ตอนที่ 19: พลาดไปในการต่อสู้
ตอนที่ 19: พลาดไปในการต่อสู้
ป้ายหลุมศพของเอเทรัสทำด้วยหินสีดำเงาวับ มีชื่อของเธอสลักด้วยสีขาวเป็นภาษามัสตินอยู่ด้านบนและถัดลงไปในบรรทัดถัดมาเป็นภาษาอังกฤษ ตามด้วยข้อความอื่นๆ ในภาษาเยอรมันจารึกด้วยหมึกสีขาว ป้ายหลุมศพถูกจัดตั้งไว้ในสิ่งก่อสร้างซึ่งรูปทรงเหมือนบ้านหลังเล็กสีหม่นทำด้วยหิน ในพื้นที่ว่างที่เหลืออยู่ของบ้านหลังน้อย รูปของเอเทรัส และหินสีสวยหลายก้อนถูกวางประดับอยู่ใกล้กับป้ายหลุมศพ
ด้านหน้าสุสาน พุ่มดอกลิลลี่บานผิดฤดูกาลส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ
เฮเซคียาห์ยืนด้านข้างมูนนี่ มองเมเดียนที่สงบนิ่ง เขาไล่สายตามองไปยังสองข้างทางขนาบสุสาน ทั้งสองด้านมีต้นสนซีคัวยาจัมโบ้ตั้งตระหง่านอยู่
“พวกเธอเอ่ยทักทายและแนะนำตัว” เมเดียนหมุนกายมาทางเฮเซคียาห์และมูนนี่ มือทั้งสองข้างไขว้หลัง
มูนนี่เริ่มแนะนำตัวเองกับสุสานก่อน และหยิบเอาลูกอมเม็ดหนึ่งออกมาวางลงไปบนพุ่มดอกลิลลี่เมื่อสิ้นสุดการแนะนำตัว เขาหันมามองเฮเซคียาห์ สายตาส่งสัญญาณให้เฮเซคียาห์เริ่มแนะนำตัวบ้าง
เฮเซคียาห์จำต้องแนะนำตัวอย่างเสียไม่ได้ เขาเอ่ยแค่ชื่อของเขาโดยไม่เอ่ยชื่อสกุล ระหว่างพูด ตามองไปทั่วแทนที่จะจับจ้องอยู่ที่ป้ายสุสาน ท่าทางเขาอิหลักอิเหลื่อ เกินจะเรียกได้ว่าเป็นการพยายามแสดงความเคารพต่อผู้มีชื่อเป็นเจ้าของสุสาน
“เอาล่ะ ฉันจะนั่งอยู่ตรงนี้ข้างสุสานภรรยาของฉัน” เมเดียนทรุดกายลงนั่งชันเข่าข้างหนึ่งใกล้กับพุ่มดอกลิลลี่ มือของเขายื่นไปจับป้ายหลุมศพ “จากที่นี่ จริงๆ แล้วสามารถส่องดูทุกพื้นที่ของป่าได้ทุกซอกทุกมุม เมื่อก่อนที่นี่เคยเป็นสถานที่เอาไว้ฝึกลูกๆ ของฉันในการต่อสู้ หรือปล่อยให้พวกเขาเล่นกันไป จากที่นี่ฉันสามารถดูการต่อสู้ของพวกเธออยู่ห่างๆ ได้โดยไม่พลาดอะไร”
อยู่ๆ ป้ายสุสานหินค่อยๆ เปลี่ยนจากสีดำเป็นสีขาว และต้นไม้ที่ขึ้นขนาบสองด้านของป้ายสุสานก็เช่นกัน มันค่อยๆ กลายเป็นสีขาวตั้งแต่โคนต้นไล่ขึ้นไป ก่อนจะเริ่มมีภาพของพื้นที่ในป่าฉายให้เห็น
“ภาพการต่อสู้ของเธอสามารถถูกอัดเอาไว้ได้ บางทีเธออาจอยากดูมันย้อนหลัง”
เฮเซคียาห์ค่อยรู้สึกดีขึ้นหน่อยเมื่อพบว่าการแวะมาที่สุสานมีประโยชน์กับตัวเขาบ้าง ตอนแรกเขาเอาแต่ก่นบ่นอยู่ในใจว่าเมเดียนอยากมาเยี่ยมป้ายหลุมศพของภรรยาก็น่าจะเดินไปคนเดียว แทนที่จะเอาเขาสองคนห้อยติดมาด้วย เพราะพวกเขาต้องมาเสียเวลาในการเดินนับชั่วโมง
แต่เฮเซคียาห์รู้สึกไม่สบอารมณ์อยู่ดี เมื่อคิดว่าเมเดียนบังคับให้พวกเขาเดินมา ทั้งที่จะโดยสารวีวี่มาก็ได้
เมเดียนเอาแต่อ้างว่าฟอร์สทีนไม่ถูกโฉลกกับพาหนะแบบที่ใช้เครื่องยนต์ทุกประเภท
“เอาล่ะ ฉันนั่งลงแล้ว พวกเธอสองคนเริ่มกันได้เลย” เมเดียนทิ้งทั้งตัวนั่งลงไปบนพื้นดิน
เฮเซคียาห์มองหน้ามูนนี่
“พวกเราควรมีกติกาหน่อยไหม”
“เรื่องนี้เมเดียนควรช่วยเรา” มูนนี่เบือนหน้าไปมองเมเดียน
“จะเอากติกาหรือไม่เอากติกาก็ได้ แต่เวลาฉันสู้กับเธอ ฉันคงไม่ต้องการกติกา แต่คงหวังให้เธอกระโจนเข้ามาหาฉันเลยมากกว่า” เมเดียนยิ้ม เขายกมือขึ้นกอดอกและขยับขานั่งขัดสมาธิ ฟอร์สทีนร่อนลงมาอยู่ด้านข้างเขาและลงนั่งทำท่าคล้ายกกไข่นิ่งอยู่
“นายเคยบอกฉันว่ามีโอกาสที่นายจะเอาชนะเมเดียนได้ 50% ใช่ไหม แล้วบรอธบอกนายหรือเปล่าว่ามีโอกาสชนะฉันกี่เปอร์เซ็นต์” มูนนี่ตั้งคำถามก่อนการต่อสู้
“80% เมื่อมีอาวุธอยู่ในมือ และ 60% หากสู้กับนายมือเปล่า”
“ดูเหมือนบรอธจะคำนวณว่านายเก่ง” มูนนี่ยกมือขึ้นแตะใต้คางของเขา แล้วลูบมือนวดจากใต้คางไปถึงต้นคอ เขากำลังใช้ความคิด “มันรู้ได้ยังไงว่านายมีความสามารถสูงกว่าฉันขนาดนั้น”
“วีวี่มีบันทึกประวัติการต่อสู้ของนาย แล้วบรอธยังประเมินโอกาสชนะของฉันโดยพิจารณาจากลักษณะทางกายภาพ มวลกล้ามเนื้อ และความสามารถของนายเท่าที่นายแสดงออกมาเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน” เฮเซคียาห์มองมูนนี่ที่ค่อยๆ ใช้ทั้งมือซ้ายและขวาสอดเข้าไปด้านหลังแล้วดึงเอามีดซึ่งมีความยาวเท่ากับแขนท่อนล่างของเขาออกมา
เฮเซคียาห์ทราบดีว่ามีดคู่นี้ของเมเดียนตัดได้แม้กระทั่งเหล็ก ฟันมีดถี่ๆ ถูกลับจนคมอยู่เสมอด้วยเครื่องมือเล็กๆ สำหรับลับมีดที่มูนนี่พกติดตัวไปไหนมาไหนด้วยในถุงสัมภาระของเขา
“บางทีฉันคงต้องทำให้บรอธประเมินฉันใหม่ หรือไม่ ฉันก็ต้องประเมินนายใหม่” มูนนี่ขยับออกห่างจากเฮเซคียาห์เล็กน้อย และมองมาที่เขาอย่างเฝ้ารอ
“ฉันต้องกระโจนเข้าไปหานายก่อนใช่ไหม”
“หรือว่า...” มูนนี่แค่นเสียง “...ต้องการให้ฉันเป็นฝ่ายเริ่มล่ะ”
มูนนี่พูดแล้วลงมือทันที
เฮเซคียาห์รู้สึกแปลกพิกลเมื่อเห็นอีกฝ่ายถลันเข้ามาหาเขาพร้อมกับมีดในมือด้วยท่าทีเอาจริงเอาจัง เขาหลบคมมีดในมือของมูนนี่ไปได้ และใช้มือเปล่าเพื่อจะจับเข้าที่ข้อมือของฝ่ายตรงข้าม แต่มูนนี่เหวี่ยงขาข้างขวาขึ้นและเตะเข้าที่ช่องท้องของเฮเซคียาห์อย่างแรง ทำให้ถึงกับจุกและซวนเซไปด้านข้าง
เฮเซคียาห์ยกมือกุมท้องเอาไว้ มองไปทางมูนนี่
“เอาจริงหน่อย ถ้านายแพ้ฉัน นายก็อย่าหวังว่าจะเอาชนะเมเดียนได้” มูนนี่ชี้ปลายมีดเล่มหนึ่งมาทางเฮเซคียาห์อย่างท้าทาย
เฮเซคียาห์ยกมือขึ้นและแตะที่ด้านหลังคอ ปลดล็อกตะขอสายสร้อยเพนดูลัมในเสี้ยงวินาที จับเส้นสายสร้อยและตวัดมือออกไปด้านข้าง เสียงฟั่บดังขึ้นเมื่อสายสร้อยร้อยลูกตุ้มเพนดูลัมไว้ตรงปลายยืดออกและหวดเข้ากับอากาศเหมือนแส้ ลูกตุ้มเพนดูลัมตรงปลายเหวี่ยงลงพื้นและกระดอนขึ้นเล็กน้อย
เฮเซคียาห์มองมูนนี่ และคุยกับบรอธอยู่ในใจ
“รายงาน: ความสำเร็จเมื่อโจมตี ขาสองข้าง 10% สีข้าง 15% แขนขวา 5% แขนซ้าย 0% ศีรษะขึ้นไป 5%”
สายสร้อยเพนดูลัมเหวี่ยงออกไปกะให้เข้าที่สีข้างของมูนนี่ แต่มูนนี่ยกมีดเล่มยาวทั้งสองไขว้กัน ลูกตุ้มเพนดูลัมเกือบเข้าถึงตัวของมูนนี่ แต่มันยังไม่ถึงตัวของเขา สายสร้อยไปค้างพาดอยู่ระหว่างมีดเล่มยาวที่ทำมุมกันเสียก่อน ซึ่งเฮเซคียาห์พยายามกระตุกสายสร้อยเพนดูลัมของเขากลับ หวังจะดึงลูกตุ้มเพนดูลัมกลับมา แต่มูนนี่กลับเร็วกว่าเขา
มูนนี่หมุนข้อมือ บิดใบมีดทั้งสองเข้าหาตัวและม้วนเอาสายสร้อยเพนดูลัมเข้าไปเหมือนหญิงทอผ้าม้วนเก็บไจไหม
นี่เป็นครั้งแรกที่เฮเซคียาห์ใช้เพนดูลัมสู้กับมนุษย์หลังจากร่างกายของเขาเสื่อมจากความเป็นมัสติน เฮเซคียาห์เพิ่งตระหนักว่าการสู้กับมนุษย์ด้วยเพนดูลัมในสภาพร่างกายเช่นนี้ ยากกว่าการสู้กับสัตว์
“คำเตือน: อีกฝ่ายกำลังเข้ามา”
เฮเซคียาห์จ้องไปยังมูนนี่ที่เป็นฝ่ายเดินมาพร้อมกับม้วนเก็บสายสร้อยของเพนดูลัมไว้กับมีดไปเรื่อยๆ ด้วย เฮเซคียาห์ไม่สามารถแกะสายสร้อยออกจากมีดนั้นได้เอง ต่างจากสมัยก่อนที่เขาควบคุมพลังธาตุได้ เขาสามารถใช้ลมช่วยแก้เพนดูลัมพร้อมสายสร้อยให้เป็นอิสระจากทุกสิ่งที่คู่ต่อสู้ใช้พันธนาการมันไว้
“วิเคราะห์: เคลื่อนที่ทางขวา และอ้อมตัวเขาเพื่อมัดเขาด้วยเพนดูลัม”
เฮเซคียาห์คิดเองได้ถึงขั้นตอนการเคลื่อนไหวที่บรอธไม่ได้อธิบายไว้ เขากดข้อมือลงเล็กน้อย และเขย่าสายเพนดูลัมด้วยแรงเหมือนตอนที่เขาต้องการตวัดมันออกไป สายสร้อยขยายความยาวออก และยิ่งยาวออกตามแรงการตีมือของเขาที่ทำอย่างต่อเนื่อง จากนั้นเขาวิ่งสวนไปยังทางด้านขวาของมูนนี่ ซึ่งถ้าตีวงล้อมมูนนี่ได้สำเร็จด้วยสายสร้อยที่ยาวขึ้นนี้ เท่ากับว่าเขามัดมูนนี่ไว้ได้
แต่ก่อนที่สายสร้อยเพนดูลัมจะถึงตัวของมูนนี่ มูนนี่กลับทิ้งแผ่นหลังเอนลง และแหงนศีรษะไปทางด้านหลัง สายสร้อยที่ควรจะพาดกับตัวมูนนี่และรัดตัวมูนนี่ไว้ เลยลอยผ่านหน้าของมูนนี่ซึ่งอยู่ในระดับต่ำกว่าไป
เฮเซคียาห์พลาด เขาหัวเสีย
เขาในตอนนี้เหมือนวัวถูกพันอยู่กับหลัก
“เหมือนแส้” มูนนี่หัวเราะ “ถ้าฉันจับเอาไว้ก่อน นายจะทำอะไรไม่ได้อีก”
เฮเซคียาห์แค่นหัวเราะ นิ้วมือของเขามีเลือดไหลซึม เพราะสายสร้อยเพนดูลัมบาดมือเข้า
“เดี๋ยวก่อน...” เฮเซคียาห์สังหรณ์ใจไม่ดี
“มีอะไร” มูนนี่คว้าสายสร้อยเพนดูลัมของเฮเซคียาห์เอาไว้อย่างไม่กลัว แต่แน่นอนว่าความเจ็บมีผลต่อมูนนี่ เขาสะดุ้งอยู่เหมือนกัน แต่แล้วสีหน้าก็ดีขึ้นแล้วเขาค่อยๆ ขยับเข้ามาหาเฮเซคียาห์อย่างรวดเร็ว และทำในสิ่งที่เฮเซคียาห์ไม่คาดคิด นั่นคือมูนนี่รัดคอของเขาพร้อมกับตวัดสายสร้อยเพนดูลัมมารัดรอบคอของเขา มือที่รัดคอของเขารั้งสูงขึ้นเพื่อให้เพนดูลัมรัดรอบคอของเฮเซคียาห์แน่นขึ้น
สายสร้อยเพนดูลัมสร้างบาดแผลแก่บริเวณซอกคอของเฮเซคียาห์
“หยุด นายก็รู้ว่าทำแบบนี้ นายอาจจะฆ่าฉันได้” เฮเซคียาห์ดิ้นรน
เขาพยายามมองไปทางเมเดียน เมเดียนไม่ยอมรับว่าเขาคืออดีตรัชทายาทเฮเซคียาห์ แต่ก็ไม่ปฏิเสธที่จะยอมรับว่าเฮเซคียาห์มีความสัมพันธ์บางอย่างกับเผ่าพันธุมัสติน เพราะเมเดียนสามารถมองเห็นเศษไลฟ์ควอตซ์ที่ฝังอยู่ในหัวใจของเขา และเมเดียนทราบดีว่าบาดแผลต่างๆ ของเฮเซคียาห์จะรักษาตัวเองในเวลากลางวัน
เฮเซคียาห์เคยบอกกับเมเดียนแล้ว เขาไม่อยากให้มูนนี่สังเกตเห็นถึงความจริงข้อนี้ เพราะมันอาจทำให้มูนนี่มองเขาว่าเป็นศัตรู
“ยอมแพ้ซะดีๆ” มูนนี่เอ่ยกับเฮเซคียาห์พร้อมกับใช้มืออีกข้างที่ว่างอยู่จ่อมีดพกเล็กๆ มาใต้คางของเฮเซคียาห์
เฮเซคียาห์ผงะ
“วิเคราะห์: โอกาสชนะ 80% หากต้องการสู้ต่อ แต่มีความเสี่ยงสูงต่อการถูกเปิดเผยตัวตน”
“ฉันยอมแพ้”
มูนนี่ปล่อยตัวเฮเซคียาห์ให้เป็นอิสระ และบอกให้เฮเซียาห์ปล่อยเพนดูลัมมาให้เขา จากนั้นมูนนี่ปลดเอามีดทั้งสองเล่มของตัวเองออกจากสายสร้อยเพนดูลัม และเดินเข้ามาดูเฮเซคียาห์ที่ลูบคออยู่
“นายเป็นอะไรมากไหม ขอโทษที” มือของมูนนี่ยังมีร่องรอยคราบเลือด
“ไม่มีปัญหาอะไรหรอก”
“ไม่มีจริงๆ” เมเดียนเอ่ยขึ้นมา “ไม่มีแผลเลยไม่ใช่หรือไง”
เฮเซคียาห์ใจหายวาบ เขาไม่เข้าใจว่าเมเดียนคิดอะไรอยู่ถึงพูดออกมาแบบนั้น
มูนนี่มองเฮเซคียาห์อย่างแคลงใจ
“ฉันเจ็บนิดหน่อย เอาเป็นว่า ฉันอ่อนแอ แพ้นายง่ายๆ เลย” เฮเซคียาห์หัวเราะกลบเกลื่อน
แต่มูนนี่กำลังจ้องเขาอยู่ สายตาเลื่อนไปมองที่มือของเฮเซคียาห์ แล้วสายตาคู่เดิมก็จ้องมาที่หน้าของเฮเซคียาห์อีกครั้ง
จ้องเขานิ่งๆ
แล้วมูนนี่ก็กรากเข้ามาหาเฮเซคียาห์เลย กระชากมือของเฮเซคียาห์ที่แตะอยู่บนคอ แล้วใช้อีกมือหนึ่งสัมผัสไปบนคอของเขา
“ทำไม” มูนนี่เสียงกระด้าง “ทำไมนายถึงไม่บาดเจ็บอะไรเลย”
เมเดียนหัวเราะ หัวเราะแบบเป็นบ้าเป็นหลัง เสียงของวิหคเหมันต์ร้องแกว๊กๆ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นแหลมสูงเคล้าคลอกันไป
“นี่มันหมายความว่ายังไง” มูนนี่กระชากคอเสื้อของเฮเซคียาห์อย่างแรงอีกครั้ง และปล่อยออกอย่างรวดเร็ว
เฮเซคียาห์อับจนคำอธิบาย
เขารู้สึกหวั่นเกรงสายตาของมูนนี่ที่มองมายังเขา และไม่กล้าสบสายตาด้วย
“แต่นายมีเศวตศาสตรา...” มูนนี่มองไปทางบรอธ
“มนุษย์...” บรอธตอบออกมาด้วยเสียงแผ่วเบา เช่นเดียวกับแสงสีฟ้าที่สว่างวาบขึ้นมาด้านในตัวของมัน
“มนุษย์? มนุษย์เหมือนกับฉัน? ฉันอยากเชื่อแบบนั้น แต่มนุษย์จะไม่สามารถรักษาแผลตัวเองให้หายได้ และในบรรดาเผ่าพันธุ์ต่างๆ ในอวกาศก็มีแค่เผ่าพันธุ์มัสตินเท่านั้นที่เป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูงซึ่งสามารถรักษาบาดแผลของตัวเองได้อย่างรวดเร็ว”
เฮเซคียาห์คิดจนหัวหมุน เขาไม่อยากโกหก แต่เขาอาจต้องมีคำโกหกเพื่อจะผ่านไปอีกวัน
ปัญหาคือ...
เฮเซคียาห์เหลือบมองไปทางเมเดียน อีกฝ่ายยังยิ้มร่าอยู่ และเหมือนกำลังรอดูท่าทีของเฮเซคียาห์ว่าเขาจะแก้ไขสถานการณ์ตรงหน้าอย่างไร ซึ่งท่าทางของเมเดียนไม่น่าวางใจ เฮเซคียาห์กำลังคิดอยู่ว่าเมเดียนจะโต้คำโกหกของเขา แล้วทำให้สถานการณ์ของเฮเซคียาห์แย่ลงหรือเปล่า
“ถามเมเดียนแล้วกัน” เฮเซคียาห์ต้องการให้เมเดียนเปิดปากพูดก่อนเขา ถ้าอีกฝ่ายไม่เปิดเผยตัวเขา แสดงว่าเขายังสามารถคิดหาคำโกหกและผ่านวันนี้กับมูนนี่ไปได้อีกวัน แต่ถ้าอีกฝ่ายพูดให้เขาดูชั่วร้าย วันนี้ก็คงถือว่าเป็นวันแตกหักระหว่างเขาและมูนนี่
“ฉันแค่รู้ว่าคีห์มีความสามารถในการรักษาตัวเอง แล้วเขาก็พยายามซ่อนความสามารถของเขาไว้เป็นความลับจากเธอ” เมเดียนพูดด้วยใบหน้ายิ้มๆ
เฮเซคียาห์หรี่ตาลง คำพูดของเมเดียนไม่ใช่คำโกหก แต่อีกฝ่ายยังไม่แฉว่าเขามีไลฟ์ควอตซ์ฝังอยู่ที่หัวใจเพื่อโหมกระพือความหวาดระแวงของมูนนี่
“ตกลง นายเป็นตัวอะไร” มูนนี่จ้องหน้าเฮเซคียาห์ “มนุษย์ไม่มีทางรักษาตัวเองได้ และนายบอกเองว่าไม่ใช่ลูกผสม”
บอกเขาว่านายไม่รู้
เสียงของบรอธดังขึ้นในหัว
เกิดเขาไม่เชื่อฉันขึ้นมา
แล้วจะบอกความจริงหรือไง
รายงานผลวิเคราะห์ จะเกิดอะไรขึ้นถ้าฉันบอกความจริง
วิเคราะห์:100% สูญเสียความสัมพันธ์ และ 74.28% โอกาสของการสูญเสียชีวิต แต่ยังไม่สามารถระบุผู้เสียชีวิตได้ การวิเคราะห์อย่างละเอียดและแม่นยำขึ้นสามารถทำได้อีกครั้งเมื่อมีการต่อสู้เกิดขึ้นแล้ว 20 นาที
เฮเซคียาห์กลั้นใจ การสูญเสียชีวิตจะเกิดขึ้นจากมูนนี่ฆ่าเขา หรือเขาฆ่ามูนนี่ก็ได้
“ฉันรู้ว่าถ้านายเห็นว่าแผลฉันหายได้ นายจะเชื่อมโยงฉันกับพวกมัสติน นั่นคือเหตุผลที่ฉันปกปิดความจริงนี้จากนาย” เฮเซคียาห์ดึงความจริงขึ้นมาพูดก่อน
“แต่นาย นายไม่ควรเป็นมัสตินถ้านายมีเศวตศาสตรา นายควรเป็นมนุษย์ แต่แผลนายหาย กลับหายได้เหมือนพวกมัสติน ภายนอกของนายก็เหลือเชื่อเกินกว่าจะเป็นมนุษย์ นายเป็นตัวอะไรกันแน่” มูนนี่กล่าววกวนไปมาและวนกลับมาถามคำถามเดิมของเขาซึ่งเฮเซคียาห์ยังไม่มีคำตอบให้
“ฉันบอกไม่ได้ว่าตัวเองไม่ใช่มัสติน”
“นาย...” มูนนีย่นหัวคิ้วแล้วมองเฮเซคียาห์อย่างไม่อยากเชื่อหู เขาผงะ เซถอยหลังไปเล็กน้อย “ใช่หรือไม่ใช่กันแน่”