Money Monster Episode XVI [สัญญาสีทมิฬ]
Money Monster
Episode XVI
[สัญญาสีทมิฬ]
“.....”
ชายหนุ่มสองคนยืนนั่งงันไปทันทีเมื่อได้ยินประโยคเมื่อสักครู่ สายตานับสิบรอบๆ มองรุมเร้ามาที่พวกเขาเป็นตาเดียวกัน ให้ความรู้สึกอึดอัดและขุ่นมัวอย่างถึงที่สุดจนแทบจะพุ่งเข้าไปกระชากคอไอ้คนพูดเสียเหลือเกิน
“ไลท์! แจ๊สเปอร์” ครอสซ์ยิ้มโบกมือเรียกตะโกนชื่อของชายหนุ่มทั้งสองต่อหน้าผู้คนที่ยืนมุงดูอยู่ เปรียบเสมือนการมัดมือชกว่า[หนีไม่พ้นแล้วนะ!] เพราะเมื่อครอสซ์เสนอตัวแล้วเรียกพวกตนว่า[เพื่อน]พร้อมกับคนอื่นกำลังจับตาดูพวกเขาอยู่ หากปฏิเสธไปไม่โดนกล่าวหาเป็นปีศาจซาตานเห็นแก่ตัวหรือ
ขอยืนอยู่เฉยๆ ได้ไหม!
ไลท์เป็นคนแรกที่เคลื่อนไหว สับฝีเท้าเข้าไปใกล้ก่อนที่เขาจะทำบางสิ่งที่ถึงกับทำทุกคนต้องเหวอจนอ้าปากค้าง ชายหนุ่มเหวี่ยงกำปั้นซัดเข้าที่หน้าท้องของครอสซ์อย่างแรงจนอีกฝ่ายทำตาเหลือก ทรุดเข่ากุมท้องด้วยความทรมาน ส่งผลให้เด็กสาวผมทองข้างๆ ทำหน้าถอดสีตกใจสุดขีด
“ชะ..ชก..ฉัน..ทำ..ไมเนี่ย”
“ยังจะถามอีก! นี่ซื่อบื้อหรือโง่กันแน่ รู้จักกันแค่วันเดียวคิดว่าสนิทมาตั้งแต่ชาติปางก่อนงั้นเรอะ แจ๊สเปอร์ยิ่งแล้วใหญ่ ไม่กี่ชั่วโมงด้วยซ้ำมั้ง จะพูดน่ารำคาญหรือตีสนิทเท่าไหร่ฉันไม่สน แต่รู้จักกันแค่นี้ก็คิดจะลากคนอื่นไปยุ่งกับเรื่องเงินๆ ทองๆ ขอตั้นหน้าอีกสักหมัดได้ไหม” ไลท์ลั่นออกมาเป็นฉอดๆ ต่างหน้าธารกำนัลโดยไม่สนว่าอีกฝ่ายจะมองเขาเป็นยังไงต่อ แม้แต่แจ๊สเปอร์ที่กำลังอึ้งอยู่ก็เป็นต้องทำตาค้างต่อการกระทำของเขา
คติของบ้านลินสตอร์มคือ ทำตัวมีปัญหาอย่างไรข้าไม่สน แต่เป็นเรื่องเงินมีสู้ตาย!
“ชิ หงุดหงิดเป็นบ้า ทีฉันติดอยู่ในบ่อยังคิดว่าจะช่วยดีไหม ทีเห็นผู้หญิงน่ารักมีปัญหาวิ่งมาเสนอหน้าเชียวนะ อึ๋ย! หงุดหงิดโว้ย” ไลท์แสดงท่าทีเดือดดาลออกมาอย่างชัดเจน ราวกับเก็บกดมาเนิ่นนาน
“ขะ..ขอโทษที” ครอสซ์เบนสายตาหนีเล็กน้อย
“อะ..เอ่อ” เด็กสาวที่ยังจับต้นชนปลายไม่ถูกได้แต่ยืนอึ้งเพียงอย่างเดียว มองซ้ายมองขวากะพริบตารัวๆ พยายามหาจุดเชื่อมโยงอยู่
“อา..โทษที พอดีฉันมีเรื่องกับเจ้านี่นิดหน่อย ไม่เกี่ยวกับเธอหรอก”
“เอาน่า ครอสซ์เองคราวหน้าก็ช่วยคิดหน้าคิดหลังบ้างเถอะ ไม่อย่างนั้นจะทำให้คนอื่นไม่พอใจนะ” แจ๊สเปอร์เดินเข้ามาช่วยไกล่เกลี่ย
“อะ..อืม เข้าใจแล้ว”
“ส่วนไลท์เองก็ไม่ควรไปต่อยครอสซ์เหมือนกัน เรื่องแค่นี้พูดกันเฉยๆ ก็ได้ แถมตรงนี้มีคนดูอยู่ตั้งเยอะ มันทำให้ครอสซ์สีหน้ามากนะ”
“อืม..ก็จริง ขอโทษด้วยละกัน” ไลท์คิดตามแล้วก็พยักหน้าเข้าใจ ยื่นมือไปคว้าครอสซ์ที่กำลังนั่งจุกอยู่บนพื้นให้ลุกขึ้น
“ขอโทษด้วยนะที่เพื่อนๆ ของฉันทำอะไรบ้าๆ ให้ดูนิดหน่อย”แจ๊สเปอร์ลูบหลังศีรษะเบาๆ คุยกับเด็กสาวที่กำลังยืนอยู่อย่างงุมงง เธอแสดงท่าทีลุกลี้ลุกลนเมื่อเขายื่นหน้าเข้าไปใกล้
“ไม่หรอกค่ะ”
“อืม..ครอสซ์เองก็เสนอตัวคิดจะช่วยเธอจริงๆ ใช่ไหม”
“โอ้!”
“งั้นครอสซ์ก็จัดการเองไปก่อนนะ ลำบากตรงไหนยังไงค่อยตกลงกัน”
“โอ๊ส!” ครอสซ์ยิ้มหนึ่งทีก่อนจะเข้าไปคุยกับเด็กสาว หากเจ้าตัวมีความต้องการจะช่วยจริงๆ พวกแจ๊สเปอร์ย่อมไม่ขัดคุยกันทีหลังก็ได้ แต่ที่ไม่ชอบเพราะดึงพวกเขาไปร่วมด้วยโดยไม่ได้บอกสักคำซะมากกว่า
เด็กสาวมีชื่อว่าลูน่า อายุสิบเจ็ดปีการ์ดที่เธอต้องการมีชื่อว่า[แฟรี่ไนท์] เป็นการ์ดหายากระดับแรร์ที่มีราคาประมาณหนึ่งแสนเหรียญ นับว่าเป็นราคาที่ค่อนข้างแพง ลูน่าเธอสามารถซื้อการ์ดใบนี้ได้ทันทีที่ต้องการเลยแต่ติดตรงที่เงินของเธอจะไม่เหลือ
โบรกเกอร์ทุกคนจะได้รับเงินตั้งตัวมาคนละหนึ่งก้อนเพื่อนำไปใช้สร้างตัวอยู่แล้ว ยิ่งหนี้สินมากเท่าไหร่มาม่อนก็จะให้เงินก้อนนั้นมากขึ้นตามไปด้วย แต่ก็ไม่ได้มากพอที่จะใช้สุรุ่ยสุร่าย แต่ลูน่าก็มีความต้องการการ์ดใบนี้มากจึงไม่ยอมแพ้ ยืนต่อราคากับพนักงานมาค่อนชั่วโมงตามที่ได้เห็น
แต่สิ่งที่ไลท์รู้สึกตะขิดตะขวงที่สุดก็คือเหตุผลที่ลูน่าอยากได้การ์ดใบนั้น
“เพราะว่าน่ารักมากค่ะ! เลยอยาก ได้” ลูน่ายิ้มบ้องแบ้วให้สามหนุ่มเมื่อถูกถามเหตุผลที่อยากได้ถึงขั้นนั้น
“ไม่ใช่เพราะใช้งานได้แต่เพราะมันน่ารัก..เหรอครับ” แจ๊สเปอร์ที่มีอารมณ์และวุฒิภาวะมากสุดเป็นคนทวนคำตอบอีกรอบ
“ค่ะ! แฟรี่ไนท์แค่ดูภาพก็รู้แล้วว่าน่ารักมาก ฉันก็อยากได้ แต่เพราะว่าเธอเป็นการ์ดแรร์และมีประโยชน์ราคาเลยค่อนข้างแพง”
“อา..” แจ๊สเปอร์เกาแก้มพลางยิ้มเจื่อนให้เด็กสาวก่อนจะหันมามองไลท์กับครอสซ์ที่ยืนอยู่ข้างๆ ครอสซ์เตรียมเงินในกระเป๋ารอแล้วแต่ไลท์ยังเคาะนิ้วมองมาที่เด็กสาวด้วยสายตาราบเรียบ
“เอาไงดี?”
“ราคาแสนกว่า หารสี่ก็พอได้แต่ให้ยืมนะ แล้วต้องมีดอกเบี้ยด้วย”
“อืม..เข้าท่าดี ลูน่าล่ะ พวกฉันจะให้ยืมเงินแต่ต้องทยอยจ่ายทีหลังนะ”
“ค่ะ!”
“เดี๋ยวก่อน” ไลท์เอ่ยดักคอทำให้ทุกคนหันมามองเขาเป็นตาเดียว
“มีหลักประกันอะไรว่าเธอจะไม่เบี้ยว”
“ไม่เอาน่าไลท์! อย่าดุไปหน่อยเลย”
“หุบปากไปเลย! ฉันไม่ยอมทำอะไรฟรีๆ หรอก ถ้าไม่ใช่ญาติพี่น้องก็อย่าหวังว่าฉันจะช่วยเหลือแบบฟรีๆ เรื่องเงินฉันพอมีให้แต่ฉันจะมั่นใจได้ยังไงว่าจะได้เงินคืนทุกเหรียญ เธอเป็นเด็กมัธยมใช่ไหม รู้รึยังว่ากรีดมันชอบออกมาให้ล่าตอนกลางคืน เธอจะจัดการเวลาเรียนพร้อมกับสู้กับกรีดไปด้วยกันไหวไหม”
“เอ่อ..คือว่า น่าจะไหว..นะ” ลูน่ายิ้มจางๆ ทำหน้าคล้ายจะร้องไห้ สามหนุ่มเริ่มร้อนรนในทันทีก่อนจะหันสายตาไปตำหนิไลท์ที่พูดจากดดันเธอจนเกินไป
“อา..โทษทีๆ” ไลท์ยกมือขึ้นก่ายหน้าผาก คิดหาทางไปต่อก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้บางอย่างจึงหยิบบัตรMMCออกมาจากกระเป๋าและชูขึ้นบน
“อเดมัส”
“มีอะไรให้รับใช้หรือครับ นายท่านของกระผม” นายธนาคารแห่งความมืดปรากฏขึ้นเคียงข้างของผู้เป็นนายในทันทีที่ถูกเรียกขานชื่อ ทุกคนสงสัยว่าอเดมัสโผล่มาตั้งแต่เมื่อไหร่แต่ไลท์ก็ไม่สนใจ รีบเข้าเรื่องในทันที
“มีวิธีอะไรไหมที่จะทำให้คนที่ยืมเงินเราไปจ่ายเงินเราแน่นอน”
“มีสิครับ แสนง่ายดายด้วย” อเดมัสเอ่ยก่อนจะเสกแผ่นกระดาษสีดำขึ้นจากอากาศ แล้วยื่นให้ไลท์ได้รับ
“นี่คือแผ่นกระดาษปีศาจครับ เป็นสิ่งที่มักถูกนำไปใช้ในการทำสัญญากับปีศาจ แต่สำหรับที่วอลสตรีทเราสามารถเขียนสัญญาปีศาจขึ้นได้ ซึ่งจะไม่มีทางขัดขืนสิ่งที่ระบุในสัญญาได้อย่างแน่นอนครับ”
“อา ตอนฉันเซ็นกับมาม่อนก็เป็นกระดาษสีดำเหมือนกัน”
“ครับ ที่เหลือท่านก็แค่ระบุลงไปเป็นลายอักษร ให้ชำระหนี้ท่านผ่านระบบของMoney Monter เช่น ทุกครั้งก่อนที่ส่งเงินรายเดือนให้ท่านมาม่อน จะต้องได้รับบิลสำหรับการชำระมาเสียก่อนเสมอ ระบุในสัญญาให้เพิ่มจำนวนเงินที่ต้องชำระในบิล เวลาที่ลูกหนี้จ่ายเงิน เงินบางส่วนจะถูกหักโอนเข้ามาในบัญชีท่านอัตโนมัติครับ”
“เยี่ยมยอด! เอาตามนี้แหละ ขอบใจมาก อเดมัส”
“ด้วยความยินดีครับ นายท่านของกระผม” เมื่อทำธุระเสร็จร่างของอเดมัสก็อันตรธานหายไป ไลท์หันมาคุยกับอีกสามคนและบอกเกี่ยวกับสัญญาออกไป แจ๊สเปอร์พยักหน้าเข้าใจก่อนจะแปลให้ทั้งคู่เข้าใจอย่างเรียบง่ายจึงได้ข้อสรุปกัน
ทั้งสี่วางกระดาษบนตู้กระจกก่อนจะเริ่มลงมือเขียนสัญญาลงไป โดยไลท์ที่เป็นเจ้าของจึงมีสิทธิในการเขียนจึงถามเธอเพื่อความแน่ใจว่า
“แน่ใจแล้วนะว่าจะกู้เงินพวกเราไปซื้อการ์ดใบเดียวจริงๆ มันแพงมากเลยนะ เป็นภาระให้ตัวเธอเองเปล่าๆ ไว้เก่งขึ้นหาเงินได้มากขึ้นค่อยกลับมาซื้อไม่ดีกว่าหรือ”
“ไม่ค่ะ! แฟรี่ไนท์ปกติก็เก่งอยู่แล้ว ถือซะว่าเป็นการลงทุนในอนาคตและได้ผลประโยชน์ทางใจด้วย”
“ยืนยันแล้วสินะ” ไลท์กล่าวก่อนจะเริ่มลงมือจับปากกาเขียนลงไปบนแผ่นกระดาษสีดำ เมื่อสัญญาถูกร่างขึ้นก็พลันเริ่มเปล่งแสงสีขาวจางๆ ออกมาทีละน้อย ทั้งสี่ลงนามตนเองก่อนที่กระดาษจะคัดลอกออกมาเป็นสี่แผ่นให้แต่ละคนเก็บเอาไว้กับตัว
เงินในบัญชีของครอสซ์ ไลท์ แจ๊สเปอร์ถูกโอนเข้าไปในบัญชีของลูน่าอัตโนมัติเมื่อสัญญาเริ่มแสดงผล เด็กสาวยิ้มร่าก่อนจะวิ่งเข้าไปซื้อการ์ดแฟรี่ไนท์ที่เธอต้องการแล้วจึงวิ่งกลับมาหาชายหนุ่มทั้งสามคน
“ขอบคุณมากเลยค่ะ” ลูน่ากล่าวขอบคุณกับทั้งสามพลางโน้มศีรษะลงเล็กน้อย
“ด้วยความยินดี!”
“ไม่เป็นไร หาดอกเบี้ยมาใช้ให้ฉันก็พอ” ไลท์เน้นย้ำเรื่องดอกเบี้ยทำให้เด็กสาวเริ่มเหงื่อตก
“ลูน่ายังไม่มีคนรู้จักอื่นใช่ไหม ถ้าไม่รังเกียจมาอยู่กับพวกเราก็ได้นะ” แจ๊สเปอร์ยิ้มชักชวนเด็กสาว ครอสซ์พยักหน้าเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง จะมีก็แต่ไลท์คนเดียวที่แอบผงะอยู่ลึกๆ
“เดี๋ยวก่อน! พอเสร็จธุระที่ร้านการ์ดนี่ฉันจะแยกไปอยู่คนเดียวแล้วนะ อย่าคิดเองเออเอง-” ไลท์รีบโพล่งเสียงขึ้น
“คิดดูสิ ครอสซ์เองก็เหมือนกับตบตีเก่ง ลูน่าก็มีการ์ดดีๆ ใช้ แถมเธอก็ติดหนี้พวกเราด้วย ถ้าเธอมาอยู่ด้วยจะได้เฝ้าจับตาดูได้ง่ายไง แถมน่ารักด้วย” แจ๊สเปอร์กระซิบ
“อา..ก็จริงแฮะ แต่ว่า” ไลท์เริ่มมีน้ำสีตะกุกตะกักหันไปเหลียวมองครอสซ์กับลูน่าที่กำลังคุยกันอย่างสนุกสนาน ชายหนุ่มเกาศีรษะแรงๆ หนึ่งทีแล้วค่อนปล่อยลมหายใจออกมาคล้ายกับเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้
“เอาเถอะ บางทีอาจดีกว่าที่คิดก็ได้”
“เอาล่ะ! มาแนะนำตัวกันใหม่อีกรอบกันเถอะพวกเรา” เสียงของครอสซ์ดังขึ้นรอบโต๊ะ ขณะนี้ทั้งสี่เดินออกมาจากร้านขายการ์ดแล้วตรงมายังโต๊ะนั่งหินอ่อนที่อยู่ใต้ร่มไม้ โดยตรงหน้าเต็มไปด้วยอาหารที่ซื้อหยิบติดไม้ติดมือมาจากร้านอาหารแผงลอยใกล้ๆ
“เริ่มจากฉันก่อน ครอสซ์ แสวนไฮม์ อายุยี่สิบปีจบแค่มัธยมต้นและก็ไม่ได้เรียนต่ออีกเลย ก่อนทำสัญญามีอาชีพเป็นนักมวยอิสระ”
“แจ๊สเปอร์ ดิแลนด์นี่ อายุยี่สิบปี เรียนมหาวิทยาลัยการเกษตร ที่บ้านเป็นชาวไร่”
“ไลท์ ลินสตอร์ม อายุยี่สิบปี เรียนมหาวิทยาลัยการค้า เป็นครอบครัวชั้นแรงงานธรรมดา”
“ลูน่า แครอน อายุสิบเจ็ดปี เรียนอยู่ที่โรงเรียนสตรีโรเซนเบิร์กค่ะ” ลูน่ายิ้มบางๆ พร้อมกล่าวแนะนำตัวก่อนจะหันไปสบสายตากับชายหนุ่มทั้งสาม
‘อา รู้จักแปลกๆ จัง อายุน้อยสุดไม่พอเรายังเป็นผู้หญิงคนเดียวด้วย’ ลูน่าคิดในใจ
“ลูน่าอยู่โรงเรียนสตรีงั้นเหรอ? แบบนี้คงไม่คุ้นชินกับผู้ชายแบบพวกเราสินะ” แจ๊สเปอร์เอ่ยถามราวกับรู้ความในใจของเด็กสาว เธอส่ายหน้าเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับไป
“ไม่หรอกค่ะ ที่โรงเรียนเองก็พอจะมีอาจารย์ผู้ชายอยู่บ้าง แถมก่อนจะเข้ามัธยมต้นก็อยู่โรงเรียนสหมาก่อน ก็แค่ไม่ค่อยชินเท่าไหร่ที่เป็นผู้หญิงคนเดียวน่ะค่ะ”
“งั้นไปหาผู้หญิงมาอีกสักคนดีกว่า! ลูน่าจะได้สบายใจขึ้น ไปกันเลย!” ครอสซ์ลุกขึ้นยืนพรวดเตรียมจะวิ่งแจ้นออกไปแต่กลับถูกไลท์กระชากเสื้อดึงมานั่งลงเก้าอี้ในทันควัน
“พอทีเถ้อ! อย่าให้มีผู้เคราะห์ร้ายไปมากกว่านี้เลย”
“ผู้เคราะห์ร้าย? หมายความว่ายังไงล่ะนั่น”
“เรื่องนั้นช่างมันก่อน เอาเป็นว่าตอนนี้เรารู้จักกันแล้ว ถึงอาจฉุกละหุกไปหน่อยแต่ฉันคิดว่าการที่พวกเรารวมตัวกันต้องมีประโยชน์มากขึ้นแน่ๆ อย่างแรกเรามารวบรวมข้อมูลกันก่อน หนึ่งวันมานี้มีใครเก็บข้อมูลอะไรมาได้บ้าง” แจ๊สเปอร์เอ่ยขึ้นพร้อมกวาดสายตามองไปรอบโต๊ะ
“ข้อมูลอะไรเหรอ?” ครอสซ์เอียงคอไร้เดียงสาไม่ต่างจากเด็กน้อยทำให้แจ๊สเปอร์ยิ้มจางๆ
‘ก็หวังข้อมูลกับเขาไมได้อยู่แล้วล่ะนะ’ แจ๊สเตอร์คิดในใจ
“เมื่อวานฉันเที่ยวเล่นไปทั่วศูนย์อบรมเลยค่ะเลยยังไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลยค่ะ”
“เข้าใจแล้ว ไลท์ล่ะ” แจ๊สเปอร์หันสายตามามองที่ไลท์
“หลังสู้กับกรีดสีขาวจบฉันก็หาข้อมูลทั้งวัน แจ๊สเปอร์ก็เหมือนกันใช่ไหม จากที่สังเกตดูเหมือนจะเป็นคนประเภทเดียวกับฉัน”
“ใช่ แสดงว่าเรารู้เท่ากันสินะ”
“อืม” ไลท์พยักหน้าถึงแม้ในความเป็นจริงข้อมูลที่เขามีจะได้รับการกลั่นกรองและเสริมโดยเมซูลมาแล้วแต่ก็ยังไม่อยากจะแบ่งปันข้อมูลมีค่าให้แก่คนที่เพิ่งรู้จัก จึงทำเป็นเงียบเอาไว้
“เอาเถอะ ตอนนี้เรามาทวนสิ่งที่จำเป็นต้องทำกันดีกว่า” แจ๊สเปอร์ว่าจึงหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาจากกระเป๋าแล้วแผ่วางบนพื้นโต๊ะให้ทุกคนในที่นี้ได้เห็นชัดๆ มันคือแผ่นกระดาษที่ศูนย์อบรมได้แจกให้เมื่อวานก่อนจะปล่อยให้กลับบ้าน มันเต็มไปด้วยตารางกิจกรรมที่ต้องทำจนกว่าการฝึกอบรมจะจบลง
“เรามีเวลาหนึ่งสัปดาห์สำหรับการค้นคว้าด้วยตนเองก่อนจะได้รับการเรียนภาคทฤษฏีควบคู่ไปกับการฝึกฝนสองสัปดาห์ และมีเวลาเตรียมตัวหนึ่งสัปดาห์ก่อนที่การสอบอบรมจะเริ่มต้นขึ้น เป็นช่วงที่เก็บคะแนนได้มากที่สุด”
“เก็บคะแนน?” ครอสซ์และลูน่าเอ่ยขึ้นพร้อมกัน
“ไม่รู้เรื่องงั้นเหรอ?” ไลท์กับแจ๊สเปอร์กล่าวถามทั้งคู่ ก่อนที่จะถูกพยักหน้าตอบกลับมาทำให้พวกเขาต้องหันหน้ามามองกันพลางถอนหายใจเบาๆ คล้ายกับว่า ต่อจากนี้คงต้องเหนื่อยเพิ่มขึ้นอีกหน่อย
“คะแนนจะเป็นตัววัดศักยภาพของโบรกเกอร์ในศูนย์ฝึก ไม่ว่าจะเป็นคะแนนการเรียนรู้ คะแนนการต่อสู้ ทุกอย่างจะถูกเก็บไว้เป็นสถิติอ้างอิง คนที่มีคะแนนสูงๆ จะได้รับรางวัลจากทางศูนย์ฝึก” ไลท์อธิบายก่อนจะพลิกหน้ากระดาษเพื่อเผยให้ดูตารางการเก็บคะแนน
คะแนนภาคทฤษฏี30คะแนน
คะแนนต่อสู้จากห้องจำลองการต่อสู้ 30คะแนน
คะแนนสอบอบรม 40คะแนน
“จำไว้ให้ดี คะแนนภาคทฤษฏีกับการต่อสู้รวมกันเป็น60คะแนน สองอันนี้เราต้องใช้เวลาเกือบเดือนในการเก็บเเต่การสอบอบรมมีแค่วันเดียวแต่มากถึง40คะแนน เพราะงั้นมันถึงสำคัญมาก” ไลท์กล่าว
“พวกเราต้องแบ่งเวลากันให้ได้ ตามที่เขียนในนี้เราต้องแบ่งเวลาเรียนภาคทฤษฏีออกไปใช้ในห้องจำลองการต่อสู้ด้วย” แจ๊สเปอร์เสริม
“ห้องจำลองการต่อสู้ใช่ห้องที่เราไปสู้กับปีศาจที่ฉันยืมปืนนายใช่ไหม?” ครอสซ์ถามไลท์เขาจึงพยักหน้าตอบ
“ห้องจำลองการต่อสู้เราสามารถเข้าไปได้มากสูงสุดสามครั้ง ครั้งหนึ่งกรีดจะโผล่ออกมาให้เราสู้ด้วยหนึ่งชั่วโมงก่อนมันจะหายไป ในหนึ่งชั่วโมงนั้นเราต้องกำจัดมันให้ได้ถึงจะได้รับหนึ่งคะแนน วันหนึ่งจะได้คะแนนสูงสุดแค่หนึ่งคะแนนเท่านั้น”
“หมายความว่า ในบรรดาสามครั้งเราต้องฆ่ากรีดให้ได้สักครั้งหนึ่งถึงจะได้หนึ่งคะแนน” แจ๊สเปอร์ย่อข้อความของไลท์ให้เข้าใจง่ายยิ่งขึ้นทำให้ครอสซ์และลูน่าผงกศีรษะเบาๆ เป็นการเข้าใจ
“เดี๋ยวก่อนนะ ไลท์มีปืนเหรอ” แจ๊สเปอร์เพิ่งจับสังเกตคำพูดของครอสซ์ได้หันไปมองชายหนุ่มผมสีทองคำขาว เด็กสาวก็เบิกตากว้างด้วย
“ใช่..”
“ว้าว! ขอยืมหน่อยจะได้ไหมคะ ฉันอยากจะใช้ปืนต่อสู้กับสัตว์ประหลาดดูสักครั้ง”
“ฉันก็ด้วย อยากลองสักหน่อยว่าอาวุธระยะไกลกับใกล้ต่างกันขนาดไหน”
“อ่า..อืม” ไลท์ยิ้มเจื่อนยอมตกลงอย่างว่าง่าย ก่อนที่ทั้งสี่จะพากันไปเข้าห้องจำลองการต่อสู้เพื่อผลัดกันเปลี่ยนใช้ปืนต่อสู้กับกรีด ยังดีที่กระสุนที่ใช้ต่อสู้ได้รับมาฟรีจากศูนย์ฝึกอบรม ทำให้เขาไม่ต้องเสียเงินซื้อกระสุนเลยสักนิด มิเช่นนั้นกระเป๋าเงินคงแห้งเหือดไม่มีชิ้นดีอย่างแน่นอน