Chapter 13 : แผนล่อศัตรู
Chapter 13 : แผนล่อศัตรู
นับตั้งแต่ที่ผมอัญเชิญลีโอออกมาได้ นี่ก็ผ่านไปเกือบสามอาทิตย์แล้ว
เหตุการณ์ต่าง ๆ ยังคงเป็นปกติดีหลังจากไอรีนพยายามวางแผนเพื่อจะฆ่าผมเมื่อครั้งก่อน เอาตามตรงผมก็ไม่มั่นใจเหมือนกันว่าเธอยังอยากจะฆ่าผมอยู่หรือเปล่า แต่การที่ไอรีนมาอยู่บ้านผมเกือบหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา มันทำให้ผมคิดว่าเธอมีนิสัยที่เปลี่ยนแปลงไปมากขึ้น ไอรีนดูเป็นคนร่าเริงขึ้น เริ่มพูดเยอะขึ้นมานิดหน่อย ถึงแม้เจ้าตัวจะยิ้มยากก็เถอะ บางทีผมก็แอบสงสัยเหมือนกันว่าเธอมีอะไรซ่อนอยู่ในใจหรือเปล่า ถึงได้เปิดใจให้พวกเรายากขนาดนี้
ที่รู้ ๆ ก็คือ ไอรีนดูเหมือนไม่เคยจะมีเพื่อนมาก่อนเลย ...
แต่ทั้งผมและมินจุนก็พยายามเต็มที่ที่จะชวนเธอคุยนู่นนี่นั่น หาเรื่องแหย่กวนประสาทอะไรไปเรื่อยจนโดนอควาเรียสภูติดวงดาวของเจ้าตัวสาดน้ำใส่หน้าบ่อยครั้ง แต่มันก็สนุกดีที่ได้เห็นใบหน้านิ่ง ๆ เปลี่ยนแปลงไปได้บ้าง ส่วนผมกับมินจุนก็สนิทกันมากขึ้น จนไม่อยากจะเชื่อเหมือนกัน ว่าตั้งแต่ที่แผนการตลบหลังของมินจุนสำเร็จ มันก็ทำให้ผมไว้ใจและสนิทกับหมอนั่นมากขึ้นราวกับเป็นเพื่อนสนิทกันมาเป็นสิบปีก็ไม่ปาน
จริง ๆ ผมก็มีเพื่อนอยู่หลายคนนะสมัยเรียน แต่ตอนนี้ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปอยู่ต่างประเทศเพื่อทำงานกันหมดแล้ว อาศัยเทคโนโลยีติดต่อกันเอาในปัจจุบัน มีมินจุนเข้ามาอยู่ในบ้านแล้วก็นึกถึงเรื่องราวสมัยเรียนกับเพื่อน ๆ ของตัวเอง มันทำให้ชีวิตการทำงานไม่เหงาดี
ผมยังคงต้องตื่นมาฝึกหนักเตรียมพร้อมร่างกายให้แข็งแรงอยู่ทุกวัน ตอนนี้ที่เพิ่มขึ้นมาคือการลงมาซ้อมทักษะการฟันดาบเหมือนเดิมแล้วกับลีโอ จากที่เคยหยุดไปสักพัก ผมเริ่มจับดาบได้คล่องขึ้นเรื่อย ๆ ไม่รู้สึกว่ามันหนักอีกต่อไป การเคลื่อนไหวก็เป็นธรรมชาติและชินกับแนวทางการต่อสู้ของลีโอที่เจ้าตัวสอนแล้ว
เคล้ง !
เสียงดาบของลีโอปะทะกับดาบของผมจนเกิดเป็นประกายไฟขึ้นมา ผมรับดาบลีโอได้ทัน โดยที่ดาบไม่ร่วงปักลงพื้นก่อน ซึ่งมันเกินสถิติครั้งเก่าที่ใช้เวลาไม่กี่วินาทีดาบก็ไปปักที่พื้น
ตอนนี้มันเลื่อนเวลาขึ้นมาอยู่ในระดับนาที ก่อนที่จะร่วงลงพื้นแล้วนะจะบอกให้ !
ผมกำลังทำการฝึกอยู่ที่ห้องใต้ดินของพ่อเช่นทุกวัน มีมินจุนลงมาช่วยเป็นคู่ซ้อมฝึกเวทมนตร์ของตัวเองกับไอรีนด้วย ซึ่งตอนนี้ฝึกธรรมดาเหมือนจะไม่สาแก่ใจไอ้สิงโตเผือกนั่น ลีโอจึงให้ไอรีนและมินจุนช่วยปล่อยบอลพลังเวทมนตร์พุ่งเข้ามาโจมตีผมเพิ่ม เพื่อให้ผมฝึกการหลบหลีกไปในตัว ตอนนี้เลยต้องหลบทั้งดาบ ทั้งบอลเวทมนตร์
ปัดโธ่ !
“เฮ้ย ! ลีโอ ใจเย็นดิ” ผมร้องบอกลีโอออกไป
ร่างที่ประดาบเล่มสีทองกับผมตรงหน้าเริ่มเคลื่อนไหวไวขึ้นเรื่อย ๆ จนผมรู้สึกได้ว่าลีโอกำลังจะเพิ่มความเร็วขึ้นอีกเลเวล แบบนี้ผมจบไม่สวยแน่
“นายต้องเร็วกว่านี้” ลีโอพูดออกมา ตอนนี้ผมแทบจะมองไม่เห็นร่างของลีโอ เหมือนกับไอ้สิงโตเผือกนั่นเป็นแค่ร่างสีฟ้าที่เคลื่อนไหวไปมาจนผมได้แต่แกว่งดาบมั่วไปหมด
“นี่ก็เร็วสุด ๆ แล้ว โอ๊ย ! ไอ้มิน เบา ๆ ยั้งมือหน่อย ฉันไม่ได้มีเวทมนตร์แบบแกนะเว้ย !” ผมร้องออกไปเมื่อพบว่าลูกบอลลมของมินจุนพุ่งเข้ากระแทกแผ่นหลังของผมเต็ม ๆ โดยมีเสียงหัวเราะของมินจุนตามมาเบา ๆ เหมือนสนุกที่ได้ปาบอลลมนั่นใส่ผมที่กำลังหลบไปหลบมาอยู่ และ ...
ปึก !
ลูกบอลน้ำพุ่งเข้ามากลางลำตัวยังจุดยุทธศาสตร์ของผมอย่างรวดเร็วจนผมล้มตัวลงไปกองที่พื้นแบบจุก ๆ ร้องโอดโอยออกมาอย่างหมดสภาพ ก่อนเงยหน้ามองคนทำ
ไอรีนนั่นเอง !
“ไอรีน เธอตั้งใจเล็งมาที่ตรงนั้นใช่ไหม !” ผมร้องถามออกไป
“เปล่า มันบังเอิญ นายช้าเอง”
พูดจบใบหน้านิ่ง ๆ ของไอรีนก็ยกยิ้มขึ้นมา ลอยหน้าลอยตาเดินขว้างบอลน้ำโยนมาหาผมที่ตอนนี้เปียกโชกไปทั้งตัว เหมือนกับแค้นผมมากที่แกล้งเจ้าตัวมาหลายครั้งหลายครา ตามมาด้วยเสียงหัวเราะของมินจุน
“วันนี้พอแค่นี้ละกัน นายทำดีมาก ถือว่าเป็นพัฒนาการที่ดี” ลีโอพูดพร้อมกับยิ้มกว้างก่อนหันไปมองไอรีน
“ไอรีนจ๋า อควาเรียสไปไหนหรอ วันนี้ฉันยังไม่เห็นอควาเรียสคนสวยเลย” ลีโอพูดต่อกับไอรีน
ผมก็ได้ส่ายหน้าด้วยความระอากับไอ้สิงโตหน้าหม้อนี่ หมอนั่นตื้ออควาเรียสมาอาทิตย์กว่าแล้ว โดนกลับมาก็ไม่ใช่น้อย ยังจะกล้าไปเรียกหาอควาเรียสอีก
“ฉันฝากอควาเรียสไปทำธุระอะไรนิดหน่อยน่ะ เย็น ๆ น่าจะกลับ” ไอรีนพูดกลับมา
หลังจากผมขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าล้างเนื้อล้างตัวมากินมื้อเย็นกับครอบครัวเสร็จ ผมก็ขึ้นไปยังห้องส่วนตัวอีกครั้งพร้อมกับลากมินจุนขึ้นมาด้วย หมอนี่กลายมาเป็นเพื่อนเล่นเกมเสมือนจริงของผมไปแล้ว ถือโอกาสที่วันนี้ปิดโปรเจกต์งานวิจัยที่ทำไว้แล้วผลออกมาได้ดีเกินคาดเลยกะจะเล่นยาว ๆ ไม่ต้องหลับต้องนอน
เกมเสมือนจริงหรือ Virtual Reality Game (VRG) เป็นรูปแบบเกมที่เป็นที่นิยมเป็นอย่างมากในวัยรุ่นปัจจุบัน ไม่สิ ต้องบอกว่าทุกเพศทุกวัยเลยต่างหาก เพียงแค่เราใส่แว่นตาและสวมเครื่อง VRG ไว้บนหัวก็จะสามารถเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในโลกของเกมได้โดยง่าย และมีให้เลือกเล่นมากมายหลายเกมเพื่อผ่อนคลายในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นเกมกีฬาคลายเครียด เกมแนวเก็บเลเวลตีมอนสเตอร์ หรือแนวโมบา (MOBA) ที่เน้นการต่อสู้แบบเป็นทีมเพื่อทำลายป้อมของศัตรูฝั่งตรงข้าม
ผมกับมินจุนชอบเล่นอย่างหลังสุด เพราะเหมือนเราจะเข้ากันได้ดีหลังจากเล่นด้วยกันมาเมื่อสัปดาห์ก่อน ซึ่งทำให้ผมชนะอย่างรัว ๆ ไม่นานทั้งผมและหมอนั่นก็หยิบอุปกรณ์ VRG มาครอบใส่หัวแล้วเข้าสู่โลกของเกม เกมแล้วเกมเล่าผ่านไปอย่างรวดเร็วและพวกเรายังไม่แพ้
การเล่นเกม VR ในปัจจุบันต้องนอนราบลงกับพื้นเพื่อป้องกันการเกิดอันตรายจากการที่ออกท่าทางมากจนเกินไป เนื่องจากทุกอย่างที่เกิดขึ้นในเกมคือการเคลื่อนไหวร่างกายของผู้เล่นจริง ๆ ซึ่งถ้าหากจะกระโดดหรือหมุนตัวถอยหลังจะมีปุ่มกดที่มือเพื่อภาพที่เรามองเห็นในเกมจะเปลี่ยนแปลงไป ผมกลับมินจุนเลยนอนกลิ้งเล่นไปมาบนเตียง
The enemy has been defeated.
Your team has destroyed the tower.
WIN
เสียงแจ้งเตือนของระบบดังขึ้นเพื่อแจ้งว่าทีมของผมได้ชนะเรียบร้อยแล้ว หลังจากพลิกตัวไปมาจนเมื่อยไปหมด เกมตึงมากเลยเมื่อกี้ แต่ในที่สุดก็ชนะมาจนได้ ผมถอดอุปกรณ์ VRG ออกจากหัวเข้าไปกอดคอมินจุนอย่างดีใจ ที่ในที่สุดผมกับหมอนั่นก็ก้าวขึ้นสู่ท็อป 100 ของเกมนี้ได้สำเร็จ ขนาดเล่นโดยใช้เวลาแค่อาทิตย์เดียวเองนะเนี่ยจากคนเล่นหลักแสน เป็นเพราะการชนะติดต่อกันหลายสิบครั้งแน่ ๆ
“โอ๊ย ! นึกว่าจะแพ้” ผมพูดออกไป
“เออโคตรมัน ไม่ได้เจอคนเล่นเข้าขาแบบนายมานานแล้ว” มินจุนพูดพร้อมหัวเราะขำออกมา
อยู่ ๆ ประตูห้องของผมก็เปิดขึ้น ก่อนร่างของไอรีนจะเดินเข้ามาภายในห้อง คงเป็นเพราะผมเป็นคนชินกับการไม่ล็อกประตูด้วยล่ะมั้ง เมื่อก่อนอยู่กับพ่อและฟินิกซ์ก็ไม่เห็นจะค่อยมีใครเข้าออกห้องผมบ่อย เพราะสองคนนั้นอยู่ที่ชั้นสองของบ้าน ด้วยเหตุนี้ไอรีนจึงเข้ามาโดยง่ายเหมือนเหตุการณ์ครั้งที่แล้วไง
“วิน ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย เห็นเสียงดังคิดว่ายังไม่นอนกัน พวกนายกำลังทำ ...”
ไอรีนพูดไม่ทันจบก็รีบหยุดพูดทันที เมื่อสายตามองมายังผมกับมินจุนที่นอนกอดกันกลมอยู่บนเตียงหลังจากดีใจที่ได้กลายเป็นผู้เล่นท็อป 100 ไปแล้ว เล่นเอาพวกผมผละตัวออกจากกันแทบไม่ทันเมื่อสังเกตสภาพของตัวเองในตอนนี้
ดีใจไปหน่อย ...
“เดี๋ยวฉันเข้ามาใหม่ละกัน” ไอรีนพูด ทำท่าจะหันหลังกลับ
ผมรีบเด้งตัวขึ้นจากเตียงวิ่งไปดึงมือเธอกลับมาทันที ไอรีนจ๋า จะรีบไปไหนเนี่ย
“เฮ้ย ! เดี๋ยว ๆ ไม่ใช่อย่างที่เธอคิด เราเล่นเกมกัน เธอนี่ก็คิดลึกเหมือนกันนะเนี่ย” ผมพูด เอ่ยแซวเจ้าตัวพร้อมทำหน้าทะเล้นใส่ ไอรีนรีบสะบัดมือผมออกทันทีหลังจากจับมือเธอไว้ได้ไม่กี่วินาที
“พวกนายมันบ้า ไร้สาระ เล่นอะไรเปลืองเวลาชะมัด” ไอรีนพูดกลับมาด้วยใบหน้านิ่ง ๆ
คำโบราณว่า ผู้หญิงด่า แปลว่าผู้หญิงรัก ... การันต์พ่อผมไม่ได้สอนเอาไว้
“ไหนมีอะไรถึงขนาดเข้ามาคุยกับฉันถึงในห้องดึก ๆ ดื่น ๆ หรือว่า ...” ผมพูดหรี่ตามองไอรีนอย่างเจ้าเล่ห์ อยากเห็นใบหน้านิ่ง ๆ นั้นแสดงสีหน้าอารมณ์ออกมาอีก
“หยุดความคิดโรคจิตของนายไปเลยวิน ดูนี่” ไอรีนพูด ก่อนภาพฉายโฮแลแกรมสามมิติจะถูกฉากขึ้นมาจากสายรัดข้อมืออิเล็กทรอนิกส์ของเธอ ภาพที่ปรากฏขึ้นเป็นภาพแอบถ่ายมินจุนที่เจ้าตัวกำลังนั่งจิบกาแฟหล่อ ๆ อยู่ในมุมหนึ่งของร้านผม มีคอมเม้นท์มากมายลอยเด้งขึ้นมาพร้อมกับหัวใจที่แสดงถึงความฮอตของเจ้าตัว
“โห ไม่คิดว่านายจะดังขนาดนี้นะไอ้มิน” ผมพูดหันไปมองมินจุนที่นอนเล่นไขว่ห้างอยู่บนเตียงผม
“นายไม่เคยตามข่าวคราวมากกว่า ทีนี้รู้ยังว่าฉันดังจะตาย” มินจุนพูดตอบผมกลับมาแบบหลงตัวเองแบบสุด ๆ
“นั่นใช่ประเด็นไหม ที่ฉันให้ดูเพราะว่าข่าวนี้มันอาจจะทำให้พวกเราตกเป็นเป้าหมายของศัตรูก็ได้ นายเคยเล่าว่ามินจุนถูกตามล่าตัวแล้วนายช่วยไว้ไม่ใช่หรอ” ไอรีนพูดต่อ
“เออจริงด้วย” ผมพูดออกไป
ว่าแล้วสมองก็คิดตามคำพูดของไอรีน ถ้าข่าวมันดังออกไปแบบนี้ รับรองได้ว่าต้องมีพวกหนึ่งใน 12 ผู้ถือครองกุญแจจักรราศีรู้แล้วว่ามินจุนมันอยู่ที่ไหน แล้วอีกไม่ช้าพวกนั้นก็ต้องมาตามล่ามินจุนอีกแน่ ๆ
“บอกแล้วใช่ไหม ว่าไอ้แว่นกันแดดกับหมวกไม่ต้องเอามาใส่ในร้านฉัน มันทำให้นายดูสะดุดตา” ผมพูดออกไป หันไปมองมินจุนที่ทำหน้าตาไม่ทุกข์ร้อนอะไรเท่าไร
“พวกนายไม่ต้องเครียด เพราะฉันเองนี่แหละ ที่เป็นคนปล่อยภาพนั้น มันถึงเวลาแล้วที่พวกเราต้องล่อพวกนั้นมาให้ติดกับบ้าง เราต้องได้กุญแจจักรราศีเพิ่ม” มินจุนพูดออกมา นั่นทำให้ทั้งผมและไอรีนอึ้งไปอีก
หมอนี่มันนักวางแผนตัวยงเลยนะเนี่ย ...
อีกทวีปที่ไกลออกไป ภายในห้องทดลองวิทยาศาสตร์ ร่างของชายวัยกลางคนคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน ที่นั่งตรงข้ามของเขาคือหญิงสาวที่มีผมเป็นสีเขียวอ่อนเช่นเดียวกันกับสีของดวงตา ใบหน้านิ่งเรียบแสนหยิ่งนั้นพูดคุยกับชายวัยกลางคนอยู่สักพักตามคำสั่งของผู้ถือครองกุญแจตัวเองเพื่อมาบอกเล่าข่าวสารเรื่องราวที่เกิดขึ้น
“ไอรีนฝากมาบอกท่านว่าไม่ต้องเป็นห่วง ยังไงเธอก็จะเป็นผู้ครอบครองกุญแจทั้งหมดให้ได้ค่ะ เพียงแต่ตอนนี้เธอต้องการพันธมิตรชั่วคราวเพื่อความอยู่รอด และทำให้พวกนั้นตายใจ” คำพูดดังออกมาจากปากของอควาเรียส
“หมายความว่าไอรีนจะร่วมมือกับพวกนั้นงั้นหรอ”
“ใช่ค่ะท่าน อย่างน้อยก็จนกว่าผู้ถือครองกุญแจที่เหลือจะถูกกำจัดไปจนหมดก่อน ไอรีนอยากหยุดการติดต่อสื่อสารทางเทคโนโลยีกับท่านทุกชนิดเพื่อผลลัพธ์ที่น่าพอใจ และไม่ให้คนพวกนั้นสงสัยอะไรได้อีก ด้วยเหตุนี้ฉันเลยได้รับหน้าที่มาบอกกับท่านโดยตรงกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น”
คนฟังทำหน้านิ่งคิดหลังจากฟังสิ่งที่คนพูดเพิ่งพูดจบลงไปเมื่อสักครู่ มือทั้งสองข้างถูกยกขึ้นมาประสานกัน ใบหน้าของเจ้าตัวแสยะยิ้มออกมานิดหนึ่ง ก่อนพูดขึ้นมา
“เข้าใจแล้ว ขอบใจมากที่มาบอกข่าวฉัน อควาเรียส”
อควาเรียสเดินออกมาจากห้อง ใบหน้านิ่งแสนหยิ่งเหมือนผู้ถือครองกุญแจของตัวเองเต็มไปด้วยความกังวล ใช่ว่าเธอจะไม่รู้ว่าคนที่เข้าไปพูดด้วยต้องการอะไร เขาเกลียด เกลียดผู้ใช้เวททุกคนไม่เว้นแม้กระทั่งลูกสาวของตัวเอง แต่เธอก็ทำอะไรไปไม่ได้มากกว่านี้ ไอรีนไม่เคยฟังในสิ่งที่เธอเคยพูดเลยสักนิด ตอนนี้ในฐานะภูติแห่งดวงดาว ก็ได้แต่คอยทำตามคำสั่งและปกป้องเจ้านายของตนเองให้ดีที่สุด
อควาเรียสนึกถึงหน้าผู้ถือครองกุญแจของตน ภายใต้ใบหน้าที่ไร้ความรู้สึกนั่นต้องฆ่าผู้ใช้เวทมาแล้วหลากหลายคนตั้งแต่ยังเด็ก ทั้ง ๆ ที่เธอไม่ได้ต้องการที่จะทำมันเลยแม้แต่น้อย แต่ทุกอย่างที่เธอทำก็เพราะว่าต้องการความรัก การยอมรับจากพ่อ ถึงแม้อควาเรียสจะถูกอัญเชิญมาเมื่อสี่เดือนก่อน แต่ก็เข้าใจความรู้สึกของไอรีนผู้เป็นเจ้านายได้อย่างดีว่าเจ้าตัวโดดเดี่ยวมากแค่ไหน และรู้ดีว่าความพยายามที่จะต้องการเป็นที่ยอมรับของพ่อมันได้มายากเหลือเกิน
ไอรีนเคยบอกความปรารถนาของตัวเองให้เธอฟัง ความปรารถนาของไอรีนเมื่อได้กุญแจดอกที่ 13 ก็คือ
เธออยากได้ความรัก และเป็นที่ยอมรับของพ่อ ... แค่นั้นเอง
ก็ได้แต่หวัง ว่าไอรีนจะคิดได้ในสักวัน ...