บทที่ 17 : ภารกิจกู้ซากเพรสทีจ 2
บทที่ 17 : ภารกิจกู้ซากเพรสทีจ 2
ทุกคนรุดเข้าไปประจันหน้ากับแวนเดียร์โดยไม่ได้สนใจจัสติน เขานั่งหอบหายใจอยู่ที่พื้น ได้แต่มองพรรคพวกสู้โดยที่ตนไม่สามารถทำอะไรได้ กิลเลนอยู่แนวหน้าพร้อมกับบากะอินุที่เห่าเตือนเขาตลอดเวลาเมื่อมีแวนเดียร์เข้ามาใกล้ เขาใช้หอกแทงเจ้าตัวประหลาดที่อยู่ใกล้ที่สุด
“ระวังค่ะ!” พีโอเนียตะโกนลั่นอย่างลืมตัวสายตาของจัสตินจดจ้องเธออยู่ หญิงสาวจะเข้าไปช่วยกิลเลนที่หันหลังให้กับแวนเดียร์อีกฝูงหนึ่ง แต่คู่หูของเขาไวกว่า มันกระโดดเข้ามาระหว่างเธอและเขา อาวุธที่ติดตั้งอยู่กราดยิงพวกมันจนกระเด็นไปคนละทิศละทาง
“บ๊อก บ๊อก!” บากะอินุเห่าและแลบลิ้นอย่างดีใจเมื่อผู้เป็นนายหันมาลูบหัวมันที่ทำได้ดี กิลเลนควงพลาสมาร์สเปียร์อย่างคล่องแคล่ว จ้วงแทงแวนเดียร์ด้วยความแม่นยำ
แม้ว่าศัตรูจะมีอยู่มากแต่การประสานงานที่ยอดเยี่ยมของพวกเขาทำให้การต่อสู้เป็นไปอย่างง่ายดาย สิ่งที่กลายเป็นปัญหากลับไม่ใช่จำนวนศัตรูแต่เป็นชนิดของแวนเดียร์ที่พวกตัวพวกเขาก็ไม่เคยเห็นมาก่อน
“กรี้ดดดด” เดซีคาตาลิสต์ของจีคร้องลั่น เมื่อเธอถูกแวนเดียร์ที่มีรูปร่างคล้ายกับตัวแตนพยายามจับกุม แต่เธอก็ดิ้นรนหลุดออกมาได้เพราะไฟที่สร้างขึ้นห่อหุ้มตัวเอง ไฟนั้นเผาแวนเดียร์จนกลายเป็นจุล
ซีโรเซียเองก็เกือบถูกแวนเดียร์สายพันธุ์ที่พวกเขาไม่รู้จักเล่นงานเช่นกัน มันเกือบจะใช้ของที่เหมือนเหล็กในต่อยเธอได้แล้วถ้าเนวิลไม่ใช้แขนยักษ์ที่หุ้มด้วยต้นไม้ต่อยใส่มันจนกระเด็น เธอหันไปขอบใจ
ฉึกกก…
ในความชุลมุนนั้น ในที่สุดก็มีคนที่พลาดจนได้ พีโอเนียปล่อยไฟฟ้าใส่แวนเดียร์ตัวหนึ่งที่เกือบจะถึงตัวบากะอินุ เธอสังหารมันได้ก็จริง แต่แวนเดียร์ที่รูปร่างคล้ายแตนยักษ์ก็โผล่มาจากมุมอับสายตา มันฝังเหล็กลงบนกลางแผ่นหลังของเธอ หญิงสาวสะดุ้งเฮือกก่อนจะเซถลาไปด้านหน้า จากนั้นในวินาทีเดียวกันมันก็เข้ายึดจับตัวเธอด้วยรยางค์สีดำนับไม่ถ้วนที่งอกออกมาจากลำตัว
กิลเลนเห็นพีโอเนียล้มลง แต่เขาก็ไม่สามารถเข้าไปได้ทันการเพราะถูกแวนเดียร์อีกตนขวางจึงเสียจังหวะที่จะช่วยเธอ เขาตะโกนบอกจัสตินที่อยู่ไม่ห่างออกไป
“จัสติน!!!” แต่อีกฝ่ายยังคงนั่งนิ่งอยู่แบบนั้น ไม่ได้แสดงออกเลยด้วยซ้ำว่ารู้ตัวว่าคาตาลิสต์ของตนกำลังถูกเล่นงาน
ต่อหน้าต่อหน้าคนทั้งหกและสุนัขอีกหนึ่งตัว พีโอเนียถูกแวนเดียร์ตนนั้นพาบินขึ้นด้วยปีกเล็ก ๆ ของมัน จากนั้นมันก็บินหายไปในความมืดจนลับสายตา
กิลเลนเดือดดาลจนเกือบจะคุมสติไม่อยู่ เขาโทษตัวเองที่ประมาทเกินไป ใจคิดอยากจะผละออกจากกลุ่มเพื่อไล่ตามพีโอเนียไป แต่คำพูดของอคาลาที่คอยย้ำให้เขามีสติอยู่เสมอ ทำให้กิลเลนไม่ได้หุนหันพลันแล่นอย่างที่เคยเป็น เขาวิเคราะห์สถานการณ์อย่างใจเย็น จนคิดได้ว่าพีโอเนียน่าจะยังปลอดภัยไปอีกสักพัก ในทางตรงกันข้ามถ้าเขาผละจากกลุ่มไปตอนนี้พวกที่เหลืออาจจะได้รับอันตรายแทน
กิลเลนไม่ยอมเสียเวลาอย่างเปล่าประโยชน์ เขาเร่งมือฆ่าแวนเดียร์ที่ล้อมเข้ามาตัวแล้วตัวเล่า จนจากจำนวนหลายสิบหลายร้อยก็บางตาลงจนเห็นได้ชัด เมื่อเห็นว่าจำนวนที่เหลือพวกจีคและเนวิลน่าจะสามารถรับกันต่อได้ เขาจึงพูดออกไป
“ผมจะตามไปช่วยพีโอเนีย” เขาว่าพลางเปิดดูแผนที่ในชั้นนี้ ในห้องที่อยู่ลึกสุดสีจุดสีน้ำเงินอยู่อย่างโดดเดี่ยว ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันคือสัญญาณชีพของพีโอเนีย อย่างน้อยเขาก็วางใจไประดับหนึ่งเมื่อรู้ว่าเธอยังมีชีวิตอยู่
“แถวนั้นต้องมีแวนเดียร์อีกมากแน่” เนวิลร้องห้าม ซัดแวนเดียร์จนหน้าหงายด้วยรากไม้ “อย่างน้อยต้องขอกำลังจากทีมอื่นมาช่วยด้วย”
“นี่เราก็ออกมาจากแผนหลักแล้ว จะไปขอความช่วยเหลือจากทีมอื่นอีก…” จัสตินพูดหน้าตาเฉยโดยไม่ได้สำเหนียกเลยว่าตนเองคือสาเหตุที่ทำให้ทุกคนต้องมาอยู่ตรงนี้ เขาเพียงยืนขึ้นถือธนูขึ้นมายิงแวนเดียร์ที่ใกล้ตัวเองให้ถอยล่าไปอย่างหน้าตาเฉย
“เราไม่มีเวลาแล้ว ไม่มีอะไรรับประกันว่าพีโอเนียจะปลอดภัยจนถึงเวลานั้น” กิลเลนลงมือฆ่าแวนเดียร์ที่พุ่งเข้ามาอีกตน แวนเดียร์ที่เหลืออยู่น้อยนิดแทนที่จะกรูเข้ามาใส่อย่างบ้าคลั่งมันกลับแตกกระจายไปคนละทิศละทาง
“มันหนีด้วยแฮะ ไม่ค่อยได้เห็นเลย” ซีโรเซียแปลกใจ เธอรีบเดินกลับไปยืนข้างคู่หูของตน
“คงประเมินแล้วว่า จำนวนแค่นั้นไม่เหลือโอกาสชนะพวกเราแล้ว เลยไปรวมกลุ่มกับกลุ่มที่ยังมีจำนวนมากอยู่ เจ้าพวกนี้มันไม่ได้โง่เลย” เนวิลพยักหน้าให้กับเธอแปะมือกันเบา ๆ เมื่อการเข้าคู่เป็นไปดังที่ต้องการ ถึงแม้จะยังจบภารกิจไม่ได้ในตอนนี้ แต่โอกาสที่จะกำจัดมันและยึดยานก็เป็นไปได้
“ยังไงก็ช่างเถอะ! ตอนนี้เป็นโอกาสที่ดีแล้วพวกเรารีบไปช่วยพีโอเนียกันเถอะ” กิลเลนตบบ่าเนวิลและจีคเพื่อกระตุ้นทั้งคู่ แต่เห็นได้ชัดว่าเนวิลตีหน้าเครียด เขายืนคิดอยู่ครู่หนึ่ง กิลเลนก็แสดงสีหน้ากังวลไปด้วยเพราะอีกฝ่ายก็ยังลังเลว่าจะเข้าไปช่วยหรือไม่
“มันเสี่ยงเกินไป…” จัสตินย้ำแต่ก็ยังไม่ทันจบประโยคดี กิลเลนก็ตรงเข้าไปคว้าคอเขาด้วยแรงที่มากกว่าทำให้จัสตินตัวลอย
“แล้วนายจะปล่อยให้เธอตายรึยังไง!” แม้จะรู้เต็มอกว่าที่จัสตินพูดไม่ได้ผิดเลย ห้องสุดท้ายที่อยู่ลึกสุดเป็นโกดังใหญ่ที่ขนาดใหญ่กว่าห้องที่พวกเขาอยู่เป็นเท่าตัว และมันก็ไม่น่าแปลกใจเลยถ้าแวนเดียร์ที่อยู่ที่นั่นจะมีปริมาณไม่น้อยไปกว่ากัน แต่เมื่อนึกถึงพีโอเนียแล้วกิลเลนก็ไม่อาจตัดใจทิ้งเธอไว้ได้
“ถ้าไปกันหมดนี่ จากที่ต้องตายคนเดียว มันอาจจะเป็นพวกเราทุกคนก็ยังได้” จัสตินกล่าว ไม่รู้กิลเลนคิดไปเองหรือไม่ที่เห็นอีกฝ่ายยิ้มมุมปาก
ถึงสมองจะเข้าใจ แต่กำปั้นของกิลเลนก็พุ่งออกไปแล้ว หมัดที่รุนแรงพอจะบดขยี้กระโหลกของมนุษย์ได้เหวี่ยงออกไปท่ามกลางความตกใจของทุกคน แต่ก่อนที่มันจะทำหน้าที่ของมันสำเร็จกิลเลนก็หยุดมือ กำปั้นนั้นถูกหยุดลงก่อนที่จะถึงเป้าหมายเพียงความห่างไม่กี่มิลลิเมตร
กิลเลนปล่อยมือที่จับคอเสื้อของเขาจากนั้นจึงหันไปบอกกับเนวิลและจีคด้วยน้ำเสียงที่ตัดสินใจไปแล้ว “ผมจะไปช่วยเธอ”
“โฮ่ง โฮ่ง” บากะอินุเห่ารับราวกับเข้าใจและจะสื่อว่ามันเองก็จะไปด้วย กิลเลนกันมายิ้มให้มันก่อนจะเดินผ่านจัสตินไปโดยไม่แยแส
“ฉันด้วย ปล่อยนายไปคนเดียวไม่รอดแน่” เนวิลพูดเสร็จก็หันไปบอกกับคาตาลิสต์ของเขาพร้อมกับตามกิลเลนไป “เธอรออยู่ที่นี่แหละ”
“ไม่นะ ถ้านายไปฉันก็ต้องไปด้วยสิ” ซีโรเซียร้องโวยวาย หญิงสาวรีบวิ่งตามออกไปยืนเคียงกับคู่หูของตน ไม่ว่าเนวิลจะพยายามให้เธออยู่ที่นี่อย่างปลอดภัยเท่าไหร่ เธอก็ยังคงปฏิเสธ
“ตกลงกันได้แล้วก็รีบไปกันเถอะ” จีคออกเดินนำออกไปโดยมีเดซีตามไปด้วยติด ๆ ระหว่างที่ทั้งหกชีวิตวิ่งผ่านสู่ห้องถัดไป จีคที่แทบไม่ได้พูดอะไรมาตั้งแต่เริ่มภารกิจก็พูดขึ้น
“ขอโทษนะ ที่ก่อนหน้านี้ทำตัวงี่เง่าไปหน่อย” ชายผมตั้งเกาหัวแกรก ๆ ไปด้วยแก้เก้อ
“เรื่องอะไรเหรอ” กิลเลนตอบกลับด้วยความพาซื่อ เขาไม่ได้หันมามองเพราะจดจ้องแต่ที่แผนที่ในขณะที่เร่งฝีเท้าเมื่อใกล้ถึงจุดที่พีโอเนียอยู่
“ก็นั่นไง… ไอ้ที่เคยกีดกันนาย แล้วก็ไปเชื่อข่าวลือบ้า ๆ นั่น” จีคเสียงเครียดขึ้น เม้มปากเล็กน้อยเมื่อคิดถึงการกระทำไร้เหตุผลของตัวเอง ชายหนุ่มมองแผ่นหลังของกิลเลนที่เต็มไปด้วยเลือดของแวนเดียร์ “พวกเราไม่ได้รู้จักนายมาก่อน แต่ก็ด่วนตัดสินนายไปแล้ว”
“อย่าไปใส่ใจเลย” กิลเลนตอบกลับไป
“แค่อยากจะบอกว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา ฉันและอีกหลาย ๆ คนก็เห็นนะ... เห็นมาตลอดว่านายทุ่มเทแค่ไหน” จีคพูดจบก็ไม่รอฟังคำตอบของกิลเลน เขาเร่งฝีเท้าขึ้นเพราะรู้สึกเขินขึ้นมาที่ต้องมาพูดอะไรแบบนี้ ทำให้ประโยคหลังดูแผ่วเบาจนกิลเลนแทบจะไม่ได้ยิน คนที่เหลือลอบยิ้มกันโดยไม่พูดอะไร และหนึ่งในรอยยิ้มพวกนั้นก็เป็นของกิลเลนด้วย
“...ขอบใจนะ…”
แล้วขาของกิลเลนก็หยุดลง เมื่อเขาเห็นบางอย่างที่ขวางระหว่างเขาและประตูสู่ห้องต่อไป ร่างบางในชุดเดรสสีดำ ผิวขาวนวลจนราวกับเรืองแสงอ่อน ๆ ใบหน้าที่งดงามหมดจดยิ่งกว่าสตรีคนใดที่เขาเคยรู้จัก ถึงแม้จะใสจนแทบโปร่งแสงแต่เขาก็จดจำเธอได้ดีกว่าใคร ร่างงามยืนขวางอยู่แบบนั้น
‘...อคาลา ทำไม…’ กิลเลนคิดในใจ คนอื่น ๆ เห็นแบบนั้นก็หยุดฝีเท้าลงเพราะคิดว่ากิลเลนกำลังประเมิณสถานการณ์อยู่ ทั้งที่แท้จริงแล้วเป็นเพราะอคาลาต่างหาก สีหน้าเธอฉายแววกังวลหากสังเกตุดี ๆ
“กลับไปซะ” แน่นอนว่าทั้งภาพทั้งเสียงหวานนี้ก็มีแต่กิลเลนและบากะอินุที่ได้ยิน หากทำได้เธอคงจะพาเขาหลีกหนีไปจากตรงนี้ กิลเลนจดจ้องเธอด้วยสายตาที่ไม่อาจคาดเดาได้
“เธอก็รู้… ฉันถอยไม่ได้” กิลเลนพึมพำ ไม่แน่ใจว่าคนอื่นได้ยินที่เขาพูดหรือไม่ แต่ที่แน่นอนคืออคาลาได้ยินเขาอย่างชัดเจน เธอนิ่งเงียบ
“ได้โปรด... ถือว่าเราขอร้อง” เสียงแผ่วเบานั่นแฝงแววอ้อนวอนเต็มที่ กิลเลนยิ้มบางเบา เขานำทางคนที่เหลือเข้าไปในห้องนั้น ผ่านร่างโปร่งแสงไปทั้งที่รู้ว่าเธอเป็นห่วงเขา ชายหนุ่มจึงคิดในใจ หวังให้เธอได้ยินและเชื่อใจเขา เชื่อใจในพลังของเขาและบากะอินุ…
“ฉันจะรอดกลับมา ฉันจะไม่แพ้” เธอหลับตาลง ได้แต่เพียงมองร่างของเขาหายเข้าไปในความมืดของห้องนั้น หญิงสาวไม่ได้ยิ้ม เพียงแต่พยักหน้ารับรู้ทั้งที่เขามองไม่เห็นก่อนที่เธอจะสลายหายไป
ในห้องที่มืดสนิทนั้นเต็มไปด้วยดวงตานับร้อย เดซีจุดไฟขึ้นปล่อยให้มันลอยไปบนอากาศ ดวงไฟนับสิบดวงเคลื่อนไปเบื้องหน้าก่อนจะมอบแสงสว่างให้กับห้องทั้งห้อง ตรงใจปลายสุดของอีกห้องที่พอจะมองเห็นจากตรงนี้เป็นร่างของหญิงสาวที่ถูกจับไป พีโอเนียไม่ได้สติเพราะพิษของเหล็กในที่โดนเข้าไป แขนขาของเธอถูกตรึงด้วยเส้นสีดำและเมือกใสยึดกับกำแพงเอาไว้
“พีโอเนีย!” กิลเลนตะโกนเรียกสติ แต่สิ่งที่หันมามีเพียงแวนเดียร์ทั้งหมดในห้อง เขาควงพลาสมาร์สเปียร์เพื่อเตรียมพร้อม บากะอินุวิ่งไปด้านหน้า ปืนที่ติดอยู่ทำหน้าที่อย่างดี กระสุนนับร้อยถูกยิงกราดออกไป เจ้าหมาโง่ส่งสัญญาณ เดซีและจีคพยักหน้ารับ เธอกระโดดออกไปด้านข้างเสกไฟใส่แวนเดียร์ที่พยายามเข้ามาโจมตีกิลเลนจากด้านข้าง
“พวกนายเข้าไปข้างในก่อนเลย” เนวิลร้องบอก เขาและซีโรเซียถอยกลับไปที่หน้าห้อง ชายหนุ่มใช้พลังจากพืชสกัดกั้นแวนเดียร์ตัวใหญ่ที่เรียกว่าเฮฟวีไทป์เอาไว้ มันร้องเกรี้ยวกราดเมื่อไม่สามารถเข้ามาโจมตีพวกเขาได้ดั่งใจ ด้วงตัวเท่าช้างสารกระทืบพื้นจนสั่นสะเทือน กิลเลนหันไปมองแต่เมื่อทั้งสองสามารถรับมือมันได้เขาจึงหันไปร่วมสู้กับจีคและเดซีแทน
“ฉันจะเปิดทางให้ นายใช้จังหวะนั้นเข้าไปช่วยพีโอเนียออกมาเลย” จีคกล่าว เขาวิ่งไปอีกฝั่งของห้องโดยมีเดซีร่ายพลังไฟรอสัญญาณจากคู่หูของตนเอง
“เข้าใจแล้ว” กิลเลนตอบรับแผนการ เขายืนอยู่ระหว่างทั้งสองเพื่อรอให้ทั้งสองใช้พลังเพลิงเผาพวกแวนเดียร์นับร้อยนั่นให้กระจายออกไปด้านข้างเพื่อเปิดทางชั่วเสี้ยววินาที กิลเลนถอยขาอีกขาไปด้านหลังเพื่อเตรียมส่งแรงวิ่งฝ่าแวนเดียร์ออกไป
แสงไฟสีส้มตามลูกไฟที่เธอเสกไว้ทั่วห้องสว่างวาบ ทั้งสองใช้จิตควบคุมมันให้ระเบิดขึ้น เข้าหลอมพวกแวนเดียร์จนร้องด้วยความเจ็บปวด บางส่วนด้านหน้ากิลเลนก็ถูกเผาจนกลายเป็นจุล
“จังหวะนี้แหละ!!!” คู่หูพลังอัคคีตะโกนบอก กิลเลนรีบเร่งฝีเท้าออกไปในระหว่างที่ฝูงแวนเดียร์ถูกโจมตีกระจายออกสองข้าง
“บากะอินุ!!!” กิลเลนตะโกนเรียกคู่หู เจ้าหมาวิ่งตามเขาออกไป เมื่อพ้นห้องนั้นไป แวนเดียร์ก็เบาบางลงเพราะกรูมารวมกันที่ห้องก่อนหน้านี้ทำให้ห้องที่พวกเขาอยู่ในตอนนี้มีเพียงแวนเดียร์รูปร่างเหมือนแตนไม่กี่ตัว และซากของมนุษย์ถูกมันนำมาใช้เป็นอาหารของตัวอ่อน
แวนเดียร์ทั้งหมดในห้องสัมผัสได้ว่ากิลเลนคือตัวอันตราย เพื่อปกป้องตัวอ่อนที่ไม่สามารถป้องกันตัวได้ พวกมันจึงเข้ามาโจมตีเขาด้วยทุกสิ่งทุกอย่างที่มี
กิลเลนเบี่ยงหลบหางที่มีเหล็กในของพวกมันอย่างง่ายดาย และฆ่าพวกมันทั้งหมดทิ้งโดยไม่ลังเล ความกังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับพีโอเนียทำให้เขาไม่ยั้งมือแม้แต่น้อย
แวนเดียร์ล้มตายลงราวกับใบให้ร่วง ไม่มีตัวไหนแม้แต่จะถ่วงเวลากิลเลนได้เลย แม้แต่เมือกใส ๆ ที่คลุมร่างของพีโอเนียกิลเลนก็แทบไม่เสียเวลากับมัน เขาฟันออกไปสองสามครั้ง ร่างที่ถูกยึดกับกำแพงด้วยเมือกก็หลุดร่วงลงมาสู่อ้อมแขนของเขาอย่างแม่นยำ
“ไม่เป็นอะไรแล้วนะ” พูดเสร็จก็แบกร่างเบาของหญิงสาวขึ้นหลังจากนั้นก็ออกวิ่งไปพร้อมกับบากะอินุ เขาเดินออกมาจากห้องนั้น บากะอินุวิ่งตามมาไม่ห่าง เมื่อทั้งสามมาถึงห้องที่เดซีและจีคอยู่
“เดซี ไหวรึเปล่า” จีคก้มลงมองเธอที่ทรุดลงที่ฝั่งตรงข้าม เขาเสกไฟใส่แวนเดียร์กลุ่มหนึ่งที่จะเข้าจู่โจมเธอ แต่เมื่อหันกลับไปอีกกลุ่มก็เข้ามาโจมตีเขา พลาสมาร์สเปียร์จากมือของกิลเลนถูกส่งออกไปอย่างแม่นยำตามด้วยลูกกระสุนจากเจ้าหมา
“ออกจากที่นี่เร็ว พีโอเนียปลอดภัยแล้ว” กิลเลนวิ่งมาที่จีค เขาส่ายหัวปฏิเสธและเดินเบี่ยงไปพยุงเดซีขึ้นมาแต่หญิงสาวก็ทรุดลงไปอีกครั้ง กิลเลนพยายามจะเข้าไปช่วยแต่แขนอีกข้างก็ต้องอุ้มพีโอเนีย ส่วนอีกมือก็ต้องใช้หอกคอยกำจัดพวกแวนเดียร์ตลอดเวลา
“ไปเร็วจีค” เธอร้องและสะบัดมือของเขาออก ชายหนุ่มยังคงยึดร่างของคู่หูเอาไว้
“ฉันจะไม่ออกไปคนเดียว”
“แต่ขาฉัน….” เธอตัดพ้อ จีคยิ้มให้ราวกับจะสื่อสารกันผ่านดวงตา เธอไม่ได้ร้องไห้เพียงแต่เลื่อนมือที่พยายามผลักไสเขาไปกุมมือเขาเอาไว้ เดซีหันมาหากิลเลนในขณะที่เสกดวงไฟคอยกำจัดแวนเดียร์ไปให้เขาจนถึงห้องถัดไป “นายรีบไป พาพีโอเนียกับบากะอินุกลับไป”
กิลเลนตวาดลั่น “แล้วพวกเธอล่ะ!”
“พวกเราจะอยู่ที่นี่ นายต้องดูพีโอเนียไปด้วย อยู่ไปก็ยิ่งเกะกะ” จีคบอกอย่างหนักแน่น กิลเลนคิดว่าเขาและเดซีน่าจะมีแผนอะไรบางอย่าง บางทีการที่เขาอยู่ที่นี่อาจจะยิ่งทำให้ทั้งสองสู้ลำบากจริง ๆ ก็ได้
กิลเลนไม่ร่ำรอให้เสียเวลาเขาพยักหน้าเข้าใจและวิ่งออกไปที่ทางเดินทันที ชายหนุ่มหันกลับมาส่งสายตาเป็นครั้งสุดท้ายว่าขอให้พวกเขาต้องรอดออกมาอย่างปลอดภัย
“เอาล่ะ… มาทำสิ่งที่พวกเราทำได้กันเถอะ” เดซีพูดแผ่วเบา มือทั้งสองยังคงประสานกันไว้แนบแน่นในตอนนั้นถ้ากิลเลนสังเกตสักหน่อยจะรู้ว่าเธอบาดเจ็บหนักกว่าที่เห็นได้จากภายนอก หญิงสาวรู้ตัวว่าไม่มีทางรอดไปทางที่นี่และจีคเองก็ตัดสินใจอยู่เป็นเพื่อนเธอ
ร่างทั้งสองเริ่มเปล่งแสงสีส้มแดง ภายในกายของทั้งสองร้อนระอุ ในขณะที่พวกแวนเดียร์ที่เหลือทั้งห้องวิ่งกระโจนเข้ามา เดซีและจีคก็หลับตาลง ทั้งคู่บรรจงจุมพิตกันเป็นครั้งสุดท้าย เปลวเพลิงโลกันต์เจิดจ้าระเบิดออกจากพวกเขา แผดเผาแวนเดียร์ทั้งห้องจนกลายเป็นจุล
“เดซี...จีค” กิลเลนพึมพำกับตัวเอง กัดริมฝีปากจนแน่นไปหมดเมื่อได้ยินเสียงระเบิดและรู้สึกได้ถึงไอร้อนจากพลังของทั้งสอง
ตึง!
เมื่อวิ่งมาถึงห้องสุดท้าย เสียงกระแทกของสิ่งของขนาดใหญ่ล้มลงกับพื้นทำให้กิลเลนต้องเร่งฝีเท้า เขาเห็นเลือดกระจายลงกับพื้นมากมาย เบื้องหน้าเนวิลและซีโรเซียเป็นแวนเดียร์เฮฟวีไทป์ร่างยักษ์ แต่ชัยชนะนั้นไม่ได้ได้มาด้วยความยินดีเท่าใดนัก เนวิลเลือดไหลโทรมกาย ชายหนุ่มล้มลงเมื่อสามารถจัดการกับแวนเดียร์ได้ เขาหายใจโรยริน ซีโรเซียหวีดร้องเมื่อเห็นคู่หูของตนล้มลงไป
“เนวิล… กิลเลน เขาเสียเลือดไปมาก ฉันจะทำยังไงดี” เสียงของเธอสั่นเครือ เนวิลส่งเสียงให้เธอหยุดพูด เขากุมท้องของตนที่มีรอยแผลยาวดูจากปริมาณเลือดแล้วน่าจะทะลุไปถึงข้างหลัง สายตาพร่ามัวของเขาจับจ้องไปที่กิลเลน ชายหนุ่มยิ้มให้แม้เลือดจะยังคงไหลออกมาไม่หยุดแม้จะใช้เปลือกไม้ที่สร้างขึ้นพยายามปิดมันไว้แล้ว
“ฝะ...ฝาก ซีโรเซีย...ด้วย” เสียงนั้นแผ่วเบาจนแทบจะไม่ได้ยิน ซีโรเซียร้องไห้ น้ำตาของเธอไหลอาบแก้ม เธอกอบกุมมือที่เต็มไปด้วยบาดแผลของเขาเอาไว้ ส่ายหัวช้า ๆ แม้รู้ดีว่าเขาไม่อาจมีชีวิตรอดไปได้ “ไป… ไปกับกิลเลน”
“ไม่!!!” เธอยังคงปฏิเสธ จนกระทั่งเนวิลหันมามองที่กิลเลนอีกครั้ง ไม่ต้องให้พูดอะไร กิลเลนไม่มองใบหน้าของเขา ชายหนุ่มฉุดรั้งแขนของซีโรเซียขึ้นมาทันทีแม้เธอจะพยายามปัดมือออกเท่าไหร่ แต่แรงที่มากกว่าทำให้เธอได้แต่เพียงดิ้นและหวีดร้องชื่อของเขาอยู่แบบนั้น “เนวิล ไม่ ปล่อยฉันกิลเลน! ปล่อย!!!”
กิลเลนออกมาจากห้องนั้นโดยที่ยังประคองร่างพีโอเนียเอาไว้ ส่วนแขนอีกข้างก็ดึงซีโรเซียให้เดินออกมาโดยมีบากะอินุคอยระวังหลังให้ เขาเม้มปากแน่น ไม่ได้ร้องไห้หรือพูดอะไรแต่ก็เจ็บปวดที่ไม่สามารถรักษาชีวิตของพวกพ้องเอาไว้ได้ทั้งหมด ในขณะที่ซีโรเซียร้องไห้ จิตใจของเขาก็เศร้าหมองไปไม่แพ้กัน
“ภารกิจเสร็จสิ้น ยึดเพรสทีจชั้นบนคืนได้เรียบร้อย” แมดเดอรีนประกาศแต่ไม่มีรอยยิ้มความยินดีบนใบหน้าของเขาเลย