ตอนที่แล้วบทที่ 18 ปาร์ตี้ล่าบอสเฉพาะกิจ 2
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 20 เธออยากได้แบบไหนล่ะ?

บทที่ 19 วันวันของผม


บทที่ 19 วันวันของผม

เมื่อกลับมาถึงห้องผมก็หลับเป็นตายยันบ่ายหนึ่งทั้ง ๆ ที่ปกติแล้วจะนอนแค่ 4 ชั่วโมง แต่เมื่อคืนผมดันใช้พลังงานในดันเจี้ยนมากเกินไป ไม่น่าคึกจัดตะลุย 4 ชั้นในสามชั่วโมงเลยให้ตายสิ ก่อนนอนก็ยังไม่รู้สึกอะไรมากแต่พอตื่นขึ้นมาเหมือนกล้ามเนื้อทั่วร่างจะพากันร้องประท้วง นี่ขนาดผมออกกำลังกายเกือบทุกวันแถมยังวอร์มร่างกายก่อนสู้นะเนี่ย

ผมถึงกับนอนแช่บนเตียงต่อยาวยันบ่าย 2 ทั้ง ๆ ที่หิวไส้แทบขาด นับว่าวันนี้เป็นวันที่ผมนอนนานที่สุดในรอบปี ตื่นมาผมก็คว้าเกี๊ยวกุ้งแช่แข็งที่เลยวันหมดอายุมาแล้ว 1 วัน 2 กล่องในตู้เย็นยัดใส่ไมโครเวฟ

ชีวิตพนักงานเซเว่นก็แบบนี้แหละ เวลาของจะหมดอายุก็ได้ซื้อถูกลง อาหารส่วนมากของผมกว่า 30 เปอเซ็นต่อปีก็มาจากเซเว่น...ถึงจะรู้ว่ามันไม่ดีต่อสุขภาพเพราะสารกันบูดแต่มันก็สะดวกในเวลาที่โคตรหิวแบบนี้

ระหว่างที่รอไมโครเวฟผมก็ไปเดินผ่านน้ำมารอบหนึ่ง เสร็จแล้วผมก็หยิบเกี๊ยวสองกล่องมานั่งกินหน้าคอมฯ ไม่ได้กะจะเปิดคอมหรืออะไรหรอกแค่ห้องผมมันมีโต๊ะอยู่ตัวเดียว ระหว่างซดเกี๊ยวผมก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาไถหน้าจอตรวจเช็คยอดติดตามช่องยูทูบผ่านแอป แต่แล้วผมก็ต้องถ่างตามองจำนวนตัวเลข 312 คนในโทรศัพท์อย่างไม่เชื่อสายตา ทั่วทั้งตัวเหมือนกลายเป็นหินชั่ววินาทีหนึ่ง แม้แต่เกี๊ยวที่อยู่ในปากยังกลืนลงท้องไปทั้ง ๆ ที่ไม่ได้เคี้ยว

เป็นไปไม่ได้...จากผู้ติดตาม 287 คนก่อนที่ผมจะโดนดึงไปต่างโลกครั้งแรก วันนี้ยอดติดตามช่องยูทูบของผมพุ่งกระฉูดทะลุ 300 คนแล้วครับ เชี่ยไรวะเนี่ย! ผมที่ไม่เชื่อสายตาตัวเอง หลับตาแล้วลืมตามาดูใหม่ก็แล้ว ขยี้ตาก็แล้ว ลุกขึ้นตีลังกาดูก็แล้ว ตัวเลขบนหน้าจอก็ยังคงเป็น 312 เท่าเดิม แสดงว่ามันคือเรื่องจริงใช่ไหมครับ!

ผมนายภาวิน เล่นยูทูบมาเกือบ 10 ปี เปิดช่องยูทูบมาเกิน 5 ปี มียอดติดตามไม่ถึง 300 คน กำแพงยอดติดตาม 300 ที่ไม่เคยข้ามมันไปได้ ในวันนี้ผมได้ก้าวข้ามมันมาแล้ว 10 ปีอันเหนื่อยยาก...ในที่สุดมันก็เริ่มผลิดอกออกผล มีเทพเจ้าเห็นถึงความเพียรพยายาม ได้ไปต่างโลกแค่ 3 วัน ยอดติดตามเพิ่มขึ้น 20 กว่าคนแบบที่ไม่เคยทำได้มาก่อนในชีวิต

ฮึก...ผมสะอื้นขึ้นมาทันที กินเกี๊ยวไปก็สะอื้นไป ความรู้สึกตอนนี้มันผสมรวมกันไปหมด จนไม่รู้ว่าน้ำตาที่ไหลอยู่นี้เกิดจากความดีใจที่ยอดติดตามทะลุ 300 หรือสมเพชตัวเองดีที่เปิดช่องยูทูบมาตั้งนาน แต่ก็ยังสู้การใช้ชีวิต 15 ชั่วโมงในต่างโลกไม่ได้

ถึงจะบอกว่าในชีวิตนี้ผมอยากจะเป็น “คนดัง” กับเขาสักครั้ง แต่จนแล้วจนรอด 10 กว่าปีก็ไม่มีวี่แววความดังสักที ในวินาทีนี้ผมรู้แล้วว่านอกจากความพยายามและหน้าตาแล้วยังต้องมีสิ่งที่เรียกว่า ‘โอกาส’ อีกด้วย

โอกาสที่ไม่รู้ว่าจะมาเมื่อไร มาตอนไหน คนบางคนก็พบเจอมันได้อย่างรวดเร็ว และคนบางคนอาจใช้เวลาทั้งชีวิตโดยไม่เคยพบเจอมัน โอกาสมักจะผ่านมาแบบไม่ทันให้ตั้งตัวและจะผ่านไปไวเหมือนสายลม ถ้าคืนนั้นผมไม่เมา ผมคงไม่นั่งคุยตามน้ำไปกับไอดียูทูบที่ไม่เคยรู้จัก ไม่ตอบรับข้อเสนอที่ชวนให้นึกสงสัยว่าคนผู้นั้นสติดีอยู่รึเปล่า

ทำเอานึกถึงตอนเรียนวิชาแนะแนวเลยแฮะ ตอนที่ครูแนะแนวทุกคนมักจะชอบถามถึงอาชีพที่เราอยากเป็นในอนาคต และผมก็ตอบกลับไปอย่างมั่นใจทุกครั้งว่า ‘ผมอยากเป็นคนดัง’ ตอนเดียวกับที่เพื่อน ๆ มักหันมามองและหัวเราะใส่ผม ส่วนผมก็ได้แต่เกาหัวตัวเองและหัวเราะกลับไปแก้เก้อ แค่นั้น

แม้ว่ากีฬาสีผมจะคว้าได้กี่เหรียญทอง คนก็ไม่จดจำเท่าไอ้หล่อที่คว้าได้แค่เหรียญทองเดียว...

แม้ว่าจะมีละครเวทีผมก็เป็นแค่ตัวประกอบ เพราะโดนข้อหาหน้าไม่ให้กับบทพระเอก...

แม้ว่าจะเคยสมัครชิงตำแหน่งประธานนักเรียน แต่ก็โดนครูปาใบสมัครกลับมาโทษฐานเกรดเฉลี่ยคาบเส้นหวิดตก ยังริอ่านสมัครเป็นประธานนักเรียน...

แม้ว่าจะเรียนจบคณะนิเทศแต่ไม่เคยได้แสดงหนังสักเรื่องของมหาลัย เป็นได้แค่สตาฟวนไป...ใช่สิ แม้แต่นักศึกษาคณะอื่นยังได้แสดง บางคนเป็นถึงพระเอกด้วยซ้ำ มันน่าช้ำใจนัก!

ลงประกวดหลากหลายเวทีทั้งร้องทั้งเต้นทั้งตลก...ผมก็แค่ไม่เคยผ่านเข้าสู่รอบขึ้นเวทีจริงเลยสักครั้ง

ไปคัดตัวนักแสดงเหรอ เหอะ บทตัวประกอบพูดแค่คำหนึ่งก็ยังไม่ได้เป็น...มากสุดก็แค่แบล็คกราวเดินผ่านฉาก

โอกาสผ่านเข้ามาตลอด เมื่อก่อนผิดที่ผมเอง ที่ไม่เคยคว้ามันไว้ได้เลยสักครั้ง แต่โอกาสในครั้งนี้ ผมจะยึดมันไว้ให้มั่น จะต้องไม่สูญเสียมันไปอีก

เพราะต่างโลกคือโอกาสครั้งสำคัญผมจึงต้องทุ่มเท 3 วันที่ต้องไปกลับต่างโลกตอนตี 3 ถึง 8 โมงเช้าทำให้ตารางชีวิตเก่าผมพังพินาศ ผมควรต้องทำตารางชีวิตอันใหม่ ต้องเพิ่มเวลาฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ให้มากขึ้น

หลังจากกินเกี๊ยวเสร็จ ผมทำการร่างตารางชีวิตอันใหม่แปะไว้หน้าตู้เย็น

18:00-00:00 ทำงาน

00:30-03:00 ทำสมาธิ+เตรียมตัวไลฟ์สตรีม

03:00-08:00 ไลฟ์สตรีม

08:00-12:00 นอน

13:00-17:30 ฝึกศิลปะการต่อสู้+ออกกำลังกาย

พอมองตาร่างที่เขียนแปะดูอีกทีก็กลายเป็นว่า ผมเป็นมนุษย์ค้างคาวไปซะแล้ว เมื่อก่อนเลิกงานเที่ยงคืน นอนตีหนึ่งถึงตีห้า ตื่นมาใส่บาตรพระ นั่งสมาธิ บำเพ็ญตน หาเรื่องทำคลิป ออกกำลังกาย แล้วไปทำงาน

คิดแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้ มันก็ได้อย่างเสียอย่างล่ะนะ แถมยังต้องเพิ่มเวลาฝึกฝนศาสตร์บู๊มากกว่าเก่าเป็นเท่าตัว ผมตระหนักแล้วว่าจะมามัวเป็นคนเอื่อยเฉื่อย 2018 ไม่ได้ ปี 2019 ผมต้องเก่งกาจพอป้องกันตัวเองในต่างโลกให้ได้ จะต้องไม่ตายระหว่างทำภารกิจของชาล็อต และเผื่อว่าตอนอยู่ตัวคนเดียวดันไปเจอเข้ากับเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เหมือนเมื่อวาน ผมจะได้เอาตัวรอดไหว

บ่ายสามกว่า ๆ ผมใส่ชุดพนักงานเซเว่นออกจากห้อง กะว่าจะยาวยันไปทำงานเลยไม่ได้แวะกลับมาเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องอีก จะกลับอีกทีก็เที่ยงคืนหลังเลิกงานเลย ผมแบกจักรยานคู่ใจลงบันไดแทนการขนมันลงไปด้วยลิฟต์สุดสยองประจำหอ ถึงเมื่อวานมันจะไม่ค้างแต่ผมก็ไม่อยากเสี่ยง ผมปั่นจักรยานไปป้ายรถเมล์และต่อขึ้นรถเมล์ไปห้างใกล้ ๆ เพื่อขายทองคำชิ้นเล็กที่ได้จากชาล็อต

เดินเข้ามาในห้างไม่นานผมก็เจอโซนร้านทองเรียงติด ๆ กันเป็นแถว ผมเดินแวะเข้าไปในร้านที่มีชื่อเสียงพอคุ้นหูคนอย่างผมอยู่บ้าง ในร้านมีพนักงานอยู่เพียง 3 คน เป็นพี่ผู้ชายหนึ่งคนเขาแต่งตัวเหมือนเสี่ยร้านทองกับพนักงานหญิงในชุดเครื่องแบบร้านอีก 2 คน มีลูกค้าอยู่ประปราย ผมกวาดตาดูคร่าว ๆ ก็ตรงไปยังจุดที่พี่ผู้ชายยืนอยู่ ก็พี่เขาดูว่างอยู่คนเดียวนิ

“ผมเอาทองมาขายครับ”

เมื่อเขาได้ยินเสียงผมพี่ผู้ชายก็เงยหน้าขึ้นมาจากสร้อยทองในมือ

“ไหนล่ะ เอามาสิ”

ผมหยิบทองก้อนกลม ๆ ในกระเป๋าเสื้อยื่นให้พี่พนักงานร้านทอง เขามองทองในมือผม สลับกับมองหน้าผมด้วยสายตาแปลกใจ ก่อนจะรับมันไปส่องดูใกล้ ๆ

ก็พอเข้าใจอยู่หรอกที่โดนมองแปลก ๆ ปกติแล้วคนธรรมดาทั่วไปคงไม่พกทองเป็นก้อนกลม ๆ แบบนี้มาขาย ถ้าจะมาขายทองก็มาเป็นชิ้นเครื่องประดับที่เห็นกันจนชินตา พวกสร้อยทอง แหวนทอง ขนาดจะหาคนเอาทองแท่งมาขายยังหาอยากเลย นับประสาอะไรกับทองก้อนกลมเกลี้ยงแบบนี้

แต่พี่พนักงานชายเบื้องหน้าผมก็ดูเป็นมืออาชีพ ถึงผมจะใส่ชุดพนักงานเซเว่นหน้าตาไม่น่าไว้ใจ พี่พนักงานก็รับมันไปตรวจสอบและประเมินราคา ถึงตอนตรวจสอบจะมีหลอกถามว่าทองสวยดีนะ ไปหามาจากไหน ผมเลยบอกไปกึ่งประชดและคุยโม้เล็ก ๆ “ที่บ้านมีแบบนี้เพียบเลยพี่ ทองแท่งก็มี ไม่ต้องห่วงหรอกผมไม่ใช่โจร”

หลังจากได้ยินที่ผมตอบพี่แกก็เลยไม่ถามมากอีก แกคงคิดว่าถามไปก็ไม่ได้คำตอบอะไรเป็นชิ้นเป็นอันจากผม และการตกลงซื้อขายก็ผ่านไปด้วยดี ไม่น่าเชื่อเลยว่าทองก้อนกลม ๆ อันนิดเดียวจะหนักเกือบถึง 2 สลึง ตอนรับเงินเกือบหมื่นมาหน้าผมยังอึน ๆ อยู่เลย เมื่อได้สติแบงก์พันเป็นปึกในมือถึงกับสั่นผับ ๆ

ลงทุนซื้อของเซเว่นไปขายงบไม่ถึงพัน ได้กลับมาเป็นหมื่นคุณพระ!

นี่มันเรื่องจริงใช่ไหมครับ เงินจริง ๆ ไม่ใช่แบงก์กาโม่

แต่...นั่นมันคืออะไรฟะ ไอ้สร้อยทองเส้นละบาทอันเท่าบ้านนั่นน่ะ ทองที่ผมขายไปถึงจะมีห้าอันรวมกันยังใหญ่ไม่เท่าเลย แล้วไอ้ทองก้อนกลม ๆ ของผมแค่อันเดียวที่พึ่งขายไป มันจะไปเท่าครึ่งหนึ่งของไอ้สร้อยเส้นนี้ได้ไง!

ผมไม่ใช่คนเล่นทองหรืออยู่ในสายงานนี้ก็เลยไม่รู้ แต่พี่พนักงานที่เห็นผมมองสร้อยทองเส้นละบาท สลับกับทองคำของชาล็อตที่พึ่งขายไปด้วยสีหน้าตื่น ๆ แกก็เฉลยกับผมมาว่าที่เส้นมันใหญ่เพราะข้างในมันกลวง คำพูดของพี่พนักงานทำเอาผมเบิกโลกทัศน์ใหม่ขึ้นมาทันที...โลกแม่งอยู่ยากจริง ๆ ด้วย ผมไม่ควรตัดสินอะไรจากสิ่งที่เห็นด้วยตาเปล่าสินะ

ผมเก็บเงินเกือบหมื่นใส่กระเป๋าและกอดมันไว้อย่างหวงแหน ไอ้ผมมันคนไม่เคยพกเงินหมื่นเดินออกจากบ้าน แค่ได้จับแบงก์พันปึกใหญ่ก็มือสั่นผับ ๆ แล้ว ในหัวตอนนี้คิดแต่ว่าต้องไปธนาคารให้ไวที่สุด! ตอนถือทองมาขายยังไม่วิตกจริตเท่าตอนมีเงินปึกหนา ๆ ในกระเป๋าเลยครับ

ผมเดินตัวเกร็งไปทำธุรกรรมฝากเงินใส่บัญชี คุณคงจะคิดว่าผมอ่อนมาก เงินแค่หมื่นเดียวเอ็งไม่เคยจับเหรอวะ แต่คุณต้องรู้ด้วยว่านี่คืออาการของคนที่ไม่ได้จับเงินสดจำนวนมากมานาน ปกติผมจะใช่แต่แอปจ่ายเงิน ไม่ก็กดทีละนิดละหน่อย ให้ถือเงินสดจำนวนมากนี่ผมไม่ชินเลยสักนิด เมื่อผมทำการเปลี่ยนมันเป็นตัวเลขดิจิตอลในแอปธนาคารของตัวเองแล้ว ผมก็คลายอาการวิตกจริตได้สักที

เมื่อเสร็จธุระแล้วผมก็นั่งรถเมล์ฟรีแอร์ธรรมชาติ เปิดหน้าต่างสูดควันในเมืองกรุงให้ฉ่ำปอดตลอดทางเพื่อกลับไปทำงาน ระหว่างที่มองวิวรถติดอยู่นั่น ผมก็ดันฉุกคิดได้ถึงบางสิ่ง คุณว่าไหมครับวันนี้ผมดวงดีมาก ดวงดีเกินไป ดวงดีจนผิดปกติ ตั้งแต่แลกมีดพกกาก ๆ เป็นตั๋ว VIP ไม่ต้องสอบเป็นนักผจญภัย ตะลุยดันเจี้ยน 3 ชั้นรวดด้วยความง่ายดาย ปราบบอสลับที่โหดขิง ๆ ลงได้ แถมยังได้แผนที่แดนเหนือเป็นสิ่งตอบแทน ไหนจะยังมียอดคนติดตามช่องยูทูบเกิน 300 คน ขายทองได้เกือบเงินมาหมื่น

ใช่แล้วดวงมันดีเกินไป หรือว่า! ...เทพเจ้าแห่งโชคกำลังอวยพรให้ผมอยู่ หลังจากที่ผมโดนเทพแห่งความซวยเหยียบย้ำอยู่นาน ในที่สุด ทุกอย่างในชีวิตผมกำลังดำเนินไปได้ด้วยดีใช่ไหมครับ ฮ่า ๆ

อ่า มันต้องเป็นอย่างนั้นแน่ ๆ ไม่มีทางเป็นอย่างอื่นไปได้หรอก

ตอนนี้แม้อากาศบนรถเมล์จะร้อนอบอ้าวจนเหงื่อไหลพรากเป็นน้ำตกผสมกับกลิ่นควันรถ แต่หน้าตาผมก็ยังสดชื่นประหนึ่งกำลังอยู่ในทุ่งลาเวนเดอร์

หุ หุ หุ หุ ฮะ ฮะ ฮะ ฮะ ริมฝีปากของผมส่งเสียงหัวเราะพิลึก ๆ ออกมาตลอดเวลาแม้ในขณะที่นั่งอยู่บนรถเมล์ ในขณะที่ปั่นจักรยานมาทำงานและในขณะที่มายืนประจำหน้าเค้าเตอร์

แม้ว่าจะได้รับสายตาแปลก ๆ จากเพื่อนร่วมงานหรือลูกค้าหลบหน้า ไม่มาจ่ายเงินตรงเค้าเตอร์ผมสักทีทั้ง ๆ ที่คิวเพื่อนผมยาวจนหางแถวคดเคี้ยว ผมเลยโดนเพื่อนไล่ให้ไปยกของมาเติม แต่กระนั้นผมก็ยังคงยิ้มและหัวเราะอย่างอารมณ์ดีไปตลอดการทำงาน

“หมอนั่น...มันเป็นอะไรของมันวะ”

ภายในเซเว่น เพื่อนพนักงานชายหนุ่มหน้ามนที่พึ่งได้พักจากมาราธอนการคิดเงินอยู่คนเดียวในเวลารีบเร่ง เหลือบตามองเพื่อนรวมกะที่ยังคงแสยะยิ้มชวนสยองและส่งเสียงหัวเราะหลอน ๆ อยู่ตลอดเวลา ด้วยสีหน้าลุกลี้ลุกลน ‘ยอดมนุษย์พนักงานอย่างพี่ภาวินก็มีวันไล่แขกได้เหมือนกันแฮะ ทำหน้าโหดปานนั้นแค่ยืนใกล้ ๆ ยังรู้สึกอยากเผ่นไปให้ไกลเลย’

เวลาล่วงเลยมาเกือบหนึ่งทุ่มนายภาวินก็ยังไม่มีลูกค้ากล้าเข้าใกล้เลยสักคน ไม่ใช่สิ แม้แต่เพื่อนพนักงานร่วมกะ ยังไม่กล้าเข้าใกล้เหมือนกัน พ่อหนุ่มหน้ามนผู้ต้องอยู่โยงเฝ้าเค้าเตอร์เพียงคนเดียวถึงขนาดยกมือถือขึ้นมาโทรออกอย่างเปิดเผยต่อหน้าลูกค้า เขากระซิบเสียงเครียดกับโทรศัพท์ “ผู้จัดการครับ พี่ภากำลังไล่แขกในร้านรีบมาด่วนเลยครับ! ผมจะรับมือลูกค้าไม่ไหวแล้ว เฮลมี!”

อนิจจาพ่อหนุ่มหน้ามนดันเข้าใจผิดไปสุดกู่ซะนี่ แต่ก็โทษใครไม่ได้ผิดที่พระเอกเรามันยิ้มได้โฉดเอง...

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด