดเดอลีนร้อง กิลเลนก้มหน้าสำนึกผิดที่ตัวเองใจร้อนเกินไป เขาไม่คิดจะอธิบายว่าโอเวนทำร้ายคู่หูของเขาก่อน เพราะอย่างไรคนในห้องก็ต้องเข้าข้างโอเวนอยู่แล้ว ซีโรเซียเดินจากไปไม่ได้ใส่ใจกิลเลนเลยสักนิดแม้ว่าจะต้องคู่กับเขานับต่อจากนี้
“ขอโทษครับ”
“ตัดปัญหา ถ้าไม่อยากให้กิลเลนเข้าทีม จัสตินกับพีโอเนียจะไปอยู่อัลฟ่าทีม” แมดเดอลีนกล่าว เมื่อได้ยินดังนั้นรอยยิ้มก็ประดับบนใบหน้าโอเวนและบาร์เรตทันที เขาคิดว่ากิลเลนจะไม่ได้เข้าทีมไหนแน่ ๆ แต่ว่า… “กิลเลน บากะอินุและซีโรเซียจะไปอยู่บีตาทีม”
แพทริคได้ยินว่ากิลเลนจะมาอยู่ทีมตน ก็ยืดกอดอกนิ่งไม่แสดงออกว่ายินดียินร้ายอย่างไร แต่ข่าวนี้กลับทำให้กิลเลนเริ่มยิ้มออก เขาไม่ได้มีปัญหาอะไรกับแพทริคแม้จะคิดว่าหมอนี่ชอบพูดอะไรที่ถนอมน้ำใจคนอื่น ส่วนคนอื่น ๆ ในทีมบีตาก็ออกจะเป็นมิตรกับเขา
หนึ่งในนั้นที่ฉีกยิ้มต้อนรับเขาเป็นอย่างดีก็คือแมรีนั่นเอง เธอเกลียดกลุ่มโอเวนออกนอกหน้าตั้งแต่ตอนที่บาร์เรตเคยผลักควินซ์ของเธอไปให้นิดฮอกฆ่าในการจำลองการฝึก นอกจากนั้นเธอยังเคยเป็นขาประจำที่ไปสิงสถิตย์ในสังสรรค์เล็ก ๆ ที่ห้องของกิลเลน
และไม่ใช่แค่แมรีกับควินซ์คาตาลิสต์ของเธอ กิลเลนก็ยังคุ้นเคยกับพอลและเบรนตันที่อยู่ทีมนี้พอสมควร ทั้งสองกับคาตาลิสต์ของพวกเขาเคยเป็นสมาชิกร่วมต่อสู้กับนิดฮอกเป็นคนแรก ๆ แม้ว่าจะไม่ได้มีโอกาสคุยด้วยกันมาก กิลเลนก็เชื่อว่าทั้งสี่ ไม่ได้อยู่ในกลุ่มที่ตั้งแง่รังเกียจเขา
...บางทีคุณแมดเดอลีนอาจจะรู้อยู่แล้วว่าเขาจะเป็นที่ต้อนรับมากขึ้นในกลุ่มนี้...
ที่ห้องของกิลเลน อคาลากำลังง่วนอยู่กับชิ้นส่วนเล็ก ๆ ที่เธอเชื่อมมันกับคอมพิวเตอร์ของกิลเลนและช่วยลงข้อมูลใหม่ ๆ ให้กับปัญญาประดิษฐ์ “อินุจิโยะ” ตามคำขอของเขา กิลเลนไม่ได้แปลกใจอะไรดูเหมือนเขาจะชินกับการปรากฏตัวไปทั่วของเธอเสียแล้ว
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมาจากอุปกรณ์เหล่านั้น ใบหน้าหวานยิ้มให้กับกิลเลน “ใกล้เสร็จแล้วล่ะ” เธอบอกก่อนจะกลับไปทำอะไรบางอย่างต่อ กิลเลนจึงปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเธอ เขาเดินไปนั่งที่เตียงซึ่งไม่ห่างกันมากนัก เฝ้ามองเธออยู่แบบนั้นโดยไม่กล้ายื่นมือเข้าไป
“ดูเธอจะเก่งเรื่องพวกนี้จังเลยนะ”
เธอทัดผมเข้าที่กกหู ทุกท่วงท่าของเธอช่างดูสง่างาม “ก็ไม่มากหรอก ส่วนใหญ่ที่รู้ก็มาจากแมดเดอลีนทั้งนั้นนั่นแหละ”
กิลเลนทำหน้าประหลาดใจ “คุณแมดเดอลีน ?” ยังไม่ทันที่เขาจะถามต่อ อคาลาก็รีบบอกอย่างรู้ทัน ดวงตาเป็นประกายมองมาที่เขา
“ไม่ใช่อย่างที่นายคิดหรอก คนที่เห็นฉันได้ก็มีแค่นายกับบากะอินุ ฉันแค่แอบเข้าไปดูตอนเธอทำงาน เผื่อจะเอามาปรับใช้กับอินุจิโยะได้บ้าง”
กิลเลนพยักหน้าอย่างเข้าใจ อคาลาเหลือบมองเขาที่ค่อย ๆ เอาหัวพิงกับผนังและหลับตาลงอย่างอ่อนล้า บากะอินุไม่ได้ส่งเสียงร้อง มันนอนหลับสบายใจเฉิบอยู่ที่พื้นเมื่อเห็นกิลเลนนอนมันก็ทำตาม อคาลาหันไปทำหน้าที่ของตนต่อ ปล่อยให้กิลเลนพักผ่อนไปแบบนั้นสักพัก
“กิลเลน...” ไม่รู้เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ อคาลาเรียกเขาที่หลับสนิทให้ตื่นขึ้น แต่ดูเหมือนเสียงของเธอจะไม่สามารถปลุกเขาได้ หญิงสาวจึงสะกิดที่แขนของเขา ไม่กี่ครั้งเขาก็ยอมตื่นขึ้นทั้งที่ยังง่วงอยู่ แต่เมื่อเห็นว่าใบหน้าห่างจากอคาลาเพียงคืบเขาก็สะดุ้งเฮือก
“โทษที ฉันเผลอหลับไปหน่อย” กิลเลนลูบหน้า อคาลายิ้มกับท่าทีของชายหนุ่ม “เป็นยังไงบ้าง เสร็จแล้วหรอ”
“เรียบร้อยแล้วล่ะ” หญิงสาวเปิดภาพโฮโลแกรมขึ้นมา สาวหูสุนัขสีทองบิดขี้เกียจ “อินุจิโยะเป็นไงบ้าง”
“รู้สึกดีสุด ๆ ไปเลยค่ะ มีระบบใหม่เพิ่มเข้ามาด้วยล่ะค่ะ” อินุจิโยะกระโดดไปมาอย่างตื่นเต้น เด็กสาวผมทองเปิดหน้าต่างเมนูขึ้นมาอย่างมีความสุข มีระบบหลายอย่างที่อคาลาได้มาจากแมดเดอลีนและเพิ่มมันเข้าไปเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับกิลเลน
“เธอเพิ่มอะไรให้อินุจิโยะ” กิลเลนขยับมาใกล้ร่างโฮโลแกรมนั้น
“หลายอย่าง ส่วนใหญ่เป็นการเชื่อมต่อกับฐานข้อมูลของดิกนิตีในระดับที่สูงขึ้น” อคาลาอธิบาย อินุจิโยะทำหน้าหงอยเมื่อคิดถึงเรื่องการต่อสู้ที่ผ่าน ๆ มา
“เสียดายจังเลยนะคะนายท่าน” กิลเลนทำหน้าตางุนงง “ถ้านายท่านให้อินุจิโยะปรากฏตัวได้ตามใจชอบล่ะก็ คงจะช่วยสู้ได้มากกว่านี้แท้ ๆ” เธอทำหน้าเศร้า หางฟูตกลงข้างกาย เธอมีระบบหลายอย่างที่ทำให้กิลเลนสามารถต่อสู้ได้อย่างปลอดภัยและง่ายขึ้น แต่เธอไม่สามารถทำได้เพราะกิลเลนไม่อนุญาต
“ระบบคะแนนที่ใช้จัดอันดับของผู้ถูกเลือก ทำไมกิลเลนถึงรั้งท้ายเลยล่ะ” อคาลาถามอย่างสงสัย ในเมื่อเธอติดตั้งระบบนี้เข้าไป อินุจิโยะจะสามารถดูข้อมูลและการจัดลำดับได้ดั่งใจ
“นายท่านก้าวหน้าไปมากเลยค่ะเมื่อเทียบกับที่ผ่านมา” เธอเปลี่ยนหน้าต่างโฮโลแกรมที่เปิดอยู่ หน้าจอกราฟประหลาดปรากฏขึ้นมา อคาลาไล่สายตาอ่านข้อมูลเหล่านั้น “แต่ว่าในส่วนของคะแนนรวม กิลเลนเสียคะแนนไปมากในภารกิจหลัง ๆ และยิ่งภารกิจล่าสุดที่เขาจัดการกับแวนเดียร์ไปได้มากมายแต่กลับโดนหักคะแนนจนเกลี้ยงเป็นการลงโทษ”
“แบบนี้นี่เอง” อคาลาตัดบท เธอหันไปมองหน้าที่เศร้าหมองของกิลเลน เขาคงจะคิดถึงภารกิจที่ผ่านมาอยู่แน่ ๆ และนั่นก็ไม่เป็นการดีต่อเขาเลย เขายังคงโทษตัวเองและกำลังหาทางชดใช้ความผิดนั้นตลอดเวลา แม้ว่าเธอจะพยายามอธิบายว่าเขาไม่ได้ผิดทั้งหมดก็ตาม
กิลเลนกุมมือเข้าหากัน คิ้วขมวดเป็นปมราวกับยังอยู่ในห้วงความคิดในเหตุการณ์ที่ผ่านมาอยู่ เสียง กลิ่น และภาพยังคงฉายชัดยากที่จะลืมเลือนไป บากะอินุตื่นขึ้นมันรับรู้ถึงความรู้สึกของกิลเลน เจ้าหมากระโดดเกาะขอบเตียง ร้องเสียงเบาและใช้จมูกถูไปที่มือของเขา
กิลเลนยิ้ม คลายมือที่กุมกันแน่นไปลูบหัวของมันแทน อคาลาอยากจะทำเช่นเดียวกัน เธออยากจะยื่นมือไปปลอบโยนเขา แต่เธอไม่ได้ทำเช่นนั้น เมื่อเห็นเขาคลายเศร้าได้แล้ว อคาลาก็ยิ้มอยู่ห่าง ๆ จ้องมองแผ่นหลังของเขาอยู่แบบนั้นจนกระทั่งร่างของเธอจางหายไป
ช่วงเย็นมาถึงอย่างรวดเร็วหลังจากเขาพักจนเต็มที่แล้ว กิลเลนออกจากห้องมาพร้อมบากะอินุเพื่อหาอะไรกินหลังจากขลุกอยู่ในห้องมานาน ในห้องอาหารมีคนบางกลุ่มนั่งอยู่ก่อนแล้ว หนึ่งในนั้นเองก็มีโอเวนและคู่หูของเขาอยู่ด้วย กิลเลนชะงัก บากะอินุก็เช่นกัน มันมองเขาอย่างไม่ไว้ใจแต่ก็ไม่กล้าเข้าใกล้เพราะยังคงจดจำความเจ็บปวดจากศอกแข็งแรงนั่นได้ดี
“ไปเถอะ บากะอินุ” กิลเลนเรียกคู่หูของเขา และเดินผ่านโต๊ะของโอเวนไป โอเวนเดาะลิ้นอย่างหงุดหงิดใจแต่ก็ไม่ลงมือทำอะไร กิลเลนเดินไปรับอาหารสำหรับเขาและบากะอินุ ชายหนุ่มมองหาที่ว่าง เขาเลือกที่จะนั่งอยู่มุมสุดของห้องอาหาร
“กิลเลน กิลเลน” เป็นเสียงของแมรีนั่นเองที่เรียกเขา หญิงสาวกวักมือและตบที่เก้าอี้แปะ ๆ กิลเลนยังคงลังเล เขาทำทีจะเดินไปนั่งที่ที่ตนหมายตาเอาไว้ “มานี่สิ บากะอินุมานี่เร็ว” เธอใช้ไม้ตายในที่สุด บากะอินุเห็นชิ้นเนื้อที่แมรียื่นให้ก็กระดิกหางระรัว มันวิ่งไปหาเธอต้อย ๆ อย่างใสซื่อ
“ดีมาก ขอมือหน่อย” เจ้าหมาโง่นั่งลงที่พื้น ยื่นอุ้งมือให้เธอพร้อมแลบลิ้นยาว สายตาจดจ้องไปที่เนื้อนั้นไม่วางตา กิลเลนถอนหายใจ เขายอมเดินไปที่โต๊ะของแมรีที่มีควินซ์นั่งอยู่ข้าง ๆ ชายหนุ่มวางถาดอาหารลงและเรียกบากะอินุให้มาหาเขา
มันหันซ้ายขวาเลือกข้างว่าจะไปหาใครดีเมื่อในมือของแมรียังมีอาหารอยู่ แต่แล้วความซื่อสัตย์ก็ชนะจนได้ บากะอินุยอมมานั่งข้างขากิลเลน เขาวางถาดอาหารลงตรงหน้ามัน
“ฉันรู้แล้วเรื่องที่นายจะมาเข้าทีมของเรา” แมรียิ้ม กิลเลนพยักหน้ารอดูปฏิกิริยาของเธอว่าจะแสดงออกมาอย่างไร แต่เท่าที่เขาดู แมรีและควินซ์ไม่ได้ปฏิเสธอะไร เธอออกจะชอบบากะอินุด้วยซ้ำไป แมรีอ่านสีหน้าของเขาได้ “พวกเราไม่มีปัญหาอะไรหรอก ไม่ใช่ทุกคนหรอกนะที่ชอบโอเวน”
กิลเลนตักอาหารใส่ปาก เขายักไหล่ไม่ได้พูดเสนอความเห็นอะไร
“พวกฉันก็ไม่ชอบเขา ยิ่งที่เขาทำร้ายบากะอินุด้วย บางคนเลยเริ่มไม่ชอบเขา” แมรีอธิบาย เธอหันไปลูบหัวบากะอินุอย่างเอ็นดู
“เราสองคนยินดีต้อนรับพวกนายและซีโรเซียเข้าบีตาทีมนะ” เธอยิ้มให้กับกิลเลน กิลเลนรู้สึกดีใจ เขาไม่เคยได้รับการต้อนรับที่ดีมาก่อน นี่จึงเป็นครั้งแรกและเขาคิดว่าการทำภารกิจต่อไปที่จะมาถึงคงจะเป็นไปด้วยดี “นายก็ไม่ใช่คนแย่อะไร ฉันว่านายควรจะหาพวก เชื่อฉันสิว่าต้องมีคนอยากทำความรู้จักกับนายแน่ ๆ” เธอย้ำ
กิลเลนเขี่ยอาหารในจานไปมาอย่างครุ่นคิด เมื่อเขาไม่สามารถกินที่เหลือได้เขาก็นำส่วนที่เหลือให้เจ้าหมาที่รออยู่ กิลเลนหันกลับมาสนใจหัวข้อสนทนาต่อไป
“เช่น ?”
ควินซ์ที่นั่งอยู่นานเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาบ้าง ชายหนุ่มเท้าคางกับโต๊ะสีเงิน“คู่พอลกับเบรนตันไง”
“จะดีเหรอ” กิลเลนถามซ้ำ ตอนนี้เขาแทบจะไม่ค่อยใส่ใจเรื่องการทำให้คนอื่นยอมรับเท่าไหร่แล้ว มันเหนื่อยเหลือเกินกับการทำแบบนั้นเพราะไม่ว่าเขาจะทำดีสักเท่าไหร่ สิ่งที่ทุกคนเห็นก็ดูจะเป็นสิ่งผิดเสมอ
“ดีสิ นายเห็นฉันเป็นคนยังไงน่ะ หืม ?” ผู้ถูกกล่าวถึงเอ่ยถาม เจ้าของเสียงยืนอยู่หลังกิลเลนได้สักพักแล้ว กิลเลนหันกลับไป พบว่าเป็นพอลกับเบรนตันและคาตาลิสต์ของพวกเขานั่นเอง ทั้งสี่คนกระจายนั่งไปที่ฝั่งของกิลเลนและเเมรี
ไวโอเลตเป็นคู่หูของเบรนตัน เธอยิ้มให้กับกิลเลนอย่างเป็นมิตร ส่วนฝั่งตรงข้ามเป็นพอลและออร์คิด คู่ของพอลเป็นคนพูดน้อย เธอไม่ได้แสดงอาการรังเกียจแต่ก็ก้มหน้าก้มตาไม่ค่อยพูดอะไร...ไม่สิ เขาไม่เคยได้ยินเธอพูดเลยต่างหากล่ะ!
“เห็นไหม ไม่ได้มีแต่คนไม่ชอบนายซักหน่อย” แมรีกล่าว กิลเลนยิ้มและเกาหัวแก้เขิน บากะอินุสะบัดหางอย่างดีใจมันกระโดดเกาะขาของเขาราวกับรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“หมอนั่น ถือว่าคะแนนอยู่สูงสุดก็เลยไม่เห็นหัวคนอื่น นี่ก็ตั้งตัวเป็นเหมือนหัวหน้าของผู้ถูกเลือกไปแล้ว” เป็นครั้งแรกที่กิลเลนได้ยินออร์คิดพูด ไม่นึกว่าประโยคแรกจากคนเงียบ ๆ แบบเธอจะกลายเป็นประโยคที่แม้แต่ผู้ถูกเลือกของเธอเองก็ไม่กล้าพูดออกมาตรง ๆ
“นั่นสินะ ทำให้ตาแว่นหัวหน้าทีมเรากลายเป็นคนน่ารักไปเลยเนอะ” แมรีนินทาแพทริคโดยไม่รู้ว่าเขากำลังเดินมายืนอยู่ข้างหลังของเธอพอดี
“สนุกกันพอรึยัง” เสียงของแพทริกทำให้วงสนทนาแตกในทันที แมรีสะดุ้งจนเกือบตกจากเก้าอี้ เขาเหลือบมองแบบตำหนิมาที่เธอแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาในเรื่องนั้น “เตรียมตัวกันให้พร้อม อีกครึ่งชั่วโมงเจอกันที่หน้าห้องฝึก”
“เดี๋ยวสิ! วันนี้เราซ้อมกันมาหลายรอบแล้วนะ” แมรีโวยวายแต่แพทริคทำเป็นไม่ได้ยินเสียงเธอ
“ในเมื่อมีสมาชิกใหม่ก็ต้องฝึกให้เข้าขากันให้เร็วที่สุด” หนุ่มแว่นพูดเสียงเย็นจากนั้นก็ส่งสายตาคม ๆ ไปที่กิลเลน “บอกไว้ก่อน คุณอาเบลจะคาดหวังในตัวนายแค่ไหนไม่สำคัญ ถ้านายเป็นตัวถ่วงของทีมล่ะก็ ฉันไม่เอาไว้แน่”
พูดจบก็หันหลังเดินจากไป
...ช่วยแสดงให้เห็นหน่อยเถอะ ว่าผู้บัญชาการเห็นอะไรในตัวนายกันแน่...