ตอนที่ 16 ท่านหญิงลินเดียร์
ตอนที่ 16 ท่านหญิงลินเดียร์
ตั้งแต่เรดิกัลถูกสาปให้กลายเป็นสตรี เขามีแต่ความอัดอั้น ครั้งแรกแทบหิวตายในป่าใกล้ปราสาททมิฬต้องร้องขอน้ำจากเด็กสาวนามเซน่า ต่อมาถูกกลุ่มบุรุษทำร้ายในโรงเตี๊ยมสุขสันต์ที่หมู่บ้านดอร์มัง โชคดีได้โคโล่ช่วยไว้ จากนั้นต่อสู้กับจอมเวทจันทราเธด้าพ่ายแพ้ หากไม่ใช่โคโล่ยินยอมบาดเจ็บที่มือยิงศรเวทสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ช่วยไว้ไม่แน่เขาอาจตายไปแล้ว
แต่เมื่อได้เรียนเพลงดาบจากจอมเวทจันทรา แม้จะถูกสาปเป็นสตรี เรดิกัลก็ไม่ใช่คนอ่อนแอที่จะถูกข่มเหงได้อีกต่อไป วันนี้เขาจัดการบุรุษชุดดำได้ห้าคน รู้สึกสมใจยิ่ง รังสีอำมหิตในตัวเขาถูกปลุกขึ้น
ดังนั้นเรดิกัลในร่างสตรีนามเซน่าคิดจะจัดการหัวหน้าบุรุษชุดดำด้วยตนเอง !
หัวหน้าบุรุษชุดดำกล่าวว่า “ท่านหญิงลินเดียร์ช่างอวดดีนัก”
เซน่าขมวดคิ้ว นางไม่ทราบว่าท่านหญิงลินเดียร์เป็นใคร ทราบแต่ว่าคนคิดที่จะทำร้ายนางต้องตาย !
หัวหน้าบุรุษชุดดำสะบัดดาบหนึ่งครั้ง เวทแห่งลม “วินด์กัส” (Wind Gusts-ลมกรรโชก) ก็ถูกปล่อยออกจากคมดาบพร้อมลมที่กรรโชกอย่างรุนแรง
ครานี้เซน่าระวังตัวไว้ก่อนแล้วจึงหลบหลีกได้อย่างว่องไว แต่เวทวินด์กัสเป็นเวทแห่งสายลม แม้จะหลบได้แต่พลังสายลมยังปะทะใส่ใบหน้านางจนเจ็บแปลบ
ชายชุดดำสะบัดดาบอีกครั้งหมายใช้เวทแห่งลมจู่โจมจากระยะไกลอีก แต่เซน่าพุ่งกายเข้ามาแล้ว
“วินด์กัส” ชายชุดดำร้อง พร้อมสะบัดดาบ พลังเวทแห่งลมเปล่งพลังสีเขียวเป็นแนวขวางจู่โจมใส่เซน่าที่วิ่งเข้ามา เซน่าไม่ต่างจากนำคอมารับคมดาบ
แต่เซน่าพลันไถลกายกับพื้น หลบพลังลมได้อย่างฉิวเฉียด ร่างของเซน่าไถลเข้ามาใกล้บุรุษชุดดำ เซน่ารีบลุกขึ้นนั่งด้วยท่าคุกเข่าข้างหนึ่งและแทงดาบมูนสตรองใส่ทรวงอกบุรุษชุดดำอย่างแม่นยำ
เพลงดาบเงาจันทรา ขอพรดวงจันทร์
ท่าดาบขอพรจากดวงจันทร์เป็นท่าจู่โจมจากระยะล่างขึ้นบนเปรียบเสมือนการคุกเข่าอ้อนวอนขอพรจากดวงจันทร์นั่นเอง
บุรุษชุดดำคาดไม่ถึง แต่ปฏิกิริยามันว่องไวไม่น้อยกว่าเซน่า มันรีบถอยกายหลบ ดาบของเซน่าจึงทำได้เพียงแทงทะลุเสื้อผ้าของมัน
ในการต่อสู้ย่อมไม่อาจเสียจังหวะแม้เพียงเล็กน้อย เซน่าได้ทีก็ฟาดฟันดาบใส่บุรุษชุดดำไม่หยุดยั้ง ไล่ต้อนมันจนแทบไม่มีเวลาหายใจ
“เวิร์ด วินด์” (Whirl Wind – ลมหมุนทะยาน) ชายชุดดำร้องขึ้น ทันใดนั้นเซน่ารู้สึกมีสายลมหอบหนึ่งพัดมา จากนั้นร่างชายชุดดำลอยขึ้นสูงเกือบสี่เมตรหลบดาบของเซน่าที่กำลังฟาดฟันมาได้
ชายชุดดำลอยตัวอยู่กลางอากาศพร้อมฟันดาบลงมาเบื้องล่าง เซน่ารีบถอยกายหลบ ดาบของชายชุดดำแทบกระทบกับพื้นดิน พลังลมของดาบกระจายออกรอบด้านแม้แต่เซน่ายังสัมผัสได้ถึงพลังลมอันรุนแรง
ชายชุดดำลุกขึ้นฟาดฟันดาบใส่เซน่าด้วยความว่องไวดุจลมพายุ ครานี้เขาเป็นฝ่ายตีโต้บ้างแล้ว
เซน่าถอยกายไม่หยุด จากนั้นนางพลันก้าวเท้าเป็นรูปจันทร์เสี้ยวหลบดาบของชายชุดดำ
เซน่าแทงดาบออกเป็นวงโค้งรูปเสี้ยวจันทร์ แต่ชายชุดดำระวังท่าดาบอันแปลกประหลาดของเซน่าไว้ก่อนแล้วจึงขยับกายหลบได้
ทว่าท่าดาบวงโค้งของเซน่าคล้ายไม่มีวันใช้ได้หมดสิ้น ดาบของเซน่าแทงวกไปอ้อมมา ก่อกวนจนศัตรูตาลาย ชายชุดดำก็ไม่ทราบจะรับมือเพลงดาบที่ไร้ทิศทางแบบนี้อย่างไร มันได้แต่สะบัดดาบคุ้มกันกาย
แต่ไม่นานชายชุดดำก็เห็น ทุกครั้งที่เซน่าใช้ท่าดาบรูปวงโค้งขณะเปลี่ยนทิศทางดาบจะมีช่องว่างวูบหนึ่ง
เป็นช่องว่างแห่งความตาย !
ขณะเซน่าขยับข้อมือเปลี่ยนทิศทางดาบอีก ชายชุดดำพลันขยับกายเข้าหาเซน่าพร้อมแทงดาบอย่างรวดเร็ว ดาบของมันบรรจุพลังเวทแห่งลมไว้อย่างล้นเหลือ หากพลังเวทลมสัมผัสถูกกายเซน่า ร่างนางจะถูกฉีกเนื้อออกเป็นชิ้น ๆ
แต่มันพลันเห็นผงสีฟ้าลอยมา มันไม่ทราบคืออะไร?
ชั่วขณะที่มันสูดดม มันรู้สึกง่วงนอน !
บุรุษชุดดำตื่นตระหนกยิ่ง ขณะนี้มันกำลังต่อสู้ตัดสินเป็นตาย จู่ ๆ ทำไมง่วงนอนได้ ?
จากนั้นมันรู้สึกเปลือกตามันกำลังจะปิดลง ชั่วขณะนั้นเซน่าพลันกรีดดาบใส่คอมันอย่างแม่นยำ ความง่วงนอนของมันถูกแทนที่ด้วยความเจ็บปวดและความตาย !
“ท่านหัวหน้าสั่งให้เรามาสังหารท่านหญิงลินเดียร์ แต่คนเบื้องหน้าข้าไม่ใช่ท่านหญิง ไม่ใช่แม้แต่สตรี หรือไม่ใช่แม้แต่มนุษย์ หากแต่เป็นปีศาจ” บุรุษชุดดำคร่ำครวญในใจก่อนสิ้นชีพ
ที่แท้เซน่าจงใจเปิดจุดอ่อนในเพลงดาบเงาจันทราให้บุรุษชุดดำเห็น ให้บุรุษชุดดำใช้ช่องว่างขณะที่เซน่ากำลังเปลี่ยนท่าดาบหลอกล่อให้มันจู่โจมเข้ามา จากนั้นเซน่าล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงซัดผงสู่ราตรีใส่บุรุษชุดดำ ทำให้มันรู้สึกง่วงนอนในฉับพลัน
ผงสู่ราตรีเป็นผงของจอมเวทจันทราเธด้าให้แก่เซน่า
บุรุษชุดดำความจริงคือมือสังหาร ชีวิตมันสังหารคนมานับไม่ถ้วน แต่ก่อนตายมันเพิ่งทราบว่ามือสังหารที่แท้จริงอย่างน้อยต้องเป็นอย่างสตรีนางนี้ !
โชก้าเห็นการต่อสู้ของเซน่ากับบุรุษชุดดำเขาได้แต่อ้าปากค้าง เขานึกไม่ถึงในโลกจะมีสตรีมีฝืมือเด็ดขาดและมีเล่ห์เหลี่ยมน่ากลัวอย่างนี้
เซน่าเก็บดาบเข้าฝัก นางเห็นโชก้ามองนางอย่างตะลึงจึงถาม
“แล้วบุรุษชุดดำอีกสองคนนั้นเล่า?”
บุรุษชุดดำอีกสองคน ผู้หนึ่งถูกเซน่าตัดเอ็นข้อมือ อีกผู้หนึ่งถูกเซน่าตัดมือจนขาดด้วน พวกมันพอเห็นเซน่าเอาชนะหัวหน้ามันได้ก็ต่างวิ่งหนีไป แต่โชก้ามัวแต่ตะลึงกับการต่อสู้ไม่ทันสังเกตว่าพวกมันหนีไปเมื่อใด
โชก้าหันไปมองซ้ายขวาไม่พบบุรุษชุดดำจึงกล่าวว่า “พวกมัน..พวกมัน..”
เซน่ากล่าวเสียงดุว่า “ช่างไม่มีความรอบครอบ หากมันไปแจ้งต่อพรรคพวกมัน พวกเราก็จะลำบากแล้ว”
โชก้าไม่ต้องการให้คนที่เป็นว่าที่ภรรยาตำหนิ จึงเปลี่ยนเรื่องกล่าวว่า “ที่เจ้าใช้เมื่อครู่คือผงสู่ราตรีใช่หรือไม่?”
เซน่าถามกลับว่า “เจ้ารู้จักผงสู่ราตรี?”
โชก้ารีบพยักหน้าตอบ “ผงที่ทำให้หลับใหล ข้าเป็นพ่อค้าที่ท่องไปทั่วดินแดนเหนือใต้ ผงสู่ราตรีข้าก็เคยขายมาก่อน แต่ข้าไม่ได้พบคนทำมาเนิ่นนานแล้ว ดังนั้นข้าจึงคิดว่า…”
เซน่ากล่าวว่า “เลิกกล่าววาจาไร้สาระ รีบตามรอยเลือดของบุรุษชุดดำทั้งสองไปแล้วสังหารพวกมันก่อนมันจะไปแจ้งพรรคพวก”
โชก้าคาดไม่ถึงว่าเซน่าจะพูดถึงการฆ่าคนอย่างเป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่คำพูดเซน่าก็ถูกต้องทุกประการ มันจึงกล่าว
“หากเจ้าเป็นแม่ค้า ด้วยสติปัญญาของเจ้าหากค้าขายขาดทุน ข้าจะยอมกลับดินแดนถิ่นเกิดของข้าโดยไม่ขอออกมาอีก”
ขณะที่ทั้งสองจะเดินตามรอยเลือดบุรุษชุดดำพลันได้ยินเสียงม้ากำลังมาถึง
ทั้งสองหันกายไปมองพบรถม้าคันใหญ่คันหนึ่งตกแต่งอย่างงดงาม ประตูและหลังคารถม้าสีทอง ผนังกำแพงรถสลักลวดลายดอกไม้ทั้งดอกกุหลาบและดอกลิลลี่ รถม้าคันนี้ใช้ม้าสีขาวสี่ตัวลาก ม้าแต่ละตัวล้วนขนขาวสะอาดหาได้ยากยิ่ง
ขบวนรถม้ามีทหารม้าคุ้มกันประมาณยี่สิบคน ทหารเดินเท้าอีกประมาณสี่สิบคน ขบวนรถโอ่อ่าเช่นนี้คงมีแต่ขุนนางสูงศักดิ์
ขณะที่รถม้าคันใหญ่กำลังเดินทางมาถึงบริเวณที่โชก้าและเซน่าอยู่ รถม้าคันนั้นก็หยุดลงอย่างกะทันหัน ที่แท้สารถีบนรถม้าเห็นซากศพมากมายจึงรีบหยุดรถม้าทันที
สารถีซึ่งไว้หนวดดำแต่งกายชุดสีแดงกล่าวว่า “ข้างหน้า..ข้างหน้ามีคนตายมากมาย ท่านหญิงเราจะทำอย่างไรต่อ”
เซน่าและโชก้าได้ยินคำว่าท่านหญิงต่างหันไปมองหน้ากัน
หรือนางจะเป็นท่านหญิงลินเดียร์?!
ภายในรถม้าไม่มีเสียงตอบรับ แต่ทหารเกราะเงินซึ่งอยู่บนหลังม้าคนหนึ่งกล่าวว่า “ข้าจะไปสำรวจดูก่อน พวกเจ้าตามข้ามา”
เห็นทหารชุดเกราะเงินประมาณสิบคนขี่ม้ามาถึงบริเวณที่เซน่าและโชก้ายืนอยู่ คนนำหน้าเป็นชายไว้หนวดเคราสีทองอายุประมาณสี่สิบ
ทหารเกราะเงินไว้หนวดทองเห็นดาบเซน่าและค้อนทองเหลืองของโชก้าเปื้อนเลือดจึงถาม
“คนเหล่านี้พวกเจ้าสังหาร?”
โชก้ากล่าวว่า “ท่านทหารผู้มีเกียรติ คนพวกนี้เป็นคนเลว พวกมันมาถามหาท่านหญิงนางหนึ่ง พวกเราบอกไม่รู้จัก แต่มันกลับจะฆ่าพวกเรา ช่างไม่มีเหตุผลนัก”
ทหารหนวดทองหันไปมองหน้านายทหารด้วยกัน จากนั้นกล่าวว่า “คนแคระเจ้าหมายถึงท่านหญิงไหน?”
โชก้ากล่าวว่า “ท่านหญิงลิน..ลินอะไรนั่นข้าจำชื่อนางไมได้”
ทหารหนวดทองขมวดคิ้วกล่าวว่า “ท่านหญิงลินเดียร์?”
โชก้าพยักหน้ากล่าวว่า “ใช่ ใช่ เป็นชื่อนั้นเอง”
ทหารหนวดทองตวาดว่า “ผู้ต้องสงสัย จับมัน!!”
ทันใดทหารม้าสิบนายซึ่งถือหอกยาวสีเงิน พลันบังคับม้าล้อมเซน่าและโชก้าไว้ เซน่าชักดาบหมายสังหารพวกมัน
โชก้าเกรงเซน่าจะฆ่าคนอีก ครั้งนี้หากฆ่าทหารขึ้นมาจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ มันคงไม่อาจเข้ามาค้าขายในโกลด์เด้นกราวด์ได้
เหล่าทหารม้าเกราะเงินกระชับวงล้อมเข้ามาเรื่อย โชก้าตวาดเสียงดัง
“เอิร์ท แฮมเมอร์” (Earth Hammer-ค้อนพสุธา)
โชก้าใช้ค้อนทุบพื้นอย่างรุนแรง ทันใดนั้นพื้นเกิดสั่นสะเทือนและเป็นรอยแตกแยก เกิดคลื่นสั่นสะเทือนที่มองไม่เห็นจากผิวดินขึ้นกระจายเป็นวงกว้างราวสามเมตร ม้าของทหารเกราะเงินต่างยกขาขึ้นร่ำร้องด้วยความตกใจ
“เหรียญสงคราม” คนแคระร้องขึ้นอีกครั้ง เศษดินเศษหินเล็ก ๆ ลอยขึ้น จู่โจมใส่ใบหน้าทหารเกราะเงินสามคน พวกมันต่างรีบหลับตาหลบทันที
คนแคระร้อง “อย่าได้ฆ่า หนี”
โชก้าและเซน่าวิ่งไปทางทหารสามคนที่กำลังขยี้ตาจากเศษฝุ่นเศษดินเพื่อขึ้นรถม้า เซน่าถามว่า “ท่าเหรียญของเจ้าทำได้แค่นี้?”
โชก้ากล่าวว่า “ข้าเป็นพ่อค้า ไม่ใช่นักรบ โลกนี้อาจมีพ่อค้าที่ขายอาวุธ แต่ไม่มีพ่อค้าที่ทำสงคราม”
ขณะที่พวกโชก้าจะถึงรถม้าเขา ทหารหนวดทองพลันบังคับม้าวิ่งมาอย่างรวดเร็วดุจสายลม เขาแทงหอกใส่ด้านหลังเซน่าทันที !
ทันใดมีก้อนหินขนาดเท่ากำมือเด็กทารกลอยมา ซัดถูกศีรษะมัน ยังดีที่มันสวมหมวกเหล็กไว้จึงไม่ถึงกับศีรษะแตกแต่ก็ได้รับความเจ็บปวดไม่น้อย แต่การแทงหอกใส่เซน่าก็ต้องชะงักไป
“ใครลอบทำร้ายข้า” ทหารหนวดทองตะโกน มันหันไปมองรอบ ๆ ก็ไม่พบเห็นผู้ใด
พวกทหารเกราะเงินยามนั้นตั้งตัวได้แล้ว พวกมันต่างพากันขับควบม้าวิ่งมาล้อมรถม้าของโชก้าไว้
แววตาเซน่าปรากฏความอำมหิตขึ้น นางเตรียมฆ่าคนอีกแล้ว
“หยุดก่อน”
เสียงสตรีนางหนึ่งดังขึ้น ซุ่มเสียงนางแผ่วเบาและไพเราะดุจเสียงนกระจิบร้อง แต่สำหรับทหารเกราะเงินถือว่าเป็นเสียงที่ทรงอำนาจอย่างยิ่ง
เซน่าเห็นสตรีนางหนึ่งเปิดประตูรถม้าสีทองออกมา เห็นสตรีนางนั้นอายุไม่เกินยี่สิบปี สวมชุดสีขาวสะอาด ผมดำยาว ใบหน้างดงามผุดผ่อง คิ้วเรียวดังคันศร ปากสีชมพู รูปร่างผอมบางคล้ายจะถูกสายลมพัดไปได้ทุกเมื่อ แต่ความงามของนางก็สะกดผู้คนที่ได้ยลโฉม
“ท่านหญิง อย่าได้ออกไป อันตราย” เสียงสตรีอีกนางหนึ่งดังขึ้นจากในรถม้า
สตรีชุดขาวทำเป็นไม่ได้ยินกล่าวว่า “มอสกิล อย่าได้ทำร้ายพวกเขา พวกเขาไม่มีเจตนาร้าย”
มอสกิลกล่าวว่า “แต่ว่า..”
สตรีชุดขาวกล่าวว่า “ท่านไม่ได้ยินที่คนแคระท่านนี้พูดหรือ? เขาบอกอย่าได้ฆ่าแสดงว่าไม่มีเจตนาร้าย”
โชก้าเห็นสตรีงามชุดขาวก็ได้ตะลึง เขากล่าวว่า “ท่านคือ..ท่านคือท่านหญิงลินเดียร์หรือ?”
สตรีชุดขาวพยักหน้ากล่าวว่า “ใช่ ข้าเอง ท่านคือ?”
คนแคระรู้สึกท่านหญิงนางนี้อ่อนโยนกว่าเซน่าหลายเท่า เขาค้อมกายลงกล่าวว่า “ข้าชื่อโชก้าเป็นพ่อค้าเร่ร่อน ข้าค้าขายสินค้าหายากที่ไม่อาจพบเจอได้ในแดนเหนือใต้ สินค้าของข้ามีทั้งของบุรุษและสตรี สำหรับสตรีสูงศักดิ์เช่นท่าน…”
“เจ้าพูดเหลวไหลอะไร” ทหารหนวดทองที่ชื่อมอสกิลตวาด
คนแคระรีบหุบปากลง เขารู้สึกตัวเองพูดมากอีกแล้ว
สตรีชุดขาวซึ่งก็คือท่านหญิงลินเดียร์มองไปที่เซน่าถามว่า “ท่านชื่ออะไร?”
เซน่ากล่าวตอบชื่อนางไป
ท่านหญิงลินเดียร์ลงมาจากรถม้าเดินไปหาเซน่า เหล่าทหารรีบติดตามนางทันที ยังมีสาวใช้ของท่านหญิงลินเดียร์อายุประมาณสี่สิบปีวิ่งตามมาด้วยเช่นกัน มอสกิลและเหล่าทหารซึ่งอยู่บนม้าต่างลงจากอาชาคู่ใจมาค้อมคำนับ
ลินเดียร์กล่าวว่า “ได้โปรดช่วยเล่าเรื่องชายชุดดำเหล่านี้ให้ข้าฟัง”
โชก้ารีบปฏิบัติตามคำพูดสตรีงาม เขาเล่าเรื่องราวที่ได้พบชายชุดดำที่หาเรื่องพวกเขาและเข้าใจผิดว่าเซน่าเป็นท่านหญิงลินเดียร์ จากนั้นก็เปิดฉากการฆ่าฟันกันขึ้น
ลินเดียร์มองไปที่เซน่าเห็นนางมีผมสีดำขลับเช่นกัน ความงามของเซน่าคล้ายยังเหนือกว่านางอีก ลินเดียร์จึงกล่าว “ถ้าเช่นนั้นข้าก็เป็นเหตุทำให้พวกท่านลำบากแล้ว”
มอสกิลกล่าวว่า “แล้วเหล่าบุรุษชุดดำมันหมายจะสังหารท่านหญิงเพราะเหตุใด? ท่านหญิงเป็นผู้มีเมตตาไม่เคยสร้างศัตรูมาก่อน”
ลินเดียร์กล่าวว่า “ข้าไม่ทราบ เมื่อถึงเมืองหลวงแล้ว ค่อยให้ท่านพ่อใช้คนสืบสวนเรื่องนี้”
โชก้ากล่าววว่า “ท่านจะไปเมืองหลวงอีรอสหรือ?”
ลินเดียร์พยักหน้ากล่าวว่า “ใช่ ท่านเล่าจะไปยังที่ใด?”
โชก้ายิ้มกล่าวว่า “นับว่าใจตรงกัน พวกเราจะไปยังเมืองหลวงอีรอสเช่นกัน”
ลินเดียร์ยิ้มตอบกล่าวว่า “เมืองหลวงอยู่ไม่ไกลจากที่นี่นัก เช่นนั้นเราร่วมทางด้วยกันก็ได้”
มอสกิลกล่าวว่า “ท่านหญิง เราไม่ควรร่วมทางกับคนแปลกหน้า เรายังไม่ทราบว่าที่พวกเขากล่าวเป็นจริงหรือเท็จ”
โชก้ากล่าว “ท่านทหารกล้าผู้มีเกียรติ พวกเราทราบว่าท่านไม่ไว้ใจ..”
ยังไม่ทันพูดจบ โชก้าก็เห็นแสงประกายสีเงินวูบ
เป็นวูบเดียวที่รวดเร็วดุจประกายไฟ
ดาบมูนสตรองของเซน่าจ่อที่คอของมอสกิลโดยที่ผู้ใดก็ไม่อาจเห็นชัดตา !
เซน่ากล่าวว่า “หากเรามีเจตนาร้าย ดาบข้าคงไม่หยุดอยู่เพียงที่คอเจ้า”
ท่านหญิงลินเดียร์ตกใจเล็กน้อย จากนั้นจึงกล่าวว่า “ท่านเซน่า ท่านปล่อยเขาเถอะ มอสกิล ท่านเห็นแล้วใช่ไหมเขาไม่มีเจตนาร้าย”
มอสกิลรีบพยักหน้า
บางครั้งการใช้กำลังคลี่คลายเรื่องราวยังง่ายดายกว่าใช้วาจานัก !
โชก้า เซน่าและท่านหญิงลินเดียร์ต่างร่วมทางมุ่งหน้าไปยังเมืองหลวงอีรอสด้วยกัน ทั้งหมดผ่านช่องเขาเสียงมังกร เมื่อยามพลบค่ำ พวกเขามาถึงป่าเล็ก ๆ แห่งหนึ่งซึ่งมีต้นไม้เขียวขจี ทั้งหมดต่างตั้งกองไฟเพื่อพักแรมที่นั่น
โชก้าหยิบหม้อทันใจและถุงผ้าแห่งเธียร์ขึ้นมาเพื่อทำอาหาร หม้อทันใจสามารถทำทุกสิ่งให้สุกได้โดยไม่ต้องจุดไฟ ส่วนถุงผ้าแห่งเธียร์ก็มีไอเย็นข้างในใช้สำหรับถนอมอาหารไม่ให้บูดเน่าเร็วเกินไป พวกทหารต่างเห็นสินค้าแปลกประหลาดของโชก้าต่างก็สนใจทั้งสิ้น
โชก้าเห็นเช่นนั้นรีบโก่งราคาสินค้าเพื่อขายของและเขายังเข้าไปในรถม้าหยิบสินค้าแปลกประหลาดมามากมาย ทั้งไม้ที่จุดไฟได้เอง กล่องวิเศษที่ไม่ต้องลั่นกลอนแต่สามารถเปิดได้เมื่อผู้ใช้กล่าวรหัสลับที่ตนตั้งไว้ ท่านหญิงลินเดียร์เห็นของโชก้าแปลกประหลาดน่าสนใจก็ไต่ถามไม่หยุด
ลินเดียร์เห็นเซน่าลุกขึ้น จึงถาม “เซน่า ท่านจะไปไหน”
“เดี๋ยวข้ากลับมา” เซน่ากล่าวเสียงราบเรียบ
เซน่าเดินเข้าไปในส่วนลึกของป่าจากนั้นตะโกนว่า “โคโล่ ข้ารู้ว่าเจ้าอยู่แถวนี้ เจ้าออกมา”
เซน่าตะโกนอีกครั้ง “โคโล่เจ้าออกมา”
สักพัก เห็นใบไม้ล่วงหล่นลงพื้น บุรุษผู้หนึ่งใบหน้าอ่อนเยาว์ ผมสีน้ำตาลแดง กระโดนลงจากต้นไม้สูงหกเมตร
เป็นโคโล่
เซน่ากล่าวว่า “ทำไมเจ้าถึงตามข้ามา?”
โคโล่กล่าวว่า “ข้าเคยรับปากเจ้าจะพาเจ้ามายังโกลด์เด้นกราวด์ ข้าไม่อาจผิดคำสัญญา”
โคโล่ถามกลับว่า “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าตามเจ้ามา?”
เซน่าตอบว่า “ผู้ที่ขว้างก้อนหินใส่ทหารช่วยเหลือข้าคือเจ้า ก้อนหินลอยมาจากระยะไกลโดยไม่เห็นตัวผู้ขว้าง แสดงว่ามีผู้ใช้เวทแห่งลมบังคับมัน”
โคโล่ยิ้มกล่าวว่า “เจ้ายังคงฉลาดเหมือนเดิม”
โคโล่คลายรอยยิ้มออก จากนั้นกล่าวว่า “ข้าส่งเจ้าถึงเมืองหลวงอีรอส ครั้งนี้ข้าต้องไปจริง ๆ ข้าเห็นฝีมือดาบของเจ้าก็รู้ว่าเจ้าสามารถคุ้มครองตนเองได้แล้ว ฝีมือของเจ้ายามนี้ยังเหนือกว่าข้าอีก”
เซน่ากล่าวว่า “เจ้าจะไปไหน?”
โคโล่กล่าวว่า “ข้าจะไปตามหาอาจารย์ไซนอสเพื่อเรียนรู้วิชาเพิ่มเติม จอมเวทจันทราพูดถูก หากข้ามีฝีมือเพียงเท่านี้ย่อมไม่อาจล้างแค้นเพโดกัสซึ่งถือศรีศูลแห่งเมโดก้าที่ทรงพลังได้”
เซน่าถามว่า “อาจารย์เจ้าอยู่ไม่เป็นหลักแหล่งจะหาได้อย่างไร?”
โคโล่กล่าวว่า “พรานป่าย่อมหาพรานป่าด้วยกันได้ไม่ยาก”
จากนั้นโคโล่กล่าวต่อว่า “เจ้าต้องระวังคนแคระด้วย เขาอาจมีเจตนาไม่ซื่อกับเจ้า”
เซน่ากล่าวว่า “เขาทำอะไรข้าไม่ได้หรอก”
โคโล่ยิ้ม ครั้งนี้รอยยิ้มของเขาปราศจากความร่าเริงแต่แทนที่ด้วยความเศร้า “ข้าไปแล้ว ดูแลตนเองให้ดี”
เซน่าพยักหน้า เห็นโคโล่ทะยานดุจสายลมจากไป หากนางเรียกโคโล่ให้กลับมา โคโล่จะหวนกลับมาหรือไม่?
ชั่วชีวิตเซน่าไม่เคยมีสหายมาก่อน นางเป็นกษัตริย์แห่งความมืดที่ทุกคนหวาดกลัว หากชีวิตของนางจะอ้างถึงสหายสักคน คนผู้นั้นต้องเป็นโคโล่
เซน่ามองดูร่างโคโล่ที่จากไป ร่างเขาค่อย ๆ เล็กลงจนเป็นจุดดำ จากนั้นก็ไม่เห็นอีก
แต่เซน่าไม่มีเวลาอาลัยต่อสิ่งใดเพราะพรุ่งนี้นางจะเข้าเมืองหลวงอีรอส เมืองที่มีเรื่องราวของหยดน้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งลอเลียนซึ่งแก้คำสาปให้นางได้…
---------------
เป็นไงบ้างครับ ฉากสู้สนุกไหม ฉากเซน่ากับโคโล่เศร้าหรือเปล่า ตอนหน้าเรื่องราวสุดยิ่งใหญ่จะเริ่มแล้ว โปรดติดตาม !