ตอนที่แล้วตอนที่ 12 สิ่งที่สำคัญ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 14 การกำเนิด

ตอนที่ 13 เพราะว่าอยากปกป้อง


ตอนที่ 13 เพราะว่าอยากปกป้อง

 

เสวี่ยหงเยว่ตกใจเป็นอย่างมาก…

อยู่ดีๆ แผ่นดินไหวจนเพดานถ้ำถล่มแถมยังมีเด็กน้อยร่วงลงมาใส่อ้อมกอด ถ้าสวรรค์จะประเคนคนน่ารักมาให้เขาก็พร้อมรับด้วยความยินดี...แต่อย่าส่งมาให้ในวิธีพิศดารเสี่ยงหัวแบะเช่นนี้จะดีกว่า ขอบคุณ

เขากอดเหอไป๋เทียนไว้ระหว่างเงยหน้ามองม่านคุ้มภัยกำลังทำหน้าที่ป้องกันพวกเขาจากการโดนหิวร่วงใส่ เสวี่ยหงเยว่าถอนหายใจอย่างโล่งอก นึกอยากจะขอบคุณตัวเองเป็นรอบที่ร้อย ได้ดิบได้ดีแคล้วคลาดจากความตายมาได้เพราะตั้งใจฝึกวิชาม่านกลป้องกันมาล้วนๆ

“น้องเป็นห่วงพี่แทบแย่” เด็กชายค่อยๆ เงยขึ้นมามองอีกฝ่าย สีหน้าแววตาเจือไปด้วยความโล่งใจอย่างที่สุดเมื่อเห็นว่าเสวี่ยหงเยว่ปลอดภัยดีแล้ว

เห็นสีหน้าดังนั้นเสวี่ยหงเยว่ก็พลอยจะโล่งใจตามไปด้วย

“แต่เจ้าบาดเจ็บ” แม้จะโล่งใจ แต่บาดแผลที่หลังของเหอไป๋เทียนนั้นหนักเอาการเขาเห็นถึงเศษใสบางอย่างคล้ายกับกระจกฝังอยู่ในร่างของเด็กชาย

เหอไป๋เทียนไม่ได้ตอบอะไร เขาทำได้แค่ส่ายหน้า แล้วกอดเสวี่ยหงเยว่แน่นขึ้นกว่าเดิมราวกับกลัวจะถูกจับแยกกันอีก

“ไว้น้องจะเล่าให้หงเกอฟังนะ” เอ่ยเสียงเบา ดวงตาสีทองหลับลง เด็กชายกำกระบี่ในมือแน่นคล้ายกำลังตั้งหลักอะไรสักอย่าง

เหอไป๋เทียนไม่คิดว่าควันดำนั่นจะยอมรามือง่ายๆ เพียงเพราะถ้ำถล่ม

ปลายนิ้วที่ถูกน้ำแข็งเกาะกุมเริ่มชาจนไม่รู้สึกอะไร ความเจ็บปวดที่ทิ่มแทงเข้าผิวเนื้อ เหอไป๋เทียนเข้าใจดีว่าตนคงยังไม่เป็นที่ยอมรับของกระบี่เล่มนี้ การที่มันยอมให้เขาใช้งานได้เพียงเพราะพลังของเขาเข้ากับมันได้พอดี

เหมือนกำลังฝืนทรมานตัวเอง แต่เขาไม่อาจทนอยู่เฉยๆ เป็นฝ่ายถูกปกป้องได้อีกต่อไปแล้ว

ทุกอย่างเริ่มสงบลงม่านป้องกันเริ่มคลายตัว เหอไป๋เทียนค่อยๆ ดันตัวเองออกจากเสวี่ยหงเยว่ เด็กชายลุกขึ้นยืน มืออันสั่นเทาจับกระบี่ไว้ในท่าทางที่พร้อมรับการต่อสู้ที่กำลังจะเกิด

แต่เขากลับถูกดึงให้เข้ามาสู่อ้อมกอดแทน!

“มีอะไรบางอย่างตามมาใช่ไหม” เสวี่ยหงเยว่เอ่ยนิ่งๆ เขาจับท่าทางกระวนกระวายของเหอไป๋เทียนได้และเดาสถานการณ์ออกทันที เด็กชายรับรู้ถึงน้ำหนักของฝ่ามือที่โอบไหล่ มันกดลงหนักขึ้นจนเหมือนบีบ

“ไปอยู่ข้างหลัง”

เหอไป๋เทียนอ้าปาก อยากร้องเถียงแต่ก็ต้องเงียบเมื่อเห็นสายตาของเสวียหงเยว่ ใบหน้าที่นิ่งเฉยยามที่หรี่ตาลงนั้นดูดุและน่ากลัวกว่าเดิมไม่รู้กี่เท่า

“เจ้าปกป้องข้าได้แต่ต้องให้ข้าปกป้องเจ้าด้วย อย่าให้ใครเป็นฝ่ายถูกปกป้องเพียงฝ่ายเดียว” เสียงนั้นเอ่ยทำให้เหอไป๋เทียนชะงัก ดวงตาสีแดงเลือดนั้นมองอย่างจริงจังจนเขาไม่อาจเอ่ยคำเถียงใดๆ ได้

“เจ้าเสี่ยวไป๋ เจ้าไป๋เทียน เด็กดีของข้า...หากข้าพลั้งเผลอ เจ้าช่วยคุ้มครองข้าได้ไหม?”

เอ่ยแค่นั้น ทว่ากลับสร้างประกายสดใสในดวงตาของเหอไป๋เทียน เด็กชายรู้สึกราวกับหัวใจของตนพองฟูขึ้นมา การที่ได้รับความเชื่อใจจากใครสักคนมันทำให้ตนมีความสุขได้มากมายอย่างที่ไม่เคยเป็น

เสวี่ยหงเยว่รู้ดีว่าการปกป้องที่มากเกินไปนอกจากจะเป็นการดูถูกศักดิ์ศรีของสกุลเหอแล้วยังจะเป็นการดูถูกเหอไป๋เทียนด้วย เขาเข้าใจดีคาร์แร็คเตอร์แนวนี้ยังไงก็ต้องมีอีโก้อยู่พอตัว เขาต้องยอมรับความต้องการของอีกฝ่าย มันคงไม่ใช่เรื่องเสียหาย หากจะได้เพื่อนที่คอยระวังหลังให้

เขาเชื่อใจอีกฝ่าย เพราะอย่างไรเสียคนที่อยู่ตรงหน้าเขาคือเหอไป๋เทียน

...ชายผู้เป็นพระเอกของเรื่องนี้....

เมื่อการร่วงหล่นของโถงชั้นสองจบลง เสวี่ยหงเยว่เห็นถึงเค้าร่างของควันปริศนาเริ่มก่อตัว พลังงานสีดำจับกลุ่มกันเป็นรูปร่างขนาดใหญ่ ในสถานที่ซึ่งมีพลังมากมายหลายแขนงอบอวลให้เต็มไปหมด หากเป็นเกม ฉากนี้ก็เทียบได้กับฉากสุดท้ายของบทที่คนเล่นจะได้ต่อสู้กับบอสของดันเจี้ยน

หากมีเพลงเขาก็อยากได้เพลง แล้วก็ขอเป็นเพลงฉากต่อสู้ 8 bit ของ Final Fantasy ยุคเก่าด้วยก็ดี

เพราะเขาคิดว่าบอสของดันเดี้ยนถ้ำใต้น้ำตกก็คือควันดำนั่น!

“จิตอาฆาตไร้รูปร่างสินะ…” เสวี่ยหงเยว่พึมพำเสียงเบา เขาเกิดในสกุลเสวี่ยที่เชี่ยวชาญด้านคุณไสยมนต์มืด สิ่งใดก็ตามที่เกี่ยวข้องกับสาขานี้ เขาย่อมรู้จักดี

จิตวิญญาณที่ไร้รูปร่างนั้นไม่ใช่วิญญาณของมนุษย์แต่มันเกิดจากจิตสำนึกที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความยึดติดต่อสิ่งของใดสิ่งของหนึ่ง ไม่ว่าจะทั้งความผูกพัน ความแค้น ความปรารถนา ความอยากได้อยากมี ทุกๆ อย่างจะหลอมรวมกันเป็นความอาฆาตผูกไปกับสิ่งของนั้น

สิ่งนี้ไม่ใช่วิญญาณเจ้าของ มีชีวิตได้เพียงเพราะเป็นจิตคะนึงต่อสิ่งนั้นๆ อย่างแรงกล้าเท่านั้น

มันไม่มีร่างเป็นที่แน่นอน แต่สามารถสิงสู่มนุษย์ได้ แต่ต้องเป็นมนุษย์ที่มีพลังงานสะอาดจนสามารถหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวได้กับทุกคลื่นพลัง

การที่มันเลือกจับเหอไป๋เทียนถูกไปนั้นเป็นคำตอบได้อย่างดีเพราะคุณสมบัติของคนในสกุลเหอคือการผสมผสานพลังตัวเองเข้ากับพลังอื่นๆ มันต้องการที่จะสิงคนที่มีพลังสะอาดเพื่อครอบครองสิ่งของที่มันยึดติด!

เหยื่อที่คุณสมบัติพร้อมขนาดนี้มาถึงที่ มันคงปล่อยโอกาสไม่ได้แน่นอน

ควันดำพยายามพุ่งชนม่านป้องกัน แม้จะเป็นกลุ่มควันแต่ก็สร้างความเสียหายให้ได้มากพอควร เห็นดังนั้นเสวี่ยหงเยว่จึงหยิบยันต์จากอกเสื้อในท่าที่พร้อมตั้งรับยามม่านกลหมดฤทธิ์

เมื่อม่านป้องกันพังทลายลง เขาก็ขว้างยันต์ออกไปทันทีก่อนจะที่จิตยึดติดนั้นพุ่งเข้ามาถึงตัว!

ยันต์ใบนั้นเริ่มกระจายตัวออกเป็นสอง สี่ หก และ แปด มากขึ้นเรื่อย ๆ รวมตัวเป็นตาข่าย ล้อมตรึงควันดำไม่ให้ขยับได้ แม้มันจะไร้รูปร่างใช้มือเปล่าจับไม่ได้ แต่ถ้าเป็นยันต์ของสกุลเสวี่ย ไม่มีทางหนีรอดแน่นอน!

แต่ทันใดนั้นเอง ระหว่างที่เสวี่ยหงเยว่รู้สึกพึงพอใจกับความโชคดีที่เจอศัตรูตรงสาย เจ็บแปลบจากแขนด้านขวาก็ดึงสมาธิของเขาไป!

บาดแผลที่เขาได้รับจากการต่อสู้กับหมาป่าอยู่ ๆ มันก็ปวดขึ้นมาอีกครั้ง เสวี่ยหงเยว่จับแขนตัวเองแน่น กัดฟันกลั้นเสียงร้อง ความเจ็บปวดใต้ผิวหนังมันเต้นตุบสร้างความทรมานให้เป็นอย่างมาก พลังการสมานแผลของเหอไป๋เทียนหมดฤทธิ์ ปากแผลที่เคยสมานเริ่มปริตัวออก เลือดค่อยๆ ไหลซึมออกจากบาดแผล

อาการกำเริบผิดจังหวะไปไหมวะ!

เสวี่ยหงเยว่เม้มปาก สมาธิหายที่ไปเพราะความเจ็บปวดทำให้พลังของยันต์คลายลงเล็กน้อย กลุ่มก้อนควันเริ่มระเหยหนีออกจากตาข่ายยันต์

ต้องรีบข่มความเจ็บแล้วจัดการให้เสร็จในคราวเดียวก่อนที่มันจะหนีออกมาได้...เสวี่ยหงเยว่คิดเช่นนั้น

แต่แล้วก็มีประกายใสของมวลพลังลูกใหญ่ถูกซัดออกไปจากด้านหลังเขา กระไอเย็นจับขั้วหัวใจก่อเกิด เกล็ดน้ำแข็งเนื้อละเอียดแผ่กระจายเป็นวงกว้าง แช่แข็งทุกสิ่งทุกอย่างที่กระจายไปถึง

รวมถึงเงาดำนั้นด้วย มันถูกขังเอาไว้ในก้อนน้ำแข็งทันที

เหอไป๋เทียนขยับเดินออกมาด้านหน้า แม้จะหอบออกมาอย่างหนักแต่เขาก็ดันให้เสวี่ยหงเยว่ที่กำลังเจ็บให้ถอยหลบ

ปลายนิ้วไล่ขึ้นไปถึงแขนข้างที่ใช้จับกระบี่ถูกมีน้ำแข็งเกาะกุมแน่หนา ความเจ็บปวดแทรกซึมเข้าผิวเนื้อราวรุนแรงเสียยิ่งกว่าโดนหิมะกัด

มันเป็นผลกระทบจากการฝืนใช้พลังจากกระบี่ที่ไม่ยอมรับ

เหอไป๋เทียนหอบอย่างหนัก ดวงตาเริ่มพร่าเบลอ เดินโซซัดโซเซสักพัก ก็กำมือแน่นรีบพุ่งตัวรุดไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว ไม่ฟังเสียงคำห้ามใดๆ เขามีเป้าหมายแค่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น นั่นคือสิ่งที่จะเข้ามากทำร้ายคนของเขา

ประกายแสงจากระบี่ถูกวาดขึ้น แม้เจ็บปวดที่แขนขวาสักแค่ไหน แต่เหอไป๋เทียนก็ฝืนรวมกำลังที่มีทั้งหมดแทงเข้าไปในก้อนน้ำแข็งที่แช่แข็งจิตไร้ร่างนั้นทันที

เขาได้ยินถึงเสียงบาดแสบแก้วหูและควันดำมืดนั้นถูกดูดเข้าไปในกระบี่ของเขาราวกับถูกสูบ!

เสียงกรีดร้องด้วยความทรมานเบาหายไปพร้อมกับจิตไร้ร่างที่เข้ามาในกระบี่จนหมดแล้ว เหอไป๋เทียนรู้สึกได้ว่าสิ่งที่อยู่ในมือตนกำลังกลืนกินความมืดแล้วปรับเปลี่ยนให้เป็นพลังงานของตนทันทีราวกับนั่นคืออาหารมือใหญ่แสนอร่อย

แต่...ตอนนี้...

จะอะไรก็ช่าง...แล้ว...

กระบี่ร่วงลงสู่พื้นจากมือที่ไร้เรี่ยวแรงยึดจับ เหอไป๋เทียนที่ใช้กำลังเกินตัวก็หมดแรงฝืนอีกต่อไป เขาทรุดตัวล้มลงไปทันที

แต่เขายังโชคดีที่มีเสวี่ยหงเยว่รอรับอยู่

“เด็กโง่…” เสวี่ยหงเยว่ลูบไปตามใบหน้าของเด็กชาย ส่วนมืออีกข้างก็กุมมือของเหอไป๋เทียนเอาไว้ เขาค่อยๆ ถ่ายถอดพลังของตัวเองให้กับร่างกายอ่อนแรงในอ้อมแขน

เหอไป๋เทียนหัวเราะแห้งๆ จนแล้วจนรอดความพยายามเกินตัวก็ทำให้เขาโดนดุอีกแล้ว

เด็กชายชะงักไปเมื่อมือที่จับกันอยู่กุมแน่นขึ้นมา แว้บหนึ่ง ก่อนที่จะหลับไปเขาเห็นถึงรอยยิ้มที่แสนอ่อนโยนจากคนตรงหน้า

และถ้อยคำที่ทำให้หัวใจเต้นแรงขึ้นมาด้วยความภูมิใจ...

“เก่งมากเลยล่ะ ไป๋เทียน”

แล้วเหอไป๋เทียนก็ค่อยๆ หลับตาลงไป

ความอบอุ่นจากพลังที่ได้รับ ทำให้เขารู้สึกสบายตัวม ความเจ็บปวดคลายลงไป...พร้อมกับที่ความตึงเครียดที่เคยมีค่อยๆ จางลงอย่างช้าๆ

 

เกือบพังถ้ำอายุมากกว่าพันปี!

สร้างหายนะชนิดที่ให้จำกัดความว่าระเบิดภูเขาเผากระท่อมยังน้อยไปด้วยซ้ำ!

เสวี่ยหงเยว่ได้แต่คิดเช่นนั้นระหว่างนั่งพักรอให้ร่างกายฟื้นตัวมากพอที่จะว่ายน้ำกลับขึ้นไปด้านบน ดวงตาสีแดงมองความเสียหายที่เกิดขึ้นแล้วก็ได้แต่รู้สึกผิดอย่างสุดหัวใจ พวกเขาเพิ่งทำลายถ้ำธรรมชาติอันสวยงามไปสดๆ ร้อนๆ แม้ว่านี่จะเป็นโลกในนิยายแต่ก็อดปวดใจไม่ได้เลยจริงๆ

ตอนอ่านนิยายแล้วเจอฉากระเบิดเมือง เผาป่า พังภูเขา มันก็สนุกดีอยู่หรอก

แต่พอมาเป็นตัวละครที่ต้องทำตามบทแล้ว บางอย่างมันก็ขัดกับจิตสำนึกคนอ่านเหลือเกิน ลองคิดดูสิ หากเขายังอยู่ในโลกเก่าวีรกรรมพังถ้ำซะยับขนาดนี้ คงโดนตำรวจจับ ปรับเงินหลายล้านบาท ตายสามรอบยังใช้หนี้ไม่หมดแน่ๆ

เขาคิดอะไรเรื่อยเปื่อยสายตาก็มองไปนั่นไปนี่จนมาสะดุดเข้ากับของที่วางข้างตัวเหอไป๋เทียน

เสวี่ยหงเยว่ก็ทำหน้ากระอักกระอ่วนไปจนถึงถึงขั้นแขยงใจทันที

กระบี่งามสีดำสนิทไร้ซึ่งสีใดแซมเด่นตั้งแต่ตัวปลอกไปเนื้อคม ไอเย็นแผ่ล้อมสร้างความหนาวเหน็บชวนพรั่นพรึงให้กับคนที่อยู่โดยรอบ กระบี่สุดแข็งแกร่งเล่มนี้ในภายภาคหน้าจะกลายเป็นอาวุธประจำตัว เป็นคู่ทุกข์คู่ยากในการต่อสู้ทุกสนามรบของเหอไป๋เทียน

หานหลิ่ง (ทิวเขาอันเหน็บหนาว) คือชื่อของกระบี่เล่มนั้น ซึ่งคุณสมบัติก็ตรงตามชื่อ กระบี่ที่อบอวลไปด้วยพลังสะอาดธาตุน้ำแข็งที่สามารถแช่แข็งได้ทุกสรรพสิ่ง

และยังเป็น...อาวุธที่จะใช้สังหารเสวี่ยหงเยว่ในบทสุดท้าย

ก็ว่าอยู่แล้วว่าทำไมพระเอกถึงใช้กระบี่ธาตุน้ำแข็งแถมชื่อก็แปลว่าทิวเขาอันหนาวเหน็บ คุณสมบัติแบบนี้มันควรจะเป็นของทางฝั่งเสวี่ย (หิมะ) แท้ๆ ที่แท้ก็แอบขโมยมาจากเขาเสวี่ยนี่เอง!

นี่มันขโมยกระบี่มาฆ่าเจ้าของบ้านชัดๆ เลยนะไป๋เทียน!

แต่เขาก็ไม่สามารถบ่นอะไรได้ ตัวเองก็ต้องขโมยของในถ้ำนี้ออกมาเหมือนกัน

เสวี่ยหงเยว่เดินไปทางดอกโบตั๋นพันปีที่ชูช่ออย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว จะถ้ำถล่ม น้ำแข็งสาด ไอมืดแผ่กระจาย หรือมีเรื่องวิบัติมาขนาดไหนก็ยังคงเบ่งบานงดงามไม่บุบสลายแม้แต่ปลายกลีบ เสวี่ยหงเย่วนึกประทับใจนัก เพราะมันช่างแข็งแกร่งสมกับอยู่รอดมามากกว่าพันปี

เมื่อเขาเก็บกลีบดอกโบตั๋นที่ร่วงบนพื้นใส่อกเสื้อประมาณสองสามกลีบก็เป็นอันสำเร็จภารกิจพิชิตถ้ำใต้น้ำตก

และยังได้รับสำคัญสำหรับการดำเนินเนื้องเรื่องได้มาถึงมือของพระเอกกับตัวร้ายเป็นที่เรียบร้อย

อัญมณีในอกเสื้อของเขา กระบี่ในมือของเหอไป๋เทียน สิ่งของแปลกปลอมที่อยู่ในสถานที่แห่งนี้ คงเป็นคำตอบของการรวมตัวของจิตยึดติดไร้รูปร่าง

เขาไม่รู้ว่าทำไมของมีค่าถึงมารวมตัวกันที่ถ้ำแห่งนี้ตั้งสามชิ้น ทำไมถึงมีจิตอาฆาตของเฝ้าดูแลอยู่ไม่ห่าง ทำไมมันถึงได้ยึดติดกับดาบและอัญมณี ทำไมทุกสิ่งทุกอย่างถูกเตรียมพร้อมราวกับรอให้พวกเขามาเยือน มันจะมีเหตุมีผลต่อเนื่องถึงกันและกันไหม หรือว่าไม่มีความเกี่ยวข้องกันเลยแค่เพียงบังเอิญมาอยู่ในสถานที่เดียวกันเท่านั้น

มีแต่คำว่าทำไม ทำไม และทำไมลอยว่อนอยู่เต็มหัว

เสวี่ยหงเยว่เอามือกุมหัวอยากจะหัวเราะก็หัวเราะไม่ออก ทุกอย่างประดังประเดเข้ามาในสมองเสียจนปวดไปหมด เขาอยู่ในโลกนี้มายี่สิบสามปีใช้ชีวิตอย่างปกติมาตลอด แต่พอได้เจอกับเหอไป๋เทียนปริศนาที่หาคำตอบไม่ได้ก็เริ่มก่อเกิดขึ้นเรื่อย ๆ

เขาควรจะแก้ไขมันไหมหรือค่อยๆ รอเวลา ปล่อยให้เหอไป๋เทียนได้ทำตามบทบาทของตัวเอง

ตัวร้ายอย่างเขา ทำได้แค่เพียงดำเนินเรื่องของตัวร้ายเท่านั้น การแก้ไขปมของเรื่อง การกลบหลุมที่คนเขียนก่อ มันเป็นหน้าที่ของตัวเอก

คนที่เป็นแค่ ‘ส่วนหนึ่ง’ ในเรื่องแบบเขาน่ะ ทำได้ดีที่สุดก็คือรอ

หรือไม่อย่างนั้น…

เขาเดินกลับไปหาเด็กชาย สีหน้าที่หลับปุ๋ยด้วยความเหนื่อยอ่อนนั้นช่างน่าเอ็นดู เสวี่ยหงเยว่ยิ้มบางๆ ลูบไล้ไปตามเส้นผมสีดำที่ยุ่งเหยิงนั้น

เพียงพบกันไม่นานก็รู้สึกผูกพันเสียแล้ว

อาจจะเป็นเพราะเขาได้อ่านหนังสือเรื่องย่อเล่มนั้นมากว่ายี่สิบสามปี เขาทำความรู้จักกับเหอไป๋เทียนผ่านตัวอักษรเหล่านั้น ความรู้สึกอยากเอาใจช่วย ความรู้สึกอยากเห็นพัฒนาการของตัวละคร มันก่อตัวขึ้นในใจของเขาเรื่อยมา

ในตอนแรกเขาคิดมันคงเหมือนกับความผูกพันต่อตัวละครในนิยายเรื่องโปรด

แต่แท้จริงแล้วมันไม่ใช่เลย

พอได้พบกันจริงๆ เหอไป๋เทียนแตกต่างจากที่อ่านหรือจากการจินตนาการอยู่มากพอควร ทั้งความไร้เดียงสา ทั้งจดบกพร่องมากมายที่น่าเป็นห่วงเหมือนเด็กธรรมดา ๆ คนหนึ่งไม่ใช่พระเอกที่แสนเก่งแสนเพอร์เฟ็ค ทุกสิ่งมันแตกต่างจากมุมมองที่ได้รู้จักผ่านตัวหนังสือไม่รู้กี่เท่า

อยากปกป้อง…

เขาอยากเห็นเด็กคนนั้นเติบโต อยากให้ตัวละครมีพัฒนาการที่ดี อยากทำให้มีความสุข

เขาคิดเช่นนั้น แม้ว่าบทบาทของเสวี่ยหงเยว่ไม่อาจจะทำได้ ตัวร้ายอย่างเสวี่ยหงเยว่ไม่สมควรมีความสัมพันธ์อันดีกับเหอไป๋เทียน

พอจะมีช่องว่างอะไรให้แทรกแซงเนื้อเรื่องบ้างไหมนะ ช่องว่างบางอย่างที่จะทำให้บทบาทตัวร้ายเช่นเขา สามารถประคับประครองการเจริญเติบโตของตัวละครตัวนี้ให้ตลอดรอดฝั่ง เขานึกทบทวนถึงเรื่องย่อ ทบทวนทุกอย่างวนไปวนมาในหัว ก่อนที่จะชะงัก คล้ายจะคิดออกถึงช่องทางทางจะแทรกแซงเนื้อเรื่องนั้น

ถ้าเป็นบทบาทของ ‘หงเกอ’ ล่ะ

หากสวมรอยบทบาทของเพื่อนที่ต้องคอยติดตามเหอไป๋เทียนระหว่างออกฝึก ถ้าเขาอยู่บทบาทนั้นจะทำให้เขาปกป้องเด็กคนนี้ คอยดูแลไปจนกว่าจะเติมโตอย่างงดงามได้หรือเปล่านะ?

เขาถามซ้ำๆ กับตัวเองแบบนี้ ถามซ้ำไปซ้ำมา ด้วยความหวังที่เหลือเพียงน้อยนิด

เวลาหนึ่งปีที่เหลือก่อนจะถึงพิธีบรรลุนิติภาวะ...เขาก็อยากจะเป็นหงเกอของเด็กคนนี้

ขอเพียงเท่านี้ คงจะไม่ทำให้เส้นเรื่องเปลี่ยนใช่ไหม?

แม้ว่าสุดท้ายสิ่งที่เขาเลือกจะทำร้ายตัวเองทีหลัง แต่ตอนนี้เสวี่ยหงเยว่ก็เลือกเส้นทางของตัวเองได้แล้ว ร่างกายไม่ได้เจ็บปวด หัวใจไม่ได้บีบรัด...นั่นเท่ากับว่าเขาสามารถทำได้ โดยไม่ผิดกับสัญญาใช่ไหมนะ?

เขากุมมือของเด็กชายเอาไว้ แน่นขึ้น

และแน่นขึ้นเรื่อยๆ

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด