ตอนที่แล้วMoney Monster Episode XVI [สัญญาสีทมิฬ]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปMoney Monster Episode XVIII [การเกทับมันยังไม่จบ]

Money Monster Episode XVII [หมี่เหลืองแล้วพี่น้องเอ้ย]


Money Monster

Episode XVII

[หมี่เหลืองแล้วพี่น้องเอ้ย]

หลายวันต่อมา ณ ห้องจำลองการต่อสู้

“แกตาย!” เสียงของอมนุษย์สีขาวดังเข้ากระแทกโสตประสาทของผู้คนที่ได้ยิน มันบังคับร่างกายอันแข็งแรงพุ่งเข้าใส่เป้าหมายอย่างรวดเร็วไม่ต่างจากกระสุนปืนใหญ่ ส่งผลให้ชายหนุ่มผมสีทองคำขาวต้องตื่นตัวในที่สุด

“ตาย!” กรีดเทียมตวาดเสียงก่อนจะเหวี่ยงแขนอันใหญ่โตเข้าใส่ ในพริบตานั้นไลท์ก็เสียบการ์ดใบหนึ่ง

[Summon Card : หุ่นกระบอกเศษเหล็ก 3,200 Coin]

“เช็ค”

[Payout Completeชำระเสร็จสิ้น)] สิ้นเสียงสังเคราะห์พลันบังเกิดเงาร่างหนึ่งขึ้นกลางอากาศ เป็นหุ่นกระบอกที่ทำขึ้นจากเหล็กที่เต็มไปด้วยสนิมขนาดเท่ามนุษย์จริงๆ มันพุ่งเข้าสกัดกั้นกรีดเทียมที่อยู่ตรงหน้าและล็อคแขนล็อคขาเพื่อหยุดการเคลื่อนไหว

ไลท์วิ่งทิ้งระยะห่างก่อนจะสังเกตการ์ดที่มี เขายิงกระสุนปืนออกไปพุ่งเข้าใส่บริเวณหน้าอกของมันหนึ่งนัดเพื่อเตรียมการอะไรบางอย่าง ก่อนจะเสียบการ์ดสองใบทำการใช้งาน

[Attack Card : กระสุนบอลเพลิง(เล็ก) 3,500 Coin]

คุณสมบัติ: เปลี่ยนลูกกระสุนทั้งหมดในปืนให้กลายเป็นกระสุนธาตุไฟ เมื่อยิงออกไปจะกลายเป็นลูกบอลไฟขนาดเล็ก

[Attack Card : ยิงย้ำจุด 5,500 Coin]

คุณสมบัติ: ภายในห้าวินาทีกระสุนทุกนัดจะพุ่งเข้าใส่จุดเดียวกับกระสุนที่ถูกยิงก่อนหน้า

[Combo! Discount 5% (สร้างคอมโบ รับส่วนลด%]

“เช็ค”

[Payout Completeชำระเสร็จสิ้น)]

ที่ปากกระบอกปืนเริ่มมีควันลอยออกมาจากเชื่องช้า ไลท์เบิกตามองไปยังจุดที่กรีดสีขาวถูกตรึงพันธนาการเอาไว้อยู่ อมนุษย์สีขาวเริ่มคลุ้งคลั่งใช้พละกำลังมหาศาลที่มีสลัดหุ่นกระบอกเศษเหล็กให้ปลิวลอยกระเด็นขึ้นไปบนท้องฟ้า มันแยกเขี้ยวสีเงินใส่ชายหนุ่มและกระโดดพุ่งเข้ามาออย่างรวดเร็ว

“!” ไลท์กระโดดกลิ้งม้วนตัวหลบการโจมตี ฝ่าเท้าของมันกระแทกลงพื้นก่อให้เกิดรอยร้าวบนพื้นคอนกรีต เขากลืนน้ำลายแล้วรีบลุกขึ้นยืนก่อนจะถูกมันโจมตีเข้าที่เผลอ

‘ตอนนี้แหละ!’ ไลท์กล่าวในใจพร้อมกับเล็งปากกระบอกปืนไปที่เป้าหมายและเหนี่ยวไกล

กระสุนปืนหลายนัดถูกยิงออกมาพร้อมกับควันสีขาวที่พวยพุ่งตรงไปยังหน้าอกของอมนุษย์สีขาวตามความสามารถของการ์ดยิงย้ำจุด กระสุนที่ถูกยิงออกไปก่อนหน้าเปรียบเสมือนแม่เหล็กที่คอยดึงดูดระสุนนัดอื่นที่จะตามมาให้เคลื่อนที่มาตำแหน่งเดียวกับที่มันอยู่

ในชั่วพริบตาก่อนจะถึงเป้าหมายผลความสามารถของการ์ดกระสุนบอลเพลิง(เล็ก)ก็ทำงาน กลายเป็นลูกบอลไฟขนาดเล็กเข้าจู่โจมเป้าหมาย เกิดแรงระเบิดขนาดเล็กขึ้นในจุดเดียวกันอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้หน้าอกของกรีดสีขาวเกิดบาดแผลไหม้ไม่น่าดูชม

‘หยุดซะงักแล้ว ตอนนี้แหละ’ ไลท์ไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายได้มีโอกาสพักฟื้น เขากดปุ่มปลดปลอกกระสุนทิ้งก่อนจะใส่ปลอกกระสุนใหม่เข้าไปแทนที่ เล็งเข้าที่ศีรษะของกรีดสีขาวซึ่งขณะนี้ไม่ต่างจากเป้านิ่งดีๆ นี่เอง

ปัง!ปัง!ปัง!ปัง!ปัง!ปัง!ปัง!

เสียงปืนดังลั่น กระสุนมากมายพุ่งเข้าใส่ศีรษะของอมนุษย์สีขาวในระยะประชิด

“อ้ากกก!!!! ตาย ตาย แกต้องตาย อ้ากก!!!” มันกรีดร้องออกมาก่อนจะลงไปนอนดิ้นอย่างทุรนทุราย ร่างกายสีขาวค่อยๆ แตกสลายไปทีละนิดจนกระทั่งเหลือเพียงฝุ่นผง ไลท์มองภาพตรงหน้าพลางถอนหายใจเฮือกโต

[โหมดจำลองการต่อสู้สิ้นสุดลง ไลท์ ลินสตอร์ม หนึ่งคะแนน] เสียงสังเคราะห์ของห้องกล่าวย้ำชัยชนะของไลท์ ก่อนจะปรากฏคะแนนที่ไลท์ทำได้ ประตูห้องจึงเปิดออกเผยให้เห็นเหล่าพรรคเพื่อนที่ก้าวเข้ามา

“ชนะอีกแล้วนะ!” ครอสซ์ยิ้มเฉ่งก่อนจะตบบ่าไลท์

“เกือบไปแล้วเหมือนกัน”

“เกือบไปแล้วเหมือนกันทุกครั้งล่ะน่า! ภูมิใจหน่อยสิ ขนาดเทพๆ อย่างฉันยังพลาดไปตั้งห้าครั้งเชียวนะ”

“เหอะๆ” ไลท์หัวเราะแห้งก่อนจะหันมามองแจ๊สเปอร์กับลูน่า

“พอใช้ได้ไหม”

“อืม..โอเคมากเลย ว่าแล้วเชียว มีปืนนี่มันดีจริงๆ”

“เท่มากเลยค่ะคุณไลท์ ฉันอยากถ่ายคลิปคุณไปลงเน็ตจริงๆ รับรองแฟนคลับตรึมแน่นอน”

“ถ้าอย่างงั้นต้องเสียใจด้วยนะสาวน้อย ที่ไม่มีอะไรเอาออกจากวอลสตรีทได้ยกเว้นอาหารน่ะ หึหึ” ไลท์หัวเราะแห้งก่อนจะหันกลับมาเป็นฝ่ายคนดูบ้าง

หลังจากที่ทุกคนได้รู้จักกันเมื่อหลายวันก่อนก็พากันเข้ามาในห้องจำลองการต่อสู้อย่างขยันขันแข็งหวังจะกอบโกยคะแนนกลับไปให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ยังดีที่เมื่อไม่นานมานี้มีการเปิดเรียนภาคทฤษฏีขึ้นตามตารางการฝึกที่ได้รับมา ส่งผลให้ก้าวหน้าขึ้นทีละน้อย

ไม่ว่าจะเป็นเทคนิคการใช้พลังรูปแบบอื่น ข้อมูลเกี่ยวกับกรีด วิธีการรับมือ รายละเอียดของอาวุธชนิดต่างๆ และอีกเยอะแยะมากมายที่จะเป็นประโยชน์ในอนาคต แต่ส่วนมากทุกคนจะให้ความสนใจวิธีการจัดการกรีดเทียมให้ได้ซะมากกว่า เพราะมีความจำเป็นเร่งด่วนกับมัน

เนื่องจากส่วนใหญ่ไม่ได้มีอาวุธหรือการ์ดที่ดีตั้งแต่เริ่มเหมือนกับไลท์ จึงพบกับปัญหาสารพัดร้อยแปดที่ถาถมเข้ามา ที่เห็นชัดมากที่สุดก็น่าจะเป็นเพื่อนใหม่สามคนของไลท์อย่างครอสซ์ แจ๊สเปอร์และลูน่า

ครอสซ์เป็นคนที่ชอบต่อสู้โดยสัญชาตญาณเป็นหลักจึงไม่ค่อยพึ่งพาพลังของการ์ดลงทุน แม้จะมีความสามารถในการชกต่อยที่จัดว่าร้ายกาจแต่ก็ไม่ได้มากพอที่จะกำจัดศัตรูได้ง่าย ส่งผลให้กว่าจะเอาชนะได้ก็กินเวลาไปมากหรือกลายเป็นฝ่ายเสียท่าไปเสียก่อน”

ลูน่าช่วงแรกที่ค่อนข้างตื่นกลัวและเกรงมากเมื่อต่อสู้แต่ก็ยังดีที่มีคทาเวทเป็นอาวุธ จึงมีระยะการโจมตีที่ค่อนข้างไกลในระดับหนึ่งจึงพอต่อสู้ได้บ้าง แต่ก็ไมได้ดีมากเมื่อเสียบกับโบรกเกอร์คนอื่นๆ เพราะเธออ่อนประสบการณ์และควบคุมสมาธิไม่ได้

คนที่น่าหนักใจมากที่สุดในกลุ่มก็คือแจ๊สเปอร์ ดูภายนอกเขาเป็นคนที่ดูพึ่งพาได้มากที่สุดคนหนึ่งแต่ถ้าเรื่องการต่อสู้ถือว่าตรงกันข้าม เพราะอาวุธของเขาคือทวน เป็นอาวุธโจมตีระยะกลางที่มีความยากในการใช้แถมการ์ดค่อนข้างอ่อนแอ เมื่อถึงเวลาสู้จริงจึงไม่มีประสิทธิภาพและมีอาการร้อนรน ทำให้เขาเป็นคนที่มีคะแนนน้อยที่สุดในขณะนี้

และในบรรดาสี่คนไลท์คือคนที่แตกต่างที่สุด เพราะตั้งแต่วันแรกที่เข้ามายังศูนย์ฝึกอบรมยังไม่มีวันไหนเลยที่เขาพลาดท่าให้แก่กรีดเทียมพวกนั้น บัดนี้เขาจึงเป็นผู้มีคะแนนเป็นลำดับต้นๆ อย่างไร้ข้อกังขา

 

เมื่อพากันออกจากห้องจำลองการต่อสู้พวกไลท์ก็มุ่งหน้าไปยังศูนย์อาหารด้วยอาการหมดเรี่ยวหมดแรง แต่ละคนพยายามกันอย่างหนักแต่ผลลัพธ์กลับไม่เป็นไปตามที่หวัง ความเจ็บปวดทางใจจึงหนักหนาสาหัสมากกว่า

“เฮ้อ..จะทำยังไงดีล่ะ” แจ๊สเปอร์ทำท่าคอตกพร้อมกับดูดน้ำอัดลมที่ซื้อมาด้วยสีหน้าอิดโรยเต็มที

“คะแนนของฉันตอนนี้คือศูนย์ ขืนเป็นแบบนี้ต่อไปต้องแย่มากแน่ๆ จะทำยังไงดีนะ”

“นั่นน่ะสิ! เจ้ากรีดนั่นก็อึดเป็นบ้า ถ้าไม่ซัดเข้าที่หัวมันก็ไม่ยอมล้มสักที แต่ยิ่งสู้มันก็ยิ่งป้องกันกว่าจะชนะก็เหนื่อยลากเลือด แถมบางวันก็ชนะไม่ได้เลยด้วย”

“เหนื่อยมากเลยค่ะ สู้สุดตัวทุกครั้งแต่กว่าจะชนะสักครั้งก็รู้สึกร่างกายเริ่มทนไม่ไหว ฮือ จะทำยังไงดีล่ะ”

ทั้งสามบ่นออกมาด้วยด้วยน้ำเสียงที่มืดมนและสิ้นหวัง ไลท์ที่อยู่คนละอารมณ์กับคนอื่นนั่งตักข้าวผัดที่เตรียมมาจากที่บ้านอย่างสบายอารมณ์ ไม่ใช่เพราะเขาไม่อยากจะช่วยแต่มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ต่างหาก

ส่วนหนึ่งก็คืออาวุธปืนที่ไลท์มีค่อนข้างมีประโยชน์และใช้ต่อสู้กับศัตรูได้ง่ายดายมากกว่าอาวุธชนิดอื่นจริงๆ แต่หากใช้อาวุธของผู้อื่นในการกำจัดศัตรูระบบจะไม่จ่ายคะแนนให้ ซึ่งหมายถึงการจะต้องต่อสู้โดยใช้อาวุธของตนเองเท่านั้น

ทางเลือกที่พอจะเห็นอยู่เลืองลางคือการซื้อการ์ดใหม่มาเสริมพลังรบที่ขาดอยู่ แต่เพื่อนๆ ของไลท์ไม่มีเงินมากขนาดนั้น เจ้าตัวเลยได้แต่เพียงทำสิ่งที่ทำได้ให้เต็มที่เท่านั้น

“อา นี่ขนาดอยู่ในศูนย์ฝึกยังลำบากขนาดนี้ ถ้าต้องออกไปสู้กับกรีดจริงๆ ฉันต้องไม่มีเงินส่งมาม่อนแน่” แจ๊สเปอร์เริ่มคร่ำครวญ เด็กสาวที่อยู่ข้างๆ ทำหน้าถอดสีเมื่อได้ยินคำพูดของชายหนุ่มผมเทา เธอคอตกและเอ่ยอย่างแผ่วเบาว่า ‘ทำยังไงดี’ อยู่หลายครั้ง สร้างบรรยากาศที่หดหู่ให้แก่บนโต๊ะ

“อย่างน้อยได้สักห้าสิบคะแนนก็ยังดีนะ ถ้าได้ห้าสิบคะแนนก็จะได้การ์ดหายากติดไม้ติดมือออกไปด้วย”

“เอาน่า! ก็แค่ทำให้เต็มที่ เนอะ” ครอสซ์เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงสดใสไม่รับรู้ถึงความสิ้นหวังเลยแม้แต่น้อย

“ครอสซ์นี่ดีจังนะ บางทีถ้าฉันเป็นคนทึ่มอาจดีกว่านี้ก็ได้”

“นั่นสิคะ จะว่าไปคุณครอสซ์มีคะแนนเยอะกว่าฉันกับคุณแจ๊สเปอร์ซะอีก..สู้ๆ นะคะ”

“เอ่อ..เอ๊ะ” ครอสซ์กะพริบตาระรัวเมื่อผลลัพธ์ออกมาไม่เป็นดังตามที่หวัง ทำหน้างุมงงหันไปมองไลท์หวังอยากจะได้คำตอบ แต่เขาไม่สนใจแล้วตักข้าวทานต่อไป

“ถึงคะแนนต่อสู้จะไม่ได้แต่ก็ยังมีคะแนนภาคทฤษฏีกับการสอบอบรมอยู่ทำอีกสองอย่างให้เต็มที่ก็น่าจะพอแล้ว”

“คะแนนภาคทฤษฏีงั้นเหรอ” ลูน่าทวนคำพูดของไลท์อีกรอบ ทุกคนนิ่งเงียบไปราวสิบวินาทีก่อนจะเริ่มอ่อนระทวยกันเป็นรายคน

“ไม่ไหวหรอกค่ะ! สมองขี้เลื่อยแบบฉันจะได้สักกี่คะแนนเชียว”

“ไม่เป็นไรนะลูน่า!ฉันยังมียางลบเสี่ยงโชคอยู่ เดี๋ยวจะเอาให้ยืมนะ”

“มันเป็นข้อสอบอัตนัยนะ”

“อัตนัยคืออะไร?”

“ข้อเขียน”

“ง๊ะ!” เมื่อได้ยินคำตอบครอสซ์ก็ถึงกับทำปากค้างด้วยอาการตกตะลึง พลันรู้สึกเริ่มมืดมนตามสองคนก่อนหน้าไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จะเอาอะไรมากกับคนที่จบแค่มัธยมต้นและไม่เรียนต่อ ข้อสอบอัตนัยจึงเปรียบเสมือนความว่างเปล่าที่ไม่มีวันถูกเติมเต็มโดยเด็ดขาด

‘อา ดีจริงๆ ที่เราไม่ต้องตกไปอยู่ในสภาพนั้น’ ไลท์คิดในใจอย่างโล่งอก พอคิดว่าต้องอยู่ในสถานะที่ต้องเจอกับปัญหาร้อยแปดแล้วรู้ว่าตัวเองแบกหนี้มหาศาล คงเป็นความรู้สึกที่สิ้นหวังจนอยากฆ่าตัวตายหนีปัญหาอย่างแน่นอน

ในระหว่างที่พวกเขากำลังรับประทานอาหารด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย สายตาของผู้คนจำนวนมากหันมามองที่แผ่นหลังของไลท์เป็นตาเดียวกันอย่างมิได้นัดหมาย มันแฝงไปด้วยความรู้สึกด้านลบ คำถาม และความไม่พอใจ

โบรกเกอร์ทุกคนสามารถตรวจเช็ครายชื่อบนตารางจัดลำดับได้ว่าใครบ้างมีคะแนนเท่าไหร่ ผู้ใดสูงสุดและต่ำสุด โดยจะมีหน้าตาและข้อมูลประเภทอาวุธของคนๆ นั้น แต่จะไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับการ์ดที่ครอบครองหรือวิดีโอการต่อสู้ ทว่า นั่นก็มากพอแล้วจะถูกเพ่งเล็ง

มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีบาปอยู่ในตัว ความ[ริษยา]ก็เป็นหนึ่งในบาปที่อยู่ในตัวของทุกคน หลายคนเวลาเห็นคนที่ประสบความสำเร็จมากกว่าก็พลันรู้สึกไม่พอใจ หมั้นไส้ ในกรณีนี้ก็ไม่แตกต่างกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อมีความคิดที่ว่า[มันไม่สมควร]

ก็เหมือนกับที่เราทำงานหนักหาเช้ากินค่ำ ในขณะที่เพื่อนบ้านนอนสบายในห้องติดแอร์แต่มีเงินทองไหลมาเทมา แต่หากได้รู้ว่าที่จริงเขาเป็นนักลงทุนและใช้ความสามารถในการหาเงินแม้จะอยู่ในบ้าน ความไม่พอใจอาจน้อยลงหรือหายไปเลยก็ได้ แต่ตรงกันข้าม หากคนๆ นั้นอยู่แต่ในบ้านรอรับเงินโอนเข้ามาในบัญชีไม่ทำอะไรเลย ความไม่พอใจอาจสูงขึ้นถึงขั้นแตกหัก

แต่จะมีสักกี่คนที่ขุดคุ้ยว่าแท้จริงแล้วคนที่อยู่แต่ในบ้านผู้นั้นเป็นประเภทใดกันแน่? เพราะถึงอย่างไรก็มองแต่เปลือกนอกเป็นอย่างแรกอยู่แล้ว หากไม่พยายามทำความเข้าใจคงไม่มีวันได้รู้

ไลท์ที่มีคะแนนสูงก็อยู่ในสถานะเดียวกัน

กลุ่มชายหนุ่มตั้งแต่เด็กวัยรุ่นถึงผู้ใหญ่ราวสิบชีวิตพากันเดินเข้ามารายล้อมโต๊ะที่พวกไลท์กำลังกินข้าวอยู่ ปิดกั้นไม่ให้ใครเคลื่อนที่ออกไปไหนและแสดงความกดดันให้ได้รับรู้ ลูน่ากับแจ๊สเปอร์เริ่มมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีจึงแสดงท่าทีลุลี้ลุลน แต่ไลท์กลับมีสีหน้าเรียบเฉยเกินคาดราวกับคาดคะเนไว้อยู่ก่อนแล้ว

“เฮ้ย แกชื่อไลท์ ลินสตอร์มใช่ไหม” เสียงของชายห้าวผู้หนึ่งเอ่ยขึ้นพร้อมน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ ไลท์แอบชำเลืองมองมาที่ชายผู้นั้นด้วยหางตา

เขาเป็นชายอายุราวยี่สิบต้นๆ สวมเสื้อผ้าขาดๆ แต่สะอาดเอี่ยมอ่องดูเป็นสินค้าแฟชั่น บนใบหน้าประดับไปด้วยตุ้มหู แหวนและเหล็กฝังไปตามจุดต่างๆ จนไม่อยากเข้าใกล้ เส้นผมสีไม้ชี้ตั้งเหมือนหัวเม่นกับดวงตาอาเรื่องเยี่ยงนักสู้ผ่านสังเวียน แผ่ออร่านักเลงใหญ่ออกมาครอบคลุมโต๊ะอย่างรวดเร็ว

“ใช่” ไลท์เอ่ย

“ลุกมากับพวกเราหน่อยเด๊ะ”

“เฮ้ๆ อะไรของพวกนาย ฉันกับเพื่อนๆ กำลังกินข้าวอยู่นะ ถ้าจะมาร่วมโต๊ะด้วยล่ะก็ขอโทษที เพราะโต๊ะเต็มแล้ว!” ครอสซ์ผู้ไม่ประสีประสายังคงพูดเหลวไหลออกมาเช่นเดิม แต่นั่นยิ่งทำให้ฝ่ายเข้ามาหาเรื่องเข้าใจผิดว่าเป็นการเยาะเย้ยกัน ทำให้ใบหน้าเขียวไปทั่วและบิดเบี้ยวจนน่าเกลียด

“ดูถูกกันงั้นเรอะ! ไอ้นี่”

“เฮ้ย! อย่าไปถูกมันข่มสิ เซลิเป้”

“ชิ!”

“เฮ้ย! แกเองก็อย่างเงียบสิวะ พวกเรากำลังคุยกับแกอยุ่นะเฮ้ย” ชายชื่อเซลิเป้เชิดหน้าสูงมองไลท์ด้วยสายตาเหยียดหยามเต็มที ชายหนุ่มแอบถอนหายใจก่อนจะตักข้าวผัดทานอย่างใจเย็น ส่งผลให้เส้นเลือดบูดจนเห็นได้ชัดบนใบหน้าของพวกเซลิเป้

‘จะดูถูกกันเกินไปแล้ว!’

“โทษที พอดีที่บ้านฉันสอนมารยาทว่าอย่าพูดคุยกันระหว่างทานอาหาร”

“กรอด..” พวกเซลิเป้เริ่มกัดฟันส่งเสียงดังกรอด ใบหน้าแดงก่ำไปด้วยความโมโหสุดขีดอยากจะหาอะไรสักอย่างมากะซวกแผงคอให้เต็มไปด้วยเลือด ถึงกระนั้นก็ยังคงบ้าจี้รอจนกว่าอีกฝ่ายจะทานข้าวผัดจนหมดจานก่อนจะเริ่มคุยกันต่อ

“แล้วสรุปมีธุระอะไรกับฉัน” ไลท์ถาม

“มากับพวกฉันหน่อย”

“คุยกันตรงนี้ก็ได้ ไม่เห็นต้องทำอะไรให้ยุ่งยาก”

“....”

“หรือเป็นเรื่องที่ต้องคุยเฉพาะที่ลับผู้คน? ไม่เอาล่ะ น่ากลัวจะตาย”

“....”

‘ไอ้หมอนี่ มันกำลังยั่วโมโหเราชัดๆ’ เซลิเป้คิดในใจด้วยอารมณ์ขุ่นเคืองพลางกำหมัดในมือแน่นจนเส้นเลือดปูด

‘ดูยังไงก็มาหาเรื่องกันชัดๆ อยู่ที่สาธารณะนี่แหละดีที่สุดอีกฝ่ายจะได้ลงมือทำอะไรลำบากขึ้น ขืนแยกตัวจากคนอื่นไปมีหวังโดนข่มแหง เฮ้อ..น่ารำคาญจริงๆ ให้ตายเถอะ’ ไลท์คิดในใจ ชายหนุ่มเอื้อมมือจะไปคว้าเอาน้ำที่อยู่ในแก้วแต่มือของเซลิเป้พุ่งเข้ามากระชากแขนของเขาเสียก่อน

“เฮ้ย แกน่ะ คิดว่าฉันโง่นักเหรอ”

“....” ไลท์ตวัดสายตาไปมองเจ้าของเสียง

“เฮ้ๆๆ ปล่อยเดี๋ยวนี้เลยนะแก” ครอสซ์หรี่ตาลงก่อนจะทำทีเป็นลุกขึ้น แต่ไลท์ยกมือขึ้นห้ามปรามเสียก่อน

“เอาสิ อยากทำอะไรก็ทำเลย..แต่อย่าลืมล่ะว่าถ้าก่อเรื่องเข้ามีสิทธิโดนตัดรายชื่อออกจากการสอบอบรมนะ”

“ชิ” เซลิเป้เดาะลิ้นและปล่อยแขนของอีกฝ่ายออกจากมือ ไลท์ลูบมือที่บริเวณพกช้ำเล็กน้อยอย่างอ่อนโยน

“อยากจะพูดอะไรก็พูดเลย ตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อม”

“เหอะ!”

“ให้ฉันเดาคงเป็นการรวมตัวของพวกรั้งท้ายที่ทนดูพวกแถวหน้าไม่ได้ใช่ไหม เปล่าประโยชน์ คะแนนมันโอนให้กันไม่ได้ แทนที่จะมาหาเรื่องฉันเอาเวลาไปหาทางรับมือกรีดไม่ดีกว่าไ-”

“หุบปากโว้ย! พูดมากซะจริง” เซลิเป้ตวาดเสียงออกมาส่งผลให้ผู้คนทั้งศูนย์อาหารมามองยังจุดที่พวกเขายืนอยู่อย่างสนอกสนใจ

“ฉันคือเซลิเป้ ชายที่ไม่เคยให้ใครมาหยามหน้า ไม่ใช่แค่แก แต่คนอื่นๆ ที่มีลำดับสูงกว่าฉันคือให้อภัยไม่ได้ โดยเฉพาะแก! ก็แค่มีอาวุธดีนิดหน่อย ถึงแซงหน้าเซลิเป้คนนี้ได้ก็เท่านั้นแหละ ฉันจะบดขยี้แกเป็นคนแรกและค่อยไปกระทืบพวกที่ลำดับสูงกว่าแกทีหลัง”

“โฮ” ไลท์เผยรอยยิ้มจางๆ ที่มุมปาก

“ไลท์/คุณไลท์” แจ๊สเปอร์กับลูน่าที่สัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่ตึงเครียดได้เริ่มแสดงอาการเป็นห่วง แต่ไลท์ยังคงไม่มีท่าทีกระวนกระวายใดๆ ราวกับสามารถรับมือกับสถานการณ์ตรงหน้าได้สบายๆ

“ไม่ต้องห่วง ชีวิตลูกผู้ชายนานๆ ทีก็เจอเรื่องบ้าง โดยเฉพาะตอนมัธยมนี่แหละที่มีเพื่อนเวรชอบดูดตีนชาวบ้านเข้ามาหา” ไลท์กล่าวอย่างใจเย็นก่อนจะหันไปมองเซลิเป้

“ได้สิแต่ต้องสู้ด้วยระบบของMoney Monsterนะ”

“เออ”

“แต่สู้แบบธรรมดามันไม่ตื่นเต้นไป เรามาเดิมพันกันดีกว่า”

“?”

หลังจากนั้นไลท์ก็หยิบสำรับการ์ดขึ้นมาปึกหนึ่ง เขาเลือกการ์ดจำนวนสิบใบลงมาวางไว้บนโต๊ะให้ทุกคนได้เห็นชัดๆ ทุกใบล้วนมีตัวอักษรRตัวโตๆ ก่อนหน้าชื่อทั้งนั้นแสดงให้เห็นถึงระดับความหายากของพวกมัน

“การ์ดแรร์10ใบ รวมกับของทางนั้นเป็น20ใบใครชนะเอาไปได้หมด คิดว่าโอเคไหม”

“ไลท์!” แจ๊สเปอร์ขึ้นเสียงดัง

“ไม่เป็นไร! ถือซะว่าหากำไรเล็กๆ น้อยๆ ทางนั้นล่ะว่าไง” ไลท์หันมาพูดกับอีกฝ่าย

“อึก..”

“การ์ดแรร์..งั้นเรอะ” พวกของเซลิเป้พากันกลืนน้ำลายเฮือกโตลงคอก่อนจะหันไปมองที่ผู้นำของฝ่ายตน ชายหนุ่มมีเหงื่อไหลลงบนใบหน้าทั้งกำลังปั้นหน้ายิ้มอยู่ แต่ก็มิวายสังเกตเห็นตาซ้ายที่กำลังกระตุกบ่งบอกว่ากำลังใช้ความคิดอย่างหนัก

การ์ดแรร์มีราคาค่อนข้างแพงมากกว่าการ์ดทั่วไป แต่ก็ใช่ว่าจะซื้อไม่ได้ อย่างน้อยโบรกเกอร์ทุกคนก็ต้องมีการ์ดแรร์ติดสำรับเอาไว้คนละหนึ่งใบเป็นขั้นต่ำอย่างแน่นอน เซลิเป้พากันมาล้อมเป็นสิบแม้ลำพังการ์ดของเขาอาจไม่พอลงเดิมพัน แต่ก็รวบรวมจากเพื่อนๆ ได้เช่นกัน

เซลิเป้ไม่ได้รู้สึกว่าการ์ดแรร์สิบใบมันเป็นจำนวนที่มหาศาลจนหาไม่ได้แต่ก็ค่อนข้างขูดรีดขูดเนื้อ การที่อีกฝ่ายกล้าลงเดิมพันด้วยรอยยิ้มเสมือนกับไม่ได้มากมายอะไรแถวใช้คำพูดว่า[หากำไรเล็กๆน้อยๆ] หมายความว่ามีความมั่นใจสูงมาก

แถมตอนนี้พวกตนกำลังเป็นทีจับตาจากโบรกเกอร์คนอื่นในศูนย์อาหาร หากตนปฏิเสธไม่ลงเดิมพันด้วยคงเป็นการทำลายศักดิ์ศรีตัวเองให้ไม่เหลือซาก ยิ่งคิดมากเท่าไหร่ก็หงุดหงิดมากขึ้นเต็มที่

‘ชิ เพราะมีปืนงั้นเรอะ เพราะมีปืนเลยมั่นใจมากล่ะสิ เอาสิ ฉันจะฉีกความมั่นใจของแกลงมากระทืบแทบเท้าฉันให้ดู’

“ได้! ลงเดิมพันเพิ่ม การ์ดแรร์20ใบและซุปเปอร์แรร์หนึ่งใบกล้าไม่กล้า”

“เซลิเป้!” แม้แต่พรรคพวกยังช็อกกับสิ่งของที่เอามาใช้เดิมพันไม่ต้องพูดถึงคนนอกที่ได้ยินเข้า ทุกคนหันไปมองที่ไลท์เพื่อคาดหวังจะเอาคำตอบ

“ว่าไงล่ะ! กล้าไม่กล้า”

“หึหึ..” ไลท์หัวเราะแห้ง

‘เวรละ กลายเป็นฝ่ายโดนข่มเองซะแล้วแฮะเรา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด