บทที่ 18 : ยุบทีม
บทที่ 18 : ยุบทีม
หลังจากภารกิจเสร็จสิ้นแล้ว ทีมอื่น ๆ ก็เข้ามาช่วยเหลือเพื่อดำเนินการนำคนที่บาดเจ็บกลับไปที่ฐานอย่างปลอดภัย ไม่มีใครในทีมอื่นกล้าถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับพรรคพวกในทีมของกิลเลนที่เหลือเลย เมื่อพวกเขาเห็นจุดสีน้ำเงินบนแผนที่หายไปก็เข้าใจสถานการณ์ได้เป็นอย่างดี
พีโอเนียที่ยังไม่ได้สติถูกนำตัวไปตรวจอาการที่ห้องพยาบาล กิลเลนยอมปล่อยเธอให้กับพวกหุ่นแพทย์ โดยย้ำกับพวกหุ่นอย่างเป็นห่วงว่า
“ฝากดูแลเธอด้วยนะครับ” พูดจบเขาก็เดินกลับไปรวมกับคนอื่น ๆ ที่ห้องรวมตัว โดยมีแมดเดอลีนยืนอยู่ด้านหน้าพวกเขาทั้งหมด เธอมีสีหน้าเคร่งเครียดกว่าทุกครั้ง ยิ่งเมื่อเห็นกิลเลนเดินมาด้วยแล้วเธอยิ่งส่ายหัวช้า ๆ แสดงถึงความไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง
“เดลตาทีม วันนี้พวกคุณทำนอกเหนือคำสั่ง ลงไปที่ชั้นล่างโดยไม่ได้รับอนุญาต” เธอพูดเสียงราบเรียบ จดจ้องไปที่เดลตาทีมที่เหลืออย่างคาดโทษ ซีโรเซียอาจจะไม่ได้ฟังอยู่เพราะเธอยังคงร้องไห้ ขอบตาแดงก่ำ เธอมองไปที่พื้นโดยมีหญิงสาวคนข้าง ๆ คอยตบไหล่ปลอบอยู่
จัสตินยืนห่างจากกิลเลนออกไป เขาไม่ได้รับบาดเจ็บเพียงแค่รู้สึกเหนื่อยกว่าปกติเท่านั้น ชายหนุ่มไม่ได้โศกเศร้าอะไรสักนิด เขาเฉยชาถึงแม้จะปรายตามามองกิลเลนเป็นบางครั้งก็ตาม กิลเลนคิดว่าคงเป็นเพราะพีโอเนียเข้ามาช่วยเหลือเขาระหว่างการต่อสู้โดยไม่สนใจตน
ทุกคนเงียบกันหมด แมดเดอรีนถอนหายใจก่อนจะพูดขึ้น “เอาเถอะ ทีมอื่นไปพักผ่อนได้ ส่วนเดลตาทีมจะได้รับการลงโทษ ตามฉันมาที่ห้องด้วย” เธอเดินจากไป คนในกลุ่มอื่นมองมาที่กิลเลนบ้างเป็นบางครั้งก่อนจะหันไปคุยกับคู่หูของตนเอง เขาไม่ได้สนใจเสียงคำนินทาเหล่านั้นเพราะเรื่องที่สูญเสียเพื่อนในทีมไปยังวนเวียนอยู่ในใจของเขา
ซีโรเซีย บากะอินุ กิลเลนและจัสตินเข้ามาในห้องทำงานของแมดเดอรีน เธอนั่งลงบนเก้าอี้หนัง นวดขมับตัวเอง
“คุณจะลงโทษอะไรพวกเราครับ” กิลเลนถาม ชุดของพวกเขายังคงเปื้อนไปด้วยเลือดทั้งของตนและของเหลวสีดำข้นของแวนเดียร์ที่ไปกำจัดมา ในตอนนี้ดูเหมือนทุกคนจะเริ่มถึงขีดจำกัด ซีโรเซียทั้งอ่อนเพลียและเหม่อลอย ส่วนจัสตินที่ใช้พลังไปมากก็อิดโรย ยืนมองหัวหน้าแต่ก็ไม่ได้สนใจคำพูดมากนัก
“ฉันจะยุบทีมพวกนาย”
“ทำไมล่ะครับ” กิลเลนถามเสียงแผ่ว จัสตินเพียงแค่ยักไหล่ไม่สนใจ สำหรับเขา เขาเชื่อมั่นในฝีมือตนเองมากพอแต่สำหรับกิลเลนแล้ว จะต้องแบกความรู้สึกผิดนี่ไปตลอด และนั่นก็สาแก่ใจจัสตินมากพอแล้ว
“สมาชิกมีน้อยเกินไป ภารกิจครั้งนี้พวกนายเสียสมาชิกไปตั้งสามคน ถ้าทีมเหลือกันอยู่แค่นี้คงทำภารกิจต่อไปไม่ไหวหรอก” แมดเดอลีนชี้แจง
“แต่ว่า…”
“ไม่มีแต่” แมดเดอลีนปราม กิลเลนจึงรีบเงียบทันที เขาคอตก “พวกนายจะถูกแยกไปอยู่อัลฟาและบีตาทีมแทน” ยังไม่ทันจะมีการคัดค้านใด ๆ ประตูห้องก็ถูกเปิดออกอัตโนมัติเพราะมีคนเดินผ่านเซ็นเซอร์ ทุกสายตามองไปที่ผู้มาใหม่ เป็นอาเบลนั่นเองที่เข้ามา เขารีบรุดหน้ามาหาเดลตาทีมทันทีที่ได้รับรายงาน
“ซีโรเซีย เสียใจเรื่องเนวิลด้วย” อาเบลหันมาทางซีโรเซีย หญิงสาวคิดว่าจะสามารถกลั้นน้ำตาได้แล้วแท้ ๆ แต่เมื่อได้ยินชื่อของเนวิลน้ำตาของเธอก็ไหลอาบแก้มอีกครั้ง ซีโรเซียปิดปากไม่อยากให้เสียงสะอื้นเล็ดลอดออกมา
เธอคิดถึงตอนที่จะอยู่ช่วยเขาแล้วกิลเลนดึงเธอออกมา หญิงสาวกำหมัดแน่นไม่ได้คิดเลยว่าบาดแผลของคู่หูของเธอไม่อาจรักษาได้ บางทีความเสียใจและความโกรธที่มีอาจจะบดบังเหตุผลไปจนหมดแล้ว ความรู้สึกมากมายประดังเข้ามา
“เพราะนาย...” ซีโรเซียเงยหน้าขึ้นมา ดวงตาจดจ้องไปที่กิลเลนอย่างเคียดแค้น เธอพุ่งไปหาเขาและทุบลงที่อกของกิลเลนซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยแรงที่มี “เพราะนายเนวิลถึงต้องตาย! เป็นเพราะนาย...”
กิลเลนไม่ได้ปฏิเสธหรือพูดอะไร เขายินยอมให้ซีโรเซียทำจนพอใจ เธอร้องไห้โฮระบายความโกรธทั้งหมดมาที่กิลเลน เขาไม่รู้สึกเจ็บเลยเพราะในที่สุดเธอก็เป็นฝ่ายละมือออก ซีโรเซียทรุดลงกับพื้น ร้องไห้อย่างไม่เกรงใจใครทั้งสิ้น
“ถ้าเป็นแบบนี้คงต้องไปปรับความเข้าใจหน่อยล่ะ เพราะภารกิจหน้า… ซีโรเซีย” อาเบลหันมาทางเธอ ซีโรเซียยอมเงยหน้าขึ้นมา “เธอต้องจับคู่กับกิลเลน”
ผู้ถูกเรียกทั้งสองทำสีหน้าตกใจไม่แพ้กัน กิลเลนแปลกใจกับความคิดของอาเบล ยังไม่ทันที่เขาจะได้เอ่ยถามถึงเหตุผล ซีโรเซียก็ลุกขึ้นจากพื้น ตวาดใส่อาเบลอย่างลืมตัว
“ฉันไม่มีวันจับคู่กับคนที่ทำให้คู่หูของฉันตาย” เธอปรายตามาที่กิลเลน เขารู้สึกได้ว่ามันเปลี่ยนไปแล้ว ซีโรเซียเกลียดเขา และมันก็ยากที่จะแก้ไขในความสัมพันธ์แบบนี้ได้ กิลเลนมองเธอด้วยสายตาตัดพ้อ
“แม้ว่าจะต้องถูกลงโทษน่ะหรอ” อาเบลถามซ้ำ
ซีโรเซียยืนยันหนักแน่น “ใช่ค่ะ ไม่ว่ายังไงฉันก็ไม่มีวันจับคู่กับกิลเลน”
“ซีโรเซีย... คือว่าฉัน” กิลเลนพยายามจะอธิบาย อยากให้เธอลดโทสะลงแม้สักเล็กน้อยก็ยังดี ชายหนุ่มยื่นมือออกไป แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือการปัดมือออกอย่างรังเกียจ
เพียะ!
“ไม่ต้องมาแตะตัวฉัน” ซีโรเซียถอยห่างออกไป ปาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม กิลเลนกำมือของตัวเองและปล่อยลงข้างกายอย่างยอมแพ้ เธอกล่าวขอโทษแมดเดอลีนและอาเบลกับการกระทำเมื่อครู่ แมดเดอลีนพยักหน้าอย่างเข้าใจ หญิงสาวทำความเคารพทั้งสองและเดินออกไปโดยไม่แม้แต่จะหันเหลียวมองกิลเลน
บากะอินุไม่อาจเข้าใจการสนทนาได้ มันมองเจ้านายของตนที่ทำหน้าเศร้าหมอง “งี้ด...งี้ด” เจ้าหมาแทรกหัวของมันไปที่มือของกิลเลน เบียดกายที่ปกคลุมด้วยขนอ่อนนุ่มนั้นราวกับจะบอกว่า มันอยู่ข้างเขาและจะคอยปลอบใจเขาไปแบบนี้ แม้ว่าคนอื่นจะไม่ได้คิดแบบนั้นก็ตามที
กิลเลนหันมามองบากะอินุ พูดแผ่วเบา “ขอบใจนะ...”
“ผมขอตัว” จัสตินมองกิลเลนและบากะอินุอย่างเบื่อหน่าย เขารอฟังสัญญาณจากแมดเดอลีน เมื่อเธออนุญาตแล้วจัสตินก็เดินกระแทกไหล่กิลเลนไป กิลเลนไม่ได้เซถลาอย่างที่จัสตินตั้งใจ แต่ความรู้สึกก็พังทลายลงเมื่อในทีมไม่มีใครยอมรับเขาอีกต่อไปแล้ว
แม้จะยังอยู่ในความเศร้า ซ้ำยังเหนื่อยล้าทั้งกายและใจจากภารกิจ แต่กิลเลนก็เดินมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องจำลองการฝึกโดยไม่รู้ตัว ราวกับว่าเขาคิดว่านี่เป็นสิ่งเดียวที่เขาทำได้ในตอนนี้ ระบายทุกอย่างออกมาด้วยการต่อสู้โดยหวังว่ามันจะช่วยบรรเทาความรู้สึกผิดที่แบกรับไว้อยู่ได้บ้าง
แต่เขาก็ไม่ได้มีสมาธิกับมันเลย การฝึกสู้กับตัวโคลนเขาเคยทำได้ดีที่สุดถึงการต่อสู้แบบ สองต่อสามคู่ แต่สภาพของกิลเลนในวันนี้ต่อให้ข้างของเขาจะมีคนมากกว่า เขาก็คงจะแพ้เพราะจิตใจที่ยังสับสน
อาเบลเฝ้าจับตาดูเขาอยู่จากภายนอก ชายแก่รู้สึกไม่สบอารมณ์กับจิตใจที่อ่อนไหวของเขา เขาเชื่อว่านี่เป็นโอกาสที่ดีที่กิลเลนจะเติบโตขึ้น เขาต้องเลิกโทษตัวเองและหันมาคิดถึงประโยชน์สูงสุดของดิกนิตี
แล้วชายแก่ก็บังคับให้โปรแกรมฝึกของกิลเลนหยุดลงและเริ่มการฝึกใหม่โดยมีเขาเป็นคู่ต่อสู้
“ท่านผู้บัญชาการ!” กิลเลนประหลาดใจเพราะโคลนของเขารวมทั้งบากะอินุหายไปจนหมด เบื้องหน้าของเขามีอาเบลที่สีหน้าบึ้งตึงอย่างทุกทีจนยากที่จะบอกได้ว่าเขากำลังรู้สึกอย่างไร
“มาฝึกกับข้าดีกว่าเจ้าหนุ่ม” อาเบลถอดชุดออก จิตสังหารที่แผ่ออกมาทำให้กิลเลนรู้ว่าเขาไม่มีสิทธิ์ปฎิเสธใด ๆ ชายหนุ่มตั้งท่าเตรียมตั้งรับ
จากนั้นชายแก่อายุรุ่นปู่ก็พุ่งเข้ามา เหมือนกับที่เคยเป็นมาก่อนหน้านี้ เขาเร็วกว่าทุกคนที่กิลเลนเคยพบและการโจมตีของเขาก็รุนแรงแทบไม่ได้ต่างจากกิลเลนเลย
“อั๊กกกก…. พลังชี่นี่รับมือยากชมัดเลย” กิลเลนบ่นอุบ เขาพยายามยกสองแขนขึ้นรับสันมือที่ฟาดลงมา แต่ความเสียหายกลับทะลุผ่านแขนทั้งคู่ลงมาได้ ถ้าไม่ใช่ว่ากลั้นใจรับความเจ็บปวดไว้ก่อนตอนนี้เขาอาจจะสลบไปแล้ว
“ว่าไง เจ้าหนู มีแก่ใจจะสู้ขึ้นมารึยัง” ชายแก่แสยะยิ้มน่าขนลุก มันคือรอยยิ้มของความสะใจที่ได้เห็นสีหน้าบิดเบี้ยวของกิลเลนซึ่งสำหรับเขามันดูดีกว่าตอนเขาทำหน้าหม่นหมองมาก
แทนคำตอบ กิลเลนกระโจนเข้าไปทำท่าจะชก แต่ว่ามันเป็นแค่นกต่อ เขาอาศัยการโจมตีลวงเปลี่ยนเป็นลูกเตะแทน อาเบลแม้จะรับไว้ได้แต่มันก็ทำให้เขาถึงกับเซถอยไปเล็กน้อย
“ข้าคิดอะไรสนุก ๆ ออกแล้ว” เขากระโดดถอยห่างออกไปพร้อมรอยยิ้ม
“ครับ” กิลเลนสงสัยว่าเขาจะมาไม้ไหนกัน
“ถ้าโจมตีข้าได้ แม้แต่ครั้งเดียว อยากได้อะไรก็บอก ข้าจะให้หนึ่งอย่าง”
กิลเลนเกือบจะตอบไปว่างั้นขอดิกนิตีไม่ก็หลานสาวของคุณก็แล้วกัน แต่เมื่อเห็นหน้าของอาเบลก็รู้ดีว่าเล่นมุกแบบนั้นไปมีหวังคอขาดแน่ แล้วเขาก็นึกขึ้นได้ว่ามีสิ่งหนึ่งที่เขาต้องการจริง ๆ “อย่าเปลี่ยนใจทีหลังนะครับ”
กิลเลนกระโจนเข้าไปใกล้ เขาใช้ฟุตเวิร์คที่ได้เห็นโอเวนใช้มาก่อน แน่นอนว่ามันไม่ได้ช่วยอะไรนัก แต่นี่ก็เป็นนกต่อเหมือนกัน เขาพยายามทำให้อาเบลชินกับจังหวะเคลื่อนไหวนี้และหวังจะเปลี่ยนฉับพลันเพื่อให้อีกฝ่ายสับสน
“ลูกไม้ตื้น ๆ” อาเบลมองออกอย่างง่ายดายเขาฟาดสันมือใส่ ทำให้กิลเลนต้องโดดหนีสุดตัว
‘...กำลัง ความเร็ว สองอย่างนี้เราเอาชนะไม่ได้เลย ทำยังไงดีนะ…’ กิลเลนคิดในใจ
อาเบลไม่รอให้กิลเลนคิดออก เขาเป็นฝ่ายบุกบ้าง พายุหมัดถูกปล่อยออกมา เป็นความเร็วที่แทบไม่น่าเชื่อ แต่กิลเลนก็เบี่ยงหลบทั้งหมดได้
‘...เราไม่ได้เร็วไปกว่าคุณอาเบลเลย แต่ที่หลบได้มีแค่สาเหตุเดียว…’
สัมผัสได้! กิลเลนบอกกับตัวเอง เขารู้ว่าอาเบลจะโจมตีมาแบบไหน แม้จะเป็นแค่เสี้ยววินาทีก่อนที่จะเกิด แต่ก็รู้สึกได้อย่างชัดเจน การพยายามจับสัมผัสของแวนเดียร์มาตลอดทำให้กิลเลนรู้สึกถึงพลังชีวิตจากสิ่งอื่นรวมทั้งมนุษย์ด้วย
ใช่แล้ว! ถึงจะแค่เศษเสี้ยววินาที แต่กิลเลนมองเห็นอนาคตของการเคลื่อนไหวนั้น และเมื่อมันมารวมเข้ากับปฎิกิริยาตอบสนองที่เหนือมนุษย์ด้วยแล้ว ความต่างชั้นที่ต้องกินเวลาฝึกฝนหลายสิบปีก็ย่นระยะลงในพริบตา
...เตะเข้ามาจากทางซ้าย จากนั้นก็หมุนตัวฟาดด้วยสันมือที่ใส่พลังปราณลงไป...
กิลเลนหลบลูกเตะนั้นได้เฉียดฉิว แต่สันมือที่ตามมาเขาทำได้แค่ปัดป้องมัน ถึงจะแบบนั้นแต่แรงกระแทกก็ยังทะลุผ่านเข้ามา
อั๊กกก
กิลเลนกระอักเลือด แค่เห็น แค่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ไม่ได้หมายความว่าจะหยุดตาแก่คนนี้ได้เลย อาเบลที่เห็นกิลเลนทำท่าจะสลบกลางอากาศพุ่งเข้าไปซ้ำ
ถ้านี่คือการต่อสู้ แน่นอนว่าเขาคงจะตายและพ่ายแพ้ แต่กิลเลนต้องการทำแต้มเพียงแค่คะแนนเดียว เขาอ่านทิศทางการโจมตีของอาเบลไว้ได้หมดแล้ว นี่คือโอกาสเดียวที่เขารออยู่ กิลเลนสวนการโจมตีออกไป กำปั้นของเขามาจากตำแหน่งที่มองไม่เห็น มันชกถูกอาเบลเฉียด ๆ เท่านั้นในขณะที่ใบหน้าของเขาถูกบดขยี้ด้วยฝ่ามืออีกฝ่ายจนแตกยับ
การจำลองการต่อสู้จบลง อาเบลเป็นคนที่รอดชีวิตแต่กิลเลนก็ทำแต้มจากเขาได้ในที่สุด
“ยอดเยี่ยม! เอ้า อยากได้อะไรก็ขอมา” ตาแก่แสยะยิ้ม “เอาของที่มันเป็นไปได้นะ”
พอถูกดักคอกิลเลนที่เพิ่งลุกขึ้นมาก็ทำท่าเขิน ๆ ก่อนจะกลับมาทำหน้าจริงจังอีกครั้ง “เรื่องซีโรเซียครับ…”
ชายหนุ่มสูดหายใจลึกก่อนที่จะพูดต่อ “ผมไม่อยากจับคู่กับเธอ”
อาเบลไม่ได้ตอบแต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา ความเงียบที่เกิดขึ้นทำให้กิลเลนไม่แน่ใจว่าเขาพูดอะไรผิดไปรึเปล่า
“เธอคิดว่าผมมีส่วนต้องรับผิดชอบการตายของเนวิล… อย่างน้อยก็จนกว่าเธอจะทำใจเรื่องนี้ได้ ผมเลย…”
“ไม่ได้หรอก” อาเบลตอบเสียงแข็ง
“แต่คุณบอกว่าจะให้ทุกอย่างที่ขอ…” กิลเลนประท้วงเมื่อเห็นว่าอาเบลผิดคำพูด
“เรามีคนไม่พอ แล้วซีโรเซียก็ต้องจับคู่กับใครสักคนอยู่ดี หรือนายจะปล่อยให้ยัยนั้นสู้แบบไม่มีคู่หูเหรอ”
“แต่ว่า…”
“ข้าตัดสินใจแล้ว ยังไงก็ต้องจับคู่กัน แต่เฉพาะเรื่องที่จะซิงโครกันรึไม่ ก็ตัดสินใจเอาเองก็แล้วกัน”
กิลเลนรู้ดีว่านี่คือจุดที่อาเบลยอมถอยให้ได้มากที่สุดแล้ว และเหตุผลก็ของเขาก็ฟังขึ้น ดิกนิตีมีคนเพียงแค่นี้ เขาต้องใช้ทรัพยากรบุคคลที่มีอย่างจำกัดให้มีประสิทธิภาพที่สุด แถมเรื่องที่ว่าจะให้ซีโรเซียสู้โดยไม่มีคู่หูก็ทำให้เขาห่วงไม่น้อย นี่อาจจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุด อย่างน้อยก็ในเวลานี้
‘...เอาเถอะ อย่างน้อยไม่ต้องซิงโครกัน ยัยนั่นอาจจะยอมก็ได้…’
หลังจากนั้นไม่นานเพื่อให้เกียรติแก่ผู้ล่วงลับ แมดเดอรีนจึงจัดงานศพให้กับเนวิล จีคและเดซี ด้วยความช่วยเหลือจากทีมอื่นที่ทำภารกิจเสร็จก่อนทำให้เขาสามารถนำร่างของทั้งสามออกมาได้ ซีโรเซียเก็บตัวอยู่ในห้อง ปฏิเสธการมาดูร่างไร้วิญญาณของคู่หูตนเองเพราะยังทำใจไม่ได้ ในตอนแรกทีมอื่นบอกกับแมดเดอรีนว่าไม่สามารถค้นหาร่างของจีคและเดซีได้ แต่เมื่อเปิดภาพถ่ายห้องที่ถูกเผาจนกลายเป็นสีดำและซากแวนเดียร์ที่กลายเป็นตอตะโก แมดเดอรีนก็เข้าใจสถานการณ์เป็นอย่างดี
ทุกคนร่วมยืนไว้อาลัย ซีโรเซียอยู่หน้าสุด แม้ไม่อยากจะมาเจอหน้าใครบางคน แต่เธอก็อยากร่วมส่งวิญญาณของเนวิลเป็นครั้งสุดท้าย เธอไม่ร้องไห้อีกต่อไปแล้ว ไม่ใช่เพราะทำใจได้ แต่เป็นเพราะร้องจนไม่มีน้ำตาจะไหลแล้วต่างหาก
กิลเลนอยู่ข้างเธอพร้อมบากะอินุที่ทำหน้าหงอย จัสตินจับกลุ่มอยู่กับคนอื่นเฝ้ามองกิลเลนที่กำลังเผชิญกับสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก กิลเลนสัมผัสถึงแรงกดดันที่แผ่มาจากทุกคนได้ คนอื่น ๆ เชื่อว่าเขาเป็นสาเหตุให้ทั้งสามต้องตายเพราะเขาตัดสินใจไปช่วยพีโอเนีย
หลังจากพิธีเสร็จสิ้น ซีโนเซียก็เดินเบี่ยงออกไปทางอื่น เธอไม่อยากจะเฉียดใกล้กิลเลนเลยด้วยซ้ำ เขาเข้าใจเธอดี จึงไม่อยากรบเร้าให้เธอเปลี่ยนความคิดที่มีต่อเขา กิลเลนกำลังจะเดินออกไปแต่เสียงหนึ่งก็หยุดฝีเท้าของเขาเอาไว้
“กิลเลน ฉันรู้แล้วเรื่องที่นายจะย้ายมาอัลฟาทีม” โอเวนเดินมาหาเขา คนในทีมอื่นได้แต่ยืนอยู่ตามมุมห้อง จับกลุ่มคุยกันแต่สายตาก็หันมามองที่กิลเลน ชายหนุ่มถอนหายใจ เขาไม่มีอารมณ์มาตอบคำถามพวกนี้ด้วยซ้ำไป
กิลเลนเดินออกมาแต่ก็ถูกมือหนาของโอเวนผลักให้กลับไปที่เดิม บากะอินุเห่าอย่างไม่พอใจ มันขู่โอเวนด้วยเสียงทุ้มต่ำ
“ไม่เปนไร บากะอินุ” กิลเลนตบสีข้างมันเบา ๆ เจ้าหมายอมปฏิบัติตาม มันถอยไปอยู่ด้านหลัง แนบหน้ากับขาของกิลเลน ลอบมองโอเวนราวกับไม่ไว้ใจ “ใช่ ทีมของฉันถูกยุบ แมดเดอลีนเลยให้ฉันไปรวมกับพวกนาย”
“ทีมของพวกเราครบแล้ว ไม่ต้องการคนเพิ่ม” โอเวนกอดอกโดยมีบาร์เรตยืนอยู่ข้าง ๆ บาร์เรตเข้ามาพูดสนับสนุนโอเวนโดยมีคาตาลิสต์ของเขามองดูสถานการณ์อยู่ “ถ้าจัสตินกับพีโอเนียน่ะไม่มีปัญหา แต่นาย...” บาร์เรตชี้นิ้วมาที่กิลเลน เหยียดยิ้มมุมปากและปรายตามาที่บากะอินุคู่หูคนสำคัญของเขา “แล้วก็ไอ้หมานี่ พวกเราไม่ต้องการ”
ไม่ใช่เพียงแค่บากะอินุที่เห่าลั่นไปทั่วลานพิธี กิลเลนเองก็เริ่มชักสีหน้าไม่พอใจแล้วเมื่อบาร์เรตพูดจาไม่ไว้หน้า จัสตินเมื่อได้ยินชื่อของตนก็ยืนดูอยู่ห่าง ๆ ว่ากิลเลนจะทำอะไรต่อไป หากกิลเลนตอบโต้ทุกคนก็จะยิ่งมองเขาในทางไม่ดี
กิลเลนไม่ได้ตอบโต้เขายิ้มราวกับประชด เรื่องแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรกและมันก็คงไม่มีทางเป็นครั้งสุดท้าย ตอนนี้เขาก็ไม่สนแล้วด้วยว่าโอเวน บาร์เรต หรือจัสตินจะมองเขาอย่างไร เขาเรียนรู้ว่าการจะทำให้ทุกคนรักนั้นเป็นไปไม่ได้เลย ที่เขาต้องทำก็มีเพียงการตอบแทนคนที่เขามองว่าเป็นมิตรที่แท้จริง สิ่งสำคัญสำหรับกิลเลนในตอนนี้คือการปรับความเข้าใจกับซีโรเซียที่กำลังเสียขวัญ
“จะคิดยังไงของนายก็ตามใจ”