ตอนที่ 14 ได้ร่างใหม่แล้ว
ตอนที่ 14 ได้ร่างใหม่แล้ว
“ข้าคือ… อุรามิ”
เมื่อชายผมทองเอ่ยชื่อ ลินจิก็เบิกตากว้าง ตอนที่เจอคู่หมั้นของชุนโดยบังเอิญ เขาเคยได้ยินยูเล่าว่า…
‘อุรามิ’ คือปีศาจที่หลุดออกมาจากตำราต้องห้าม โดยสิงครอบงำร่างศิษย์ของโมโมะที่ชื่อ ‘เอวิน’
ตอนนั้นลินจิแค่ฟังผ่าน ๆ เพราะคิดว่าไม่เกี่ยวกับตนเอง แต่ตอนนี้ถ้าจะบอกว่าไม่เกี่ยวก็คงไม่ได้แล้ว
อุรามิรัดร่างของลินจิไว้แน่นด้วยเหล่าแขนมาร จากนั้นก็ยิ้มเอ่ยเสียงเบา…
“ขอเสียมารยาทกับท่านเทพหน่อยแล้วกัน”
…มารย่งมารยาทอะไรกัน บ้าไปแล้ว หมอนี่ต้องบ้าแน่ ๆ
เปลือกตาทั้งสองของอุรามิปิดลง จากนั้นไอชั่วร้ายพวยพุ่งแหวกอากาศเป็นเส้นตรงราวกับพายุหมุน ไอมืดบดบังผมทองกลายเป็นสีหม่น เส้นผมปลิวตั้งไปตามแรงดันของไอปีศาจพร้อมกับตามารสีฟ้ากลางหน้าผากเปล่งประกาย
“…อะ”
ลินจิร้องไม่เป็นเสียง พูดไม่เป็นประโยค หัวใจกระตุกเต้นแรงราวกับจะหลุดออกมาจากร่างถึงสามครั้ง
“เจอแล้ว…”
อุรามิเอ่ยยิ้มแล้วลืมตาขวับ ขณะเดียวกันลินจิก็ดิ้นดุ๊กดิ๊กอยู่ในม้วนแขนมารด้วยความทรมานและเจ็บปวด
…เจ็บ ไม่ไหวแล้ว
วินาทีที่อุรามิวางฝ่ามือลงบนกลางอกของลินจิ แสงสีขาวก็ส่องประกาย ความเจ็บปวดแล่นสู่หัวใจก่อนจะแผ่กระจายไปทั่วร่าง ลินจิรู้สึกแสบร้อนราวกับจะหลอมละลายเป็นเถ้าถ่าน ซึ่งความเจ็บปวดนี้เป็นของจริง
เมื่อแสงส่องประกายกลางอกวูบดับลง พริบตานั้น…หินรูปดาวห้าแฉกสีขาวก็หลุดออกมาจากร่างของลินจิ
“ได้มาแล้ว ‘ผลึกดวงดาว’ ชิ้นที่หนึ่ง หึหึ”
อุรามิยิ้มหัวเราะพลางมอง ‘ผลึกดวงดาว’ ในมือ จากนั้นก็ฝังมันเข้าไปในร่างของตน ร่างกายของอุรามิยืดหยุ่นได้ราวกับโคลนตม เมื่อดูดกลืน ‘ผลึกดวงดาว’ ไปจนหมด จุดที่เปิดเป็นโพรงบนตัวของเขาก็สมานกลับดังเดิม
“ไม่นึกเลยว่ายิงศรนัดเดียวจะได้นกถึงสองตัว จากนี้จงเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของข้าเถอะนะ ฮะฮะฮ่า”
ลินจิอ่อนแรง เปลือกตาปิดลงอย่างเชื่องช้า อยากจะร้องว่าเจ็บแต่ก็ไม่มีเสียงออกมา ขณะเดียวกันแขนปีศาจก็รัดร่างของเขาแน่นขึ้นเรื่อย ๆ
เมื่อสติการรับรู้เริ่มเลือนรางไปพร้อมกับความเจ็บปวด ร่างเล็กบอบบางก็ค่อย ๆ ถูกลากเข้าไปในโพรงมืดบนตัวของอุรามิ ราวกับอะมีบาที่กำลังจะกลืนตัวพารามีเซียมเข้าไป
“ลาก่อนเทพเจ้าผู้สร้างโลกในตำนาน จงมาอยู่ในตัวของข้าเสียเถอะ”
ตอนที่ครึ่งร่างของลินจิถูกกลืนเข้าไปในโพรงมืด เสียงสิริก็ดังขึ้นมา…
[‘กลายร่าง Lv.1’ พัฒนาเป็น ‘กลายร่าง Lv.2’]
…เอ๊ะ
ได้ยินเสียงสติก็กลับมา ลินจิไม่รอช้ารีบร่ายเวทเอาตัวรอดทันที
[กลายร่าง Lv.2 เริ่มทำงาน]
เสี้ยววินาทีที่ใช้ทักษะ ลำแสงสีขาวนับไม่ถ้วนก็แหวกพุ่งออกมาจากร่างของลินจิ ขณะเดียวกันเหล่าแขนมารที่รัดร่างของเขาไว้ก็แหลกสลายเป็นชิ้นเนื้อกระเด็นตกพื้นอย่างกระจัดกระจาย
อุรามิเห็นท่าจะไม่ได้การ จึงรีบปลดแขนมารแล้วรีบปิดโพรงมืดบนร่างของตนก่อนจะถอยห่างออกไป
ทันใดนั้นแสงเจิดจ้าบนเรือนร่างของลินจิก็วูบดับลง ปรากฏบุรุษผมขาวสวมหน้ากากจิ้งจอกยืนสง่าบนผืนดิน ร่างสูงโปร่งคลุมชุดขาวปักลายเงินสะบัดพลิ้ว หางจิ้งจอกขนฟูฟ่องที่เอวด้านหลังลู่ปลิวไปตามสายลมหวน
กระแสซึ่งเกิดจากพลังศักดิ์สิทธิ์ถ่ายทอดความรุนแรงปะทะไอชั่วร้ายไปทั่วทุกซอกทุกมุม อุรามิที่ประจันหน้ากับบุรุษปริศนาเบิกตากว้างทันที
“อะไรกัน!”
ทันใดนั้นบุรุษปริศนาก็เปิดหน้ากากคาดไว้บนศีรษะ ดวงตาสีน้ำตาลวาววับจับจ้องไปยังตำแหน่งด้านบนที่อุรามิลอยอยู่ จมูกเรียวยาวได้รูปทำองศางดงามชี้ขึ้นฟ้า ริมฝีปากอิ่มแต่บางอมชมพูบนใบหน้าขาวซีดยกยิ้มขึ้น ขณะเดียวกันกระแสพลังสีขาวสลัวก็ผลักดันฝุ่นผงที่ลอยคลุ้งออกไปจนมองเห็นชัดขึ้นเรื่อย ๆ
“ไง อุรามิ”
หลังจากที่ลินจิเอ่ยทัก เปลวเพลิงสีขาวสลัวก็ห่อหุ้มทั่วร่าง เพลิงแสงลุกโชติช่วงทะยานสูงทะลุขอบฟ้า ทำให้สมองของอุรามิลั่นระฆังเตือนภัยทันที พลังของเทพตนนี้อันตรายยิ่งนัก หากไม่ทำอะไรสักอย่าง ร่างเนื้อของเขาอาจดับสลายได้
อุรามิบังคับร่างกายให้หันหลังกลับ แต่เพลิงสีขาวก็พุ่งลงมาจากฟ้าสกัดกั้นเส้นทางหนีของเขาไว้ …ถ้าโดนเพลิงนั่นเข้าไป ร่างเนื้อคงแหลกสลายกลายเป็นจุล
ดวงตาสีฟ้าของอุรามิเบิกกว้างด้วยความตกใจ ก่อนจะเหลียวหลังกลับมาจ้องลินจิตาเขม็งอย่างเหี้ยมเกรียม จากนั้นก็ตะโกนเอ่ยบนฟ้าว่า…
“…รู้อยู่ว่าเป็นเทพเจ้าผู้สร้างโลก แต่ไม่คิดเลยว่าจะสามารถแปลงร่างเป็นเทพจิ้งจอกสวรรค์ได้ น่าสมเพชเสียจริงที่ต้องยืมพลังของเทพตนอื่นมาใช้”
“ต่อให้เป็นพลังของเทพหรือปีศาจ ถึงคราวจำเป็นก็ต้องเอามาใช้ ปลายังรักชีวิต ต้นไม้ยังรู้จักเจริญเติบโต ใครจะยอมาตายง่าย ๆ กัน!”
ขณะที่แผดเสียงทุ้มชนิดที่ผิดหูผิดตา เปลวเพลิงสีขาวสลัวก็ห่อหุ้มทั่วร่างของลินจิ ก่อนจะส่องสว่างรวมเป็นลำแสงลุกโชติช่วงพุ่งทะยานทะลุขอบฟ้า แม้จะสงสัยว่าตอนนี้ตนกลายเป็นตัวอะไร แต่เขาก็ไม่มีเวลามาสำรวจตัวเองแล้ว
[กลายร่าง Lv.2 จะถูกยกเลิกภายใน 30 วินาที]
เสียงสิริดังแจ้งเตือน ลินจิรีบรวมรวมสติทันที แม้จะเพิ่งเคยใช้ร่างนี้ต่อสู้ แต่เขาก็รู้สึกคุ้นชินเหมือนรู้จักกับร่างนี้มาแสนนาน ด้วยลักษณะโครงสร้างที่คล้ายมนุษย์ จึงทำให้ลินจิสามารถควบคุมการเคลื่อนไหวได้ดั่งใจ และดูเหมือนประสิทธิภาพการเคลื่อนไหวของลินจิก็จะเพิ่มขึ้นด้วย
“แต่แล้วไงล่ะ คิดว่าจะฆ่าข้า ‘อุรามิ’ คนนี้ได้หรืออย่างไรกัน หึหึหึ”
จังหวะที่อุรามิเอ่ยพร้อมหัวเราะ ก้อนเนื้อขนาดเท่ากำปั้นก็ลอยออกจากร่าง มันพุ่งแหวกอากาศไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับเขตอาคมปีศาจสีดำห้อมล้อมไว้ เห็นแบบนั้นลินจิจึงร่ายเวทเพลงจิ้งจอกสวรรค์เข้าจู่โจม พร้อมกับตะโกนออกไป…
“ไม่ให้หนีไปได้หรอก…”
“ฝันไปเถอะ!”
อุรามิปล่อยแขนมารจำนวนมหาศาลออกจากร่างเข้าป้องกันไม่ให้เพลิงจิ้งจอกเข้าทำลายก้อนหัวใจ เมื่อเพลิงสีขาวปะทะกับเหล่าแขนมาร พวกมันก็แหลกเป็นชิ้น ๆ ก่อนจะล่วงหล่นกระจัดกระจายไปอย่างไร้ทิศทาง
ระหว่างที่เพลิงจิ้งจอกสวรรค์ปะทะกับแขนมาร อุรามิก็อาศัยช่องว่างพุ่งตัวแหวกอากาศตรงเข้ามาทางลินจิ พร้อมกับตะโกนเอ่ยอย่างเย้ยหยัน…
“เมื่อกี้ก็แทบจะถูกข้ากลืนเข้าไปอยู่รอมร่อ ทำเป็นอวดพลังใหม่ให้ดู คิดว่าข้าจะกลัวหรืออย่างไรกัน! ฮะฮะฮ่า”
ลินจิซึ่งอยู่ท่ามกลางเพลิงสีขาวยิ้มด้วยดวงตาเย็นเยียบ นั่นไม่ใช่ดวงตาของมนุษย์ ที่อยู่ตรงนั้นคือประกายตาอันเป็นเอกลักษณ์ของเทพอสูร
[กลายร่าง Lv.2 จะถูกยกเลิกภายใน 15 วินาที]
“อย่าพล่ามให้มากเลย!”
สีหน้าของลินจิเปลี่ยนไป ดวงตาสีน้ำตาลวาวโรจน์ส่องสว่างไสวดุจอัญมณีทอแสง เพลิงสีขาวลุกโชติช่วงรุนแรงกว่าเก่า
[กลายร่าง Lv.2 จะถูกยกเลิกภายใน 10 วินาที …9 …8 …7 …]
ร่างที่ไม่ใช่ลินจิ แต่เป็นเทพจิ้งจอกสวรรค์รูปงามกำข้อมือชูสามนิ้วขึ้นมาร่ายเวทคาถา จากนั้นก็มีเงาโปร่งแสงรูปจิ้งจอกขนาดมหึมาพุ่งทะยานลงมาจากฟ้าปะทะร่างของอุรามิจนกลายเป็นจุล เสียงกรีดร้องสยดสยองปะปนกับเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วหุบเขา ฝูงนกและสัตว์ป่าต่างพากันหนีแตกกระเจิง
เมื่อเสียงระเบิดสงบลง ชีพจรของลินจิก็กระตุกอย่างแรง เขาจึงสูดลมหายใจเฮือกหนึ่งเพื่อตั้งสติ จากนั้นเพลิงจิ้งจอกสีขาวซีดซึ่งลุกโหมกระหน่ำก็พลันดับวูบลง วินาทีนั้นก็มีเสียงเรียกตะโกน…
“เจ้าหนู!”
ร่างสูงที่พุ่งลงมาจากฟ้า เมื่อฝ่าเท้ากระทบผืนหญ้าลินจิก็เหลียวหน้าไป ชุนหายใจหอบกระตุกยืนมองคนตรงหน้าอยู่ครู่หนึ่ง สองสายตาประสานกันอย่างไม่ได้ตั้งใจ วินาทีนั้นแววตาของชุนก็สั่นไหวราวกับต้องมนตร์สะกด
“คุณชุ--”
[…1 …0 ‘กลายร่าง Lv.2’ ถูกยกเลิก]
เสียงทุ้มอ่อนนุ่มเรียกชื่อชุนสะดุดหายไปกลางครัน ร่างของเทพจิ้งจอกสวรรค์เปล่งแสงสีขาวสว่างเจิดจรัสขึ้นมา ก่อนจะค่อย ๆ วูบดับลงอย่างเชื่องช้า จากนั้นก็ปรากฏร่างเล็กผอมบางของลินจินั่งพับเพียบล้มแผละอยู่บนฝืนหญ้าด้วยดวงตาเปียกชื้น
“ฮือ…ฮวา”
ลินจิแหกปากร้องลั่นราวกับเด็กน้อย แม้เขาจะอายุสิบหกแล้ว แต่การที่หนุ่มน้อยน่ารักต้องมาเผชิญกับอันตราย มันเป็นสิ่งที่เกินความคาดหมายจนบรรยายไม่ถูก
“เจ้าร้องไห้ทำไม!”
พอชุนเห็นลินจิร้องไห้เหมือนวัวป่า เขาก็เอ่ยถามด้วยสีหน้าลำบากใจ พร้อมยื่นมือเก้ ๆ กัง ๆ ออกไป ก่อนจะกระพริบตาปริบ ๆ แล้วถอนหายใจ จากนั้นก็วางแขนลงข้างลำตัวในตำแหน่งเดิม
“ฮือ…ฮวอ…ฮือ…งวอออ…”
ลินจิได้ยินชุนถามก็ยิ่งร้องไห้หนักกว่าเดิม …มารดามันเถอะ เวลาแบบนี้ทำไมต้องถาม เดินมาโอ๋มากอดไม่ได้หรืออย่างไรกัน
…เอ๊ะ
จู่ ๆ ลินจิก็หยุดร้อง รู้สึกเหมือนมีอะไรกระดุกกระดิกอยู่ใต้ก้น เมื่อชุนเห็นปฏิกิริยาแปลกของลินจิเขาก็สะดุ้งขนลุกก่อนจะชักดาบออกมา
“เหวอ…”
หยาดน้ำตาของลินจิเหือดแห้ง กลายเป็นสีหน้าหวาดผวาตาเหลือก ปากบิดเบี้ยว หน้าเขียวอื๋อ เขารีบใช้สองมือดันพื้นกระเด้งตัวลุกขึ้นยืนทันที ก่อนจะวิ่งไปหลบด้านหลังของชุน
“อะไร!”
ชุนเหวี่ยงตัวสะบัดหันหน้าถาม แม้ตอนนี้เขาก็ยังไม่รู้ว่าลินจิตกใจกลัวอะไร
“ก้น… เมื่อกี้เหมือนมีอะไรก็ไม่รู้กระดุกกระดิกอยู่ใต้ก้น”
“เจ้ากินเนื้อดิบไปหรือเปล่า อาจเป็นปรสิตจากอาหารก็เป็นได้”
ลินจิย่นหัวคิ้วเข้าหากันแล้วถอนหายใจ …ปรสิตบ้าอะไรกัน มันอยู่นอกก้น ไม่ใช่ในก้นสักหน่อย ถ้าเรื่องแค่นั้นเขาใช้มือเกาแกรก ๆ ก็หายแล้ว บ้าจริงนี่หรือสมองผู้ชายตัวใหญ่ สงสัยเอาสารอาหารไปเลี้ยงส่วนอื่นของร่างกายจนหมด
“อ๊ะ!”
พอสังเกตตำแหน่งที่ลินจินั่งแผละอยู่ก่อนหน้านี้ พวกเขาก็เห็นเศษชิ้นเนื้อกระดุกกระดิกไปมา ชุนไม่รอช้ารีบก้าวขายาว ๆ ไปข้างหน้าทันที แต่ก็มีบางอย่างรั้งเขาไว้จากด้านหลัง
เมื่อหันไปก็เห็นลินจิทำตาหยาดเยิ้มเปื้อนของเหลว กัดริมฝีปากล่าง สูดลมหายใจเข้าจนปีกจมูกกาง สองมือกำเสื้อของชุนไว้แน่น
“ปล่อยข้า!”
“ไม่!”
“ปล่อย!”
“ไม่ปล่อย!”
ลินจิรั้งเสื้อชุนสุดแรงด้วยสองแขน เขาหวาดผวาจนไม่กล้ายืนอยู่ในที่โล่งคนเดียวแล้ว ขณะที่ฉุดกระชากลากถูกันอยู่นั้น ชิ้นเนื้อของอุรามิที่หล่นกระจัดกระจายก็ลอยขึ้นมาเกาะกลุ่มรวมกัน
“อ๊า!”
คราวนี้ชุนเหวี่ยงลินจิจนกระเด็น ร่างเล็กบอบบางกลิ้งกระเด้งก้นกระแทกพื้นดึ๋ง ๆ
“อ๊ะ…อุ๊ย…โอ๊ะ…โอ๊ย!”
ขณะที่ลินจิร้องเสียงสั้นราวกับตุ๊กตาลมที่ถูกบีบเป็นจังหวะเบา ๆ ชุนก็รีบพุ่งตัวขึ้นฟ้า พร้อมกับเล็งคมดาบไปยังบริเวณใจกลางของก้อนเนื้อ
ทว่า… เขตอาคมสีดำก็ปรากฏปกคลุมเหล่าชิ้นเนื้อเหล่านั้นอย่างฉับพลัน คมดาบปะทะกับเขตอาคมสีดำจนเกิดประกายสายฟ้าขึ้นมา จากนั้นเสียงหัวเราะก็ดังมาจากก้อนเนื้อ ก่อนจะปรากฏศีรษะครึ่งเสี้ยวของอุรามิ
“ฮึหึหึ”
แรงปะทะของดาบสะท้อนร่างชุนถอยห่างออกมา วินาทีที่เห็นใบหน้าในเขตอาคมปีศาจ ชุนก็เบิกตากว้างอุทานอย่างประหลาดใจ
“เอวิน!”
‘เอวิน’ เป็นศิษย์ของโมโมะและรู้จักกับชุนมาตั้งแต่เด็ก ก่อนหน้านี้ยูเคยเล่าให้เขาฟังว่า ‘เอวินถูกอุรามิครอบงำ’ แต่ชุนก็ไม่คิดว่า… เอวินจะต้องมาตกอยู่ในสภาพที่น่าสะอิดสะเอียนแบบนี้ แม้จะแค้นใจที่อุรามิสาปยูให้เป็นผู้ชาย แต่พอเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นคนคุ้นเคย ชุนก็รู้สึกสับสนขึ้นมา …ควรจะแค้นหรือควรจะสงสารดี
ขณะที่ลินจิลองใช้ทักษะกลายร่างอีกครั้ง สิริก็แจ้งเตือน…
[พลังเวทไม่เพียงพอ ไม่สามารถใช้ทักษะได้]
…โธ่เว้ย! ลินจิสบถในใจ
ทันใดนั้นสายตาของอุรามิก็เบิกกว้างพร้อมกับจับต้องมาที่ลินจิ เห็นแบบนั้นลินจิก็ตกใจจึงรีบกางกางเขตอาคมป้องกันทันที ส่งผลให้ชุนซึ่งลอยอยู่บนท้องฟ้าได้รับอิทธิพลของเขตอาคมป้องกันไปด้วย
เหล่าแขนมารโผล่ออกมาจากเป้าตาของอุรามิเข้าจู่โจมไปทางลินจิ
“เอวิน!”
ชุนเอ่ยพร้อมตวัดดาบฟันแขนมารเหล่านั้นจนขาดสะบั้นภายในพริบตา จากนั้นตัวดาบก็เปล่งแสงสีฟ้า เมื่อชุนฟาดออกไปเต็มแรงก็เกินเสี้ยวแสงแหวกอากาศตัดเขตอาคมพร้อมกับใบหน้าของอุรามิจนแหลกสลาย
แขนมารที่ถูกตัดขาดล่วงหล่นลงพื้น ลินจิเห็นแบบนั้นก็วิ่งหนีชูสองแขนอย่างตกใจ พลางเหลียวหน้าหันไปมองเพราะกลัวว่ามือปีศาจจะเลื้อยตามมา พอเห็นผลึกดวงดาวสีขาวถูกชิ้นเนื้อล้อมเอาไว้ ลินจิก็เพิ่งนึกขึ้นได้จึงหันหลังกลับพร้อมสไลด์ฝ่าเท้าหมุนตัวฝุ่นตลบ ก่อนจะวิ่งไล่ตามเพื่อแย่งผลึกดวงดาวกลับมา
“ฮึฮึ ผลึกดวงดาวสีขาว ข้าขอรับไว้ก็แล้วกัน”
เสียงของอุรามิดังออกมาจากแขนปีศาจ ส่วนชุนก็รีบพุ่งลงมาจากฟ้า ทว่า…พริบตานั้นเหล่าแขนมารที่ห่อหุ้มผลึกดวงดาวก็ยืดเข้าดูดกลืน ‘ดาบมนตร์ดำ’ ที่เอวินทำตกไว้ ก่อนลับตาไปอย่างไร้ร่องลอย
“เอาคืนมานะ เอามาน้า….”
ลินจิแหกปากตะโกนเรียก แต่ก็มีเพียงความว่างเปล่าตรงหน้าที่ปรากฏ