ตอนที่ 33 เขาคุ้มค่า?
ผู้อำนวยการ รองผู้อำนวยการ 13หัวหน้าแผนก และระดับสูงของแผนก13ได้มารวมตัวกันอย่างรวดเร็วในห้องประชุมเพื่อหารือเกี่ยวกับวิธีการจัดการกับหานเซี่ยว
“หานเซี่ยวกุมข้อมูลสำคัญไว้ ด้วยความช่วยเหลือเขา เราจะสามารถโจมตีฐานขององค์กรต้นกำเนิดได้ เขาคือช่างกล และแสดงให้เห็นถึงความสามารถการต่อสู้ที่เทียบได้กับสายลับระดับสูง เขายินดีร่วมมือกับเรา..”พวกเขาพากันอ่านรายงานจากหัวหน้าหน่วยข่าวกรอง
“ฉันเชื่อว่าเราสามารถเชื่อใจเขาและร่วมมือกันได้”เขากล่าวเสริม
หลังจากเงียบอยู่ไม่นาน รัฐมนตรีกระทรวงภายในก็เป็นคนแรกที่คัดค้าน
“ไม่มีทาง จะเกิดอะไรขึ้นหากข้อมูลที่เขาให้เราผิดพลาด?”
แผนก13ถูกแบ่งเป็นสองฝ่าย พวกหัวแข็ง นำโดยรัฐมนตรีกระทรวงภายในและพวกชาตินิยม นำโดยรัฐมนตรีกระทรวงข่าวกรอง
ทั้งสองฝ่ายต่างนั่งแยกกัน
“นั่นเป็นไปได้น้อยมาก”รัฐมนตรีกระทรวงข่าวกรองตอบกลับ“เขาคือกบฏขององค์กรต้นกำเนิดและมีโอกาสใช้ชีวิตหากเขาได้รับการปกป้องจากเรา ไม่มีเหตุผลที่จะสงสัยเจตนาเขา”
“นายก็รู้อยู่แค่นั้น มันอาจเป็นการแสดงก็ได้!”รัฐมนตรีกระทรวงภายในโต้กลับ“ฉันขอแนะนำให้เรากักตัวเขาไว้และดึงข้อมูลจากเขาด้วยกำลัง!แผนก13ไม่ต้องการร่วมมือกับใคร”
“ไร้เหตุผลสิ้นดี!มาตรการดังกล่าวมันผิดกฏ!หานเซี่ยวแสดงให้เห็นถึงความจริงใจต่อเรา สิ่งที่เราควรทำคือยอมรับมันและทำงานร่วมกันเพื่อต่อต้านศัตรู!”
“นั่นคือสิ่งที่พวกขี้ขลาดมักทำ!”
“งั้นนายมันก็พวกไร้สมอง!”
ภายใต้การนำของพวกเขา สมาชิกอื่นจากทั้งสองฝ่ายเริ่มก่นด่ากัน แม้ทั้งสองฝ่ายจะให้ความสำคัญกับข้อมูลของหานเวี่ยว ฝ่ายหนึ่งก็อย่างร่วมมือกับเขา ขณะที่อีกฝ่ายเห็นว่าเขาเป็นภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นได้ การทะเลาะกันดูเหมือนจะรุนแรงยิ่งขึ้น
ผู้อำนวยการและรองผู้อำนวยการเพียงเฝ้าดู ผู้อำนวยการคือคนที่มีอำนาจมากสุดในแผนก13 ขณะรองผู้อำนวยเป็นข้าราชการที่ได้รับมอบหมายจากเบื้องบนให้ทำหน้าที่กำกับดูแล นั่นทำให้เขาถูกเรียกว่าผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร
มันคงไม่แปลกหากมีการต่อสู้แย่งชิงตำแหน่งผู้อำนวยการในหน่วยงานเช่นแผนก13 แต่รองผู้อำนวยการก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก ยกตัวอย่างเช่นตอนนี้ : เขาเพียงนั่งนิ่งตั้งแต่เริ่มโดยไม่พูดอะไร ราวกับว่าวิญญาณเขาได้แยกออกจากร่างและเดินทางไปรอบโลก เขาอาจกำลังกังวลว่าเขาควรกินมื้อเย็นเป็นอะไรดี หากคุณคิดว่าเขาเป็นคนทะเยอทะยาน คุณก็คงต้องคิดใหม่
ในทางกลับกัน ผู้อำนวยการเป็นชายที่เต็มไปด้วยเกียรติของผู้นำ เขาไตร่ตรองสักพักก่อนพูดความคิดเขา“ในเมื่อพวกคุณทั้งต้องการร่วมมือและควบคุมเขา ไม่ใช่ว่านั่นคือวิธีที่สมบูรณ์แบบ?เราควรรับเขาเข้าแผนกเรา”
ฝูงชนหยุดโต้เถียงกัน ทั่วห้องกลายเป็นเงียบสงัด พวกหัวแข็งจ้องผู้อำนวยการด้วยสายตาว่างเปล่า
บ้าบออะไรกัน?!
“ไม่มีทางอย่างแน่นอน!”
“จะเกิดอะไรขึ้นหากแรงจูงใจของหานเซี่ยวคือการแทรกซึมเข้ามา?!”
“นั่นขัดกับนโยบายอันเป็นความลับของเรา!”
ผู้อำนวยการตะโกนขึ้นทันที“เราจะจัดการมันด้วยวิธีที่เราทำอยู่เสมอ เราจะลงคะแนนเสียง!”
ฝ่ายชาตินิยมร้องยินดี นอกจากรัฐมนตรีที่เป็นกลาง แต่ละฝ่ายมีอยู่6คน ด้วยเสียงของผู้อำนวยการ พวกเขาย่อมเป็นฝ่ายชนะ ในทางกลับกัน พวกหัวแข็งกลับตื่นตระหนก
ทันใดนั้น รัฐมนตรีกระทรวงภายในก็กล่าวขึ้น“ผมคดว่าแผนกโลจิสติกส์จะเหมาะกับเขาสุด ไม่เพียงแต่มันจะเพิ่มประสิทธิภาพด้านการช่างเขา เราจะยังสามารถเฝ้าดูเขาได้อย่างใกล้ชิดเพราะเขาต้องอยู่ในสำนักงานใหญ่”
เขาต้องยอมถอยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
และนี่ก็ทำให้ฝ่ายชาตินิยมเห็นด้วยกับเขา แผนกโลจิสติกส์เหมาะกับหานเซี่ยวที่สุด
อย่างไรก็ตาม ผู้อำนวยการกลับกล่าวตัดคำ“ในเมื่อเราคิดใช้ประโยชน์จากความสามารถเขา เราก็ควรมอบหมายให้เขาอยู่ในฝ่ายปฏิบัติการลับ!”
บรรยากาศในห้องประชุมเย็นเฉียบลงทันตาเห็น รัฐมนตรีทุกคนพากันหันไปมองรัฐมนตรีที่เป็นกลาง-รัฐมนตรีปฏิบัติการลับผู้ที่กำลังปิดปากหาวอยู่
“เอ๊ะ-อ๊ะ อะไรนะ?ฉัน?”
“งั้นก็เป็นอันตกลง!”ผู้อำนวยการประกาศขณะทุบโต๊ะ“คำพูดและการกระทำอาจลวงหลอกได้ แต่ไม่ใช่กับแรงจูงใจ เราจะปล่อยให้เขาร่วมกับฝ่ายปฏิบัติการลับหลังยืนยันจุดยืนเขาได้”
รัฐมนตรีทุกคนหน้าซีด ตามที่เห็นชอบเลยครับเจ้านาย
รองผู้อำนวยการหาวเพื่อทำลายความเงียบ
“จบยัง?วันนี้โรงอาหารมีอะไรให้กินบ้าง?”
…
หลังการประชุม รัฐมนตรีกระทรวงข่าวกรองและรัฐมนตรีฝ่ายโลจิสติกส์ก็ได้เดินทางไปยังแผนกโลจิสติกส์เพื่อตรวจสอบแขนกลน้ำหนักเบา
พวกเขาสนใจที่จะเห็นฝีมือของหานเซี่ยวเพื่อทำความเข้าใจตัวเขา
บุคลากรที่พวกเขามอบหมายให้ตรวจสอบคือลั่ว ซวน ‘มือดี’ของแผนกโลจิสติกส์ เขาคือนักเรียนชั้นนำสาขาวิศวกรรมในมหาลัยเมืองหลวงตะวันตก และยังได้รับการคัดเลือกให้เข้าสู่แผนก13โดยตรง และด้วยการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เบื้องบ้นจึงมีแผนคิดย้ายเขาไปแผนกปฏิบัติการ
เขาไร้ที่ติ-เว้นแต่ความอวดดีเกินไป
“เริ่ม”
ลั่วซวนเริ่มลงมือจัดการกับแขนกลน้ำหนักเบา แต่เขากลับหยุดชะงักและรายงาน“มันถูกเข้ารหัสแล้ว”
เครื่องกลมักถูกติดตั้งพร้อมกับรหัสเพื่อป้องกันการถอดแยกชิ้นส่วนและวิศวกรรมย้อนกลับ ความรู้[พื้นฐานการประกอบ]ที่หานเซี่ยวมีมาพร้อมกับการติดตั้งรหัสดังกล่าว การเข้ารหัสที่เขาติดตั้งต้องใช้ช่างกลคลาสEเพื่อไขรหัส เห็นได้ชัดว่าหานเซี่ยวคาดการณ์ไว้อยู่แล้ว
โรเวอ1เองก็ถูกเข้ารหัสไว้เช่นกัน-แต่มันได้ทำลายตัวเองไปแล้ว
“แกะรหัสได้ไหม?”ผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองถาม
“ไม่มีปัญหา”ลั่วซวนตอบอย่างมั่นใจ เขาไม่คิดว่ามันเป็นไปได้สำหรับช่างกลไร้ชื่อที่จะเก่งไปกว่าอัจฉริยะอย่างเขา
20นาทีต่อมา เขากลับยังไม่มีความคืบหน้าใดๆและทั่วร่างเขาก็เต็มไปด้วยเหงื่อ“การเข้ารหัส4ชั้น?!ไอสารเลวที่สร้างเครื่องจักรนี่บ้าหรืออะไรกัน?”
การเข้ารหัส4ชั้นมีความซับซ้อนอย่างมาก การถอดรหัสผิดพลาดเล็กน้อยจะทำให้ชิ้นส่วนภายในเครื่องจักรแตกตัว ทำให้มันใช้การไม่ได้ ลั่วซวนจึงไม่มีวิธีจัดการกับมัน
สีหน้าของผู้อำนวยการหน่วยข่างกรองดำมืด
“คุณสามารถแกะรหัสได้หรือไม่?อย่าทำให้ผมเสียเวลา”
ลั่วซวนระงับความขุ่นเคืองเขาและตอบรอดไรฟัน“การเข้ารหัสนี้ซับซ้อนเกินไป ผะ-ผมต้องการเวลาเพิ่ม”
“พอแล้ว ผมไม่มีเวลามารอคุณ แค่บอกความคิดของคุณเกี่ยวกับแขนนั่นมา”
สีหน้าของลั่วซวนดำมืดและตอบด้วยความหงุดหงิด“ฝีมือการสร้างไม่ได้มีอะไรพิเศษ มีเพียงการเข้ารหัสที่ทำได้ดี รู้สึกเหมือนผู้สร้างโง่ๆที่ปฏิบัติต่อขยะราวกับเป็นสมบัติ”
ดวงตาของผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองกระตุก แต่เขาก็จากไปโดยไม่พูดอะไร คนของเขาดึงแขนกลน้ำหนักเบากลับมา แผนต่อไปเขาคือการทดสอบการต่อสู้จริงที่ฐานองค์กรต้นกำเนิด
เขาสนใจในตัวโรเวออย่างมาก แต่มันกลับถูกเผาไหม้จนไม่อาจกู้อะไรได้
แผนก13อาจทรงพลังก็จริง แต่พวกเขาไม่มีอาวุธใหม่เพียงพอ
“แผนกวิจัยมักตัดงบประมาณไปมากเสมอ พวกโง่ไร้ประโยชน์เหล่านี้รู้แค่วิธีการสร้างขยะไร้ประโยชน์อย่างระเบิดกาวสองหน้า ปืนโค้งที่ใช้ไม่ได้ และหัวนมปลอมเพื่อซ่อนเข็มพิษ!มันมีทั้งของผู้ชายและผู้หญิง!”
แผนกปฏิบัติการไม่พอใจแผนกวิจัยนับตั้งแต่วันที่คนของพวกเขาสองคนได้รับพิเศษเนื่องจาก’ความผิดปกติของตู้เสื้อผ้า’
…
ในขณะเดียวกัน ผู้อำนวยการก็ทำการโทรหาชายชราร่างสูง
“ผมมั่นใจว่าหานเซี่ยวจะเข้าร่วมกับแผนกปฏิบัติการลับ”
“ทำได้ดีมาก ขอบใจเธอมาก”
“ตาเฒ่า เขาคุ้มค่ากับการทำเช่นนี้จริงๆ?”ผู้อำนวยการถามอย่างอยากรู้
“ฮี้ ฮี้ ข้อมูลไม่ใช่ทั้งหมดที่เขาเสนอ ฉันรู้สึกว่าเขาจะมีบทบาทสำคัญในการต่อกรกับองค์กรต้นกำเนิด”