ตอนที่ 15 คนแคระโชก้า
ตอนที่ 15 คนแคระโชก้า
หลังแยกจากโคโล่ เซน่ารู้สึกอัดอั้นไม่สบายใจอย่างยิ่ง นี่เป็นความรู้สึกที่นางไม่เคยมีมาก่อน เซน่าครุ่นคิดว่านางก็ไม่ควรทำร้ายโคโล่ แต่อีกใจหนึ่งก็เห็นว่าโคโล่ไม่สมควรเสียมารยาทคาดคั้นนางซึ่งเป็นถึงกษัตริย์แห่งความมืด
เซน่าไม่อยากครุ่นคิดให้เปลืองสมองอีก นางเดินทางลงใต้มาได้ระยะหนึ่ง ผ่านป่าเล็ก ๆ ที่มีต้นไม้แปลกประหลาดใบของต้นไม้เหล่านี้เป็นรูปสามเหลี่ยมสีเหลืองหรือไม่ก็สีแดง เห็นใบไม้ร่วงหล่นเต็มพื้น เซน่ารู้สึกแปลกตาอย่างยิ่ง
เซน่านั่งพักผ่อนพิงกายลงบนต้นไม้ที่มีใบเป็นรูปสามเหลี่ยม จากนั้นค่อย ๆ หลับตาลง ผ่านไปไม่ถึงชั่วน้ำเดือด เซน่าได้ยินซุ่มเสียงผิดปกติ
เซน่าจับดาบมูนสตรองที่ไว้ด้านข้างตนเองอย่างว่องไวและลุกขึ้น ปฏิกิริยาของนางรวดเร็วต่อความผิดปกติเสมอ
เห็นรถม้าคันหนึ่งกำลังเคลื่อนตัวอย่างช้า ๆ รถม้าคันนั้นมีม้าสองตัวกำลังลากรถสีน้ำตาลความใหญ่ปานกลาง เห็นบุรุษร่างเตี้ยเล็กผู้หนึ่งนั่งอยู่บนรถม้ากำลังควบคุมม้าอยู่ เขามีผมสีดำสั้น ไม่ไว้เครารูปร่างท้วมเล็กน้อย กำลังฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี
“สินค้าดี สินค้าหายาก
พบมันได้ที่ข้า พบมันได้ที่ข้า
ซื้อของกับข้า ไม่มีผู้ใดบ่นผิดหวัง”
ซุ่มเสียงของชายผู้นี้ประหลาดนัก เสียงเขาแหลมเล็กคล้ายเสียงจิ้งหรีดร้อง เพลงที่ฟังก็รู้สึกบาดหู เซน่ารู้สึกรำคาญอย่างยิ่งคิดจะเดินไปให้พ้นจากที่นี่ แต่เสียงฝีเท้านางที่เดินเหยียบใบไม้รูปสามเหลี่ยมซึ่งร่วงหล่นอยู่เต็มป่าทำให้เกิดเสียงดัง
ชายร่างเตี้ยบนรถม้าหยุดร้องเพลงและหันไปมองตามเสียง พบสตรีสาวใบหน้ารูปไข่ ดวงตากลม ขนคิ้วเรียวเข้ม ริมฝีปากอมแดง ถือดาบสีเงิน ชายร่างเตี้ยบนรถม้ารู้สึกสนใจขึ้นมาทันที อดพึมพำเบา ๆ ไม่ได้ว่า
“ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าในแดนใต้มีสตรีงามเยี่ยงนี้”
ชายร่างเตี้ยตะโกนร้อง
“แม่สาวน้อย เดินคนเดียวในป่าระวังหลงทาง”
เซน่าไม่มีอารมณ์จะคุยด้วย นางยังเดินห่างออกไป ชายร่างเตี้ยเล็กบังคับรถม้าให้หยุด ตะโกนร้องอีกว่า “เจ้าจะไปที่ใด ข้าจะไปส่ง”
เซน่าหยุดชะงักทันที หากจะให้นางเดินทางด้วยเท้าไปถึงอาณาจักรโกลด์เด้นกราวด์จะต้องใช้เวลาอีกหลายวัน แต่ถ้าได้นั่งรถม้าของชายร่างเตี้ยน่าจะย่นระยะเวลาได้พอสมควร
ชายร่างเตี้ยเห็นเซน่าชะงักหันกายก็ทราบว่าคำพูดเขาได้ผล
“ผลประโยชน์มักได้ผลเสมอ” ชายร่างเตี้ยครุ่นคิดในใจ
ชายร่างเตี้ยลงจากรถม้าเดินเข้าไปหาเซน่า ถามว่า “แม่หนูเจ้าจะไปที่ใด? หากเจ้าเชื่อมั่นเกียรติข้า ข้าจะไปส่ง”
เซน่ากล่าวว่า “ข้าไม่รู้จักเจ้า จะรู้ได้อย่างไรว่าเจ้ามีเกียรติ?”
ชายร่างเตี้ยกล่าวว่า “ผู้ใดไม่รู้ว่าข้าโชก้ามีเกียรติ ข้าเป็นพ่อค้าคนแคระที่ขึ้นชื่อเรื่องค้าขายอย่างยุติธรรมที่สุด ของวิเศษมากมายที่เจ้าเคยได้ยินแต่ไม่เคยหาพบสามารถหาได้จากข้า ในดินแดนเหนือใต้มีเพียงข้า..”
ชายร่างเตี้ยนามโชก้ารีบหยุดชะงักเสียง เมื่อเห็นสตรีงามเบื้องหน้าขมวดคิ้วเล็กน้อยแสดงถึงความรำคาญ โชก้าเองยังรู้สึกตนเองพูดมากไปบ้าง นี่เป็นนิสัยประจำตัวเขาที่ยากแก้ไข
เซน่าครุ่นคิดขึ้น “คนผู้นี้มากวาจายิ่งกว่าโคโล่”
นางเองก็ไม่เข้าใจทำไมนึกถึงโคโล่ขึ้นมา
โชก้ากล่าวว่า “หากเจ้าไว้ใจ ข้าจะไปส่ง แม่สาวน้อยเจ้าจะไปที่ใด?”
“เมืองอีรอสแห่งอาณาจักรโกลด์เด้นกราวด์” เซน่าตอบ
“อ้อ เมืองหลวงแห่งอาณาจักรทองคำ ดีเลย ที่นั่นกำลังคึกคัก การค้าของข้าไม่ขาดทุนแน่” โชก้ากล่าว
เซน่ากล่าวถามว่า “เพราะอะไร?”
โชก้ากล่าวว่า “กษัตริย์ฟินเดลแห่งโกลด์เด้นกราวด์กำลังจะจัดพิธีเลือกราชินีจากชนชั้นสูงในอาณาจักรต่าง ๆ ซึ่งล้วนมารวมตัวกัน ผู้ใดผูกสัมพันธ์กับอาณาจักรโกลด์เด้นกราวด์ได้ก็นับเป็นเรื่องที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง”
เซน่าไม่สนใจเรื่องดังกล่าวจึงตอบว่า “เจ้าจะพาข้าไปได้หรือไม่?”
โชก้ากล่าวด้วยความยินดีว่า “ได้ เจ้าขึ้นรถม้ามา”
หากเป็นสตรีทั่วไปมีบุรุษมาชวนขึ้นรถม้าเช่นนี้คงปฏิเสธแต่แรก แต่เซน่าหาใช่สตรีจึงไม่แยแสเรื่องดังกล่าวและตอนนี้นางยังมีความมั่นใจในเพลงดาบเงาจันทราที่เรียนรู้มาจึงไม่เกรงกลัวคนแคระมากวาจาผู้นี้
รถม้ามีประตูสองชั้น ชั้นแรกเมื่อเปิดเข้าไปสำหรับนั่งโดยสาร โชก้าเป็นคนแคระร่างกายเตี้ยเล็กสามารถนอนในรถม้าได้ไม่ยาก ส่วนอีกชั้นมีประตูถูกลั่นกลอนไว้จากด้านใน ไม่ทราบเปิดได้อย่างไร
โชก้ากล่าว “เจ้าอย่าพยายามเปิดประตูชั้นในล่ะแม่สาวน้อย แม้แต่ข้าก็ไม่อาจรับรองความปลอดภัยของเจ้า ว่าแต่เจ้าชื่ออะไร?”
“เซน่า” เซน่าตอบ
โชก้าถามว่า “เจ้ามาจากที่ไหน?”
เซน่าตอบเท็จไปว่า “หมู่บ้านดอร์มัง”
โชก้าร้องอ้อ กล่าวว่า “ข้าไม่ได้ไปที่นั่นนานแล้ว ข้าจำไม่ได้ว่าที่นั่นมีสตรีงามเยี่ยงเจ้าอยู่”
เซน่าถามกลับว่า “แล้วเจ้าล่ะมาจากที่ไหน?”
โชก้ากล่าวว่า “ข้าเป็นคนแคระเร่ร่อน มีป่าเป็นบ้าน มีภูเขาเป็นกำแพง มีท้องฟ้าเป็นหลังคา”
เซน่าทราบว่าโชก้าไม่อยากเล่าประวัติตน จึงเปลี่ยนเรื่องถามว่า “ข้าเคยได้ยินเหล่าคนแคระอาศัยอยู่ในแดนตะวันตกของแผ่นดินทางใต้ แต่พวกเขามักไว้หนวดไว้เคราไม่ใช่หรือ?”
โชก้าเงียบไปครู่หนึ่งก่อนกล่าวว่า “ข้าเป็นคนแคระนอกคอกแม่สาวน้อย คนแคระชอบทำอาวุธ ขุดเหมือง เอาแต่เฝ้าสมบัติ วันๆ ไม่ออกจากเหมืองหรือหุบเขาที่ตนอยู่ ปิดกั้นตนเองจากโลกกว้าง แต่ข้าชอบค้าขายและท่องเที่ยวจึงพบเจอฝุ่นผงง่าย ข้ารู้สึกหนวดเคราทำให้ข้าสกปรก”
เซน่าแม้อยู่แดนเพธอสทางเหนือแต่ก็เคยได้ยินซาอูเล่าเรื่องคนแคระมาบ้าง เหล่าคนแคระถือว่าเคราคือเกียรติของคนแคระ แต่ไม่เคยได้ยินว่าคนแคระดูถูกว่าเคราคือความสกปรก เซน่ารู้สึกสนใจคนแคระประหลาดผู้นี้ขึ้นมาเล็กน้อย
ทั้งสองเดินทางและพูดคุยกันไปเรื่อยๆ เซน่าปกติไม่ใช่คนพูดมาก แต่คนแคระมักถามนั่นถามนี่นางเสมอ นางก็ได้แต่ตอบรับแบบผ่าน ๆ ไปด้วยความรำคาญ
ยามค่ำคืนมาถึง ท้องฟ้าที่นี่สามารถเห็นหมู่ดาวเรียงรายได้ชัดเจนยิ่ง ดวงดาวยามราตรีเรียงรายคล้ายถูกร้อยด้วยด้ายที่มองไม่เห็น ชวนให้ผู้คนชมดูไม่รู้วันเบื่อ
โชก้าจอดรถม้าเพื่อให้ม้าของเขาทั้งคู่ได้พักผ่อน โชก้าเรียกให้เซน่าลงจากรถม้าก่อน จากนั้นตนเองเข้าไปที่หน้าประตูชั้นที่สองของรถม้า กล่าวคาถาว่า “ดีเวก้า” ทันใดกลอนที่ลั่นไว้จากด้านในก็คลายออก โชก้าหยิบของสองสามสิ่งลงมาจากรถม้า
เซน่าเห็นโชก้าถือหม้อใบหนึ่งและถุงผ้าขนาดไม่ใหญ่นักลงมาพร้อมกับถุงน้ำดื่ม โชก้านั่งลงที่พื้นวางหม้อใหญ่สีทองลง โชก้าเปิดถุงผ้าขึ้นมีไอสีขาว ๆ ลอยขึ้นมา เห็นโชก้าหยิบเนื้อขึ้นมาสองแผ่น บนเนื้อมีน้ำแข็งติดอยู่ เขาโยนเนื้อลงบนหม้อ ทันใดนั้นน้ำแข็งที่เนื้อก็ละลาย เนื้อค่อย ๆ สุกขึ้น
เซน่ารู้สึกของเล่นคนแคระน่าสนใจยิ่ง ถามว่า “ของพวกนี้คืออะไร?”
โชก้ากล่าวว่า “หม้อทันใจสามารถทำใช้ต้มหรือทอดของให้สุกได้โดยไม่ต้องจุดไฟ อ้อ เจ้าอย่ามือไปแตะข้างในหม้อเสียล่ะ หากไม่อยากให้มือสุกแบบเนื้อกวางป่า ส่วนถุงผ้านี้คือถุงผ้าแหงเธียร์ ข้างในมีไอเย็นตลอดเวลาช่วยทำให้อาหารไม่เน่าเสียได้”
“สินค้าเหล่านี้หายากและมีราคาแพงมากแม่สาวน้อย หากไม่ใช่มหาเศรษฐีแล้วล่ะก็คงไม่มีปัญญาซื้อสินค้าจากข้าแน่” โชก้ากล่าวอวด
หลังจากเนื้อกวางป่าสุก โชก้าและเซน่าก็แบ่งกันทานคนละชิ้น เซน่าดื่มน้ำในถุงน้ำใบเดียวกับโชก้าโดยไม่แสดงท่าทีรังเกียจ ทำให้โชก้ารู้สึกสตรีนางนี้น่าสนใจ
“นึกไม่ถึงเจ้าจะดื่มน้ำถุงเดียวกับบุรุษโดยไม่รังเกียจ”
เซน่ากล่าวตอบว่า “เรื่องไร้สาระอย่าได้กล่าวแล้ว”
โชก้ายิ้มรับ กล่าวถามว่า “ขอโทษนะแม่สาวน้อย ปีนี้เจ้าอายุเท่าใด?”
ก่อนทำศึกกับพญามัจจุราชเพลิงคอร์แซค เซน่ามีอายุยี่สิบสี่ปีย่างยี่สิบห้าปี ซาอูจึงหาดาบเพน (Pain-เจ็บปวด) มาถวายเป็นของขวัญวันเกิด แต่กลับเกิดศึกกับคอร์แซคขึ้นเสียก่อน ซาอูจึงถวายดาบเพนให้เร็วขึ้น จากเวลานั้นถึงบัดนี้ก็ผ่านมาราวสองเดือนได้แล้ว ตอนนี้เซน่ามีอายุยี่สิบห้าปี วันเกิดของนางที่ผ่านมาเป็นช่วงที่นางอยู่กับโคโล่ แต่นางก็หาได้ใส่ใจเพราะแต่ละวันนางนั่งคิดแต่วิธีกลับคืนร่างเป็นบุรุษ
เซน่าตอบไปว่า “ยี่สิบห้าปี เจ้าล่ะ?”
โชก้ากล่าวว่า “ข้าอายุสี่สิบแปดปี”
เซน่ากล่าวว่า “ดูไปเจ้าไม่คล้ายคนแก่”
โชก้ากล่าวว่า “คนแคระเรามีอายุไม่เกินร้อยห้าสิบปีแม่สาวน้อย สำหรับข้าสี่สิบแปดก็ถือว่ายังอยู่ในวัยหนุ่มแน่น พร้อมที่จะมี..จะมี..”
เซน่ากล่าวถามว่า “มีอะไร?”
โชก้ากล่าวเสียงเบา “ภรรยา”
เซน่าอดขำในใจเล็กน้อยไม่ได้ หวนนึกถึงตั้งแต่อายุแปดปีที่เขาเริ่มฝึกเวทมนตร์แห่งความมืด เขาลืมไปแล้วว่าอารมณ์ขันเป็นอย่างไร
โชก้ากล่าวถึงคำว่าภรรยาเพื่อเป็นการจีบเซน่าทางอ้อม โชก้าอายุสี่สิบแปดปีในวัยของคนแคระถือว่าล่วงเลยเวลาแต่งงานมาเล็กน้อย ดังนั้นที่โชก้ายอมเดินทางไปส่งเซน่าหาใช่เพราะมีจิตใจเมตตา แต่ระหว่างนี้เขาต้องการเปิดโอกาสให้ตนเองได้สืบประวัติและจีบสตรีอันแสนงดงามนางนี้เป็นภรรยา
แต่เซน่าไม่เคยสนใจเรื่องบุรุษสตรีมาก่อนจึงไม่ระแคะระคายแม้แต่น้อย เซน่ากล่าวว่า “พักผ่อนเถอะ”
โชก้าเอาอกเอาใจเซน่าให้นางนอนในรถม้า ถึงแม้จะไม่สะดวกไปบ้างแต่ก็พอนอนได้ ส่วนตนเองนอนอยู่บนพื้นดิน เขาหวังว่าเซน่าคงเห็นความดีเขา
เช้าวันต่อมา โชก้าขับรถม้าพาเซน่ามุ่งลงใต้ไปยังอาณาจักรโกลด์เด้นกราวด์ เขาพยายามใช้ทางลัดไม่ผ่านเมืองใหญ่น้อยใด ๆ เพื่อไปถึงเมืองหลวงอีรอสให้เร็วที่สุด
โชก้าและเซน่าเดินทางกันมาได้สามวันแล้ว วันนี้รถม้าของโชก้าผ่านมาถึงช่องเขาแห่งหนึ่ง บริเวณนั้นมีหน้าผาทั้งสองด้าน มีเสียงลมพัดผ่านช่องเขาดังหวีดหวิวคล้ายเสียงร้องของวิญญาณ ชวนให้ผู้คนเดินทางมารู้สึกขวัญเสีย
โชก้ากล่าวว่า “หากผ่านช่องแคบเสียงมังกรได้ก็ใกล้จะถึงเมืองอีรอสไม่เกินยามตะวันขึ้นของวันพรุ่งนี้แล้วแม่สาวน้อย ที่นั่นคึกคักมาก...”
เซน่ากล่าวตัดบทว่า “เจ้าอย่าได้เรียกข้าว่าแม่สาวน้อย”
โชก้ากล่าวว่า “แล้วจะให้ข้าเรียกว่าอะไร?”
เซน่ากล่าวว่า “ข้ามีชื่อ เจ้าก็เรียกชื่อข้า”
โชก้ากล่าวว่า “ได้ แม่สาว..เซน่า...เซน่า”
โชก้ายิ้มออกมา หวนนึกถึงเซน่ายอมให้ตนเรียกชื่อนางอาจหมายถึงความสัมพันธ์ของนางกับเขามีความสนิทสนมขึ้นไปอีกระดับ หนทางได้สตรีงามนางนี้เป็นภรรยาก็ไม่ถึงกับเลือนรางแล้ว
ขณะกำลังเดินทางผ่านช่องเขาเสียงมังกร เบื้องหน้ารถม้าโชก้า เห็นชายชุดดำยืนอยู่เจ็ดคนยืนขวางทางไว้ ทั้งเจ็ดถือดาบยาวมีคมดาบด้านเดียว เป็นดาบขนาดกลาง ทั้งเจ็ดจ้องมองโชก้าอย่างเย็นชา
โชก้าบังคับให้ม้าทั้งสองของเขาหยุดลง แล้วตะโกนถาม
“พวกเจ้ามีเรื่องอะไร?”
บุรุษชุดดำที่อยู่หน้าสุดใบหน้ามันขาวซีดถามว่า
“ข้างในรถม้าเป็นสตรีใช่หรือไม่?”
โชก้านิ่งเงียบ ครุ่นคิดขึ้น “หรือพวกนี้คือโจรที่จับสตรีไปขาย?”
โชก้ากล่าวว่า “พ่อหนุ่ม ข้างในมีเพียงของใช้ยามเดินทางของข้า พวกเสบียงอาหารและเครื่องใช้ หาได้มีสตรี”
ชายชุดดำหน้าขาวซีดพยักหน้า โชก้านึกว่ามันเข้าใจก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาบ้าง
ทันใดชายชุดดำสองคนทะยานกายดุจสายลมเข้ามาที่รถม้ามันอย่างว่องไว คนผู้หนึ่งใช้ดาบพาดคอโชก้าไว้ อีกผู้หนึ่งเปิดประตูรถม้าของโชก้าหมายเข้าค้นรถม้า
โชก้ากล่าวอย่างอารมณ์เสียว่า “มีเหตุผลเสียบ้าง”
บุรุษชุดดำผู้หนึ่งเปิดประตูรถม้าออกมา ที่มันเห็นปราดแรกไม่ใช่สตรี
หากแต่เป็นดาบสีเงินเล่มหนึ่ง
ดาบสีเงินเล่มนั้นแทงออกอย่างรวดเร็วดุจประกายแสงใส่หน้าอกมัน
บุรุษชุดดำมีปฏิกิริยาว่องไวไม่น้อย มันรีบขยับกายหลบ แต่ดาบเล่มนั้นกรีดติดตามมันเป็นวงโค้งรูปเสี้ยวจันทร์
เห็นดาบสีเงินกรีดใส่หน้าอกมัน โลหิตสด ๆ พุ่งออกจากหน้าอกบุรุษชุดดำดุจน้ำพุ
เป็นเซน่าใช้เพลงดาบเงาจันทรา !
บุรุษชุดดำที่ใช้ดาบพาดคอโชก้าไว้ตระหนกกับเหตุการณ์นี้ไม่น้อย พริบตาที่ตื่นตะลึง โชก้าพลันต่อยใส่ท้องมันอย่างรุนแรง จากนั้นกลิ้งกายลงจากรถม้าอย่างรวดเร็ว โชก้ากล่าวว่า “แม่สาว..เซน่า นึกไม่ถึงดาบเจ้าจะไวถึงเพียงนี้”
บุรุษชุดดำได้รับความเจ็บปวด มันโกรธเคืองยิ่งรีบฟันดาบใส่โชก้าอย่างรวดเร็วดุจสายลม โชก้าร่างเตี้ยเล็กมีความคล่องแคล่วกว่าจึงหลบดาบนี้ได้มันผลักสองมือออกและตะโกน
“เหรียญสงคราม”
ทันใดนั้น เศษดินเศษหินรอบ ๆ กายโชก้าพลันลอยขึ้นและจู่โจมใส่ใบหน้าชายชุดดำอย่างรวดเร็ว ชายชุดดำรู้สึกมีฝุ่นผงเข้าตา มันรีบถอยกายออกจากระยะจู่โจมของโชก้า
มันอาจรอดจากระยะจู่โจมของโชก้าได้ แต่ไม่ใช่กับเซน่า
เซน่าแทงดาบมูนสตรองใส่คอมันอย่างแม่นยำโดยไม่ผิดพลาดแม้แต่นิ้วเดียว
ชายชุดดำที่เหลืออีกห้าคนต่างตื่นตะลึงไม่น้อยกับเหตุการณ์เบื้องหน้าพวกมัน เหตุการณ์นี้เป็นที่เหนือคาดหมายพวกมันนัก
ตอนนี้พวกชายชุดดำเห็นแล้วว่าสตรีที่ออกมาจากรถม้า เป็นสตรีใบหน้ารูปไข่ผมยาวสลวยงดงาม แต่แววตาปรากฏความอำมหิตอย่างชัดเจน ใบหน้าอันงดงามราวบุปผาแรกแย้มช่างขัดกับเพลงดาบที่โหดเหี้ยมอำมหิตนัก
ชายชุดดำที่ใบหน้าขาวซีดเคร่งเครียดขึ้น กล่าวว่า
“นึกไม่ถึงท่านหญิงลินเดียร์จะมีฝีมือดาบยอดเยี่ยมอย่างนี้”
ท่านหญิงลินเดียร์? ท่านหญิงลินเดียร์เป็นใคร?
ทั้งเซน่าและโชก้าย่อมไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน โชก้ากล่าวว่า “พวกเจ้าเข้าใจผิดแล้วนางไม่ใช่ท่านหญิงอะไรนั่นที่พวกเจ้าถามหา”
“ฆ่า” ชายชุดดำกล่าวเสียงราบเรียบ
โชก้าได้ยินเช่นนั้นก็รีบปีนขึ้นรถม้าและเข้าไปด้านใน
ชายชุดดำสี่คนวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว พวกมันแยกย้ายกันอยู่สองด้านของรถม้า ยกดาบขึ้น ฟัน เซน่ารีบหดกายหลบเข้าไปในรถม้า รถม้าโชก้ามีขนาดปานกลางทั้งสองจึงไม่เบียดเสียดกันมากนัก
“เข้าไปในรถม้าก็เท่ากับเข้าสู่จุดอับหาที่ตาย” พวกมันคิดขึ้น
ชายชุดดำผู้หนึ่งแทงดาบเข้าไปในรถม้า หมายสังหารเซน่า
“โอ๊ย”
เสียงชายชุดดำร้องขึ้น โลหิตไหลทะลักออกมาจากข้อมือมัน เห็นข้อมือของมันขาดด้วน เซน่าใช้ดาบมูนสตรองตัดมือมัน
อยู่นอกรถม้าต้องรับมือชายชุดดำพร้อมกันสี่คน แต่ถ้าอยู่ในรถม้าพวกมันอย่างมากก็จู่โจมได้ทีละไม่เกินสองคน !
เรดิกัลจะอย่างไรก็คือเรดิกัลทุกการกระทำของเขามีอุบายเสมอ
โชก้าท่องคาถาว่า “ดีเวก้า” ทันใดประตูห้องอีกชั้นของรถม้าก็เปิดขึ้น โชก้ารีบหยิบค้อนทองเหลืองคู่ใจของเขาออกมา ค้อนทองเหลือเขาไม่ใหญ่นัก ความยาวประมาณสิบเอ็ดนิ้ว
ชายชุดดำสองคนแทงดาบใส่ในรถม้าทันที พวกมันหมายฆ่าทั้งโชก้าและเซน่า เซน่าตวัดดาบแทงใส่ข้อมือมัน ตัดเส้นเอ็นข้อมือมันขาดอย่างแม่นยำ บุรุษชุดดำได้รับความเจ็บปวดต้องคลายดาบทิ้ง ส่วนโชก้าปาค้อนทองเหลืองคู่ใจกระแทกใส่ศีรษะบุรุษชุดดำจนกระโหลกศีรษะมันแตก ถึงแก่ความตายทันที!
“ไม่เลว” เซน่ากล่าวชื่นชมโชก้า
โชก้ายิ้มกล่าวว่า “หากผู้ใดดูถูกพ่อค้ามันย่อมต้องขาดทุน”
ชายชุดดำสี่คนถูกตัดข้อมือหนึ่งคน ตัดเอ็นแขนหนึ่งคน อีกหนึ่งคนถูกโชก้าสังหาร เหลือเพียงคนเดียวที่ยังมีสภาพปกติ มันรีบขยับกายถอยออกจากรถม้า
แต่เซน่าย่อมไม่เปิดโอกาสให้มันหนี
เซน่าพุ่งกายออกจากรถม้าอย่างรวดเร็วแทงใส่คอหอยมัน ชายชุดดำก็ไม่ชักช้าขยับกายหลบได้ มันรีบฟันดาบใส่เซน่าตอบโต้กลับ แต่เซน่าก้าวเท้าหลบและแทงดาบอ้อมวกไปเป็นรูปจันทร์เสี้ยว
เพลงดาบเงาจันทรา รอยยิ้มของจันทร์เสี้ยว
นี่เป็นเพลงดาบที่ใช้ท่าดาบวกอ้อมเลียนแบบลักษณะของพระจันทร์เสี้ยว บุรุษชุดดำไม่คาดคิดสตรีนางนี้จะมีเพลงดาบประหลาดที่ไม่เคยพบเห็น ความตื่นตระหนกยังไม่ทันสิ้นสุด ดาบสีเงินก็แทงมาจากด้านข้างมัน แทงใส่ทรวงอกทะลุปอดด้านซ้ายมันอย่างรวดเร็ว
แม้ตายมันก็ไม่เชื่อว่าโลกนี้มีเพลงดาบประหลาดแบบนี้ !
“วินด์กัส” (Wind Gusts-ลมกรรโชก) ชายชุดดำที่หน้าขาวซีดตวาดและฟันดาบจากระยะไกล เห็นแสงสีเขียวแนวขวางออกจากดาบชายชุดดำพุ่งใส่เซน่าอย่างรวดเร็วพร้อมสายลมที่พัดมาอย่างรุนแรง
“ระวัง” โชก้าร้องเตือน
เซน่าคาดไม่ถึงมันจะมีเวทมนตร์แห่งลม จึงรีบขวางดาบกันไว้ ดาบมูนสตรองแม้ทนทานต่อเวทมนตร์ทุกชนิด แต่เซน่าจะอย่างไรก็ยังเป็นสตรีจึงถูกพลังเวทแห่งลมนี้กระแทกจนต้องเซถอยไปหลายก้าว จนร่างกายนางต้องล้มลง แต่เซน่ารีบใช้ดาบมูนสตรองยันพื้นไว้ก่อนกันไม่ให้ล้มลง
โชก้ารีบโดดลงจากรถม้าถามเซน่าด้วยความเป็นห่วงว่า “เจ้าเป็นอะไรหรือไม่?”
เซน่ากล่าวว่า “ไม่เป็นไร”
โชก้ากล่าวว่า “เจ้าหนุ่มชุดดำนั่นร้ายกาจน่าดู ไม่สิ ดูจากใบหน้ามันคล้ายกับเลยวัยหนุ่มแล้ว น่าจะอายุประมาณ…”
โชก้าเห็นเซน่าสีหน้าเคร่งเครียดจึงหุบปากลง จากนั้นจึงกล่าวว่า “เราร่วมมือกันจัดการเจ้าชุดดำไร้เหตุผลนี่”
แววตาของเซน่าคมกริบดุจคมดาบ ได้ยินนางกล่าวว่า
“ไม่ต้อง ข้าจะจัดการคนเดียว!”
---จบตอน 15 ----
เจอคนแคระหม้อเข้าซะแล้ว เซน่าเอาความมั่นใจอะไรมาจัดการกับบุรุษชุดดำที่มีเวทสังหารแห่งลมด้วยตัวคนเดียว โปรดติดตาม !!