Money Monster Episode XV [การ์ดลงทุน]
Money Monster
Episode XV
[การ์ดลงทุน]
หลังจากส่งเมลคุยกันยันฟ้าสางกับเมซูล ไลท์ได้นอนเพียงแค่สองชั่วโมงเท่านั้นก่อนจะตื่นขึ้นมาทำกิจวัตรประจำวันภายในบ้าน ยังดีที่วันนี้เขาไม่มีพาร์ทไทม์มิเช่นนั้นคงหมดแรงข้าวต้มกันพอดี
เมื่อไม่เหลืองานในบ้านอีกแล้วไลท์ก็กลับมาที่ห้องของเขาเพื่อทำรายงานต่อ เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วจนย่างเข้าช่วงค่ำ นายธนาคารแห่งความมืดก็พลันมาปรากฏตัวที่ห้องอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย แต่ชายหนุ่มกลับปราศจากท่าทีตกใจเสมือนว่าชินชาไปแล้ว
“สวัสดียามเย็นครับ นายท่านของกระผม” อเดมัสโน้มตัวลงเล็กน้อยพร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลเป็นการทักทาย
“สวัสดี..”
“ดูเหมือนท่านจะมีปัญหา ไม่ทราบว่ากระผมสามารถช่วยอะไรท่านได้บ้าง? นายท่านของกระผม”
“นายทำรายงานให้ฉันได้ไหม..”
“เกรงว่าจะไม่ได้ครับ..”
“ไร้ประโยชน์จริงๆ นะนาย” ไลท์ฉีกยิ้มก่อนจะกระแทกคำนี้ใส่นายธนาคารแห่งความมืด แต่เจ้าตัวกลับไม่สะทกสะท้านทั้งยังยิ้มไร้อารมณ์เช่นเดิม
“ล้อเล่น..ฉันแค่เหนื่อย ว่าแต่นายจะโผล่มาทำไม”
“ได้เวลาที่ท่านต้องไปศูนย์ฝึกอบรมแล้วครับ”
“อา..ถึงเวลาแล้วสินะ” ไลท์พูดแล้วถอนหายใจเฮือกโตออกมา ก่อนจะออกจากศูนย์ฝึกอบรมเขาได้รับแผ่นกระดาษเกี่ยวกับตารางเวลาเกี่ยวกับการฝึกฝน จนกว่าการฝึกอบรมจะจบลงพวกเขาต้องเข้าไปในวอลสตรีทขั้นต่ำวันละหกชั่วโมง
“ตอนนี้สี่โมง กว่าจะกลับมาได้ก็น่าจะช่วงสองทุ่ม อา..ง่วงเป็นบ้า เพลียด้วย”
“ถ้าเรื่องนั้นเกรงว่าผมจะมีวิธีช่วยท่าน”
“จริงเหรอ!” ไลท์หันหน้ามาหาอเดมัสพร้อมยิ้มอย่างมีหวัง นายธนาคารแห่งความมืดพยักหน้าเบาๆ ให้หนึ่งทีเป็นคำตอบ ชายสวมสูทปลดกระดุมออกหนึ่งเม็ดก่อนจะหยิบบางสิ่งออกมาจากภายในเสื้อ เป็นขวดแก้วขนาดเล็กสีอำพัน
“นี่เป็นเครื่องดื่มชูกำลังของวอลสตรีทครับ ราคาสุทธิอยู่ที่100.25เหรียญต่อขวด”
“แค่กๆ! แพงไปแล้ว!” ไลท์ถึงกับสำลักอากาศเมื่อได้ยินราคาของมัน
“สินค้าที่ขายอยู่ในวอลสตรีทมีราคาสูงมากกว่าสินค้าที่วางจำหน่ายที่โลกนี้สิบเท่าเป็นขั้นต่ำครับ แต่แน่นอนว่าคุณภาพสมราคาแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นแฮมเบอร์เกอร์ เครื่องดื่มชูกำลัง หรือแม้แต่เสื้อผ้า เครื่องประดับ ทุกอย่างมีขายตั้งแต่หลักสิบถึงล้าน แต่มีเพียงอาหารเท่านั้นที่นำออกมาจากวอลสตรีทได้”
“อืม..ก็พูดอยู่ว่ามันแพงเกินไป” ไลท์บ่นพึมพำแล้วลุกขึ้นรีบไปแต่งตัวก่อนที่จะออกไปกับอเดมัส โดยบอกครอบครัวไว้ก่อนว่าจะไปทำพาร์ทไทม์จึงกลับดึกแต่ช่วยเตรียมอาหารไว้ให้ด้วย เพราะเขาไม่คิดจะย่างกรายเข้าไปในศูนย์อาหารนรกนั่นอีกต่อไปแล้ว..
วอลสตรีท
ในที่สุดไลท์ก็นั่งแท็กซี่มาถึงที่ศูนย์ฝึกอบรม ความตื่นเต้นที่ได้มากในวันแรกนั้นหายไปแล้ว ในหัวคิดแค่เรื่องจะทำยังไงต่อดี
ข้อมูลที่หามาได้ตั้งแต่เมื่อวานล้วนเป็นข้อมูลสำคัญที่จำเป็นทั้งหมด แล้วเขาส่งให้เมซูลตรวจเช็ดดูและพบว่าขาดส่วนสำคัญอีกน้อยนิดเท่านั้น หญิงสาวจึงจัดแจงไฟล์ส่วนที่ขาดมาให้ ในตอนนี้ไลท์จึงไม่จำเป็นต้องเข้าไปในหาข้อมูลเพิ่มเติมอีก
“นี่!” เสียงอันแสนคุ้นหูดังขึ้นห่างไม่ไกลนัก ไลท์ทำเป็นไม่สนใจเพราะคิดว่าไม่ได้เรียกตนจึงทำเป็นหูทวนลม ก้าวฉับๆ ผ่านไปอย่างไว
“ไลท์! ฉันอยู่นี่ ครอสซ์เพื่อนนายไง”
‘ใครเพื่อนแกมิทราบ!’ ไลท์กู่ร้องในใจ แต่ในเมื่อจงใจเรียกชื่อซะชัดเจนเพียงนี้หากไม่หันไปก็กระไรอยู่ จึงเหลียวไปมองที่ต้นทางเสียง พบเห็นชายหนุ่มผมน้ำตาลที่เขาจำจดใบหน้าได้แม่นยำมากคนหนึ่ง กำลังนั่งบนก้อนหินขนาดใหญ่กับผู้ชายคนหนึ่งที่ไม่คุ้นตา
“ไง” ไลท์ยกมือทักทายตามมารยาทหนึ่งทีก่อนจะเดินต่อ ครอสซ์หรี่ตามองหนึ่งทีก่อนจะตะโกน
“ไม่เอาน่า! เราเป็นเพื่อนกันแล้วนะ อย่าเย็นชาใส่กันสิ”
“ฉันเป็นเพื่อนกับนายตั้งแต่เมื่อไหร่ห๊ะ!” สุดท้ายก็พูดออกไป ไลท์ก้าวฉับๆ ออกมาชี้นิ้วใส่หน้าครอสซ์ก่อนจะกล่าวออกมา
“ฟังนะ เราเป็นแค่คนรู้จักเข้าใจไหม ตอนนั้นเรามีผลประโยชน์ร่วมกัน นายช่วยฉันออกจากบ่อ ฉันเลยเลี้ยงแฮมเบอร์เกอร์ราคาครึ่งพันเหรียญกับแลกอาวุธกันใช้นิดหน่อย หลังจากเมื่อวานเราก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกันอีกแล้ว”
“แต่ฉันว่าเราเกี่ยวข้องกันเยอะแล้วนะ! เรียกว่าเพื่อนได้แล้วมั้ง อ๊ะ! จริงด้วย นี่เพื่อนใหม่ฉัน ชื่อแจ๊สเปอร์ เป็นคนดีมากเลย” ครอสซ์ยิ้มกว้างก่อนจะผายมือไปยังชายหนุ่มที่นั่งข้างๆ
ชายชื่อแจ๊สเปอร์มีรูปร่างสูงสมส่วนธรรมดา ร่างกายไม่ได้มีกล้ามเนื้อมากมายเฉกเช่นกับครอสซ์ เส้นผมสีเทาและใบหน้าที่ค่อนข้างเชยชา ให้ความรู้สึกสงบกับเยือกเย็นคล้ายกับคนมีวุฒิภาวะสูง ทั้งคู่สบตากันหนึ่งทีและก็ได้รู้ว่า..
‘พวกเดียวกันแน่นอน!’
“ฉันชื่อแจ๊สเปอร์ อายุ20 ยินดีที่ได้รู้จัก”
“ฉันชื่อไลท์ อายุ20เหมือนกัน”
“อืม..นายคือคนก่อนหน้าสินะ”
“ส่วนนายคือคนปัจจุบันสินะ”
“ใช่..พอดีฉันเห็นครอสซ์ในร้านขายการ์ด พอเลือกการ์ดอยู่ดีๆ ก็ถูกถามว่า การ์ดใบนี้คืออะไร ใช้งานยังไง ทำอะไรได้บ้าง บางทีก็ถามอะไรที่ไร้สาระอย่างวันเกิด ราศี..ไอ้ฉันก็ไม่ได้รำคาญหรอกเลยตอบไป แต่ไปๆ มาๆ กลับโดนติดสอยห้อยตามมาจนถึงตรงนี้”
“เหอะๆ” ไลท์หัวเราะแห้งๆ พร้อมส่งสายตาเห็นใจให้แจ๊สเปอร์ ดูเหมือนการมีอยู่ของครอสซ์จะทำให้เกิดความสัมพันธ์แปลกๆ ที่อธิบายได้ลำบากขึ้น
“นี่ไลท์! วันนี้กินแฮมเบอร์เกอร์ด้วยกันอีกไหม”
“ไม่กินเฟ้ย! พอเสร็จธุระฉันก็จะกลับบ้าน ฉันไม่เอาเงินไปทิ้งกับศูนย์อาหารนรกนั่นอีกแล้ว”
“เอ..น่าเสียดาย ถ้ากินข้าวด้วยกันเยอะๆ คงจะน่าอร่อยกว่านี้แท้ๆ” ครอสซ์ทำคอตกแสดงความผิดหวังเล็กน้อย
“อืม..ร้านการ์ดสินะ เมื่อวานฉันก็ยังไม่ได้แวะไปเลย” ไลท์พูด
“ก็เป็นแค่ที่ที่มีการ์ดลงทุนขาย ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่านั้นหรอก” แจ๊สเปอร์กล่าว
“ฉันลองไปดูบ้างดีกว่า”
“อ๊ะ! ฉันไปด้วย” ครอสซ์ยกมือ
“นายไปมาแล้วไม่ใช่เรอะ!” X2
“พาเพื่อนไปสถานที่ที่ไม่เคยไปก็เป็นหน้าที่ของเพื่อนเหมือนกัน!”
“ก็บอกแล้วไงว่าไม่ใช่เพื่อน..อา แล้วแต่เถอะ” ไลท์คร้านจะพูด ก่อนจะหันไปมองแจ๊สเปอร์ ครอสซ์ที่อาสาไปเองก็ว่าไปอย่างแต่อีกฝ่ายคิดอย่างไรเขาไม่รู้ พอชายผมเทาสังเกตสายตาของไลท์ก็รับรู้ได้ทันทีเลยพูดออกมา
“พูดไปก็กระไรอยู่ แต่นอกจากครอสซ์แล้วฉันก็ไม่รู้จักคนอื่นเลย กลับไปอีกรอบก็ดีเหมือนกัน”
“อืม” ไลท์พยักหน้า
‘จะว่าไปเราก็ไม่รู้จักใครอื่นเลยนอกจากครอสซ์นี่นะ’
หลังจากนั้นทั้งสามก็พากันไปร้านขายการ์ด
ร้านขายการ์ดมีขนาดที่กว้างสามารถบรรจุลูกค้าได้พร้อมกันประมาณสามถึงห้าร้อยคนในเวลาเดียวกัน เรียกว่าเป็นห้างขนาดย่อมเลยก็ว่าได้
สินค้าที่วางขายมากกว่า80%คือการ์ดลงทุนที่เป็นหนึ่งในพลังรบสำคัญของโบรกเกอร์ ที่เหลือประกอบไปด้วยอุปกรณ์เสริม เช่น เสื้อผ้า เครื่องประดับ ยาชูกำลังและอื่นๆ ภายในประดับประดาไปด้วยตู้กระจกโปร่งใสทนทานสูงขนาดเอาปืนมายิงยังไม่มีรอยร้าว ป้องกันการโจรกรรมทุกรูปแบบ
ไลท์ที่ก้าวเข้ามาเป็นครั้งแรกเป็นต้องผิวปากให้แก่ความสะอาดและความเรียบง่ายแต่มีระดับ แอร์เย็นสบายและกลิ่นที่ให้ความรู้สึกเหมือนกับหลุดมาในร้านขายเพชรไม่มีผิด
“ดูเป็นของมีราคาจริงๆ นะ การ์ดพวกนี้” ไลท์กุมคางและเอ่ยตามออกมาที่คิด แจ๊สเปอร์พยักหน้าให้ก่อนจะกล่าวขึ้น
“รายละเอียดไปถามกับพนักงานขายเอาจะดีกว่า”
“เข้าใจแล้ว”
“แจ๊สเปอร์! มาคุยเรื่องการ์ดต่อจากเมื่อกี้กันดีกว่า! ดูสิๆ การ์ดใบนี้ดูเท่สุดๆไปเลยว่าไหม มันน่าจะเก่งมาก มันมีความสามารถยังไงเหรอ” ครอสซ์เอาหน้าแนบติดกระจกเมื่อเห็นการ์ดใบหนึ่งที่เป็นนักรบสวมเกราะโบราณกำลังยืนบนขอบผาพร้อมแผ่รัศมีความน่าเกรงน่าชื่นชม ชายผมเทาได้แต่ยิ้มแล้วถอนหายใจเล็กๆ
“ก็กะไว้แล้ว”
“ฮะๆๆ นายเองก็แปลกคน ถ้าไม่อยากทำก็ปฏิเสธไปก็ได้”
“ไม่หรอก ก็เป็นคนสนุกสนานดี” แจ๊สเปอร์ยิ้มจางๆ หนึ่งทีก่อนจะเดินไปหาครอสซ์เพื่อคุยเล่นกันต่อ ไลท์ยักไหร่เบาๆ หนึ่งทีแล้วเดินไปหายังหนึ่งในพนักงานขายเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติม แม้จะรู้จากเมซูลมาแล้วแต่เขาก็อยากได้ยินจากปากของคนอื่นบ้างเพื่อความแน่ใจ
ไลท์เดินตรงมาหาพนักงานหญิงคนหนึ่ง เธอจึงรีบทำหน้าที่ของตัวเองในทันที
“ยินดีต้อนรับค่ะนายท่าน มีอะไรให้ดิฉันรีบใช้หรือคะ”
“ฉันอยากได้ข้อมูลเกี่ยวกับการ์ดลงทุนเพิ่ม”
“ทราบแล้วค่ะ” พนักงานหญิงยิ้มให้หนึ่งทีก่อนจะสะบัดมือเรียกแผ่นกระดาษออกมาให้ดู ในนั้นประกอบไปด้วยแผงข้อมูลที่จำเป็นต่อการใช้งานการ์ดลงทุน
“การ์ดลงทุนแบ่งออกเป็นห้าประเภทใหญ่ค่ะ อันประกอบไปด้วย Summon Card(การ์ดอัญเชิญ) Ability Card (การ์ดความสามารถ) Attack Card (การ์ดจู่โจม) Weapon Card (การ์ดอาวุธ) Trap Card (การ์ดกับดัก) แต่ตอนเป็นชิพเตอร์จะอนุญาตให้ใช้แค่สามชนิดแรกเท่านั้นค่ะ และนี่คือสองชนิดที่เหลือ”
หลังพูดจบเธอหยิบการ์ดสองใบออกมาเป็นตัวอย่าง ใบหนึ่งมีภาพของอาวุธหนึ่งชิ้นในขณะที่อีกใบมีรูปภาพคล้ายกับคนกระโดดร่ม
“การ์ดอาวุธกับการ์ดกับดักใช้งานง่ายไหม”
“การ์ดอาวุธไม่ยากค่ะ แต่การ์ดกับดักมีเงื่อนไขการใช้งานที่ยุ่งยาก ต้องมีการเตรียมการล่วงหน้าจึงหยิบมาใช้ในทันทีไม่ได้จึงไม่เป็นที่นิยม แต่มีความสามารถแฝงที่ซับซ้อนเหมาะต่อการพลิกแพลง คนที่ใช้การ์ดกับดักได้คล่องจะถูกนับเป็นโบรกเกอร์มือฉมัง”
“เข้าใจแล้ว..ยกตัวอย่างวิธีใช้ให้ฟังหน่อยได้ไหม”
“ค่ะ การ์ดอาวุธคือการ์ดที่จะเรียกอาวุธออกมาใช้งาน ไม่ว่าจะให้มอนสเตอร์หรือโบรกเกอร์ก็ใช้ได้ ส่วนการ์ดกับดักจะมีเงื่อนไขเขียนเอาไว้อยู่ค่ะว่าสามารถใช้งานในสถานการณ์ใดได้บ้าง แถมต้องเสียบการ์ดรอนับถอยหลังตามที่กำหนดถึงจะเริ่มใช้งานได้อีกด้วย” พนักงานหญิงหยิบการ์ดกับดักหนึ่งใบออกมาให้ไลท์ได้ดู
Trap Card : วิชานินจาสลับร่างจักจั่นลอกคราบ 10,500 Coin Time:120 Second
เงื่อนไข: ใช้งานเมื่อการโจมตีกำลังเข้าถึงในระยะ1.5เมตรและมีสิ่งมีชีวิตอื่นที่ได้รับการสัมผัสโดยมือของผู้ใช้การ์ดภายในเวลา60วินาทีก่อนใช้งาน
คุณสมบัติ:สลับตำแหน่งกับสิ่งมีชีวิตที่ได้ทำการสัมผัสในระยะเวลาไม่เกิน60วินาทีก่อนใช้งาน
“พู่..แบบนี้เอง”
“โบรกเกอร์ต้องเสียบการ์ดในช่องใช้งานแล้วนับถอยหลังจนกว่าจะครบ120วินาทีค่ะ ต่อให้เงื่อนไขของการ์ดจะครบแต่ถ้ายังไม่ครบ120วินาทีการ์ดก็ยังไม่สามารถใช้งานได้”
“อืมๆ”
“ไม่ทราบมีคำถามอะไรอีกรึเปล่าคะ?”
“นิดหน่อย ช่วยอธิบายเกี่ยวกับความหายากของการ์ดจะได้รึเปล่า”
“ยินดีค่ะ” พนักงานหญิงเอ่ยยิ้มก่อนจะเริ่มอธิบายให้ไลท์ได้ฟัง
“การ์ดจะมีระดับความหายากอยู่ค่ะ ยิ่งหายากเท่าไหร่ราคาที่ใช้งานก็สูงไปด้วย ยิ่งราคาที่ใช้งานสูงเท่าไหร่ประสิทธิภาพก็มากตามไปด้วยเท่านั้น แบ่งระดับความหายากทั่วไปได้ห้าระดับค่ะ ได้แก่ธรรมดา(Normal)หายาก(Rare) หายากมาก(Super Rare) หายากพิเศษ(Super Special Rare) และระดับสูงสุดอย่างการ์ดอัลติเมท(Ultimate Rare) และนี่คือแผงผังราคาของแต่ละระดับความหายากค่ะ”
Normal: 100 -10,000 Coin
Rare: 10,000 – 100,000 Coin
Super Rare: 100,000 – 1,000,000 Coin
Super Special Rare: 1,000,000 – 10,000,000 Coin
Ultimate Rare: 10,000,000 Coin – Unlimited
“โฮ” ไลท์พ่นลมหายใจออกมาเมื่อเห็นตัวเลขเบื้องหน้า
“มีส่วนไหนที่ไม่เข้าใจหรือเปล่าคะ?”
“ไม่เลย ฉันขอดูการ์ดให้มากกว่านี้หน่อย”
“ด้วยความยินดีค่ะ” พนักงานหญิงยิ้มก่อนจะเริ่มถามคำถามไลท์ว่าต้องการการ์ดแบบใด เธอจึงสามารถแนะนำการ์ดออกมาได้อย่างตรงจุด แต่ก็ต้องสะอึกกับราคาของมัน
การ์ดลงทุนมีราคาแพงมาก แค่การ์ดระดับธรรมดาก็ถือว่าราคาสูงพอตัวในสายตาของเขา
“ราคาของการ์ดตามเฉลี่ยแล้วจะมากกว่าตัวเลขของราคาที่เรียกใช้งานประมาณ10-15เท่าค่ะ ยิ่งการ์ดใบไหนมีความสามารถดีและเป็นที่ต้องการสูง อาจถีบทะยานขึ้นถึง100-1,000เท่าได้”
“โอ้..” ไลท์ตะลึงจนตัวแข็งทื่อ เหมือนบอกเป็นกายๆ ว่าในอนาคตเขาอาจได้เสียเงินหลักล้านเพื่อซื้อแผ่นกระดาษเล็กๆ หนึ่งใบในไม่ช้า นั่นทำให้เริ่มทำใจแล้วว่าจากนี้วิถีชีวิตของตนเองคงเปลี่ยนไปตลอดกาลเป็นแน่แท้
“เอาเถอะ ถือซะว่าเป็นการลงทุนเพื่ออนาคต”
“ค่ะ! ถือซะว่าเป็นการลงทุนในอนาคต”
“ว่าแต่ที่นี่มีการ์ดขายทุกระดับเลยรึเปล่า”
“ไม่ค่ะ เรามีขายแค่ระดับธรรมดาถึงหายากมากเท่านั้น หายากพิเศษถ้าไม่ใช่ระดับห้างการ์ดที่อยู่ใจกลางของวอลสตรีทก็จะไม่มีขายค่ะ ส่วนการ์ดอัลติเมทไม่เคยหลุดออกมาขายเลยสักครั้งเดียว”
“สักครั้งเดียว?”
“ค่ะ การ์ดอัลติเมทมีมูลค่าสูงมาก ตั้งแต่Money Monster ถือกำเนิดขึ้นมามีเพียงแค่12ใบเท่านั้นการแลกเปลี่ยนเลยตกลงกันเป็นรายบุคคลไป มูลค่าซื้อขายครั้งล่าสุดที่เคยมีในบันทึกคือ 1,684,000,000,000 เหรียญค่ะ”
“เชี่ย! จะเยอะเกินจินตนาการไปแล้ว!”
“ถ้าเพื่อสร้างความได้เปรียบทางการต่อสู้ในระยะยาว ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าค่ะ พวกที่ครอบครองการ์ดอัลติเมทเฉลี่ยจะเป็นระดับมหาอำนาจตกร้อยละ100%ค่ะ”
“มีแต่พวกเทพเทวดาที่มีสินะ” ไลท์ยิ้มเจื่อนพยายามไม่ไปคิดถึงมัน เพราะถึงอย่างไรเขาก็ไม่คิดว่าตัวเองจะได้ครอบครองของที่มีมูลค่าสูงขนาดนั้นอยู่แล้ว
หลังจากรับรู้ถึงราคาที่ต้องจ่ายไลท์ก็ระมัดระวังในการเลือกซื้อมากยิ่งขึ้น เน้นเรื่องความจำเป็นเร่งด่วนและเงินในกระเป๋าด้วย เพราะหากเลือกการ์ดที่มีราคาการใช้งานสูงเกินไป จะต้องสูญเสียเงินจำนวนไม่น้อยทุกครั้งที่ต่อสู้ มีความเสี่ยงที่จะหมดตัวได้โดยไม่รู้ตัว
ตอนนี้ไลท์มีเงินสดอยู่ประมาณหลักล้านเหรียญ เพราะในตอนที่เขาทำสัญญากับมาม่อนเป็นครั้งแรกได้ทำการเป่ากรีดจำนวนนับร้อยหายกระจุยไปแบบไม่เหลือฝุ่น ทำให้ได้รับเงินปันผลมาจำนวนมหาศาลในเวลานั้น แต่เขาก็ไม่คิดจะซื้อการ์ดที่แพงมากนัก
‘เรายังอ่อนประสบการณ์ ขาดความรู้ ลองต่อสู้จริงไปสักพักแล้วหาสไตล์ตัวเองเจอค่อยมาหาซื้อการ์ดใหม่ก็ไม่สาย เลือกอันที่มันใช้พลิกแพลงและใช้งานได้จริง ราคาไม่แพงเยอะๆ ดีกว่า’
‘จริงสิ เมซูลแนะนำมาว่าให้มีสำรับสำรองใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉินด้วย เราควรซื้อการ์ดเพิ่มให้พอจะสร้างอีกสำรับหนึ่ง..’
สินค้าทั้งหมด52รายการ รวมราคา 3,458,741 เหรียญ
อา..ตัวเลขมันจ้าเหลือเกิน
ไลท์รู้สึกคล้ายกับร่างกายเบาหวิวราวกับภายในมันกลวงโบ๋ไปหมด มือไม้สั่นหยิบเอาบัตรMMCออกมาจ่ายเงินทั้งน้ำตา แม้จะรู้มาแล้วว่ามันคือการลงทุนแต่เงินจำนวนหลักล้านมันไม่ใช่น้อย ได้แต่กัดฟันจ่ายและนำการ์ดทั้งหมดที่มีเก็บเข้ากระเป๋าอย่างทะนุถนอม
“ขอบคุณที่ใช้บริการค่ะ”
“ครับ..” ไลท์เดินคอตกกลับไปหาครอสซ์กับแจ๊สเปอร์แต่ก็พบว่าสองหนุ่มไม่อยู่ในตำแหน่งเดิมอีกแล้ว เขาใช้สายตากวาดมองไปทั่วร้านพบว่าทั้งคู่เดินไปมุงดูอะไรสักอย่างที่หน้าตู้กระจกแห่งหนึ่ง เมื่อต่อมอยากรู้อยากเห็นทำงานจึงรีบเดินเข้าไปสมทบในทันที
“พี่สาวขา ลดราคาให้หนูเถอะนะ นะนะนะนะ” เสียงของเด็กสาวคนหนึ่งดังขึ้นท่ามกลางกองมุง
“ไม่ได้ค่ะ”
“ไม่ได้จริงๆ เหรอคะ..” เด็กสาวส่งสายตาอ้อนวอน เส้นผมสีทองอ่อนๆ ใบหน้ารูปไข่กับดวงตากลมโตสีมรกตให้ความรู้สึกคล้ายกับตุ๊กตาตัวน้อยๆ ที่ชวนให้อยากปกป้อง เมื่อรวมเข้ากับกิริยาที่เป็นสาวน้อยไร้เดียงสากลับเพิ่มอานุภาพความหลงใหลให้มากขึ้นเป็นทวี เพียงแต่..
“ไม่ได้ค่ะ” พนักงานหญิงปฏิเสธเสียงแข็งทั้งใบหน้าปั้นยิ้ม ทำให้เด็กสาวถึงกับแข็งทื่อไปด้วยความผิดหวัง
“แหง่! ขอร้องล่ะค่า ลดราคาให้หน่อยเถอะนะ หนูมีแค่นี้จริงๆ” เด็กสาวเริ่มโวยวายเป็นจังหวะเดียวกับที่ไลท์เดินมาถึงอย่างพอดิบพอดี ชายหนุ่มกระตุกคิ้วพร้อมมองภาพเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยอารมณ์หลากหลาย
“อ่าว มาแล้วเหรอ” แจ๊สเปอร์เอ่ยทักเมื่อสังเกตเห็นไลท์
“อืม หมดไปเยอะพอตัว”
“มีเงินซื้อด้วยเหรอ?”
“ก็พอมี”
“ดีจัง ฉันกับคนอื่นๆ แทบไม่มีเงินซื้อการ์ดเลย ไม่สิ ซื้อได้แต่น่าจะสิ้นเปลืองไปหน่อยล่ะมั้ง คนส่วนมากเลยพยายามต่อรองราคากัน”
“เหมือนเธอคนนั้นสินะ”
“ใช่ แต่เธอคนนี้ยืนต่อราคาแบบนี้มาจะชั่วโมงแล้ว”
“งั้นเหรอ”
“ไม่ใช่เรื่องของเราก็ปล่อยเลยตามเลยจะดีกว่า”
“ฉันเห็นด้วย”
ไลท์กับแจ๊สเปอร์พยักหน้าให้กันก่อนจะทำทีเป็นเดินจากไป แต่ก็มีเสียงหนึ่งฉุดให้ทั้งคู่ต้องหยุดซะงักฝีเท้าไว้ในทันที
“นี่เธอๆ ขาดเงินอยู่เท่าไหร่เหรอ”
เสียงอันไร้เดียงสาที่แสนจะคุ้นหู กระทบเข้าไปในโสตประสาทส่วนในของชายหนุ่มทั้งสองเข้าอย่างจัง สัญชาตญาณส่งเสียงเตือนร้องให้ทั้งคู่รับรู้ถึงความวายป่วงที่จะบังเกิดอีกในไม่ช้า แต่ถึงกระนั้นก็อดไม่ได้ที่จะเหลียวกลับไปมองที่ต้นทางเสียง
“ฉันมีเพื่อนอยู่สองคน รวมฉันด้วยน่าจะช่วยเธอได้”
‘เชี่ย! พวกฉันไม่ใช่เพื่อนแก’