Chapter 12 : ความเคลื่อนไหวของศัตรู
Chapter 12 : ความเคลื่อนไหวของศัตรู
เสียงกรี๊ดร้องดังขึ้นมาลั่นบ้าน
นั่นทำให้ผมรีบยกมือขึ้นมาปิดของรักของหวงอย่างว่องไว เมื่อรู้สึกตัวว่าช่วงล่างมันโล่ง ๆ เย็น ๆ ยังไงไม่รู้ ก็ใครจะไปรู้ล่ะ จะเตือนว่ามีขวดสบู่เหลววางไว้แถวนั้นก็ไม่ทันแล้ว อยู่ดี ๆ ไอรีนก็เตะจนหกล้มลื่นแล้วมากระชากผ้าเช็ดตัวผมไปแบบต่อหน้าต่อตา ผมก็เขินเป็นนะเฮ้ย !
ผมมองไปยังเจ้าตัวที่ตอนนี้ยังคงหลับตาปี๋อยู่ พยายามจะลุกขึ้นมาจากกองสบู่เหลวที่หกอยู่ตรงนั้น แต่ยิ่งพยายามยิ่งเลอะเทอะ พื้นก็ลื่น ตอนนี้เนื้อตัวเลอะเทอะไปหมดแล้วเนื่องจากเจ้าตัวยังคงหลับตาอยู่ แถมเนื้อตัวก็เปื้อนไปด้วยน้ำสบู่เหลวสีขาวจากการที่ล้มลงไปตอนแรก มันเลยยิ่งยุ่งไปกันใหญ่
“ไอรีน ระวังลื่นล้ม !”
ผมร้องเตือนเธอไปด้วยความหวังดี ไม่คิดว่าเธอจะสติแตกขนาดนี้ รีบดึงผ้าเช็ดตัวที่วางกองอยู่ที่พื้นขึ้นมาพันตัวด้วยความรวดเร็ว ก่อนเข้าไปช่วยดึงเธอขึ้นมา
“ใจเย็น ! ฉันไม่โป๊แล้ว ลืมตาได้ ๆ” ผมร้องออกไป มือทั้งสองข้างของไอรีนตอนนี้ไล่ทุบผมแบบไม่รู้ทิศรู้ทางเมื่อผมเข้าไปจับตัวเธอเอาไว้ ไอรีนค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาช้า ๆ ตอนนี้พวกเราเลยอยู่ในสภาพเกือบกอดกัน
“นายมันไอ้โรคจิต !” ไอรีนพูดขึ้นมาใส่หน้าผม ใบหน้าแดงเผือดจนเหมือนคนป่วยเป็นไข้ เจ้าตัวผลักผมให้ออกห่าง นี่ก็เกือบลื่นล้มตามไปแล้วเนี่ย
ส่วนไอ้โรคจิต ... ผมได้ยินคำนี้จนชินหูแล้วช่วงนี้ นั่นคงกลายเป็นฉายาใหม่ผมไปแล้ว
สิงโตหน้าหม้อกับเจ้าของกุญแจโรคจิต ... ให้ตายเถอะ ! ตลกพิลึก
“เธอดึงผ้าเช็ดตัวฉันไปเองนะไอรีน” ผมพูดแย้งไอรีนไป ขำขึ้นมาเบา ๆ
แต่ก่อนที่ทั้งผมและไอรีนจะได้พูดอะไรกันต่อ มินจุนก็โผล่พรวดวิ่งเข้ามาภายในห้อง ตามมาด้วยพ่อและฟินิกซ์ที่เดินขึ้นมาดูตามเสียงร้องของไอรีนที่กรี๊ดดังลั่นบ้าน
“เฮ้ย ! นี่น้ำอะไรเนี่ยวิน นายทำอะไรไอรีน” มินจุนพูดขึ้นมา มองหน้าผมกับไอรีนสลับกัน เจ้าตัวเดินเข้ามาในห้องตอนสภาพที่ผมกับไอรีนอยู่ในสภาพล่อแหลมสุด ๆ แถมตัวไอรีนก็โคตรเลอะเทอะไปด้วยน้ำสบู่เหลว
“สบู่เหลวหกไอ้มิน !” ผมรีบร้องบอกมินจุนไป พร้อมชี้ไปทางขวดสบู่เหลวที่กลิ้งไปหลบอยู่ใต้เตียง เมื่อเห็นหมอนั่นอมยิ้มแปลก ๆ แบบมีเลศนัย ดูก็รู้ว่าคิดอะไรอยู่ หลัง ๆ มาผมไม่ได้เรียกชื่อของมินจุนสองพยางค์แล้ว รู้สึกว่าเสียเวลา เลยตั้งชื่อหมอนั่นว่ามินไปเลย
“ไอรีนค่อย ๆ เดินนะ ระวังลื่น” ผมร้องเตือนเธออีกครั้ง ที่ตอนนี้เจ้าตัวพยายามเดินหนีหน้าทุกคนออกไปจากห้องผมเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า ทั้งห้องตอนนี้เลยเหลือแค่ผมที่ตกเป็นจำเลยสายตาของพ่อ มินจุนและฟินิกซ์ที่มองผมมาประมาณว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมไอรีนถึงกรี๊ดร้องและออกไปในสภาพแบบนั้น
“มันไม่มีอะไรน่าทุกคน ไอรีนเข้ามาตามผมแล้วบังเอิญเตะขวดสบู่เหลวลื่นล้มก็แค่นั้นเอง” ผมพูดออกไป
“เดี๋ยวไปแต่งตัวก่อนนะครับ ออกจากห้องผมกันไปได้แล้ว”
พูดจบผมก็รีบไปดันตัวทั้งสามคนให้ออกไปจากห้องส่วนตัวทันที ดีนะที่ไอ้สิงโตเผือกไม่อยู่ด้วย ถูกพ่อผมใช้ไปซื้อของกับอควาเรียสตั้งแต่หลังจากที่ปลุกผมตื่น ไม่งั้นผมคงโดนแซวอีกแน่ ๆ
เฮ้อ ...
ผมเดินลงมาจากชั้นบนของบ้าน ทุกคนก็นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารกันหมดเรียบร้อยแล้ว รวมถึงไอรีนด้วย เจ้าตัวตอนนี้อยู่ในชุดใหม่เรียบร้อย ผมเลยเดินไปนั่งที่เก้าอี้ประจำของตัวเองข้าง ๆ มินจุน โดยมีไอรีนนั่งอยู่ตรงกันข้าม สายตาของไอรีนเลี่ยงมองไปทางอื่น ไม่มองหน้าผมเลย พอก้มลงมองอาหารเช้าวันนี้ก็เจอกับไข่ข้น ขนมปังปิ้ง และไส้กรอกเยอรมันของโปรดของผมวางอยู่ในจานหลายชิ้นหลายขนาด
“เมื่อกี้เจ้าวินมันแกล้งอะไรหนูไอรีนหรือเปล่า ลุงขอโทษแทนเจ้าวินมันด้วยนะ” พ่อผมพูดขึ้นมากับไอรีน ก่อนหันมามองผมเป็นเชิงตำหนิ พ่อนะพ่อ ผมจะไปแกล้งอะไรไอรีนได้ล่ะ เห็นลูกชายตัวเองเป็นคนยังไงเนี่ย
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ” ไอรีนตอบพ่อผมกลับไป
“ว่าแต่ไอรีน ชอบกินไส้กรอกหรือเปล่า ของโปรดเจ้าวินเลยล่ะ” พ่อผมพูดต่อ
เท่านั้นแหละ ...
“แค่ก ๆ”
ไอรีนไอสำลักออกมาทันทีที่พ่อของผมถามจบ จนฟินิกซ์ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ รีบรินน้ำใส่แก้วเทส่งให้ สงสัยยังคงมีภาพติดตาอยู่แน่ ๆ
จากผู้หญิงที่ผมเคยเห็นในวันนั้น วันที่เธอเดินเข้ามาภายในร้านด้วยใบหน้านิ่ง ๆ มีแววตาเศร้า ดูลึกลับน่าค้นหา เป็นผู้หญิงที่ถ้ามองภายนอกก็จะดูเหมือนเป็นคนหยิ่ง ๆ เข้าถึงได้ยาก มีกำแพงสูงเพื่อกันคนทั่วไปออกจากตัว แต่ถ้ามองลึกลงไปและรู้จักไอรีนมากยิ่งขึ้น ผมว่าเธอก็ไม่ต่างอะไรจากผู้หญิงขี้เหงาคนหนึ่งเลย ตอนนี้ไอรีนกลับกลายเป็นผู้หญิงน่าแกล้งสำหรับผมไปแล้ว ยิ่งใบหน้านิ่ง ๆ นั้นมีสีหน้าแสดงอารมณ์เหมือนคนปกติทั่วไป ผมก็ยิ่งอารมณ์ดีมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมที่ทำให้เจ้าตัวเป็นแบบนั้นได้
ไม่รู้สิ ...
ผมชอบเห็นเธอมีชีวิตชีวามากกว่า เพราะมันดูน่ารักกว่าเดิมเยอะเลย
ไม่อยากเห็นเธอเป็นคนไม่มีความรู้สึกเหมือนอย่างที่เจ้าตัวชอบแสดงให้คนอื่นเห็น ...
ผมส่งยิ้มขำให้เธอ เจ้าตัวเงยหน้ามาสบตาผมพอดีก็ส่งค้อนวงโตมาให้ ...
ก็ได้แต่หวัง ว่าเธอจะชอบอาหารเช้าบ้านผมนะ ...
อีกหนึ่งเมืองที่อยู่ห่างออกไปจากร้านกาแฟของการันต์ไม่เท่าไร
ภายในคอนโดหรูแห่งหนึ่งบนชั้นที่สูงที่สุด ร่างของชายคนหนึ่งกำลังนอนแช่ตัวอยู่ในอ่างจากุซซี่วงกลมขนาดใหญ่ ใบหน้าของเขามองตรงออกไปยังกระจกใสบานใหญ่ที่เผยให้เห็นถึงวิวด้านนอกของตัวคอนโดถึง 180 องศา ตึกและบ้านเรือนต่าง ๆ กลายเป็นเพียงสิ่งก่อสร้างขนาดเล็กเมื่อขึ้นมาอยู่บนที่สูงขนาดนี้แล้วมองลงไป ชายหนุ่มค่อย ๆ หลับตาลงอย่างผ่อนคลาย กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของเทียนหอมระเหยที่วางไว้รอบ ๆ ช่วยเขาเอาไว้ได้มาก
พนักงานผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาภายในห้องนั้นพร้อมกับรถเข็น ถังน้ำแข็งและขวดแชมเปญที่ถูกแช่อยู่ภายในถูกตั้งอยู่บนรถเข็นอันนั้น ไม่นานของเหลวสีทองก็ถูกเทลงในแก้วด้วยมือเรียวของพนักงานหญิงที่เดินเข้ามา ก่อนแก้วแชมเปญจะถูกยื่นส่งให้กับชายหนุ่มที่นอนแช่ตัวอยู่ในอ่างจากุซซี่
ชายหนุ่มลืมตาขึ้นมาเหมือนรู้ตัวก่อนหยิบแก้วแชมเปญนั้นมาถือเอาไว้แต่ไม่ได้ดื่ม เขาหันไปมองพนักงานสาวหน้าตาดีที่ค่อย ๆ ถอดชุดยูนิฟอร์มของตัวเองออกทีละชิ้น จนท้ายที่สุดก็เหลือแต่ร่างกายเปลือยเปล่าเช่นเดียวกันกับเขา ดาวตาเรียวยาวจ้องมองมาที่ชายหนุ่มอย่างเย้ายวน ก่อนร่างนั้นจะค่อย ๆ ก้าวเท้าเดินลงมาในอ่าง มือเรียวแตะลงไปที่แผงอกของชายหนุ่มที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามอย่างแผ่วเบาราวกับขนนก เจ้าตัวขยับเข้ามาใกล้เขาเรื่อย ๆ เหมือนงูที่กำลังเลื้อยอยู่บนตัว
จนในที่สุดใบหน้าของทั้งคู่อยู่ห่างกันแค่คืบ สายตาประสานกันราวกับต้องมนต์สะกด ก่อนริมฝีปากอวบอิ่มนั่นจะเข้ามาจู่โจมเขาเป็นฝ่ายเริ่มเกม ชายหนุ่มไม่ได้ขัดขืนอะไร ปล่อยเนื้อปล่อยตัวไปตามสัญชาตญาณ
แวบหนึ่ง ดวงตาเรียวยาวคู่นั้นของหญิงสาวก็สะท้อนออกมาเป็นสีทอง มือหนาจับร่างที่อยู่ด้านบนตัวเองพลิกตัวเป็นฝ่ายอยู่ด้านล่างแทน มือของเขาเริ่มเลื้อยไปเป็นฝ่ายคุมเกมเพื่อตอบสนองความต้องการของตัวเอง ฝ่ายหญิงยกยิ้มขึ้นมาอย่างพอใจเหมือนทุกอย่างกำลังเป็นไปตามแผน ไม่นานบทเพลงรักของทั้งสองคนก็เริ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ร่างของชายหนุ่มหลับไปแล้วในอ่างจากุซซี่อย่างผ่อนคลาย หญิงสาวค่อย ๆ แสยะยิ้มออกมามองร่างที่หลับใหลไม่รู้เรื่อง นิ้วมือเรียวเอื้อมขึ้นมาแตะที่ใบหน้าของชายหนุ่มวนไปวนมา แต่ดูเหมือนเขาจะไม่รู้สึกตัวอีกแล้ว
ง่ายเสียยิ่งกว่าปอกกล้วย ...
ร่างของหญิงสาวมีออร่าสีทองแผ่ออกมารอบตัว ก่อนไม่นานจะปรากฏเป็นดวงไฟสีทองที่ลอยออกมาจากร่างนั้นเหมือนมีอะไรสิงอยู่ในร่างของเธออยู่ ดวงไฟสีทองค่อย ๆ กลายเป็นสนุขจิ้งจอกเพศเมียตัวหนึ่งที่ยืนมองเธออยู่ด้านนอกของอ่าง ร่างเปลือยเปล่าของหญิงสาวค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนก่อนเดินออกมาจากอ่างจากุซซี่อันนั้น ทิ้งไว้แต่ชายหนุ่มที่นอนอยู่เพียงลำพัง
“ขอบใจมากนะ Vulpecula [วูลเพคคูล่า] ที่มอบพลังให้กับฉัน เธอจัดการกับหมอนั่นได้แล้ว” หญิงสาวพูดพร้อมบอกภูติดวงดาวที่เป็นสุนัขจิ้งจอกของตนเอง
ดวงตาสีทองของสุนัขจิ้งจอกแวววาวขึ้นมาเหมือนรับรู้ ฟันสีขาวคมกริบถูกเผยให้เห็นพร้อมกับร่างสุนัขจิ้งจอกพร้อมที่จะกระโจนเข้าไปเพื่อขย้ำเหยื่อ
หญิงสาวมองไปรอบห้องนั้น มองหาไม่นานก็เห็นกุญแจดอกสีทองดอกหนึ่งวางอยู่ที่บริเวณหนึ่งบนโต๊ะสีขาว ด้ามจับของกุญแจดอกสีทองเป็นสัญลักษณ์ของจักรราศีเมษ
ใช่แล้ว นี่คือกุญแจจักรราศีของแอรีส…
ขณะที่มือเรียวกำลังจะเอื้อมไปหยิบกุญแจดอกสีทองดอกนั้นขึ้นมา เสียงเหมือนสัตว์ป่าที่กำลังบาดเจ็บก็ร้องดังโหยหวนขึ้น หญิงสาวตกใจรีบหันกลับไปมองว่าเกิดอะไรขึ้นกับภูติดวงดาวของตนเองทันที
ภาพที่เห็นคือเด็กชายที่มีเขาแพะงอกออกมาบนหัวคนหนึ่งกำลังยืนเหยียบอยู่บนร่างสุนัขจิ้งจอกภูติดวงดาวของเธอ พร้อมแสยะยิ้มมองตรงมา ทั้งห้องตกอยู่ในสภาพสนามโน้มถ่วงแรงสูงที่แม้แต่เธอก็แทบจะขยับตัวไปไหนไม่ได้ ขากำลังก้าวเท้าตรงไปเพื่อจะหาทางจัดการกับผู้ถือครองกุญแจจักรราศีอย่างยากลำบาก
แต่เมื่อมองออกไปยังตรงนั้น ชายหนุ่มที่เคยนอนหลับใหลอยู่ในอ่างจากุซซี่ได้หายไปแล้ว ...
หายไปไหน ความกลัวเกิดขึ้นมาทันที ...
ระหว่างที่หญิงสาวมองไปยังรอบ ๆ ด้วยความหวาดระแวง เบื้องหลังของเธอกลับปรากฏเป็นร่างของคนที่เคยนอนหลับไม่รู้เรื่องอยู่ในอ่างจากุซซี่ ดวงตาคมมองไปยังลำคอขาวเนียนของคนตรงหน้าเหมือนสิงโตเห็นเหยื่อ บนมือขวามีดาบซามูไรด้ามยาวคมกริบเตรียมพร้อมจะตวัดไปยังเป้าหมาย ไม่ต่างอะไรจากมัจจุราชที่พร้อมจะปลิดชีพเหยื่อในทันที
“พี่สาวเล่นแบบนี้สนุกดีนะครับ เอ๊ะ ! พี่สาวระวังข้างหลังครับ” เสียงของภูติดวงดาวที่มีชื่อว่าแอรีสดังขึ้นมา ดวงตาสีแดงฉานจ้องมาเหมือนกำลังสนุกเต็มที่กับภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่คนถูกเตือนกลับดูไม่สนุกเลยสักนิด
แต่เหมือนคำเตือนนั้นจะบอกช้าไป ดาบซามูไรที่ปลายคมกริบเป็นออร่าสีแดงก็ตวัดมายังคอของหญิงสาวคนนั้นอย่างรุนแรงจากฝีมือของคนที่ยืนอยู่ทางด้านหลังด้วยใบหน้านิ่งเรียบ ดวงตาเรียวของหญิงสาวเบิกกว้างอย่างคาดไม่ถึง มันเป็นความเจ็บปวดที่รวดเร็วเกินกว่าเธอจะตั้งตัวทัน ไม่มีโอกาสแม้กระทั่งเปล่งเสียงร้องออกมาจากริมฝีปาก เลือดไหลสาดกระเซ็นไปทั่วทั้งห้อง กระจกใสแดงฉานเปรอะไปด้วยเลือดที่กระเด็นใส่ ก่อนร่างเปลือยเปล่าของหญิงสาวที่ไร้หัวจะล้มตัวลงไปในอ่างจากุซซี่ เลือดไหลออกมาจนเหมือนท่อประปาแตก น้ำภายในอ่างกลายเป็นสีแดงเผือดอย่างรวดเร็ว
ร่างของภูติดวงดาวจิ้งจอกที่อยู่ภายใต้เท้าของเด็กชายค่อย ๆ แตกสลายไปตามร่างของเจ้านายตนที่เพิ่งไร้ลมหายใจไปเมื่อสักครู่ ทิ้งไว้เพียงละอองสีทองที่กระจายไปทั่วห้องก่อนจะค่อย ๆ จางหายไป
บนมือขวาของชายหนุ่มหิ้วหัวของผู้หญิงคนนั้นขึ้นมามอง สายตาจับจ้องไปยังดวงตาที่ยังไม่ปิดสนิทก่อนพูดขึ้นมา
“นังจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ คิดหรอว่าฉันไม่รู้ว่าเธอต้องการอะไรหลังจากมาสอดแนมฉันอยู่หลายวัน ภูติระดับต่ำแบบนั้นจะทำอะไรฉันได้”
พูดจบก็โยนหัวของผู้หญิงคนนั้นทิ้งลงไปในอ่างจากุซซี่ก่อนเกิดเสียงดังตู้มขึ้นมาจากการที่หัวของหญิงสาวกระทบกับน้ำภายในอ่าง
“ฉันต้องอาบน้ำใหม่อีกแล้วแอรีส” ชายหนุ่มพูดขึ้นมา หันมองไปยังเด็กชายที่มีเขาเป็นแพะสูงเพียงเอวของเขาที่เดินมาใกล้พร้อมกอดขาแน่นอย่างเป็นห่วง
“ฮิโรชิ นายไม่เป็นอะไรนะ” เด็กชายตัวน้อยพูดขึ้นมา
“ฉันโอเค ก็แค่พวกเหลือบไรที่มันเข้ามากวนใจแค่นั้นเอง ออกแรงนิดหน่อยแต่ก็ได้กำไร” ฮิโรชิพูดยิ้ม ๆ พร้อมเอามือไปขยี้หัวเด็กชายตัวน้อยอย่างเอ็นดู มือหนาของเขาค่อย ๆ หยิบคอนเทคเลนส์ใสทั้งสองข้างออกจากดวงตาก่อนโยนมันทิ้งลงไปในถังขยะภายในห้องนั้น พร้อม ๆ กับที่ได้ยินเสียงสัญญาณการติดต่อดังมาจากภายในห้องนอนพอดี
เวทมนตร์กระจอก แค่มองตาแล้วคิดว่าฉันจะติดกับง่าย ๆ งั้นหรอ
ฮิโรชิเดินออกมาจากบริเวณนั้นที่เต็มไปด้วยภาพไม่น่ามอง เขาตรงไปยังห้องนอนของตัวเองเมื่อได้ยินเสียงสัญญาณการติดต่อที่ดังขึ้นมาอยู่สักพัก เสื้อคลุมสีขาวลอยมายังตัวของฮิโรชิก่อนเขาจะหยิบมันขึ้นมาสวมทับบนร่างกายเอาไว้ ชายหนุ่มใช้คำสั่งเสียงตอบรับการติดต่อ ก่อนจะมีเสียงจากปลายสายพูดออกมา
“ฮิโรชินายทำอะไรอยู่ กว่าจะรับสายฉันได้” ปลายสายดังขึ้นพูดกับเขาแบบเหมือนรอให้เขารับนานมาก ทั้ง ๆ ที่เมื่อกี้กว่าเขาจะรับ ก็ไม่ได้ปล่อยให้รอเกินหนึ่งนาทีด้วยซ้ำ
“ว่าไงเฉิน พอดีฉันมีปัญหาอะไรนิดหน่อยนะ แต่ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้ว” ฮิโรชิพูดออกไป
“ฉันมีข่าวดีจะบอกนาย” เฉินพูดต่อด้วยน้ำเสียงร่าเริง
“ข่าวดีอะไร” เจ้าตัวถามกลับคนที่จะบอกข่าวดี
“นิโคลได้ข่าวของมินจุนแล้วว่ามันอยู่ที่ไหน” ปลายสายพูดตอบกลับมา
“งั้นหรอ” ฮิโรชิพูดออกมาเบา ๆ เหมือนพูดกับตัวเองพร้อมกับรอยยิ้ม
“ใช่ คราวนี้มันจะหนีรอดไปอีกไม่ได้แน่ ๆ พวกเราต้องได้กุญแจจักรราศีของมันทั้งสองดอก”