บทที่ 33 ด่านตรวจสอบโครงกระดูก
บทที่ 33
ด่านตรวจสอบโครงกระดูก
เมื่อเข้าใกล้ หลี่ฟู่เฉินก็ตระหนักถึงความน่ากลัวน่าเกรงขามของนิกายคังเหลียนเป็นเช่นไร ทุกสิ่งทุกอย่างที่กล่าวไว้ในตำนานมาถึงความเป็นจริง ท้องฟ้าไร้จุดด่างชัดเจนราวกับสามารถมองเห็นผนึกอัญมณีสีฟ้าเบื้องบน
บนยอดเขานับพัน มีต้นสนที่กิ่งสูงชะลูดท้องฟ้าและสามารถมองเห็นนกกระเรียนมงกุฎแดงนับไม่ถ้วนลอยทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า
นกกระเรียนมงกุฎ เหล่านี้มีร่างใหญ่ผิดปกติพวกมันสูงถึง 10 เมตรและรู้จักกันในนาม นกกระเรียนยักษ์ มีขนสีสดใสและเห็นได้ชัดว่าเป็นรุ่นกลายพันธุ์จากนกกระเรียนมงกุฎโดยทั่วไป ความเร็วดั่งแสงของพวกมันสามารถทะลุผ่านเมฆอย่างลูกศรได้ง่ายดาย
ยิ่งลึกเข้าไปในภูเขา เสียงคำรามของสัตว์ร้ายได้ยินอย่างต่อเนื่อง หลี่ฟู่เฉินมองเห็นงูหลามขนาดมหึมาขดตัวอยู่ครึ่งร่างพ่นหมอกออกมาหลังจากกลืนก้อนเมฆและดูดซับสารระเหยภายในดวงอาทิตย์และดวงจันทร์
“ตำนานบอกล่วงหน้าว่านิกายสามารถทำให้สัตว์อสูรเชื่องและใช้โอสถที่ไม่ซ้ำกันเพื่อกลั่นพลังลมปราณปีศาจเป็นพลังลมปราณจิตวิญญาณ ดูเหมือนว่าเรื่องราวเหล่านั้นจะเป็นจริง” หลี่ฟู่เฉินสันนิษฐานว่าภายในนิกายคังเหลียนไม่มีสัตว์อสูรจำนวนมากอาศัยอยู่ เมื่อสัตว์ปีศาจเป็นสัตว์ประหลาดที่โหดร้ายและกระหายเลือดพวกเขาจึงไม่สามารถอยู่ร่วมกับมนุษย์ได้
เมื่อทุกคนมาถึงเชิงเขา นกกระเรียนยักษ์ที่มีกำลังดั่งวัว บินมาหาพวกเขา ผู้ที่ขับขี่มาเป็นจอมยุทธ์ผู้ช่ำชอง
เห็นได้ชัดว่าจอมยุทธ์ผู้ช่ำชองนี้เป็นผู้อาวุโสนิกายชั้นนอกและอยู่ที่นี่เพื่อนำทางทุกคนบนภูเขา
ภูเขานี้ชื่อว่า ภูเขาหนึ่งเดียว หมายถึงความมั่นคงและความแข่งแกร่ง มันเป็นหนึ่งในยอดเขาของนิกายภายนอก ซึ่งโดยปกติจะใช้สำหรับรับแขกหรือทดลองศิษย์ภายนอกและเป็นที่อยู่อาศัยของผู้อาวุโสและนักบวชนิกายชั้นนอกหลายคน
ในบรรดายอดเขาอื่น ๆ ภูเขาหนึ่งเดียว เป็นหนึ่งในภูเขาระดับต่ำ มีความสูง 700 เมตร บนเส้นทางสู่จุดสูงสุดของภูเขา หลี่ฟู่เฉินสังเกตเห็นบ้านเรือนและคฤหาสน์แถวยาวตลอดทาง นอกจากนี้ยังมีนักบวชนิกายชั้นนอกจำนวนมาก ซึ่งอย่างน้อยอยู่ในระดับขอบเขตก่อกำเนิด
เมื่อหลี่ฟู่เฉินเดินทางต่อ เขานับได้อย่างน้อยหนึ่งร้อยนักบวชนิกายชั้นนอก นิกายนี้ควรค่าแก่ชื่อ เพียงยอดเขาเล็ก ๆ นี้มีผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตก่อกำเนิดจำนวนมากและนี่เป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ ของนักบวชบนภูเขาที่ราบสูง นิกายคังเหลียนมียอดเขามากกว่าร้อยยอดซึ่งไกลเกินกว่าที่ดวงตามนุษย์มองเห็นและซุกซ่อนตัวอยู่ในม่านหมอก
เมื่อถึงจุดบนสุดของภูเขา ดวงตาของหลี่ฟูเฉินก็เบิกกว้าง
ภูเขาหนึ่งเดียว บนยอดเขาดูเหมือนถูกแยกออกมาตามแนวนอนโดยเทพเจ้า มีที่ราบสูงขนาดมหึมาที่สามารถรองรับผู้คนหลายพันคนและอีกด้านหนึ่งของที่ราบสูงเป็นอารามขนาดใหญ่แห่งนี้
ยืนอยู่ในแถวเข้ามาลงบันทึกข้อมูลประจำตัวของเจ้า เขียนบันทึก อย่าให้ข้อมูลส่วนตัวของเจ้าผิดพลาด มิฉะนั้นเจ้าจะต้องรับผิดชอบต่อข้อมูลนั้น” เฉินจงหมิงกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“เข้าใจขอรับ” หลี่ฟู่เฉิน และคนอื่น ๆ พยักศรีษะ
เบื้องหน้าพวกเขามีศิษย์สาวกอย่างน้อยหนึ่งพันคน
การประเมินศิษย์สาวกนิกายชั้นนอกไม่ได้มีวันที่ในแต่ละเดือนตายตัว แต่ดำเนินอย่างต่อเนื่องเมื่อทุกชุดมาถึง เพราะมันน่าเบื่อเกินกว่าที่จะประเมินสาวกหมื่นคนในคราวเดียว นอกจากนี้ทุกชุดมาถึงเวลาต่างกัน การรอไม่เกิดประโยชน์เช่นกัน
แถวสั้นลงอย่างรวดเร็ว หลังจากผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมง ถึงเวลาที่กลุ่มของหลี่ฟู่เฉินลงบันทึก
หลังจากเขียนบันทึก ด่านแรกของการทดลองเริ่มต้นขึ้น: ด่านตรวจสอบโครงกระดูก
ในการตรวจสอบโครงกระดูกจำเป็นต้องใช้หินโครงกระดูก ตระกูลหลี่มีเพียงหินโครงกระดูกขนาดเท่ากระโหลก แต่นิกายคังเหลียนมีขนาดเท่ากับก้อนหินยักษ์กว้าง 3 เมตร มันเป็นหินแต่จริงๆแล้วเป็นหินแร่หยกพิเศษที่โปร่งแสงและมีสีขาว
“เจี่ยซันโยว โครงกระดูกระดับ 1 ดาว 50 แต้ม”
“หลูห่าว, โครงกระดูกระดับ 2 ดาว, 60 แต้ม”
“ฟางเต๋า โครงกระดูกระดับ 2 ดาว 60 แต้ม”
“ซูกวน, โครงกระดูกระดับ 2 ดาว, 60 แต้ม”
“เล่าต้าเหอ, โครงกระดูกระดับ 3 ดาว, 70 แต้ม”
......
หลี่ฟู่เฉินสังเกตว่าศิษย์ส่วนใหญ่มีโครงกระดูกระดับ 1 หรือ 2 ดาวและส่วนน้อยเป็นโครงกระดูกระดับ 3 ดาว ประมาณทุกยี่สิบคนมีโครงกระดูกระดับ 3 ดาวมากอันดับหนึ่ง ถ้าเข้าไปดูรายละเอียด จะเห็นภาพที่ใหญ่ขึ้นภาพที่เต็มไปด้วยสาวกโครงกระดูกระดับ 3 ดาว
การรับสมัครครั้งก่อนมีสาวกประมาณ 10,000 คนที่ผ่านการประเมิน ดังนั้นปีนี้น่าจะมีจำนวนเท่ากัน หนึ่งในยี่สิบคนที่เป็นโครงกระดูกระดับ 3 ดาว นั่นหมายความว่ามีประมาณ 500 คนในนั้น
เป็นครั้งแรกที่ หลี่ฟู่เฉิน รู้สึกไม่มั่นใจ
ไม่ใช่เพราะโครงกระดูกที่น่าเวทนาของเขา แต่เกิดจากนิกายที่ดูน่ากลัวและน่าเกรงขาม โครงกระดูกระดับ 2 ดาวถือว่ามีความโดดเด่นในเมือง และโครงกระดูกระดับ 3 ดาวนั้นมีลักษณะที่หายาก แต่ในนิกายนี้โครงกระดูกระดับ 2 ดาวไม่มีค่าอะไรเลย มีโครงกระดูกระดับ 3 ดาวอยู่ทุกหนทุกแห่งและโครงกระดูกระดับ 4 ดาวอาจจะเป็นสิ่งหายากแต่ภายในนิกายคงมีมากมายเช่นกัน โดยปกติจะมีการคัดเลือกโครงกระดูกระดับ 4 ดาวล่วงหน้า ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อาจเห็นตามปกติในระหว่างการประเมิน เว้นแต่จะถูกมองข้าม
ในพริบตาก็ถึงเวลาที่หลี่ฟู่เฉินและพวกเข้ารับการตรวจสอบ
“หยางไค โครงกระดูกระดับ 3 ดาว 70 แต้ม”
“เฉินตูจิว, โครงกระดูกระดับ 2 ดาว, 60 แต้ม”
“เฉินตูเหลียง, โครงกระดูกระดับ 1 ดาว, 50 แต้ม”
“กวนเผิ้งโครงกระดูกระดับ 2 ดาว 60 แต้ม”
“เหอปิงโครงกระดูกระดับ 2 ดาว 60 แต้ม”
“จือฮงซิ่ว, โครงกระดูกระดับ 3 ดาวสุดพิเศษ 75 แต้ม”
ในห้องโถง ฝ่ามือของจือฮงซิ่วกดลงบนหินโครงกระดูก แสงสีแดงเปล่งออกมาจากหินเรืองรองอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่ก่อนหน้าทั้งหมด เป็นเพียงแสงสีขาวที่แรงหรืออ่อนเท่านั้น
“โครงกระดูกสุดพิเศษระดับ 3 ดาว!” หลายคนอดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้าง
โครงกระดูกระดับ 3 ดาวถือว่าเป็นชนชั้นอภิสิทธ์ในนิกาย ขณะที่โครงกระดูกพิเศษระดับ 3 ดาวเทียบเท่ากับโครงกระดูกระดับ 4 ดาว
จือฮงซิ่ว รู้สึกประหลาดใจเช่นกัน หินโครงกระดูกของตระกูลจือมีขนาดเท่าฝ่ามือ ไม่สามารถรู้ได้ว่าโครงกระดูกมีพลังพิเศษใด ๆ หรือไม่
“โครงกระดูกเปลวไฟระดับ 3 ดาว ไม่เลวเลย” เฉินจงหมิงรู้สึกปลาบปลื้มที่สามารถคัดเลือกศิษย์โครงกระดูกเปลวไฟระดับ 3 ดาวได้ นิกายจะต้องให้รางวัลแต้มสะสมแก่เขาแต้มสะสมเหล่านี้มีค่ายิ่ง จะได้รีบหลังจากมีส่วนร่วมในนิกายเท่านั้น
หลิวฟางเต๋า กล่าวอย่างอิจฉา “ขอแสดงความยินดีกับพี่เฉินท่ามกลางศิษย์สาวกภสยนอกนิกาย โครงกระดูกระดับ 3 ดาวพิเศษสุดที่หายากมีเพียงโหลเท่านั้น”
หลังจากจือฮงซิ่วลงมา หลี่ฟู่เฉินก้าวขึ้นไปข้างหน้า
หลี่ฟู่เฉินคาดว่า คงไม่มีปฏิกิริยาใดกับหิน หมายความว่าหลี่ฟู่เฉินมีโครงกระดูกปกติที่ไม่สามารถทำปฏิกิริยากับหินได้
“หลี่ฟู่เฉิน โครงกระดูกปกติ 40 แต้ม” ผู้ทดสอบอาวุโสหน้านิ่วคิ้วขมวด ปราศจากอารมณ์ใด ๆ
“มีโครงกระดูกปกติปรากฏขึ้น มันเป็นไปไม่ได้!”
“นิกายคังเหลียนไม่ได้สร้างศิษย์โครงกระดูกปกติมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว เยาวชนคนนี้เป็นใคร เขาอาจเป็นทายาทของผู้อาวุโสภายในนิกายก็เป็นได้”
“ไม่ว่าบรรพบุรุษของเขาจะเป็นใคร เขาคงเป็นได้แค่ลูกศิษย์รับงานปลีกย่อยเท่านั้น”
ในห้องโถงมีศิษย์ประมาณ 100 คน พวกเขาทุกคนที่รู้ว่าหลี่ฟู่เฉินมีเพียงโครงกระดูกปกติเท่านั้น ทำให้เขาดูไม่คู่ควร หากศิษย์โครงกระดูกปกติสามารถกลายเป็นศิษย์นิกายชั้นนอกได้ นิกายก็จะถูกอัดแน่นไปด้วยผู้คน
“เฮ้ เฮ้ !”
จากสถานการณ์นี้ กวนเผิ้งพร้อมพวก หัวเราะเยาะหลี่ฟูเฉินและดีใจที่หลี่ฟู่เฉินทำตัวเองงี่เง่า
หลี่ฟู่เฉินถอนหายใจช้าๆ และออกไปด้วยท่าทีที่สงบ
โครงกระดูกของเขาเป็นปกติ แต่ก่อนมีเครื่องรางทองคำ เขามีความสามารถในการฝึกฝนที่ดีกว่าโครงกระดูกดาว 1 ดวงและไม่เคยด้อยกว่าโครงกระดูก 2 ดาวเลย มิเช่นนั้น เขาจะอยู่ในระดับอัจฉริยะเช่นเดียวกับหลี่หยุนไห่ได้อย่างไร
ยิ่งไปกว่านั้น นี่เป็นเพียงการทดลองครั้งแรก การทดลองครั้งที่สองและครั้งที่สามคือการแสดงความสามารถ
ตราบใดที่คะแนนรวมจากการทดลองทั้งสามนั้นเกิน 180 แต้ม เขาอาจกลายเป็นศิษย์นิกายชั้นนอกได้….
ติมตามกลุ่มปฟนเพจที่ FB: indynovels