ตอนที่แล้วบทที่16: งักหลิว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่18: หงซาเถียน

บทที่17: คนที่คิดไม่ถึงและคนที่คิดถึง


บทที่17: คนที่คิดไม่ถึงและคนที่คิดถึง

“เหลวไหล!” งักหลิวตวาดลั่น จนบ่าวสองคนที่กำลังประคองแม่เฒ่าฝูยังตกใจ

งักฮัวจะเข้ามาห้าม แต่ไป่ยู่พยักหน้าให้นางตามไปช่วยดูแลแม่เฒ่าฝูก่อน ส่วนตัวเองตัดสินใจคุยกับคุณชายใหญ่ให้จบเรื่องราว

ไป่ยู่เดาเอาคุณชายใหญ่ของบ้านไม่เคยแสดงท่าทีเช่นนี้มาก่อน ไม่แปลกที่จะเป็นเช่นนั้น เขาเองก็เข้าใจดีในท่าทางของงักหลิวที่เต็มไปด้วยโทสะ การกล่าวถึงคนที่เสียชีวิตไปแล้ว โดยเฉพาะคนๆ นั้นเป็นบิดาของอีกฝ่าย ย่อมทำให้เกรี้ยวกราดเป็นธรรมดา

ทว่าเขาไม่เคยโกหก ไม่เคยมีใครเข้าใจในโลกที่ไป่ยู่มองเห็น หลายคนมองว่ามันเป็นเรื่องเหลวไหล บ้างกล่าวหาว่าเขาสติไม่ดี คนที่ไม่พอใจเช่นงักหลิวก็มีอยู่ไม่น้อย เขาเคยประสบมาแล้วตั้งแต่เด็ก หรือกระทั่งคนที่เห็นอกเห็นใจเขาเช่นไป่หลงก็ไม่มีวันเข้าใจ

เขาเป็นเช่นนี้มาตั้งแต่จำความได้ ถ้าจะพูดให้ถูกคือตั้งแต่ที่รู้ว่าตัวเองต้องชื่อไป่ยู่ มีคนที่หมดลมหายใจไปจากโลกนี้แล้ว แต่ยังวนเวียนไม่ไปไหน ติดอยู่ในห้วงความทุกข์ระทมของตน รอให้ใครสักคนที่มองเห็นเพื่อร้องขอความช่วยเหลือ บางครั้งมาในสภาพที่ตาย แหลกเละไม่มีชิ้นดี บางคราอยู่ในสภาพที่เปลี่ยนแปลงไปแล้ว จะเรียกว่าผีก็ไม่ใช่ ปีศาจก็ไม่เชิง แต่ที่แน่ๆ คือไม่ใช่คน คล้ายกับเช่นบิดาของงักหลิวในตอนนี้

ร่างซีดเขียว ผอมแห้ง ดวงตาลึกยุบเข้าไปในเบ้า ไร้จมูก ผิวใบหน้าส่วนนั้นเรียบสนิท ส่วนปากเล็กขนาดเท่ารูเข็ม ผมทั่วศีรษะร่วงบางมีเหลือเพียงเป็นกระหย่อม ส่วนที่ไร้เส้นผมปูดบวม แขนลีบขาลีบ มีเล็บยาวแหลมคม หลังคร่อมโก่ง ที่ทำให้พอจะมองออกว่าเป็นงักหลอ บิดาของคุณชายใหญ่ เพราะเค้าโครงหน้ายังมีส่วนที่คล้ายกับภาพเหมือนที่วาดประดับไว้ในห้องรับรองซึ่งไป่ยู่บังเอิญไปเห็นมา

“เจ้าเงียบทำไม!? คิดว่ายกท่านพ่อมาอ้างแล้วจะทำให้เจ้ารอดพ้นข้อกล่าวหาเหรอ ข้าจะบอกให้ว่ามันยิ่งทำให้เจ้าลำบากหนักไปกว่าเดิม”

ไป่ยู่ถอนหายใจ

“ข้ารู้ว่าท่านไม่ชอบข้า”

“ใช่!”

“เช่นนั้นข้าจะหยิบเรื่องบิดาท่านมาพูดเพื่อให้ท่านแค้นเคืองยิ่งขึ้นไปอีกทำไม”

“เพราะเจ้าไร้หนทางไง”

“เขาเคยบอกกับท่านว่า...” ไป่ยู่คิ้วขมวดเพ่งมองไปด้านหลังของงักหลิวที่ไม่มีใครยืนอยู่ จนคุณชายใหญ่ต้องหันไปดูแต่ไม่พบอะไรนอกจากความว่างเปล่า

“อะไร!” งักหลิวคาดคั้น ไป่ยู่ถอนหายใจจำต้องพูดทั้งที่ไม่อยาก

“เขาเคยบอกกับท่าน ว่าอยากให้ท่านตาย ไม่เพียงกล่าว แต่ยังกระทำโดยการบีบคอในตอนที่ท่านนอนหลับ ตอนนั้นคุณชายใหญ่ตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจ ร้องขอชีวิต ทว่า... เขาไม่ยอมหยุด ท่านบอกว่าจะยอมรักษาตัวทุกทาง ให้กินงูกินตะขาบท่านก็จะทำ จนมารดาของท่านเข้ามาพบแล้วอ้อนวอนอีกคน เขาถึงได้ยอมหยุดมือ หลังจากนั้นท่านจึงยอมทำทุกอย่างเพื่อรักษาอาการป่วยจาก...”

ไป่ยู่พูดไม่ทันจบ คุณชายใหญ่สกุลงักกำหมัดแน่นด้วยความเกลียดแค้นแล้วชกใส่ใบหน้าอีกฝ่ายอย่างเต็มแรง ไป่ยู่เซถอยไปสองสามก้าว

งักหลิวตัวสั่นเกร็งถลาเข้ามาซ้ำอีกหมัดไป่ยู่ไม่ได้หลบ ทั้งที่ควรจะทำ เพราะเข้าใจว่าพูดในเรื่องที่ไม่ควร ก่อนที่จะตามด้วยอีกหมัดและอีกหมัด มีน้ำตาไหลออกมาเปื้อนแก้มของคุณชายใหญ่

สาเหตุที่ทำให้โกรธได้ขนาดนี้เพราะเรื่องที่ถูกพูดถึงเป็นเรื่องจริง และมันเป็นเรื่องจริงที่ไม่เคยมีใครรู้นอกจากเขา ไป่ยู่รู้ได้ยังไง ในเมื่อเขาไม่เคยพูดให้ใครฟัง คนที่รู้ความลับนี้อย่างท่านพ่อท่านแม่ก็เสียชีวิตไปตั้งหลายปีแล้ว

นานเท่านานที่งักหลิวระบายโทสะหรืออาจจะเป็นความกลัวจนหมดสิ้น เขาทรุดลงนั่งที่เก้าอี้ สองมือของเขาเปื้อนโลหิต ไป่ยู่ใบหน้าช้ำเลือดพยายามทรงตัวแต่ก็ยากเย็นเต็มที่ คิดในใจว่าเรื่องที่คุณชายใหญ่ของสกุลงักเป็นคนขี้โรคไม่น่าจะใช่เรื่องจริง

“ข้าไม่เชื่อ” งักหลิวเอ่ยเบา

“เรื่องของท่านเถิด ข้าไม่มีเหตุผลที่จะต้องให้ท่านยอมรับอีกแล้ว” ไป่ยู่กล่าวแล้วหยุดก่อนที่จะหันไปมองดูศพของงักเจียง มีบ่าวสองคนที่ประคองแม่เฒ่าฝูไปห้องพักวกกลับมาคล้ายเป็นห่วงในเหตุการณ์

“เรื่องที่ควรทำท่านไม่ทำ ดื้อรั้นแต่จะมาเอาความกับข้า คุณชายรองเป็นศพอยู่ตรงนี้ต้องมานั่งดูท่านทำตัวเหลวไหล” งักหลิวคิดเคืองแต่ไร้กำลังจะเอาความ ไป่ยู่ยังพูดต่อ

“น้องชายคนเล็กของท่านหายไปไหนยังไม่รู้แต่ท่านไม่คิดจะตามหา” ถึงตรงนี้จึงทำให้คุณชายใหญ่ได้สติ เขาหันไปหาบ่าวที่ยืนรออยู่นอกห้อง

“ให้คนไปตามหางักโยว”

“คุณหนูสั่งทุกคนแล้วครับ ตอนนี้กำลังหากันอยู่ นางกลัวว่าทางคุณชายใหญ่จะเกิดเรื่องจึงให้พวกข้าน้อยสองคนมาดูแล”

งักหลิวเบาใจแต่ยังไม่คลายกังวล เขามองศพงักเจียงแล้วตัดสินใจจะออกไปตามหาน้องชายคนเล็ก ทว่ายังไม่ทันก้าวพ้นประตู เกิดเสียงกรีดร้องดังขึ้นมาก่อน ทั้งหมดวิ่งตามไปที่ต้นเสียงทันที

ยิ่งวิ่งไปไป่ยู่ยิ่งร้อนใจ เพราะทิศทางที่งักหลิวนำไป พาไปสู่ห้องที่ไป่หลงนอนพักฟื้นอยู่ เมื่อถึงจุดหมายปลายทางเป็นจริงดังคาด บ่าวคนหนึ่งท่าทางหวาดกลัว นั่งสั่นอยู่ที่หน้าห้องนั้น

“ไป่หลง”

ไป่ยู่วิ่งแทรกผ่านทุกคนเข้าไปในห้องอย่างไม่รีรอ

ภาพตรงหน้าทำเขาสั่นสะท้าน

เมื่อร่างของพี่ชายที่นอนไม่ได้สติกลับมีเลือดเปื้อนเต็มฝ่ามือทั้งสองข้าง

“ที่แท้เป็นเขา” งักหลิวกล่าวขึ้นอย่างเยียบเย็น

“ท่านก็รู้ว่าไม่ใช่” ไป่ยู่โต้คำ

“จับพวกมันทั้งคู่” งักหลิวสั่ง แต่ทุกคนยังลังเล

“ข้าสั่งไม่ได้ยินหรือไง” คุณชายใหญ่ตวาดลั่นซ้ำอีกครั้ง บ่าวทุกคนจึงทำตาม

ไป่ยู่พยายามห้ามจึงถูกบ่าวสองคนจับตัวไว้ แต่เขายังดิ้นขืน

“อย่าขยับตัวท่านพี่ เขายังไม่หาย...”

งักหลิวหยิบกาน้ำชาที่วางอยู่บนโต๊ะแล้วฟาดลงไปที่ศีรษะไป่ยู่อย่างเต็มแรง จนอีกฝ่ายสลบไปทันทีที่จะพูดจบ

บ่าวทุกคนกลัวเกรงไม่เคยเห็นท่าทางคุณชายใหญ่ของบ้านเป็นเช่นนี้มาก่อน

“ลากตัวพวกมันไปขังแยกกันที่ห้องใต้ดิน” งักหลิวสั่งการ ในน้ำเสียงมีแฝงความเหี้ยมโหด

 

.................................

 

เกือบจะครบหนึ่งเดือนแล้วตั้งแต่ที่พี่สาวตายจากไป ชีวิตของเฉินหลินเปลี่ยนแปลงไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ เหมือนครั้งที่เคยยังมีบิดามารดาและพี่สาว แต่โชคชะตาสาดซัดความโหดร้ายจนต้องกลายเป็นเด็กไร้ที่ซุกหัวนอน

ครั้งนี้ก็เช่นนั้น โชคชะตาพลิกผันจากเด็กไร้บ้านให้มาเป็นบุตรบุญธรรมของเศรษฐีใหญ่ หม่าซือเต้า

เฉินหลินนับตามปีที่เกิด ตอนนี้อายุสิบสี่ มีบ่าวรับใช้คอยดูแล มีพ่อบุญธรรมคอยเอาใจ หากจะว่าตามจริง ต้องบอกว่าวันรุ่งขึ้นตะหากที่นางจะเปลี่ยนจากเด็กไร้บ้านเป็นคุณหนูสุกลหม่าอย่างสมบูรณ์ เพราะจะมีการทำพิธีอย่างเป็นทางการ

ดรุณีน้อยเคยเอ่ยปากบอกไปแล้วว่าไม่ต้องการเช่นนั้น แค่รับนางเป็นบ่าวก็พอ ให้มีงานมีที่อยู่ที่กิน ทว่าอีกฝ่ายไม่ยอม เรื่องพิธีก็ด้วย เฉินหลินมองว่าจากเรื่องราวของผีไร้ร่างที่เกิดขึ้นทำให้มีผู้คนเสียชีวิตไปมากมาย การจะมาจัดงานรื่นเริงยินดี ดูจะไม่เป็นการเหมาะสม ทว่าหม่าซือเต้ากลับเห็นต่าง เมื่อมองว่าเพราะมีเรื่องเศร้าเกิดขึ้นทำจิตใจคนหม่นหมอง ก็ควรจัดงานฉลองเพื่อให้ผู้คนยินดี

เฉินหลินอึดอัดกับชีวิตเช่นนี้ เมื่อก่อนก็ใช่ว่าจะสบาย แต่ก็สามารถทำอะไรได้โดยที่ยังรู้สึกว่าชีวิตเป็นของตัวเอง เวลานี้จะพูดจะคิด ยังไม่สามารถเป็นตัวของตัวเองได้ นางเข้าใจความหวังดีของพี่สาวที่ฝากฝังนางไว้กับหม่าซือเต้า แต่สิ่งที่ดีอาจไม่ใช่สิ่งที่นางต้องการ

นึกถึงตรงนี้ทีไร จิตใจดวงน้อยกลับเลื่อนลอยคิดถึงบางคน ไม่ใช่พี่สาวที่เป็นญาติเพียงคนเดียวที่มี แต่เป็นเด็กหนุ่มผมสีดอกเลา ดวงตาแฝงความรู้สึกคนนั้น ไป่ยู่

เวลานี้เขาจะเป็นยังไงบ้างนะ จะเจอคนที่ตัวเองตามหาหรือยัง

จะยังจำคำสัญญาที่เกี่ยวก้อยกันไว้ได้ไหม

และเพราะเหตุผลเช่นนี้ บางคนอาจมองว่าเพียงเท่านี้ แต่เฉินหลินไม่คิดให้ใครว่าเข้าใจ ดรุณีน้อยตัดสินใจที่จะหนีออกจากคฤหาสน์สกุลหม่า ทั้งที่มีการเตรียมงานพิธีรับบุตรบุญธรรมในวันรุ่งขึ้น

จะเลวจะร้ายยังไงเฉินหลินไม่เคยกลัว ชีวิตที่ผ่านมาก็ลำบากนับครั้งไม่ถ้วน แม้ตรงนี้จะมีอนาคตที่ดี แต่นางไม่คิดเสียดายและถึงจะไม่ได้เตรียมแผนการล่วงหน้าไว้ใหญ่โต หรือบางทีอาจต้องประสบเคราะห์ร้ายยิ่งกว่าที่ผ่านมา ดรุณีน้อยคนนี้ก็ไม่คิดเสียใจ

ที่นางต้องการตอนนี้มีแค่สิ่งเดียว อยากพบหน้าไป่ยู่อีกสักครั้งเพียงเท่านั้นเอง

เมื่อตัดสินใจเด็ดขาด เตรียมตัวพร้อมสำหรับแผนการ เฉินหลินแอบปีนกำแพงหนี โดยเขียนจดหมายบอกกล่าวไว้เป็นลายลักษณ์อักษรไม่ให้หม่าซือเต้าต้องเป็นกังวล และบอกกล่าวอย่างตรงไปตรงมา อย่างน้อยเขาก็ดูแลนางเป็นอย่างดีตามที่รับปากกับพี่สาวของนางไว้จริงๆ

สิ่งที่นางนำพามามีเพียงสัมภาระจำเป็นนิดหน่อย เงินทองเล็กน้อยเท่านั้น ไม่แม้แต่จะจูงม้าออกมาเพื่อให้เดินทางได้รวดเร็วและสะดวกเพราะเห็นว่าเกินควร

จุดหมายที่ต้องไป เมืองหัวอัน...

.....................................

 

นับเป็นเวลาเกือบยี่สิบวันแล้วตั้งแต่ที่เกิดคดีผีไร้ร่าง หลังเรื่องราวที่เกิดขึ้น ทุกอย่างกลับคืนสู่สภาวะปกติ หม่าซือเต้าใช้เงินทองที่มีช่วยเหลือชาวบ้านบูรณะสถานที่ผิดวิสัยเดิมที่เคยมี หรือจริงๆ นี่อาจเป็นเนื้อแท้ของเขาก็เป็นได้ เหตุผลในเรื่องนั้น ไม่มีใครคิดค้นหาคำตอบอย่างจริงจัง

สำหรับโจวหม่าจงแล้ว เศษซากของสิ่งที่ตกค้างจากคดีนั้นมีให้เห็นเป็นระยะเพื่อรำลึกถึงเรื่องราวอันน่าตื่นเต้น ทั้งดาบไม้ที่ไป่หลงใช้ปะมือกับเขาจนมันหัก ยันต์ของไป่ยู่ที่ให้ไว้ก่อนจากเพื่อคุ้มครองกาย

สิ่งที่ชัดเจนสุดและไม่ทำให้คิดว่าคดีที่เกิดเป็นเรื่องในฝัน คงเป็นห้องขังที่ยังลบรอยเลือดของซุนเถาออกไปไม่หมด กับแขนที่ขาดหายไปของหานตง ลูกน้องที่ไปร่วมต่อสู้ในชุมชนประตูทิศตะวันตกด้วยกัน โชคดีได้ไป่ยู่ช่วยดูอาการและรักษาให้ หานตงจึงฟื้นตัวเร็วมากกว่าที่กังวล

เสียงดังแว่วมาจากในห้องขัง มีผู้ต้องหาบางคนร่ำลือถึงผีซุนเถาที่คอยปรากฏตัวออกมาในยามค่ำคืน ใช้เศษหินทื่อปาดคอตัวเองซ้ำๆ พร้อมเสียสะอื้น ทำเอาทั้งผู้ต้องหาและมือปราบที่อยู่เวรหวาดกลัวกันไปเสียยกใหญ่

เหลวไหล!

นั่นเป็นความเห็นของโจวหม่าจง เพราะเขาเชื่อว่าไป่ยู่ได้สวดส่งวิญญาณของคนตายไปเรียบร้อยแล้ว ที่เหลือตกค้างอยู่เป็นเพียงความกลัวในใจตนเองของผู้คนเท่านั้น

นั่นจึงเป็นที่มาให้เขาต้องอยู่เวรเฝ้าห้องขังในคืนนี้ เสียงนั้นดังขึ้นจากห้องดังกล่าว โจวหม่าจงเดินไปดูท่าทางไม่ทุกข์ร้อนต่อสิ่งใด

เป็นไปตามคาด ภาพที่ปรากฏให้เห็นเบื้องหน้าคือหานตงที่ใช้มือหนึ่งข้างที่เหลือขัดถูรอยเลือดที่ลบไม่ออกนั่นอย่างตั้งใจ

“เจ้าว่างมากหรือไง ถึงได้มาทำอะไรแบบนี้”

“ลูกพี่” หานตงสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อถูกไต่ถาม

ในคุกอับชื้น กำแพงหินเย็นเยียบ สองชายนั่งดื่มสุราอุ่นให้รู้สึกร้อนรุ่มจากขวดเดียวกัน ช่องหน้าต่างเล็กๆ มีแสงจันทร์ลอดผ่านเข้ามาในภายในไม่มืดจนเกินไป

“ไม่คิดจะตอบคำถามข้าหรือไง” เมื่อนั่งร่ำสุรากันอยู่นานโดยที่อีกฝ่ายไม่เปิดปาก หม่าจงจึงย้ำคำเดิมเพื่อทำลายความสงัด

“ข้าแค่อยากทำตัวให้มีประโยชน์น่ะครับ”

“เจ้าชินหรือยังกับ... ยังเจ็บอยู่ไหม”

“ไม่แล้วครับ ไม่เจ็บ...และคงไม่มีวันชิน” เสียงตอบนั้นแฝงความหดหู่ไว้ทั้งในน้ำเสียงและคำพูด หม่าจงถอนหายใจ

“ลูกพี่ไม่ต้องคิดมากหรอก ข้าไม่ได้โทษใคร โดยเฉพาะท่าน ข้าแค่ทำอะไรได้ไม่เท่าเดิม เลยรู้สึก... ไร้ค่า”

ใจหนึ่งหม่าจงตั้งใจจะปลอบอีกฝ่ายว่าไม่จริง เขายังทำประโยชน์ได้อีกมาก แต่ความจริงก็คือความจริงที่ต้องยอมรับ หานตงทำงานได้น้อยลง เพลงดาบของเขาต้องใช้กำลังจากสองมือ บัดนี้เหลือเพียงข้างเดียวไม่ใช่ทำให้กำลังเหลือแค่ครึ่ง แต่มันทำให้ไม่สามารถใช้เพลงดาบได้อีกเลย

ตอนที่ยังยืนยันกับหัวหน้ามือปราบอย่างเฉาเกา ว่าจะให้หานตงเป็นมือปราบต่อไป เขาเองก็เคยคิดถึงปัญหาข้อนี้ เพียงแต่เพราะมีปัญหาหลังคดีที่เกิดให้สะสางมากมาย รวมกับหานตงต้องพักฟื้น เขาจึงปล่อยให้อีกฝ่ายได้พักไปก่อน ไม่คิดว่าช่วงเวลาที่ทุกคนทำงาน จะนำความฟุ้งซ่านมาให้กับเขา หม่าจงตบไหล่ลูกน้อง

“เจ้าไม่อยากไร้ค่าแล้วพร้อมจะลำบากไหมหรือคิดว่าตัวเองฝืนเกินไปควรจะพักผ่อนอย่างสบายมากกว่า เลือกมาเลย ไม่ว่าเจ้าเลือกทางไหนข้าก็ยินดีจะช่วยสนับสนุน”

หานตงเข้าใจความหมายในคำถามของอีกฝ่ายทันที เขามั่นใจว่าลูกพี่ของตนมีวิธีแก้ปัญหาให้กับตนแน่นอนแล้ว

“ข้าไม่อยากเป็นคนไร้ค่า!”

“ตอบได้ดี! ดื่มแล้วพรุ่งนี้เราจะออกเดินทางไปเมืองหัวอันกัน”

ชายหนุ่มสองคนแม้ต่างฐานะแต่หัวเราะด้วยน้ำเสียงเดียวกัน เสียงของความยินดี...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด