ทีมบาสหัวใจนักสู้ ตอนที่ 32
ตอนที่ 32
วันจันทร์ เวลาบ่ายสองโมง ภายในสำนักงานนิตยสาร ‘บาสเก็ตบอลโมเมนต์’ หนึ่งในบรรณาธิการอาวุโสที่สุดของบริษัท ในเวลานี้ยังคงใส่ผ้าปิดตา ฟุบหลับอยู่ที่โต๊ะ ในขณะที่ทุกคนเริ่มทำงาน หลังจากพักเที่ยงเสร็จแล้ว
หัวหน้าบรรณาธิการ ฟังเสียงหายใจของมะระ กระดิกปากกาในมือด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด เพราะว่าวันนี้ถูกผู้จัดการตีกลับหนังสือข้อเสนอความไม่เหมาะสมในหน้าที่ ที่ยื่นไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว
ตอนที่ผู้จัดการเรียกเขาไปเอาหนังสือข้อเสนอกลับไป แถมยังบอกเป็นนัยๆ ว่า ถ้าหากวันนี้ต้องเลือกระหว่างเขากับมะระ คนที่ถูกเลือกให้อยู่ทำงานต่อก็คือมะระ
ดังนั้นหัวหน้าบรรณาธิการ จึงเลือกปิดตาข้างหนึ่งสำหรับพฤติกรรมของมะระที่นอนหลับในเวลางาน
แต่ว่าเหมือนพระเจ้าได้ยินเสียงโกรธแค้นในใจของเขา ได้ส่งคนหนึ่งมาปลุกมะระ
“พี่มะระ พี่มะระ!” เด็กใหม่ที่สุดในสำนักงานนิตยสาร เซียวฉงอวี๋ ถูกมะระเอาไว้ใช้สอยเป็นลูกน้อง มิหนำซ้ำยังถูกเรียกว่ามือใหม่ ทนไม่ได้ เขย่าเรียกมะระอยู่หลายทีด้วยความกระวนกระวาย
เสียงกรนของมะระก็เงียบลง แต่ว่ายังไม่เอาผ้าปิดตาออก “กี่โมงแล้ว?”
“บ่ายสองโมงแล้วครับ” เซียวฉงอวี๋ตอบ
“เวลาพักกลางวันของฉันถึงบ่ายสามโมง ก่อนบ่ายสามอย่ามาเรียกฉัน มะระโบกมือให้หยุดเรียก เปลี่ยนอิริยาบท ฟุบที่โต๊ะหลับต่อ
ตามปกติแล้ว เมื่อมะระแสดงเจตนาออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน เซียวฉงอวี๋ก็ไม่กล้ารบกวนอีก อันนี้หมายถึงกรณีปกติ แต่เซียวฉงอวี๋เชื่อว่าที่สิ่งที่เห็นเมื่อสักครู่ ไม่ปกติแน่นอน “พี่มะระ พี่รู้เรื่องโรงเรียนมัธยมปลายซินซิงประกาศยุบทีมบาสเกตบอลไหม?”
มะระยังคงหลับต่อ ไม่สนใจเซียวฉงอวี๋
เซียวฉงอวี๋เห็นพี่มะระไม่โต้ตอบอะไร จึงตั้งใจพูดเรื่องที่เขาเจอ “โรงเรียนมัธยมปลายซินซิงยุบทีมบาส ฉันคิดว่าพี่มะระต้องรู้นานแล้ว แต่ว่า พอโรงเรียนมัธยมปลายซินซิงยุบทีม มีทีมที่ผมไม่คาดคิด ลงสมัครแข่งขันลีกซี ทีมนั้นชื่อว่า…”เซียวฉงอวี๋ตั้งใจพูดช้าๆ “โรงเรียนมัธยมปลาย…กวง…เป่ย”
ตามที่เซียวฉงอวี๋คาดการณ์ไว้ มะระดีดพรวดจากเก้าอี้ ดึงผ้าปิดตาออก พูดด้วยความประหลาดใจ “นายพูดว่าอะไรนะ?โรงเรียนมัธยมปลายกวงเป่ย?”
ยากที่จะเห็นปฏิกิริยาแบบนี้ของมะระ เซียวฉงอวี๋แสดงท่าทีถึงความภูมิใจ “ไม่ใช่แค่นั้นนะ ผมเพิ่งจะเขาไปเช็คดูข้อมูลการลงสมัครของโรงเรียนมัธยมปลายกวงเป่ยแล้ว พี่รู้ไหม ผมเห็นอะไร ?” หัวหน้าผู้ช่วยโค้ช หลี่ หมิง เจิ้ง”
“อะไรนะ?” มะระนั่งลงที่เก้าอี้ฉับพลัน กดสวิตซ์เปิดเครื่องคอมพิวเตอร์
เซียวฉงอวี๋ตอนนี้เพิ่งจะพบว่า จนบ่ายสองโมงแล้ว คอมพิวเตอร์ของพี่มะระยังไม่ได้เปิด
“เร็วๆ หน่อยสิ!” มะระใช้นิ้วชี้เคาะโต๊ะ
รอจนให้เปิดคอมพิวเตอร์เสร็จ มะระขยับเมาส์ กดเครื่องมือค้นหา ไม่นานก็เข้าไปที่เว็บไชต์ของสมาพันธ์ลีกซี แล้วในรายชื่อทีมที่สมัครเข้าแข่งขัน ก็เจอชื่อโรงเรียนมัธยมปลายกวงเป่ย หาข้อมูลของทีม ช่องหัวหน้าผู้ช่วยโค้ชที่โชว์เป็น ‘หลี่หมิงเจิ้ง’ สามคำนี้จริงๆ
มะระมีชีวิตชีวาขึ้นมา “มือใหม่ รีบโทรไปที่โรงเรียนมัธยมกวงเป่ย ขอให้พวกเขาจัดเวลา ให้พวกเราเข้าไปสัมภาษณ์ ถ้าจะให้ดี ขอเป็นเวลาที่พวกเขาฝึกซ้อมบาสนะ บอกพวกเขาว่า เวลาไหนก็ได้ พวกเรายินดีให้ความร่วมมือ!”
“ครับ พี่มะระ!” มองดูมะระท่าทางกระฉับกระเฉง เซียงฉงอวี๋กลับไปโต๊ะทำงาน รีบติดต่อไปที่โรงเรียนมัธยมปลายกวงเป่ย
พูดจบ มะระลุกขึ้น ตะโกน “เจฟ อยู่ไหม?”
อีกด้านหนึ่งของออฟฟิศ มีคนยืนขึ้นทันที “พี่มะระ ว่าไงครับ?”
“นายรับผิดชอบ คอลัมน์การแข่งขันบาสเกตบอลมัธยมปลายอยู่ใช่ไหม?”
เจฟพยักหน้า “ใช่ครับ”
มะระพูดอย่างไม่ได้สนใจ “ตั้งแต่นี้ไป ให้ฉันรับผิดชอบ เอาข้อมูลที่นายรวบรวมมาให้ฉัน” พูดจบ มะระนั่งลง เปิดไมโครซอฟต์เวิร์ด พิมพ์หัวข้อ ‘ช็อกสนั่น ซินซิงยุบทีม โรงเรียนมัธยมในตำนานหวนกลับมา!’
ในขณะนี้ เจฟถือแฟรชไดร์ฟเดินมา มะระไม่ได้เงยหน้าขึ้น ถาม “นายเคยหาสาเหตุที่ซินซิงยุบทีมไหม?”
เจฟลังเลสักพัก “คนข้างนอกมอง คิดว่า คงเป็นปัญหาเรื่องการเงิน”
มะระถามอีก “เคยโทรไปถามที่ซินซิงไหม?”
เจฟอาย จึงหน้าแดงขึ้นมา “ไม่มีครับ”
มะระพูดอย่างจริงจัง “ไปถาม ไม่ว่าจะยังไงต้องถามสาเหตุให้ได้ แล้วเอาสถิติคู่ต่อสู้ของซินซิงช่วงสิบปีที่ผ่านมานี้มาด้วย การแข่งขันนัดอุ่นเครื่องก่อนเปิดฤดูก็เอามาด้วย!”
เจฟพยักหน้า แม้ว่าปกติแล้ว มะระจะขี้เกียจมาก แต่ว่าเมื่อเขาจริงจังขึ้นมา เขาจะแผ่กระจายความกดดันออกมา “ครับ”
“เดี๋ยว นอกจากสถิติทีมคู่ต่อสู้ในการแข่งขันลีกเอแล้ว ลีกบีก็เอา ยังมีประวัติการตั้งทีมซินซิง รวมทั้งผู้สำเร็จการศึกษาที่ทำงานอยู่ในทีมบาสเกตบอล เอาเป็นว่า ข้อมูลเกี่ยวกับโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายซินซิงยิ่งละเอียดยิ่งดี!”
“ครับ” เจฟรีบเดินออกไป
เจฟเพิ่งจะเดินออกไป เซียงฉงอวี๋รีบเดินมา “พี่มะระ ผมเพิ่งจะคุยโทรศัพท์กับผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมปลายกวงเป่ย เขาบอกว่าพรุ่งนี้เช้าก็เข้าไปสัมภาษณ์ได้เลย แต่ว่าเวลาฝึกซ้อมของพวกเขาคือ หกโมงเช้า”
“โอเค วันนี้หลังจากนายเลิกงาน รีบกลับไปจัดกระเป๋าเดินทาง สี่ทุ่มฉันจะไปรับนายที่บ้าน วันนี้พวกเราจะขับรถไปทางภาคใต้ ไปถึงกวงเป่ยหกโมงเช้าพรุ่งนี้เพื่อสัมภาษณ์” คำพูดของมะระ เต็มไปด้วยความตื่นเต้น กระฉับกระเฉง
“ครับ!” เซียวฉงอวี๋ยกมือขึ้นทำความเคารพมะระแบบทหาร
มะระ พิมพ์งานด้วยความรวดเร็ว จนถึงประโยคหนึ่งในบรรทัด ทันใดทันก็ลุกขึ้นยืน รีบเดินเข้าไปที่ห้องทำงานของผู้จัดการ เคาะประตู
“ใคร?” เสียงทุ้มต่ำของผู้จัดการลอดออกมา
“ผมเองครับ” มะระตั้งใจตัดบท อย่างไรก็ตามทั้งออฟฟิศ ก็มีแต่เขาเท่านั้นที่กล้าพูดอย่างนี้กับผู้จัดการ
“เข้ามา” ผู้จัดการวางปากกาในมือลง มองมะระด้วยความประหลาดใจ “มีอะไร?”
มะระพูดสิ่งที่ตั้งใจออกมาตรงๆ “พรุ่งนี้ผมอยากไปทำงานที่ทางภาคใต้ ไปสัมภาษณ์โรงเรียนมัธยมปลายกวงเป่ยครับ”
ผู้จัดการขมวดคิ้ว “มัธยมปลายกวงเป่ย? ทำไม? มีข่าวอะไรเป็นพิเศษเหรอ?”
“มัธยมปลายกวงเป่ยกลับมาแล้วครับ”
“อะไรนะ” ผู้อำนวยการไม่ได้มีความประทับใจอะไรในโรงเรียนมัธยมปลายกวงเป่ยสักนิดเดียว
“กวงเป่ยเคยเอาชนะฉี่หนานครั้งหนึ่ง แต่หลังจากนั้น เขาก็หายไปเลย ตอนนี้เขากลับมาแล้ว”
ผู้จัดการพูดด้วยความสงสัย “มีค่าอะไรเป็นพิเศษไหม ที่ขับรถไปภาคใต้?”
“ผู้จัดการไม่เชื่อสายตาของผมเหรอครับ?”
ผู้จัดการยักคิ้ว “เอาเถอะ เอาตามความเห็นของคุณแล้วกัน”
รอยยิ้มบนใบหน้าของมะระยิ่งสดใส “ขอบคุณครับผู้จัดการ” พูดจบกำลังจะเดินออกไป ผู้จัดการเรียกเขาไว้
“คุณกั๋วบอกว่า ช่วงนี้คุณขี้เกียจทำงาน พฤติกรรมไม่ค่อยดี ในส่วนนี้…”
มะระหันหน้ากลับมา เผยรอยยิ้มแปลกๆ ออกมา “ผู้จัดการ สบายใจได้ ผมไม่ถือสาหัวหน้าบรรณาธิการครับ”
ผู้จัดการพยักหน้าด้วยความพอใจ “’งั้นก็ดีแล้ว”
มะระที่ออกมาจากห้องผู้จัดการ ก็กลับไปนั่งที่โต๊ะ มือยังคงพิมพ์งานต่อ หากพวกคุณเคยดูตำนานเก๋าอันดับที่แปดของเอ็นบีเอ แล้วรู้สึก เลือดร้อน ประหลาดใจ ตื่นเต้น ถ้าอย่างนั้นพวกคุณต้องรู้ว่ายี่สิบกว่าปีก่อนเกิดอะไรขึ้นในการแข่งขันบาสเกตบอลมัธยมปลายในนัดนั้นของไต้หวัน เพราะว่าตำนานนั้นมันยิ่งกว่าตำนานเก๋าอันดับที่แปดของเอ็นบีเอ…
พิมพ์บทความได้ครึ่งหนึ่ง มะระตะโกน “มือใหม่ ขอกาแฟ! เจฟ หาข้อมูลเสร็จหรือยัง?”
มือใหม่รีบวางงานในมือ “ครับ!”
เจฟที่อยู่อีกด้านก็ตะโกน “ใกล้เสร็จแล้วครับ!”
หลังจากที่มะระเริ่มขยันทำงาน บรรยากาศทั้งออฟฟิศก็เปลี่ยนไป หากบรรยากาศในออฟฟิศเมื่อสักครู่นี้เรียกว่าไม่มีชีวิตชีวา ถ้าอย่างนั้น ตอนนี้พูดง่ายๆ คือบรรยากาศเต็มไปด้วยความคึกคัก
ยกเว้นหัวหน้าบรรณาธิการ
มองดูบรรยากาศในออฟฟิศที่เปลี่ยนไปเพราะมะระ ไฟริษยาในใจของเขาก็ลุกโชนขึ้น เป็นคนที่มีอำนาจสูงที่สุดในออฟฟิศนี้ แต่ว่าความเคารพนับถือและความสำคัญที่เขาควรจะได้รับ กลับไม่เหมือนกับไอ้เหี้ยนั่น ที่เข้างานสาย เลิกงานเร็ว แล้วอย่างนี้จะให้เขาแบกรับความรู้สึกได้อย่างไร
บ่ายสี่โมง ที่บ้านหลี่หมิงเจิ้ง
“สรุป ฉันได้รับใบลาออกจากทีมจริงๆ” อู๋ติ้งหวาหยิบใบลาออกจากทีมสี่ใบออกมาส่งให้หลี่หมิงเจิง
หลี่หมิงเจิ้งขมวดคิ้ว “แกมาหาฉันที่บ้านเพราะเรื่องนี้เหรอ? ในความทรงจำของฉัน แกไม่ใช่คนที่ชักช้าอืดอาดอย่างนี้ พายุหมุนบุกอย่างรวดเร็วในปีนั้น หายไปไหนแล้ว?
อู๋ติ้งหวาหัวเราะเจื่อนๆ เมื่อก่อนไม่ได้รู้สึกอย่างนี้ พอมาตอนนี้ ได้ยินฉายาเมื่อก่อนของตัวเอง รู้สึกแปลกๆ ยังไงไม่รู้?”
“เพราะว่าแกแก่แล้ว” หลี่หมิงเจิ้งหัวเราะลั่น “แล้วแกมาหาฉันทำไม คงจะไม่ใช่ เพื่อเอาใบลาออกจากทีมมาให้ฉันหรอกนะ?”
“ไม่ใช่แน่นอน ฉันกับไอ้กุ๊ยเย่ปรึกษากันแล้ว คิดว่าควรจะบอกแกไว้ก่อนนะถูกแล้ว บวกกับนิสัยของแก คือตัดสินใจแล้ว ก็จะไม่มีการปรึกษารือใดๆ ดังนั้นเรื่องนี้ ก็ต้องตามนี้ วันนี้ที่ฉันมาหาแก ประเด็นหลักคือ จะบอกแกว่าพรุ่งนี้จะมีสำนักงานนิตยสาร ‘บาสเก็ตบอลโมเมนต์’ มาสัมภาษณ์”
“สัมภาษณ์มัธยมปลายกวงเป่ย?” หลี่หมิงเจิ้งประหลาดใจเล็กน้อย “เมื่อไหร่?”
“ไอ้กุ๊ยเย่นัดกับสำนักงานนิตยสารไว้แล้ว พรุ่งนี้หกโมงเช้า ก็คือช่วงเวลาที่พวกเราฝึกซ้อมกัน
หลี่หมิงเจิ้งทำเสียงอืม “เคยตรวจสอบสำนักงานนิตยสารนี้ไหม?”
อู๋ติ้งหวาพยักหน้า “มี ในวงการนิตยสารบาสเกตบอล ‘บาสเก็ตบอลโมเมนต์’ มียอดขายมากที่สุดในไต้หวัน คำวิจารณ์ก็เป็นธรรม”
“เพิ่งจะตั้งทีมบาสเกตบอลได้ไม่นาน สถิติการแข่งขันก็ไม่มี มีสำนักงานนิตยสารมาขอสัมภาษณ์อย่างกะทันหัน แกไม่รู้สึกว่ามันแปลกเหรอ?”
“แปลกนิดหน่อย” อู๋ติ้งหวาก็สงสัยเหมือนกัน “แต่ว่าข้อมูลของพวกเขาที่ให้ไว้ ถูกต้องชัดเจน ในเว็บไซต์ก็ยังเจอชื่อคนที่ติดต่อพวกเรา”
“อย่างนั้นก็ยิ่งแปลก” หลี่หมิงเจิ้งแววตาเป็นประกาย “ฉันรู้แล้วว่าทำไมสำนักงานนิตยสารถึงต้องการมาสัมภาษณ์กวงเป่ย”
อู๋ติ้งหวาที่รู้จักนิสัยหลี่หมิงเจิ้งเป็นอย่างดี พยักหน้า “อย่าบอกนะว่า ไม่ฉันใม่อยากฟัง!”
แต่หลี่หมิงเจิ้งไม่สนใจ ท่าทีที่ปฏิเสธของอู๋ติ้งหวา พูดด้วยความภาคภูมิใจ “ต้องเป็นคนใดคนหนึ่งของสำนักงานนิตยสารที่พบว่า หัวหน้าผู้ช่วยโค้ชคือผู้ที่นำทีมกวงเป่ยที่เอาชนะราชันฉี่หนานในปีนั้นได้ ก็เลยใช้ข้ออ้างเรื่องสัมภาษณ์ อยากจะมาเจอไอดอล ต้องเป็นอย่างนี้แน่ๆ!”
อู๋ติ้งหวากลอกตาอย่างจำใจ อายุที่มากขึ้น นิสัยยโส โอหังของหลี่หมิงเจิ้งไม่ได้ลดน้อยลงเลย แต่กลับมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
“กาแฟค่ะ” ภรรยาของหลี่หมิงเจิ้ง หลินเหม่ยอวี้เอากาแฟมาเสริฟ ขัดจังหวะความหลงตัวเองของหลี่กวงเย่าไว้พอดี
“ขอบคุณครับ” อู๋ติ้งหวายิ้มกว้างให้หลินเหม่ยอวี้ พูดขอบคุณจากใจ
“ตอนนี้ที่เหลืออยู่ในทีมมีใครบ้าง?” หลี่หมิงเจิ้งกลับมาคุยเรื่องสำคัญ
“พูดง่ายๆ ก็คือ คนที่มาสายวันนี้ ลาออกหมดแล้ว ที่ไม่ได้มาสายยังอยู่ทั้งหมด”
“ใกล้เคียงกับที่ฉันคาดเดาไว้” ตรงตามที่หลี่หมิงเจิ้งคิดไว้ คนที่ไม่จริงจังกับทีมบาสเกตบอล ตามธรรมชาติแล้ว ก็จะไม่จริงจังกับการมาฝึกซ้อมตรงเวลา
“พรุ่งนี้ตอนที่สำนักงานนิตยสารมาสัมภาษณ์ นายจะวางแผนยังไง?” อู๋ติ้งหวาถาม
“ติ้งหวา ฉันเป็นหัวหน้าผู้ช่วยโค้ช แกคือหัวหน้าโค้ช คนที่ต้องปวดหัวกับเรื่องนี้ ก็น่าจะเป็นแก ไม่ใช่ฉัน” หลี่หมิงเจิ้งหัวเราะ
“แกก็รู้ว่าฉันพูดไม่เก่ง” อู๋ติ้งหวาทำท่าโบกมือปฏิเสธ ไม่รู้จะทำอย่างไร
“ติ้งหวา ฉันไม่ได้ว่าอะไรแกนะ” หลี่หมิงเจิ้งจิบกาแฟ “แม้แต่ไอ้กุ๊ยเย่ยังได้เป็นผู้อำนวยการ คำพูดหยาบคายในสมัยก่อนของเขาก็ยังเป็นคำพูดหยายคาย ตอนนี้กลับสามารถพูดต่อหน้าคนเป็นร้อยได้ แกแรกๆ เป็นยังไง ตอนนี้ก็ยังเหมือนเดิม อยู่ข้างนอกก็ต้องเปลี่ยนบ้าง เงียบแบบนี้ไม่ดีนะ”
“ฉันไม่กล้าพูด แต่ว่าสำนักงานนิตยสารบอกแค่ว่ามาสัมภาษณ์ ไม่ได้บอกประเด็นที่มาสัมภาษณ์ ฉันเกรงว่า หากพวกเขาถามคำถามยุ่งยาก ฉันไม่รู้จะตอบยังไง”
“จริงๆ เลย เอาเถอะ” หลี่หมิงเจิ้งพยักหน้ารับปาก
“รับปากอย่างฝืนใจ จริงๆ แล้วถ้าฉันไม่พูด แกก็ต้องแย่งพูดอยู่แล้ว” อู๋ติ้งหวาพูดอย่างมั่นใจ
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฉันเป็นคนอย่างนั้นเหรอ?” หลี่หมิงเจิ้งหัวเราะลั่น
“ใช่” อู๋ติ้งหวาไม่อยากจะตอบ
ตอนค่ำ เวลาหนึ่งทุ่มครึ่ง ที่สนามบาสของตระกูลหลี่
ขณะที่หลี่หมิงเจิ้งสอนการก้าวขาป้องกันให้กับไมค์ หลี่กวงเย่าอยู่ตรงข้ามสนามฝึกกระโดดชู้ตกระทบแป้นที่มุมสี่สิบห้าองศาทั้งฝั่งซ้ายขวา แต่ละข้างชู้ตลงหนึ่งร้อยลูกเสร็จแล้ว เริ่มฝึกกระโดดรับบอลกลางอากาศ แล้วหมุนตัว
ไม่ว่าการฝึกซ้อมวันนี้จะหนักหนาแค่ไหน หลังจากพักกินข้าวเสร็จ หลี่กวงเย่ายังคงฝึกซ้อมกระโดดชู้ต แต่ระดับความยากในการกระโดดชู้ตยิ่งยากขึ้น ราวกับว่าข้างหน้ามีคนป้องกันอยู่จริงๆ
ในเวลาเดียวกัน ที่สวนสาธารณะ เว่ยอี้ฝานและหยางเจินอี้ก็ฝึกกระโดดชู้ต ฝึกป้องกัน และการรุก อยู่ในสนามอย่างเหงื่อไหลไคลย้อย แต่ว่าหลังจากผ่านการฝึกซ้อมความแข็งแกร่งของร่างกายและการป้องกันอย่างบ้าระห่ำเมื่อเช้านี้ ปริมาณฝึกซ้อมของพวกเขาวันนี้น้อยกว่าการฝึกปกติ
“ผลคือ คนที่ทำได้มากที่สุดในทุกรายการของวันนี้คือหลี่กวงเย่า เร็วที่สุดก็คือเขา” หยางเจินอี้ดื่มน้ำ พูดพร้อมหายใจหอบ
“เชอะ” เว่ยอี้ฝานในคำพูดที่ปนด้วยความไม่อยากยอมแพ้ เพียงแต่ทำเสียง เชอะแทนคำตอบ
มองดูสีหน้าที่ไม่ยอมแพ้ของเว่ยอี้ฝาน หยางเจินอี้หัวเราะ “วันนี้ตอนที่ฝึกซ้อมกับเขา ฉันสังเกตเขาเป็นพิเศษ สรุปคือ…”
หยางเจินอี้ตบไหล่เว่ยอี้ฝาน “นายแพ้ให้เขา ไม่จำเป็นต้องรู้สึกอัปยศอดสู การฝึกซ้อมแต่ละรายการ สามารถเห็นได้ว่าพื้นฐานของเขากับความแข็งแกร่งของร่างกายของเขานั้นแข็งแกร่งจริงๆ”
เว่ยอี้ฝานกัดฟัน ลุกขึ้นยืนอย่างฉับพลัน “พวกเรามาฝึกต่อ ฉันต้องกลายเป็นคนที่เอาชนะเขาเป็นคนแรกให้ได้!”
หยางเจินอี้ดื่มน้ำ แล้วก็ยืนขึ้น “นายอยู่ต่อที่กวงเป่ย เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง หากตอนแรกนายกลับไปหรงซิน คงไม่มีจิตใจฮึกเหิมอย่างนี้แน่นอน”
“เชอะ” เว่ยอี้ฝานทำเสียงอีกครั้ง แต่ไม่ได้พูดอะไรสักคำ เพราะว่าหยางเจินอี้พูดถูก
ในเวลานี้ นอกจากเว่ยอี้ฝานกับหยางเจินอี้แล้ว เซี่ยหย่าซูก็กำลังฝึกซ้อมอยู่ที่สนามบาส
“พี่ใหญ่ วันนี้ทำไมฝึกแป็บเดียวก็เหนื่อยแล้ว?” เสี่ยวจื้อเก็บบอล มองหน้าอันเหนื่อยล้าของเซี่ยหย่าซู
เซี่ยหย่าซูหยิบบอลจากเสี่ยวจื้อแล้วเดินไป “วันนี้เป็นวันแรกที่เริ่มฝึกซ้อมของทีม โค้ชไม่รู้ไปกินยาอะไรผิดมา ปริมาณการฝึกเยอะจนน่ากลัวจริงๆ”
เสี่ยวจื้อมองเซี่ยหย่าซูไม่ร่าเริงเหมือนอย่างปกติ ถามด้วยความเป็นห่วง “งั้นวันนี้พี่ใหญ่กลับบ้านเร็วไปพักผ่อนดีไหม?”
“ไม่ได้! วันนี้ฉันแพ้เขาทุกรายการที่ฝึกซ้อม หากต้องการชนะเขา ก็ต้องใช้เวลาตอนนี้เพิ่มการฝึกซ้อมให้หนักขึ้น ไม่อย่างนั้นฉันจะแพ้เขาทั้งชาติ!” เซี่ยหย่าซูยืนอยู่นอกเส้นสามคะแนน ชู้ตออกไป ลูกบาสวาดเป็นแนวโค้งเกือบจะเพอเฟอร์ แต่แรงชู้ตเบาเกินไป ลูกบาสตกลงด้านหน้าขอบห่วง เสียงดังตึง
“เขา? เขาคือใคร?”
“แต่เขาเป็นเพื่อนร่วมทีมของฉัน และก็เป็นคู่ต่อสู้ของฉัน” เซี่ยหย่าซูเผยท่าทีไม่ยอมออกมา เก็บลูกบาสเดินกลับมาที่ตำแหน่งเดิม ปรับท่าชู้ต แต่ครั้งนี้แรงชู้ตแรงเกินไป บอลตกลงที่ขอบห่วงด้านหลังแล้วกระเด้งออกมา
“เขาแข็งแกร่งมากไหม?” เสี่ยวจื้อไปเก็บบอลมา
“แข็งแกร่งมาก ตามความแข็งแกร่งของฉันในตอนนี้ ไม่มีโอกาสเอาชนะเขาได้” เซี่ยหย่าซูกัดฟัน แม้ว่าไม่ยอมรับความจริงเรื่องนี้
เซี่ยหย่าซูคิดภาพการฝึกซ้อมเมื่อเช้านี้อยู่ในหัวไม่หยุด ความแข็งแกร่งของร่างกายของหลี่กวงเย่าเหมือนกับสัตว์ประหลาดและการก้าวขาป้องกันที่แข็งแรง กลายเป็นการสื่อสาร บอกพวกเขาว่าในทีมบาสนี้ คนที่แข็งแกร่งที่สุดคือใคร
“น่าเกลียด!” นึกถึงคำพูดยั่วยุของหลี่กวงเย่าตอนที่ฝึกซ้อม เซี่ยหย่าซูแผดเสียงต่ำ พูดกับเสี่ยวจื้อ “วันนี้ต้องชู้ตให้ได้มากกว่าปกติเกินหนึ่งร้อยลูก!”
เสี่ยวจื้อพยักหน้า “ค่ะ พี่ใหญ่”
บนสันเขื่อน มีสองคนวิ่งไปด้วยกันอย่างช้าๆ
หลังจากที่พวกเขาวิ่งไปแล้วห้ากิโลเมตร ก็วิ่งช้าลง เหงื่อออกเต็มตัว หายใจหอบ แต่ว่าไม่มีใครสักคนบอกว่าต้องการพัก แม้แต่ความคิดนี้ก็ไม่มี
เป็นเพราะว่าหลังจากฝึกซ้อมวันนี้ พวกเขารู้ว่าตัวเองอ่อนแอที่สุด
…………………………………………………………………………………