ตอนที่แล้วตอนที่ 30 กุญแจ ปลุกเคล็ดวิชาทางวิญญาณ [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 32 คุณชายเทียนเสีย [อ่านฟรี]

ตอนที่ 31 วิชายุทธระดับสูงที่ไม่สมบูรณ์ [อ่านฟรี]


ตอนที่ 31 วิชายุทธระดับสูงที่ไม่สมบูรณ์

หลินหานได้ไปที่ตำหนักยุทธของสำนัก

อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้จะเข้าไปในชั้นที่หนึ่ง

แม้ว่าตอนนี้ชั้นแรกจะเปิดให้เขาเข้าไปอย่างเต็มที่ แต่วิชายุทธระดับต่ำและระดับกลางที่อยู่ชั้นหนึ่ง ไม่สามารถตอบสนองหลินหานในปัจจุบันได้

เขาต้องการที่จะเข้าสู่ชั้นสอง

"ด้วยขอบข่ายยุทธจตุสวรรค์ในปัจจุบันของเจ้า และสถานะศิษย์อันดับหนึ่งแห่งทำเนียบภายนอก เจ้าสามารถเข้าสู่ชั้นสองได้"

ในเวลานี้ผู้พิทักษ์ตำหนักมองหลินหานด้วยความประหลาดใจ ดูราวกับคิดไม่ถึงว่าชายหนุ่มที่เขาเคยดูถูกก่อนหน้านี้ จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างยิ่งใหญ่ในช่วงเวลาสั้น ๆ

เขามองด้วยรอยยิ้มและพูดทันทีว่า: "ตำหนักวิชายุทธชั้นสอง เหมือนกับครั้งก่อน เจ้ามีสิทธิ์เข้าไป แต่อยู่ได้นานสุดเพียงหนึ่งชั่วยาม แต่คราวนี้เจ้าสามารถเลือกวิชายุทธได้สองเล่ม"

"ขอบคุณผู้อาวุโส"

หลินหานยกมือคำนับ

เมื่อพูดจบ หลินหานก็เดินตรงไปที่ชั้นสองทันที

ตำหนักวิชายุทธชั้นสอง ส่วนใหญ่จะเป็นวิชายุทธระดับกลางและวิชายุทธระดับสูง แน่นอนว่ายังมีวิชายุทธระดับสูงสุดที่ไม่สมบูรณ์รวมอยู่ด้วย

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเป็นวิชายุทธที่ไม่สมบูรณ์ พอถึงจุดที่มันขาดท่อนก็ไม่อาจฝึกฝนได้ต่อ มูลค่าของมันจึงไม่สามารถเทียบได้กับวิชายุทธระดับสูงสมบูรณ์ครบชุด

ดังนั้น บรรดาศิษย์สำนักตระกูลหลินหลายคนจึงไม่มองวิชายุทธระดับสูงสุดที่ไม่สมบูรณ์ เพราะจะทำลายโอกาสที่หาได้ยากในการเข้าสู่ชั้นที่สอง จึงไม่เสียเวลากับตรงนั้น

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เคยมีศิษย์บางคนที่เลือกวิชายุทธระดับสูงสุดเพราะความโลภ แต่เพราะเป็นวิชาที่ไม่สมบูรณ์ ท้ายที่สุดพวกเขายังฝืนฝึกฝนจนจุดชีพจรแตกซ่านถึงแก่ชีวิต

เป็นเช่นนี้แต่ไหนแต่ไรมา ตราบใดที่ไม่ใช่คนโง่ ต่างก็จะหลบเลี่ยงวิชายุทธระดับสูงสุดที่ไม่สมบูรณ์

"ชั้นที่สาม เกรงว่าจะเป็นสถานที่ที่วางวิชายุทธระดับระดับสูงสุดที่สมบูรณ์แบบ ถึงกระนั้น อาจจะมีวิชายุทธระดับที่เหนือกว่าระดับสูงสุดตามตำนานที่เคยได้ยินมา ... "

ดวงตาของหลินหานเปล่งประกายเล็กน้อย

หากเขาได้อันดับหนึ่งในงานเลี้ยงน้ำชาแห่งวิถียุทธ เขาอาจจะมีโอกาสขอร้องระดับสูงของสำนักเพื่อเข้าไปสำรวจในชั้นที่สาม

เมื่อคิดได้ดังนี้ งานเลี้ยงน้ำชาแห่งวิถียุทธที่จะจัดในไม่ช้า หลินหานจะแย่งชิงอันดับหนึ่ง เป็นการตัดสินใจแน่วแน่ครั้งใหญ่

ในเวลานี้ หัวใจของหลินหานก่อเกิดความทะเยอทะยานอันสูงส่ง หากงานเลี้ยงน้ำชาแห่งวิถียุทธเล็กๆของสำนัก หลินหานยังไม่สามารถชนะการแข่งขันชิงชัยมาได้ เขาจะพูดได้เต็มปากเชียวหรือที่จะออกจากเมืองต้วนเทียน ออกจากรัฐเยียน ออกไปค้นหาดินแดนไท่กู่ที่เขาไม่รู้ว่าอยู่แห่งหนใด  จะออกไปตามหา "เทพีน้ำแข็ง" แล้วล้างแค้นได้อย่างไร!

"เทพีน้ำแข็ง" หลานปิงเหยี่ยน ไม่เพียงแค่เป็นการสั่งเสียก่อนตายของจักรพรรดิมังกรอันดับหนึ่งแห่งไท่กู่ แต่ยังกลายเป็นความหลงใหลที่ถูกถ่ายทอดสู่หลินหาน

ผ่านไปครึ่งชั่วยาม มือของหลินหานถือวิชายุทธระดับระดับสูงสองเล่ม ได้แก่ : "เคล็ดวิชากายาหงส์สง่า" และ "เคล็ดวิชาฝ่ามือเพลิงผลาญ"

วิชายุทธระดับทั้งสองชุดนี้ สามารถฝึกฝนโดยใช้ร่างกายส่วนล่างและร่างกายส่วนบน แม้ว่าไม่อาจใช้จัดการศัตรู แต่ยังสามารถใช้จับคู่เคล็ดวิชาจักรพรรดิมังกรแห่งไทกุ เพื่อเคลื่อนย้ายปราณและโลหิต กลั่นกายเนื้อ

นี่คือตัวเลือกที่หลินหานเลือกแล้วหลังจากคิดอย่างรอบคอบ เพราะเขาไม่เพียงแค่อยากหลอมร่างกายเท่านั้น แต่ยังต้องการฝึกฝนจิตวิญญาณอีกด้วย

ทั้งยุทธทั้งวิญญาณฝึกฝนควบคู่กันไป คนนับไม่ถ้วนไม่สามารถคิดเกี่ยวกับสิ่งนี้ แต่หลินหานยึดถือเป็นเป้าหมาย

"ผู้อาวุโสพิทักษ์ตำหนักบอกว่าสามารถวิชายุทธได้สองเล่มเท่านั้น แต่มีเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์สีทองในใจของข้า ข้าจึงสามารถสลักวิชายุทธได้อีกหนึ่งบท เก็บไว้ในความทรงจำและแอบนำออกไป"

หัวใจของหลินหานรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย

ข้าควรเลือกหนังสือเล่มใดเป็นเล่มที่สาม?

เคล็ดวิชาฝ่ามือ, ทักษะร่างกาย, วิชายุทธสายป้องกันตัว, วิชาดาบ ดูเหมือนข้าไม่ขาดสิ่งใดแล้ว

"แม้ว่าลำแสงสิบสามดาบเป็นวิชายุทธระดับสูง แต่ข้าได้ตระหนักถึงขอบข่ายบริบูรณ์ แทบจะไม่มีที่ว่างสำหรับการพัฒนาอีกเลย ... " หลินหานพูดพึมพำกับตัวเอง แล้วดวงตาของเขาก็เป็นประกายสว่างขึ้น

วิชาดาบ!

เขายังต้องการวิชาดาบที่มีระดับสูงยิง่กว่านี้อีก!

แต่ในชั้นสองของตำหนักฝึกยุทธ ล้วนเป็นวิชายุทธระดับสูงสุดที่ไม่สมบูรณ์

"ช่างมันก่อนแล้วกัน ลองเลือกดูก่อน"

หลินหานไม่ได้คิดมากมาย คนอื่นฝึกฝนจนตัวตาย แต่เขามีความสามารถในการเข้าใจประหนึ่งปีศาจเพราะการแปรเปลี่ยนโดยเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์สีทอง บางทีอาจจะมีเรื่องไม่คาดฝันก็เป็นได้

เวลาผ่านไปชั่อย่างช้าๆ เพียงพริบตา เกือบครึ่งชั่วโมงผ่านไป

เวลาหนึ่งชั่วโมง ใกล้จะหมดแล้ว

ในเวลานี้ หลินหานได้เลือกหนังสือโบราณที่ชำรุดทรุดโทรมเล่มหนึ่ง "เคล็ดวิชาดาบปลิดชีพ" คือตัวอักษรโบราณที่สลักไว้บนหน้าปก

นี่เป็นวิชาดาบออันทรงอานุภาพที่มีค่ายิ่งยวดของวิชายุทธระดับสูงสุด!

เพียงแต่ มันไม่สมบูรณ์

"เคล็ดวิชาดาบปลิดชีพ: แบ่งเป็นสี่กระบวนท่า แบ่งออกเป็น รูปแบบทะลวงนภา รูปแบบตัดนภา รูปแบบทลายนภา รูปแบบผลาญสิ้นนภา!"

"รูปแบบที่หนึ่ง 'รูปแบบทะลวงนภา' ต้องฝึกตนจนถึงขั้นอณูสัมฤทธิ์ จึงจะฟาดฟันหนึ่งดาบได้ เข้าใจจนถึงขั้นอุรุสัมฤทธิ์ สามารถฟาดฟันสองดาบได้ 'รูปแบบตัดนภา' เมื่อมันถึงขั้นบริบูรณ์จะสามารถโจมตีดาบที่สาม 'รูปแบบทลายนภา' และดาบที่สี่ซึ่งทรงพลังที่สุด 'รูปแบบผลาญสิ้นนภา' การจะเข้าใจ"เคล็ดวิชาดาบปลิดชีพ"จนถึงขั้นบริบูรณ์  ในจุดนี้ มีเพียงอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์อย่างน่าอัศจรรย์ที่แท้จริงจึงจะสามารถทำได้ "

วิชาดาบนี้ ตั้งชื่อ"ปลิดชีพ" จึงรุนแรงอย่างหาใดเทียบ!

อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้สอดคล้องกับความคาดหวังของหลินหาน

เพราะเขาไม่เคยฝึกฝนดาบที่อ่อนแอ หากจะฝึกฝน ต้องฝึกดาบที่ทรงอำนาจ ดาบแห่งการสังหาร!

เมื่ออ่านคำแนะนำในหนังสือโบราณ ดวงตาของหลินหานส่องสว่างขึ้น "นี่มัน ถ้าความเข้าใจวิชายุทธสูงกว่า" ขอบข่ายบริบูรณ์ " ยังมีขอบข่ายที่เหนือกว่าบริบูรณ์อีก!"

ถัดไป หลินหานเปิด "เคล็ดวิชาดาบปลิดชีพ"ทันที เริ่มสลักตราตรึงในความทรงจำของเขาด้วยเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์สีทอง

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้หลินหาต้องยิ้มอย่างขื่นขม คือ "เคล็ดวิชาดาบปลิดชีพ" นี้ถูกจารึกไว้ด้านหลังว่าเป็นหนังสือโบราณที่ไม่สมบูรณ์ มีเพียงวิธีการฝึกฝนสามรูปแบบแรกเท่านั้น

รูปแบบที่สี่ที่ทรงพลังที่สุด "รูปแบบผลาญสิ้นนภา" ได้หายไป

เพียงแต่ ในตอนที่หลินหานกำลังจะวางหนังสือโบราณลง ทันใดนั้น การสั่นไหวของเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์สีทอง ทำให้วิธีการฝึกฝนรูปแบบที่สี่เริ่มวิวัฒนาการขึ้นในความทรงจำของเขา งและเริ่มที่จะพัฒนาเนื้อหาใหม่ถอดตามรูปแบบทั้งสามก่อนหน้านี้

เปลวไฟศักดิ์สิทธิ์สีทองนี้ แท้จริงแล้วได้วิวัฒนาการเคล็ดวิชาดาบปลิดชีพที่ไม่สมบูรณ์ด้วยตัวมันเอง!

"ข้ารู้อยู่แล้วว่าเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์สีทองไม่เพียงแค่การสลักคัดลอกอะไรแค่นั้น แต่มันยังสามารถพัฒนาให้ก้าวหน้าได้!" หลินหานแสดงสีหน้าประหลาดใจ

เขามองด้วยความดีใจกับสิ่งที่เหนือความคาดหวังนี้

เมื่อมองไปวิชายุทธระดับสูงสุดที่ไม่สมบูรณ์รอบๆซึ่งถูกวางอยู่โดยไม่มีใครแยแส หลินหานก็รู้สึกถึงความร้อนแรงในหัวใจ

"รอให้มีโอกาสก่อน จะต้องมาที่ชั้นสองนี้อีกครั้ง เมือถึงตอนนั้น วิชายุทธระดับสูงสุดที่ใช้การได้จะต้องตกอยู่ในกำมือของข้าทั้งหมด!"

หัวใจของหลินหานหัวเราะร่าออกมาอย่างเปี่ยมสุข

หากระดับสูงของสำนักตระกูลหลินรู้ว่าเขามีความสามารถปานท้าทายสวรรค์ขนาดนี้ ไม่แน่อาจประหลาดใจจนตาถลน

"เวิง"

ในช่วงเวลานี้ หลินหานรู้สึกว่าจิตวิญญาณอ่อนแอลง

ทันใดนั้น เขารู้สึกตื่นตัวในใจ การวิวัฒนาการวิชาจากเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์สีทอง ต้องใช้พลังวิญญาณของเขาอย่างมาก

โชคดีที่เขาก้าวเข้าสู่เส้นทางแห่งนักพรตวิญญาณแล้ว หากวิญญาณเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง เกรงว่าความสามารถปานท้าทายสวรรค์ของเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์สีทองจะเพิ่มขึ้นอย่างไม่มีขีดจำกัด

ในเวลานี้ หลินสานมองสอดส่องภายใน เขาพบว่าดาบที่สี่ "ดาบผลาญสิ้นนภา" เพิ่งจะวิวัฒนาการได้ครึ่งเดียวเท่านั้น แต่พลังวิญญาณของเขาไม่เพียงพอเสียแล้ว

"เวลาหนึ่งชั่วยามกำลังจะหมดไป ออกไปก่อนดีกว่า รอจนกว่าวิญญาณจะฟื้นขึ้นมาแล้วค่อยมาพัฒนาต่อไป"

ตาของหลินหานเป็นประกายของความเด็ดเดี่ยว เขาเดินตรงไปที่ทางออกของตำหนักยุทธ

การเดินทางมาที่ตำหนักยุทธครั้งนี้ หลินหานได้เก็บเกี่ยวครั้งใหญ่

ตราบใดที่ใช้พลังวิญญาณเพื่อวิวัฒนาการดาบที่สี่ "ดาบผลาญสิ้นนภา" จนสมบูรณ์ ก็เท่ากับว่าเขาได้รับวิชายุทธระดับสูงสุดที่สมบูรณ์หนึ่งบทคือ"เคล็ดวิชาดาบปลิดชีพ" มันจะเป็นการชดเชยวิชาดาบที่ตัวเองขาดอยู่ได้สำเร็จ

......

จากนั้น หลินหานออกจากสำนักตระกูลหลิน เขาไปซื้อดาบยาวใหม่อันเป็นอาวุธสงครามระดับกลางด้วยเงินห้าร้อยตำลึงทองที่มีอยู่

หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม

นอกเมืองต้วนเทียน

คราวนี้ หลินหานซื้อม้าวิ่งพันลี้ มาใช้ในการเดินทาง

"แช๊ยะ"

เขากระโดดขึ้นม้า

หลินหานในชุดสีเขียว สะพายดาบยาวด้านหลัง ดวงตาแววาว ฟาดแส้บนม้า หัวเราะเสียงดัง ท่าทางหยิ่งผยองและจากไป

"เป็นเด็กหนุ่มที่ยอดเยี่ยมนัก!"

รอบๆ มีใครหลายคนมองเห็นหลินหาน ต่างก็ชื่นชมจากหัวใจอย่างอดไม่ไหว

ร่างหลินหานที่กำลังควบม้าอยู่ค่อยๆหายออกนอกเมืองต้วนเทียน

แต่ในเวลานี้ มีคนแปลกหน้าสองสามคนสวมชุดสีดำปรากฏที่ประตูเมือง

ชายคนหนึ่งมีรอยแผลเป็นมีดบนใบหน้า มองแผ่นหลังของหลินหานที่กำลังจากไป สายตาแสดงจิตสังหารและความเหี้ยมโหด พูดกับคนที่อยู่ข้างๆว่า:“กลับไปแจ้งนายท่าน บอกว่าหลินหานศิษย์ภายนอกผู้นั้นออกดินทางไปป่าหม่างแห่งเมืองต้วนเทียนแล้ว”

......

หลินหานเดินทางด้วยม้าพันลี้ จึงใช้เวลาไม่ถึงครึ่งวันก็ถึงป่าหม่างแห่งเมืองต้วนเทียนได้ในที่สุด

หลินหานลงจากม้า แม้นตัวคนเดียวแต่ไร้ซึ่งความลังเลที่จะเข้าไปในห้วงลึกของป่าหม่างอันเป็นป่าโบราณที่เต็มไปอันตรายร้ายแรงอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

หลังจากผ่านไปสามชั่วชั่วยาม

"ฉึก"

หนึ่งดาบสังหารเสือดาบเขี้ยวเพลิงอสูรที่อยู่ตรงหน้า หน้าผากของหลินหานย่นเล็กน้อย

เขามาที่นี่ครั้งนี้เพื่อค้นหายาสมุนไพรแห่งฟ้าดินอันล้ำค่า มาเป็นส่วนช่วยให้เขาทลายขอบเขตยุทธ

แต่จนถึงขณะนี้ นอกเหนือไปจากการฆ่าสัตว์อสูรสองสามตัว หลินหานยังไม่พบยาสมุนไพรล้ำค่าสักชนิด

สิ่งนี้ทำให้ใจของหลินหานตึงเครียดขึ้นเล็กน้อย

อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาผ่านไปสามชั่วยาม หลินหานสามารถเข้าใจ "ฝ่ามือเพลิงผลาญ" และ "กายาหงส์สง่า" ได้จนถึงระดับอรุสวรรค์ และเข้าใจ "ดาบปลิดชีพ" จนถึงระดับอุรุสวรรค์เช่นกัน จนสามารถปลดปล่อยดาบเล่มแรกคือ "รูปแบบทะลวงนภา"

หากรวมกับวิชาดาบถอดฝัก หนึ่งดาบปานสายฟ้าฟาด หนึ่งดาบแทงทะลวงท้องฟ้า

พลังของดาบเล่มแรกนั้นยอดเยี่ยมอย่างหาใดเปรียบจริงๆ!

พัพสักครู่ หลินหานก็พร้อมที่จะเดินทางต่อไป

เมื่อครุ่นคิดถึงตรงนี้ หลินหานได้เตรียมตัวจะเดินไปต่อในจุดที่ลึกขึ้น

ทันใดนั้นเอง

มีร่างคนจำนวนหนึ่งโผล่ออกมาจากป่าทึบโดยรอบในทันทีทันใด

ทั้งหมดมีสามร่าง

เป็นชายร่างใหญ่สามคนที่มีใบหน้าเย็นชา พวกเขามีร่างกายสูงล่ำและแข็งแรง เสียงหายใจออกเหมือนฟ้าร้อง ในเวลานี้ได้ล้อมรอบตัวของหลินหาน ปิดทางถอยหนีของหลินหานในทันที

"พวกเจ้าเป็นใคร" หลินหานถาม

เขาสังเกตเห็นด้วย "เนตรนภา"อันเป็นวิชาของนักพรตวิญญาณ จนพบว่าทั้งสามคนนี้มีสสารถ่องแท้อย่างหนาแน่น ล้วนมีตบะแห่งยุทธปัญจสวรรค์

"เจ้าหนู ไม่ต้องถามอะไรมาก เจ้าแค่ตามเราไปอย่างว่าง่าย"

ชายทั้งสามยิ้มอย่างเย็นชา

ซัวลา!

มือของพวกเขาปรากฏโซ่สีถ่านหินขนาดใหญ่เส้นหนึ่ง ดูเหมือนว่าพวกเขาต้องการบังคับจับตัวหลินหานกลับไป

หลินหานเห็นดังนี้ ดวงตาของเขาเย็นชา เตรียมพร้อมที่จะฆ่าคนสามคนทันที

“พวกเจ้าเร็วๆหน่อย”บุปผาพิษกลืนกินสวรรค์“ของคุณชายเทียนเสียกำลังจะครบกำหนดแล้ว ต้องการเลือดเสริมจำนวนมาก!”เสียงหนึ่งมาจากระยะไกล ดูราวกับร้อนรนเล็กน้อย

“เดี๋ยวก่อน เรากำลังจะจับเจ้าหนูยุทธจตุสวรรค์คนหนึ่ง มันเป็นอาหารเลือดชั้นดี” ชายร่างใหญ่ที่อยู่ตรงนั้น รีบบอกทันที

บุปผาพิษกลืนกินสวรรค์?

ดวงตาของหลินหานเปล่งประกาย

ทันใดนั้น หลินหานก็พูดว่า "ข้าจะตามพวกเจ้าไป นำทาง!"

เมื่อพูดจบ ทั้งสามต่างก็มองหน้ากันแล้วตะโกน: "กล้าดีนี่!"

"เจ้าหนู ข้าขอแนะนำให้เจ้าอย่าคิดเล่นตุกติกเป็นอันขาด"

ชายทั้งสามเก็บเชือกกลับมา ยิ้มเย้ยหยัน แล้วนำทางไปข้างหน้า

หลินหานติดตามอย่างใกล้ชิด ทะยานไปในทิศทางที่ไกลออกไป

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด