ซัพที่25: Microsoft Word has stopped working
ซัพที่25: Microsoft Word has stopped working
เจ้าตัวแสบเมื่อกลับเข้ามาถึงวัง ก็ค่อยๆ ย่องๆ ปีนหน้าต่างเข้ามา หวังไม่ให้ใครรู้ตัว
“กลับมาแล้วหรือพะยะค่ะองค์ชาย” เสียงทุ้มหวานดังมาจากด้านในความมืด ทำเอาจินหลงขนลุกซู่
อู๋เจียงสงเดินเข้ามาที่หน้าต่าง แสงจันทร์สาดส่องบนใบหน้างามช่างน่าหลงใหลยิ่งนัก..หากเวลานี้ไม่ใช่เวลาที่เขาโดนจับได้ว่าหนีออกไปจากวัง
“ปี้เจียงโสงงงง จินโหลงกลับมาล้าวววว” จินหลงแกล้งยิ้มแป้นแล้นทำเป็นไม่รู้เรื่องรู้ราว ก่อนจะรีบเนียนวิ่งไปทำท่าจะนอน ทว่ากลับถูกองค์รักษ์คนสนิทจับตัวไว้
“ไหนองค์ชายช่วยเล่าให้กระหม่อมฟังได้หรือไม่ว่าพระองค์ไปอยู่ที่ใดมา กระหม่อมหาทั่ววังแล้วเหตุใดจึงไม่พบ?” รอยยิ้มของเจียงสงนับวันช่างน่าสยองขวัญยิ่งนัก ท่านทางของเขาทำเอาจินหลงนึกถึงซีรีส์เวลาสามีหนีออกไปเที่ยวแล้วถูกภรรยาจับได้
“จินโหลงก็วิ่งๆๆๆ วิ่งไปวิ่งมาวิ่งไปมาไปมาหาเพื่อนๆ งายยย” จินหลงแกล้งพูดให้เจียงสงปวดหัว ทว่าสำหรับคนที่อยู่ด้วยกันมาร่วมสามปี ย่อมไม่สะท้านเป็นแน่
เจียงสงดึงแขนของจินหลง พาองค์ชายน้อยออกไปด้านนอกประตู ก่อนจะเรียกนางกำนัลให้มาช่วยอาบน้ำให้เจ้าตัวแสบ ระหว่างที่นางกำนัลช่วยอาบน้ำให้จินหลง เจียงสงจึงอาศัยจังหวะนั้นตรวจสอบเสื้อผ้าขององค์ชายน้อย
มีทั้งดินทั้งฝุ่นติดตัวขนาดนี้ ไปที่ไหนกันแน่นะ
เขาคิด ก่อนจะมีใบไม้ใบหนึ่งหล่นลงมาจากแขนเสื้อของจินหลง เจียงสงหยิบใบไม้ใบนั้นขึ้นมาพิจารณา ก่อนจะดมกลิ่นมัน
ใบของต้นยี่เข่งนี่ ในวังไม่มีต้นไม้ชนิดนี้ไม่ใช่หรือไง?
เจียงสงหลับตาลง รวบรวมข้อมูลในหัวมาประกอบกันราวกับเป็นจิ๊กซอว์ พลันความคิดหนึ่งจึงแล่นเข้ามาในหัว ริมฝีปากบางฉีกยิ้มเย้ยหยัน
“องค์ชาย.. ครั้งนี้ท่านไม่รอดแน่!”
เช้าวันต่อมา จินหลงยังคงหนีออกนอกวังเช่นเคยจนเป็นกิจวัตร ทว่าวันนี้เขากลับไม่เห็นวี่แววของเจียงสง
“ท่านองครักษ์ไปเอายาจากที่สำนักหมอหลวงเพคะ” คำตอบของนางกำนัล ช่างทำให้เจ้าตัวแสบชื่นอกชื่นใจนัก เพราะวันนี้เขาจะได้หลบออกจากวังง่ายๆ ไม่มีเจียงสงคอยตามไล่ล่า
ตุบ!
จินหลงกระโดดลงมาจากรั้ววังด้วยท่วงท่าที่สวยงาม
“เอาล่ะ วันนี้ลองซื้ออะไรเข้าไปฝากพวกนั้นหน่อยดีไหมนะ” เจ้าตัวแสบพูดกับตัว ก่อนจะหยิบถุงเงินมานับ
“หือ.. ที่เงินหายไปส่วนหนึ่ง ก็เพราะเช่นนี้เองสินะ” เสียงคุ้นหูจากด้านหลังถามขึ้น
“แหม่ๆ เงินหายไปส่วนเดียวไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวข้าค่อยหาใหม่ก็...ได้...” จินหลงหันขวับไปยังด้านหลัง ดวงตาสีดำเบิกโผล่ง ใบหน้าขององค์ชายน้อยซีดขาวทันทีเมื่อเห็นเจียงสงยืนกอดอกไขว้ขาพิงกำแพง ส่งยิ้มหวานหยดย้อยให้เขา
“เหตุที่กระหม่อมหาตัวพระองค์ในวังไม่เคยพบ ก็เพราะพระองค์หนีออกมานอกวังนี่เอง เป็นเรื่องที่กระหม่อมไม่เคยคิดเคยฝันเลย” เจียงสงเดินเข้ามาจับแขนจินหลง ก่อนจะเอ่ยว่า
“ทีนี้ข้าก็จับได้แล้วว่าท่านหนีออกมานอกวัง!!”
“ประกาศราชโองการ องค์ชายสี่เจิ้งจินหลงหลบหนีออกจากนอกวังโดยมิได้รับอนุญาต มีโทษถูกกักบริเวณไว้ภายในตำหนัก เป็นระยะเวลาสองเดือน จบราชโองการ” จินหลงกัดริมฝีปากล่างแน่น
“ข้าเจิ้งจินหลงขอน้อมรับราชโองการเสด็จพ่อ ขอพระองค์ทรงพระเจริญหมื่นปีๆ” เจ้าตัวแสบกัดฟันเอ่ย ดวงตาวาววับด้วยเพลิงแค้น
ไอ้คุณชายอู๋ตัวแสบเอาเรื่องเขาไปฟ้องกับเสด็จพ๊อออออออออออ!!
“ทีนี้ท่านก็จะได้อยู่ในวังไปสักพักล่ะนะ” เจียงสงลุกขึ้นยืนเมื่อขันทีที่ทูลรายงานจากไปแล้ว
จินหลงเห็นรอยยิ้มของเจียงสงก็นึกอยากจะกัดโดดกัดคออีกฝ่ายนัก
แล้วทีนี้ข้าจะออกไปหาพวกจื่อจงกับพวกอี้เทาได้ยังง๊ายยย
“เจ้าจะบอกเสด็จพ่อทำไมว่าข้าหนีออกนอกวัง!” จินหลงตวาดไม่พอใจ
“หากสิ่งที่ท่านทำมันไม่ผิด ข้าก็ไม่คิดทูลรายงาน” เจียงสงตอกกลับ จินหลงกำหมัดและเม้มปากแน่นก่อนจะเดินหนี
“ข้าไม่รู้ด้วยแล้ว!!” เจียงสงมองเด็กชายที่เดินกระทืบเท้าไปมาด้วยสายตาเฉยชา
นี่องค์ชายไม่ได้รู้เลยหรือไงว่าตลอดเวลาที่เขาหนีออกนอกวัง ได้ทำเรื่องเดือดร้อนให้เขาและเหล่านางกำนัลขนาดไหน
เอาเถอะ โดนกักบริเวณนี่ยังถือว่าเบานัก
จินหลงนั่งลงบนโต๊ะทำงาน ก่อนจะหยิบผลไม้ขึ้นมากินอย่างหงุดหงิดใจ
ทำไมเจียงสงต้องมาจับเขาได้ในวันสำคัญด้วยเนี่ย! เสด็จพ่อก็เล่นสั่งทหารมาคุ้มกันแน่นหนา ถ้าไม่ถอดหลังคาก็ออกไม่ได้แล้ว!
เจ้าตัวแสบหงุดหงิดใจ นึกอยากระบายอารมณ์ ก่อนเขาจะเหลือบไปเห็นหนังสือบนชั้น ..จะว่าไป ก็ไม่ได้เขียนหนังสือมานานแล้วนี่เนอะ
“เจียงสงงง เจียงโสงงงงงงงงงงง” จินหลงแหกปากลั่น เจียงสงจึงต้องรีบเปิดประตูเข้ามา
“เกิดอะไรขึ้นหรือพะยะค่ะ” เจียงสงถามทันทีที่ไม่เห็นวี่แววสิ่งผิดปกติ มีเพียงองค์ชายตัวแสบที่นั่งกินผลไม้อยู่บนเก้าอี้
“ไปเอากระดาษมาให้ข้าที เอามาเยอะๆ เลย” คุณชายอู๋ขมวดคิ้ว
“พระองค์จะเอากระดาษไปทำอะไร?” จินหลงเบะปาก แกล้งแหกปากต่อ
“ก็จินหลงจะเอากระดาษษษ จินโหลงจะเอากระด๊าสสสส ไปเอาม๊า!” เจียงสงถึงกับต้องรีบอุดหูตัวเองกับเสียงแสบแก้วหูขององค์ชายน้อย เขารีบปิดประตูและไปหากระดาษมาให้ทันที
นี่ข้าเป็นองครักษ์นะไม่ใช่คนใช้ เหตุใดองค์ชายไม่เรียกหานางกำนัลแทนล่ะเนี่ย?!
เมื่อเจ้าตัวแสบได้กระดาษมาสมใจ จึงคว้าพู่กันมาจรดปากกาเขียน โดยเรื่องราวเรื่องแรกที่เขาเขียน ก็คงไม่แคล้ว “องค์รักษ์ใจโฉด”
เจียงสงที่เข้ามานั่งเฝ้าองค์ชายสี่ เมื่อเห็นพระองค์เอาแต่นั่งนิ่งขีดเขียนบางอย่างอยู่บนกระดาษ จึงนึกสงสัย แต่ก็ยังไม่กล้าทัก กลัวจะเป็นเรื่องสำคัญ
จินหลงตอนนี้กำลังเมามันส์กับการเขียนหนังสือเป็นอย่างมาก น่าเสียดายที่โลกใบนี้ไม่มีคีย์บอร์ด มิเช่นนั้นคงได้เขียนมันส์กว่านี้นัก
“ฮ่าๆๆๆ” เสียงหัวเราะของจินหลงที่ดังขึ้นทำเอาเจียงสงที่กำลังนั่งอ่านตำราสะดุ้งเฮือก ท่าทางขององค์ชายในเวลานี้ช่างดูบ้ากว่าปกตินัก จู่ๆ ก็เขียนไปหัวเราะไปกับตัวเอง หรือ...พระองค์จะอาการกำเริบ?
ไม่ทันได้คิดนานนัก สีหน้าของจินหลงก็เปลี่ยนไปมาจนยากจะคาดเดา บางคราก็ดูเศร้าหมอง บางคราก็ดูเย้ยหยันสะใจนัก
“องค์ชาย นี่พระองค์กำลังทำอะไรกอยู่กันแน่?” เจียงสงทนไหว จนสุดท้ายต้องเอ่ยปากถามออกมา
จินหลงเมื่อได้ยินคำถาม จึงแกล้งตีหน้าซื่อไม่รู้เรื่องรู้ราว
“เจ้าพูดอะไรน่ะ ข้าก็เพียงเรียนหนังสือเขียนหนังสือเท่านั้น” ..เรื่องนี้ใครจะอ่านก็อ่านได้ถ้าไม่ใช่เจียงสง!! ขืนเจียงสงอ่านเข้ามีหวังข้าโดนกินหัวแน่!
“แต่กระหม่อมเห็นพระองค์เอาแต่นั่งหัวเราะอยู่กับตัว มันไม่ใช่เรื่องปกติแล้วนะ” เจียงสงเถียง ต่างจากจินหลงที่คิดในใจ
ไอ้นี่แหละที่เรียกว่าปกติของนักเขียน! เขาเรียกว่ามีอินเนอร์ในการเขียนหนังสือ ไม่ใช่บ้า!
“ไว้ข้าเขียนเสร็จเจ้าก็รู้เองแหละ” จินหลงตอบปัด ก่อนลงมือเขียนไปสักพัก
“ฮือ..อ..ฮือๆ” เจียงสงมองจินหลงที่จู่ๆ ก็ร้องไห้ด้วยสายตาแปลกประหลาด ก่อนเขาจะค่อยๆ เดินออกไปจากห้อง แล้วบอกทหารยามที่เฝ้าประตู
“ข้าจะไปที่โรงหมอ ไปขอยาบำรุง พวกเจ้าเฝ้าองค์ชายไว้นะ” เจียงสงสั่งการ
โชคร้ายที่เจียงสงไปในเวลาอันไม่ควรนัก องค์ชายรองเหวินหลง ผู้เป็นพี่ชายแท้ๆ ของจินหลงได้เดินทางมาหาโดยไม่บอกกล่าว
“จินหลงอยู่ไหน” เขาถามขันทีหน้าตำหนักเสียงห้วน
“ทูลองค์ชายรอง องค์ชายสี่ทรงถูกฝ่าบาทกักบริเวณอยู่ภายในห้องพะยะค่ะ” ขันทีทูลรายงาน เหวินหลงตวัดสายตาเข้าไปในเรือน ก่อนจะแสยะยิ้มแล้วรีบมุ่งหน้าเข้าไป
ปึง!
เสียงประตูที่ถูกพลัก ทำให้จินหลงต้องเงยหน้าขึ้นมาจากต้นฉบับ เมื่อเห็นว่าเป็นเหวินหลง เขาจึงแสดงสีหน้าเบื่อหน่ายออกมาอย่างชัดเจน ก่อนจะก้มลงเขียนนิยายต่อ
เหวินหลงที่เห็นจินหลงไม่สนใจตน จึงเดินตรงดิ่งไปที่โต๊ะ แล้วใช้แขนข้างหนึ่งปัดของบนโต๊ะลง
เพล้งๆๆ
“เห้ยยยยย!!” จินหลงแหกปากลั่น เมื่อขวดหมึกบนโต๊ะหกลงบนต้นฉบับของเขา
ต้นฉบ๊าบบบบบบบ!
จินหลงอ้าปากค้าง ไม่รู้จะทำเช่นไรต่อ
“ทำบ้าอะไรของเจ้า! นี่มันยิ่งกว่า Microsoft Word has stopped Working อีกนะโว้ยยยย ไม่รู้หรือไงว่าข้าใช้เวลาเขียนนานแค่ไหนน่ะเห้ย!” จินหลงแหกปากอาละวาด แล้วเดินไปกระชากคอเสื้อพี่ชายตนด้วยโทสะ
“เหอะ พูดบ้าอะไรของเจ้า เด็กที่เรียนก็ไม่เรียนอย่างเจ้า จะไปเขียนอะไรได้ ข้าอุตส่าห์มาหาเจ้าถึงที่ เหตุใดจึงกล้าบังอาจไม่สนใจข้าเช่นนี้” เหวินหลงตวาดกลับ แล้วพลักจินหลงลงกับพื้น
เจ้าตัวแสบแม้จะอยากชกพี่ชายตัวเองสักหมัด แต่ตอนนี้เขาต้องแกล้งเป็นเด็กบ้าอ่อนแอ จึงจำต้องแกล้งล้มกระแทกพื้น
หากโลกนี้มีรางวัลตุ๊กตาทอง ข้าคงได้ไปแล้ว!
“แล้วเหตุใดข้าต้องสนใจเจ้าด้วย! เจ้าจะไปไหนมาไหนข้าต้องสนหรือไง!” จินหลงยังคงปากกล้า
ฝีมือเหวินลงน่ะ เทียบได้แค่ขี้เล็บเขาเท่านั้นแหละ
“นี่เจ้ากล้าพูดกับข้าเช่นนี้เลยหรือ!” เหวินหลงชี้หน้าน้องชาย
“เออ ข้ากล้าแล้วเจ้ามีปัญหาหรือไง” จินหลงลุกขึ้นยืนพลักเหวินหลงคืน
“องค์ชาย!” นางกำนัลของจินหลงรีบวิ่งเข้ามาทันที แต่กลับถูกนางกำนัลของเหวินหลงขวางไว้
“ถอยไปข้าจะไปดูองค์ชายข้า!” ซูเม่ยพยายามพลักอีกฝ่ายออก
“เรื่องขององค์ชาย เจ้าจะไปยุ่งทำไม!” ฝ่ายตรงข้ามพลักซู่เม่ยกลับไป ขณะที่สงครามระหว่างนางกำนัลกำลังเริ่มขึ้น ศึกทางด้านองค์ชายก็มิน้อยน่า
“นี่เจ้ากล้าพลักข้าหรือ!” เหวินหลงเกิดโทสะกว่าเดิม
“เออข้ากล้า! แล้วเจ้ามีปัญหานักหรือไง” จินหลงเข้าไปทุบเหวินหลงไม่ยั้ง
“เจ้าทำลายต้นฉบับข้า เจ้ามันงี่เง่า อ๊ากกๆๆ” เจ้าตัวแสบแกล้งใช้แรงระดับที่อีกฝ่ายเพียงแค่สะเทือน
พลั๊วะ!
หมัดของเหวินหลงกระแทกเข้ากับหน้าจินหลงอย่างแรง ทำเอาเขากระเด็นไปกระแทกกับโต๊ะ
“โอ้ย!!” จินหลงร้องออกมาโดยไม่เฟค ไอ้ที่เจ็บน่ะไม่ใช่หมัด แต่เป็นไอ้โต๊ะบ้าที่อยู่ตรงนี้ต่างหาก!
..ว่าไปแล้ว ทำไมเหวินหลงมันหมัดหนักเกินเด็กงี้วะ..
“องค์ชาย!!” ซูเม่ยกรีดร้อง
“คุณชายอู๋! คุณชายอู๋อยู่ไหน! ใครก็ได้ช่วยองค์ชายสี่ที! ทหาร ทหาร!” ซูเม่ยตะโกนเรียกทหารหน้าประตู ทว่าพวกเขากลับยังคงนิ่ง ราวกับไม่รับรู้เหตุการณ์
ผลัวะ!
เมื่อเหวินหลงเห็นจินหลงทรุดลงกับพื้น จึงเตะเข้าไปที่ท้องน้องชายอย่างแรง
“อั่ก!” จินหลงกุมท้องตัวเองแน่น ..ไอ้เหวินหลงนี่มันชักเอาใหญ่แล้วนะ!
เหวินหลงยังคงเตะมาไม่หยุด จนจินหลงทนไม่ไหว เขาจับขาของเหวินหลงไว้แล้วดึงให้อีกฝ่ายล้ม ก่อนจะอาศัยจังหวะชุลมุนรีบหนี เหวินหลงรีบวิ่งตามไปทันที
“เจิ้งจินหลง!!!” นางกำนัลของเหวินหลงคล้ายจะวิ่งตาม แต่กลับถูกพวกของซูเม่ยขวางไว้
“ถอยไปซะ” เสียงแหลมแสบแก้วหูดังลั่น แต่ซูเม่ยไม่สะทกสะท้าน
“ไหนเจ้าว่านี่เป็นเรื่องขององค์ชาย ขี้ข้าไม่เกี่ยว!”
จินหลงวิ่งหนีเหวินหลงวนออกมานอกเรือนรับรอง คิดจะหนีออกจากวังอีกครั้งหากไม่ติดว่า..
“จับองค์ชายสี่ไว้! องค์ชายสี่ขัดราชโองการ หนีออกจากกักบริเวณ!” ไอ้พี่ชั่วบัดซบ แล้วที่ข้าต้องหนีนี่มันเป็นเพราะใคร เพราะเจ้าไม่ใช่หรือไงวะ
จินหลงกระโดดขึ้นบนกำแพงแล้วออกวิ่ง ดวงตาคู่เล็กพยายามหาคนที่ช่วยเขาได้ ก่อนสายตาจะไปสะดุดเข้ากับเจียงสงที่อยู่ในสำนักหมอหลวง
“เจียงโสงงงง!” จินหลงแหกปากลั่น ทำเอาเจียงสงที่กำลังรับยาบำรุงจากหมอหลวงต้องหันมามองทันที ก่อนดวงตาเขาจะเบิกกว้าง เมื่อเห็นองค์ชายของตนวิ่งมาทางนี้
“องค์ชาย! นี่ท่านออกมาได้อย่างไร” เจียงสงตกตะลึง
“ช่วยข้าด้วยย” องค์รักษ์วัยสิบสองปีหน้าเปลี่ยนสีทันที
ตั้งแต่อยู่กับองค์ชายมาสามปี ไม่เคยมีครั้งไหนที่องค์ชายแสดงสีหน้าท่าทางเช่นนี้ ทั้งยังร้องขอความช่วยเหลืออีก คงต้องมีเรื่องใหญ่แน่
จินหลงกระโดดพุ่งเข้ากอดเจียงสงแน่นอย่างขอความช่วยเหลือ เจียงสงนำยาในมือยัดคืนหมอหลวง ก่อนจะเปลี่ยนมาจับดาบเตรียมสู้
“องค์ชายนี่มันเกิดอะไรขึ้น” เจียงสงถามเสียงเครียด ใบหน้าไร้รอยยิ้ม
“มันจะฆ่าข้า! มันจะฆ่าข้า” จินหลงแกล้งพูดวกวนให้ดูเรื่องใหญ่ คุณชายอู๋ยิ่งเผยหน้าเครียดกว่าเคย แต่เมื่อเห็นผู้มาใหม่ผ่านประตูสำนักหมอเข้ามา เขาก็ต้องฉงน
“องค์ชายรอง?” เจียงสงยังไม่เก็บดาบ หันกลับมามององค์ชายสี่ที่กอดเขาตัวสั่น สลับกับองค์ชายรองอย่างไม่เข้าใจนัก
“นี่มันเรื่องอะไรแน่เนี่ย!”