บทที่ 10 : ศัตรูผู้ไร้เทียมทาน
บทที่ 10 : ศัตรูผู้ไร้เทียมทาน
“เทียแมท!!” กิลเลนเผลอร้องเสียงหลงด้วยความตระหนก เจ้าแวนเดียร์สีดำและลวดลายสีแดงที่เขากำลังมองผ่านหน้าจอแสดงผล มันมีรูปร่างหน้าตาเหมือนตัวที่เขาเห็นในความฝันไม่มีผิดเพี้ยน
“เทียแมทงั้นรึ” แพทริคขยับแว่นขณะที่มองกิลเลนด้วยความฉงน เขาค้นข้อมูลเกี่ยวกับแวนเดียร์มาจนละเอียด ถึงจะเคยมีการกล่าวถึงแวนเดียร์ระดับบอสที่มีชื่อนี้ในฐานข้อมูล แต่ว่าก็ไม่เคยมีการบันทึกภาพของมันได้มาก่อน แล้วเหตุใดกิลเลนถึงรู้ว่ามันคือเทียแมทกันล่ะ
ไม่ใช่แพทริคเท่านั้นที่สงสัย สายตาแห่งความไม่ไว้ใจถูกส่งมาจากหลาย ๆ คนรอบตัว กิลเลนต้องแก้ตัวแบบน้ำขุ่น ๆ ว่าเขาเดาว่ามันน่าจะใช่เทียแมทเมื่อเทียบจากข้อมูลที่เขารู้
แมดเดอลีนจ้องมองกิลเลนอย่างพินิจวิเคราะห์ เธออยากจะสอบสวนเขาให้รู้เรื่องรู้ราวมากกว่านี้ แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะทำแบบนั้นแล้ว ดิกนิตีกำลังจะถูกโจมตีในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้แล้ว
“เอาล่ะ ไม่มีเวลาแล้ว ไปรวมตัวกันที่ดาดฟ้าเรือ พวกเราจะโจมตีมันด้วยวอร์เบิร์ด เอ้า! ทุกคนวิ่ง!”
วอร์เบิร์ดที่แมดเดอลีนพูดถึงคือพาหนะสงครามขนาดเล็ก มันมีรูปร่างเหมือนวอเตอร์คราฟที่ออกแบบให้บินได้อย่างอิสระบนท้องฟ้า มีที่นั่งสองที่คือด้านหน้าและด้านหลัง นักบินที่นั่งหลังนอกจากจะทำหน้าที่ควบคุมปืนพลาสมาลำโตที่ติดอยู่ด้านข้างของยานแล้วก็ยังสามารถสลับมาเป็นคนควบคุมแทนนักบินหลักได้อีกด้วย
“จะไหวรึเนี่ย ก่อนหน้านี้เคยฝึกขับมันวนรอบดิกนิตีเท่านั้นเอง ภารกิจจำลองสำหรับวอร์เบิร์ดก็เพิ่งจะได้ทดลองไปไม่กี่วันที่ผ่านมา แล้วนี่จะให้ใช้มันรบกับแวนเดียร์ระดับบอสเนี่ยนะ” ผู้ถูกเลือกที่วิ่งตามกิลเลนมาบ่นขึ้น กิลเลนเห็นเขากำลังคุยกับชายหนุ่มผิวซีดที่เคยสร้างผลงานหยุดฮีทบลาสต์ของนิดฮอก
ปีเตอร์ ตันนั่นเอง เมื่อเห็นเขา มันก็ทำให้กิลเลนนึกบางอย่างขึ้นมาได้ เขาชะลอฝีเท้าลงจนวิ่งขนานกับปีเตอร์จากนั้นจึงพูดบางสิ่งออกไป
“นายรู้ได้ยังไง” ปีเตอร์จ้องหน้ากิลเลนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเคลือบแคลง
“เอาเป็นว่า ถ้าเกิดเรื่องขึ้นจริง ก็ฝากด้วยก็แล้วกัน” กิลเลนเลี่ยงไม่ตอบคำถาม
บริเวณดาดฟ้าเรือ วอร์เบิร์ดทั้งยี่สิบลำถูกจอดไว้ในสภาพที่พร้อมออกตัวได้ทุกเมื่อ พวกกิลเลนมาถึงในจังหวะที่หุ่นยนต์ซ่อมบำรุงตรวจสอบความพร้อมของมันเสร็จพอดี
เสียงดังจากปืนใหญ่พลาสมาที่ถูกติดตั้งอยู่โดยรอบดิกนิตีดังสนั่นไปทั่วทั้งยาน จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงดังโครมอย่างรุนแรงจนรู้สึกได้ว่ายานเอียงไปเล็กน้อย ทุกคนรับรู้ในตอนนั้นทันทีว่าเทียแมทได้มาถึงแล้ว
กิลเลนและบากะอินุกระโดดขึ้นยานอย่างพร้อมเพรียง เขาไม่รอช้าที่จะเปิดใช้ฟังก์ชันใหม่ที่เพิ่งจะติดตั้งมาสด ๆ ร้อน ๆ
“กำลังทำการติดตั้ง โปรดรอสักครู่” เสียงดังออกมาจากชุดของบากะอินุ
“เดี๋ยวสิเว้ย มาติดตั้งอะไรตอนนี้ฟระ แบบนี้ก็เหมือนต้องขับคนเดียวสิเนี่ย ช่างมัน… ออกตัวทั้งแบบนี้นี่แหละ”
“โฮ่งงง” บากะอินุเข้าใจว่ากิลเลนชมมันจึงกระดิกหางรับด้วยความดีใจ
“วอร์เบิร์ดเดลตาทู ออกตัวล่ะครับ”
“ระบบทุกอย่างพร้อม อนุญาตให้ออกตัวได้ภายใน ห้า... สี่... สาม... สอง.. ออกตัวได้ค่ะ” เมื่อสิ้นเสียงโอเปอเรเตอร์ ตัวยึดยานกับดาดฟ้าก็ปลดออก จากนั้นยานก็ค่อย ๆ เคลื่อนที่ออกไปเองอัตโนมัติ
ภาพท้องฟ้าที่กว้างใหญ่ที่เห็นได้แทบจะรอบทิศชวนให้รู้สึกเสียวสันหลังแต่กิลเลนก็ไม่ได้สนใจมันเลยเพราะสายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่มังกรดำตาเดียวที่กำลังไล่ล่าวอร์เบิร์ดลำอื่น
ดวงอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้าในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า แต่มันก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อทั้งสองฝ่าย แวนเดียร์มองเห็นในที่มืดได้ดีขึ้นในสภาพที่มีแค่เพียงแสงจันทร์แบบวันนี้ ส่วนฝ่ายดิกนิตีต่อให้ไม่ใช้เครื่องมือตรวจจับ ลวดลายเรืองแสงสีแดงเพลิงที่อยู่รอบตัวของมันทำให้พวกเขาเห็นเทียแมทท่ามกลางความมืดไม่ยากเย็น
“ติดตั้งสำเร็จ ระบบจะทำการรีบูตใหม่”
“อ้าว เร็วกว่าที่คิดนี่นา รีบ ๆ รีบูตให้ไวเลย”
วอร์เบิร์ดของกิลเลนบินโฉบเข้าใกล้เทียแมทเพื่อสังเกตการเคลื่อนไหวของมัน ทั้งวิถีการเคลื่อนไหว ความเร็วและพละกำลัง ของมัน ยิ่งย้ำให้กิลเลนมั่นใจว่าเจ้าสิ่งนี้คือแวนเดียร์ตัวเดียวกับที่เขาพบในความฝัน
“ต้องกันให้ออกห่างจากดิกนิตีมากที่สุด”
เพราะเป้าหมายครั้งนี้ไม่ใช่การปะทะเพื่อเอาชนะ แต่เป็นการเก็บข้อมูลอีกฝ่าย จึงมีแค่กลุ่มแอลฟาของโอเวนเท่านั้นที่อยู่แนวหน้า ส่วนฝูงบินของวอร์เบิร์ดที่เหลือยังคงรอดูท่าทีไม่รีบเข้าปะทะ
“เร็วมาก เร็วจนล็อคเป้าไม่อยู่เลยค่ะ” กาซาเนียที่ทำหน้าที่ควบคุมการยิงรายงาน โอเวนที่ก็ยุ่งไม่ต่างกันเพราะต้องคอยควบคุมยานหลบการบินฉวัดเฉวียนของเทียแมท ที่หากเผลอแม้เสี้ยววินาทีก็อาจจะทำให้ยานของพวกเขาโหม่งโลก
“ต้องให้หน่วยอื่นเข้ามาช่วยแล้ว พวกเราโดยสอยร่วงหมดแน่”
ทีมบีตาและแกมมาที่รอจังหวะอยู่เมื่อได้รับคำสั่งจากดิกนิตี ยานทั้งแปดลำก็ยิงขีปนาวุธออกไปได้ทั้งหมด จรวดนำวิถีขนาดเล็กถึงสามสิบสองหัวพุ่งเข้ารวมศูนย์ใส่เทียแมท
เทียแมทรู้ว่าจรวดเหล่านั้นคืออะไร มันพุ่งแหวกอากาศและหมุนควงสว่าน แต่จรวดนำวิถีก็ยังไล่ล่าอย่างไม่ลดละ เมื่อเทียแมทบินสูงขึ้นมันก็หักเลี้ยวเก้าสิบองศาและพุ่งตามขึ้นไป เมื่อมันบินฉีกออกไปทางขวา จรวดทั้งหมดก็เลี้ยวตามโดยที่ความเร็วแทบไม่เปลี่ยนไปเลย
ทุกคนเริ่มมีความหวังเมื่อเห็นว่ามันไม่น่าจะสลัดหลุดได้ เมื่อมันบินจนอ่อนแรง สุดท้ายก็จะถูกจรวดไล่ตามจนทันและเป็นการปิดฉากการต่อสู้นี้
“เจ้านั่นเร็วได้มากกว่านี้… มันกำลังล่อให้จรวดไปทางอื่น” กิลเลนตะโกนรายงานไปยังดิกนิตีแต่ไม่ทันกาลแล้ว เทียแมทบินอ้อมเพรสทีจจนลับสายตาไป และโผล่ออกมาอีกครั้งพร้อมกับวัตถุสีดำบินได้จำนวนมาก
“บอลลูนไทป์!!” โอเวนตะโกนเสียงลั่น
พริบตาต่อมาบอลลูนไทป์ก็เริ่มเผาไหม้ตัวเอง ความร้อนที่เกิดขึ้นทำให้จรวดที่ตรวจจับความร้อนเปลี่ยนเป้าหมายไปที่พวกมัน จรวดแต่ละลูกพุ่งเข้าใส่บอลลูนไทป์ที่ต่างก็สละชีพเข้ามาขวาง จนในที่สุดขีปนาวุธทั้งหมดก็ถูกหยุดไว้ได้โดยที่เทียแมทไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน
“ของเล่นของพวกแก ทำได้แค่นี้เองเรอะ เจ้าพวกมนุษย์” เสียงของเทียแมทวิ่งเข้าสมองทุกคนโดยตรง มันกำลังสื่อสารกับพวกเขาแบบเดียวกับที่นิดฮอกเคยทำมาก่อน คลื่นทางจิตทำให้ทุกคนถึงกับปวดจี๊ดขึ้นสมอง มีแค่กิลเลนกับบากะอินุเท่านั้นที่ไม่ได้รับผลกระทบ
“มาลองดูของเล่นข้าบ้าง” สิ้นคำดวงตาเล็กจิ๋วเมื่อเทียบกับขนาดตัวก็เรืองแสงขึ้น กิลเลนที่รอจังหวะนี้มาตลอดได้เชื่อมการสื่อสารกับปีเตอร์ไว้ก่อนแล้ว
“ตอนนี้แหละ! กางบาเรียได้เลย”
หลายนาทีก่อนหน้านั้น ขณะที่กำลังวิ่งอยู่บนทางเดิน กิลเลนได้เข้าไปคุยกับปีเตอร์เกี่ยวกับสิ่งที่เขาเชื่อว่ากำลังจะเกิด
“เจ้านั่นสามารถยิงพลังงานเป็นเส้นตรงเหมือนเลเซอร์ได้ ระยะของมันไกลมากและมีพลังทะลุทะลวงสูง เราจะให้มันโดนดิกนิตีไม่ได้”
ปีเตอร์ทำท่าจะถามแต่กิลเลนก็รีบชิงพูดต่อ “ม่านพลังของนายสะท้อนพลังงานได้ทุกรูปแบบใช่ไหม ฉันอยากให้นายรอจังหวะนั้น ไม่ต้องเข้าประชิดมันก็ได้ แต่ขอให้ใช้เครื่องคำนวณวิถีการยิงโดยอิงจากสายตาของมัน”
“ตางั้นเหรอ”
“ใช่ตาเล็ก ๆ ตรงกลางหน้ามันนี่แหละ ยังไงนายก็อยู่กองหลังอยู่แล้ว ฝากดิกนีตีด้วยนะ”
“นายรู้ได้ยังไง”
“เอาเป็นว่า ถ้าเกิดเรื่องขึ้นจริง ก็ฝากด้วยก็แล้วกัน”
ปีเตอร์ไม่ได้เชื่อคำพูดของกิลเลนทั้งหมด แต่เขาก็ยอมคำตามคำขอ เขาตั้งโปรแกรมของวอร์เบิร์ดให้ช่วยคำนวณโดยอิงจากทิศทางการมองของเทียแมท แล้วสิ่งที่เขารอก็เกิดขึ้นจริง ๆ มันกำลังทำบางอย่างโดยมีเป้าหมายที่ดิกนิตี
เพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น ก่อนที่ลำแสงสีแดงจะพุ่งทะลุผ่านยานทั้งลำ มันถูกหยุดไว้ได้ด้วยม่านใส ๆ ที่ปรากฏขึ้นกลางอากาศและสะท้อนออกไปยังทิศทางที่ว่างเปล่า
“เรื่องจริงรึเนี่ย” ปีเตอร์ที่หยุดการโจมตีไว้ได้ยังไม่อยากเชื่อสายตาของเขาเอง
ประวัติศาสตร์มักจะซ้ำรอยอยู่เสมอ กิลเลนลืมนึกไปว่าเกิดอะไรขึ้นกับปีเตอร์หลังจากที่เขาใช้ความสามารถหยุดฮีทบลาสต์ของนิดฮอก มันทำให้เขาตกเป็นเป้าการโจมตี
ด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อ ร่างมโหฬารกระโจนเข้าใส่วอร์เบิร์ดของปีเตอร์ด้วยความเร็วที่เหนือกว่าลิบลับ ปีเตอร์พยายามบินเบี่ยงออกด้านข้างแต่ระยะห่างกลับยิ่งลดลงอย่างรวดเร็ว
“แย่แล้วเจ้าค่ะ” เสียงเล็ก ๆ ดังขึ้นจากในห้องนักบินที่สอง มันคือเสียงที่กิลเลนได้ยินมาก่อน แต่ตอนนี้มันไม่ใช่เวลาที่เขาจะไปสนใจแล้ว
“อินุจิโยะฝากคุมเครื่องที่ ฉันจะควบคุมปืนแทน”
“ได้เลยเจ้าค่ะ” สาวน้อยหูหมาที่เป็นเพียงภาพโฮโลแกรมรับคำสั่ง จากนั้นเธอก็เชื่อมต่อกับยานโดยตรงและเข้าควบคุมแทนกิลเลน
ไม่ใช่เพียงแค่กิลเลนเท่านั้นที่รู้ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น วอร์เบิร์ดทุกลำต่างช่วยกันระดมยิงใส่เทียแมทเพื่อหวังสร้างช่องว่างให้ปีเตอร์หนีไปได้ แต่กระสุนของพวกเขาแทบจะไม่ระคายผิวของเทียแมท จึงไม่น่าแปลกเลยที่ความเร็วของมันแทบไม่ตกลง
“หนีไป!!” กิลเลนตะโกนลั่น แต่เสียงของเขาไม่มีทางส่งไปถึงเพราะพริบตาเดียวกันนั้นวอร์เบิร์ดของปีเตอร์ก็ถูกเทียแมทฉีกเป็นชิ้นและระเบิดไปต่อหน้าต่อตา
“นายท่าน ดูนี่สิคะ” อินุจิโยะเปลี่ยนจอภาพที่กิลเลนมองอยู่เป็นภาพของวัตถุสองชิ้นที่กำลังร่วงลงมา มันคือเก้าอี้สำหรับดีดตัวออกจากเครื่องนั่นเอง เก้าอี้ตัวใดตัวหนึ่งในนั้นต้องเป็นปีเตอร์และอีกอันก็ควรจะเป็นไอริสคาตาลิสต์ของเขา
“พวกนั้นยังไม่ตาย”
แต่ความยินดีนั้นก็แสนสั้น หลังจากปีเตอร์และไอรีสกางร่มเพื่อลดความเร็วในการตก แวนเดียร์แบบบอลลูนไทป์ที่ทุกคนเข้าใจว่าหมดไปแล้วก็ได้โอกาสลอยเข้าใกล้กับทั้งสอง
ใครบางคนพยายามยิงสกัดแต่ว่ากลับทำให้มันระเบิดตาม ๆ กัน รัศมีการระเบิดแผ่ออกไปเรื่อย ๆ ทั้งคู่พยายามดื้นรนด้วยการสร้างม่านบาเรียมากั้นแต่ว่าก็ไม่สามารถป้องกันระเบิดที่มาจากทุกทิศทางได้ ปีเตอร์และไอรีสถูกย่างสดอยู่ในวงระเบิดโดยที่ทุกคนได้แต่มอง…
“คุณแมดเดอลีน” กิลเลนเปลี่ยนช่องสื่อสาร “ผมจะถ่วงเวลาไว้เอง ช่วยสั่งให้ทุกคนถอนกำลังด้วย”
“นายมีแผนเหรอ”
“แน่นอนครับ” เขาโกหกหน้าตาย กิลเลนไม่รู้เลยว่าเขาจะหยุดมันได้อย่างไรแต่เขาก็ฝืนยิ้มสู้
แมดเดอลีนเคยเห็นสายตาแบบนั้นมาก่อน เธอรู้ว่ากิลเลนคิดแค่จะสู้ตายเพื่อถ่วงเวลา แต่เธอก็เคารพการตัดสินใจนั้น
“นอกจากเดลตาทู ทุกเครื่องถอนกำลังกลับได้” เธอออกคำสั่ง
เทียแมทเมื่อรู้ว่าพวกวอร์เบิร์ดกำลังจะถอนกำลังก็ยิ่งได้ใจใหญ่ มันไล่กวดวอร์เบิร์ดลำที่อยู่ใกล้ที่สุด เดลตาทรีที่มีนักบินคือจัสตินและพีโอเนีย
“ฮึ่มมมม สลัดไม่หลุดเลย” จัสตินใช้เทคนิคบินควงสว่านและเปลี่ยนทิศทางที่ได้เรียนมาแต่ความเร็วของเทียแมทก็ยังมากเกินไป
“ไม่นะ!!” พีโอเนียรู้สึกกลัวขึ้นมาสุดหัวใจ ไม่ใช่แค่ความกลัวตายแต่เธอยังมีเรื่องที่อยากทำอีกมาก มีสิ่งที่อยากจะพูดกับกิลเลนอีกหลายเรื่อง แต่เงาดำที่ไล่กวดเข้ามาใกล้กำลังจะทำให้ทุกอย่างจบสิ้น
ไม่ได้มีเพียงเงามหึมาที่ไล่ตามมาเท่านั้น เงาเล็ก ๆ อีกเงาทำให้เทียแมทต้องหยุดไล่ตามพวกจัสติน มันแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าอันมืดมิดแล้วเห็นเงาปริศนาที่กำลังร่วงลงมา
“แก กล้ามากเจ้ามนุษย์”
ตาของมันเรืองแสงสีแดงจ้าโดยมีเป้าหมายคือร่างของมนุษย์ถือหอกที่กำลังร่วงลงมา
แซดดดดด
แสงที่เล็งไปที่หน้าผากของกิลเลนพุ่งเฉียดหน้าเขาไปและฝากรอยแผลลึกไว้ข้างแก้ม กิลเลนเบี่ยงหน้าหลบการโจมตีในจังหวะก่อนที่มันจะยิงออกมาเพียงเสี้ยววินาที
ในขณะที่เทียแมทกำลังประหลาดใจ กิลเลนเข้าใกล้ระยะที่เขามั่นใจ เขาเขวี้ยงพลาสมาสเปียร์ออกไปสุดแรงเกิด
ฉึก!
ก๊าซซซซซซซซซซซ
หอกพุ่งเข้าเสียบดวงตาของมันพอดีราวกับจับวาง เป็นภาพสุดมหัศจรรย์จนไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นได้จริง
ขณะที่กำลังร่วงหล่นลงไปวอร์เบิร์ดหมายเลขสองก็บินเข้ามาใกล้ เมื่อกระจกเปิดออกก็มีเสียงหนึ่งดังสวนขึ้นมา “มารับกลับแล้วเจ้าค่ะ” อินุจิโยะพูดทั้งน้ำตา
และแล้ว... ดิกนิตีก็บินห่างจากเทียแมทจนเห็นมันลับสายตาไป
ตุ๊บบบ
กำปั้นของโอเวนเหวี่ยงมากระแทกกับหน้าที่ยังมีแผลของกิลเลนจนเขาล้มลง พีโอเนียพยายามจะเข้าไปห้ามแต่จัสตินเป็นคนรั้งเธอไว้
“ผมได้ยินทุกอย่าง ตอนที่คุณคุยปีเตอร์” จัสตินเล่าเหตุการณ์ที่เขาบังเอิญได้ยินทั้งคู่คุยกันก่อนภารกิจ มันทำให้เขารู้ว่ากิลเลนรู้เรื่องเทียแมทเป็นอย่างดี รวมถึงเรื่องที่มันสามารถยิงลำแสงสีแดงออกจากตาด้วย
“แกต้องมีอะไรเกี่ยวข้องกับแวนเดียร์แน่ ๆ” โอเวนตะคอกใส่กิลเลนที่ยังนั่งซึมอยู่กับพื้นโดยไม่คิดจะตอบโต้อะไรกลับเลย
“ถ้ามันไม่พูดอะไร ก็จับมันโยนออกจากยานเลยก็แล้วกัน” บาร์เรตบอกกับโอเวน
ก่อนที่โอเวนและพวกกำลังจะเข้ามาจับตัวกิลเลน สตรีในชุดดำก็ปรากฏตัวขึ้นมาขวาง แม้ว่าจะไม่มีใครมองเห็นเธอนอกจากกิลเลนและบากะอินุแต่ทุกคนกลับขยับตัวไม่ได้ราวกับถูกสะกด
“อย่ามายุ่งกับเขา” อคาลาพูดด้วยน้ำเสียงน่ากลัวในแบบที่กิลเลนไม่เคยได้ยินมาก่อน