ตอนที่ 102 แตกตื่น (ฟรี)
“เพล้ง”
คมดาบของหลงเทียนเซียวปะทุพลังออกมาอย่างดุเดือด จากนั้นทั้งสามคนก็ปะทะกันอีกครั้งก่อนที่เขาจะถอยหลังออกมาหลายก้าวแล้วมองไปยังหลงเฉินด้วยสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิใจ
“ดี ดี ดี ไม่เสียทีที่เป็นบุตรชายของข้า นี่สิที่เขาเรียกว่าลูกผู้ชายที่แท้จริง”
หลังจากที่หลงเฉินเข้ามาในวงต่อสู้ การเคลื่อนไหวทั้งหมดของบุตรชายก็ได้อยู่ในสายตาของเขามาโดยตลอด ในสมัยก่อนเขายังเป็นเพียงทารกที่ใช้น้ำมูกเช็ดก้นอยู่เลย ทว่าตอนนี้กลับกลายเป็นลูกผู้ชายที่แท้จริงอย่างเต็มตัวไปเสียแล้ว
ภายในจิตใจของเขามีทั้งความรู้สึกยินดีและความผิดหวังปะปนกันอยู่ สิ่งที่ทำให้เขาผิดหวังมากที่สุดก็คงจะไม่หนีพ้นการที่ไม่ได้อยู่ร่วมกับหลงเฉินแล้วเลี้ยงดูจนเด็กน้อยเติบใหญ่ขึ้น หลายปีที่ผ่านมานี้บุตรชายผู้นี้คงจะต้องพบเจอกับความยากลำบากมาไม่น้อยเลย ซึ่งเขาเองก็ทราบอยู่แก่ใจเป็นอย่างดี
เช่นนั้นจึงทำให้เด็กน้อยอย่างหลงเฉินต้องมาแบกรับความรับผิดชอบเยี่ยงบุรุษผู้หนึ่งจนสามารถทนลมทนแดดจนเติบใหญ่ขึ้นมาได้
ยิ่งเมื่อสายตาของเขาเห็นหลงเฉินเข้ามาภายในวงต่อสู้ ทั้งยิงฮวาและพวกพ้องต่างก็หยุดการโจมตีลงในทันที อีกทั้งสีหน้าของยิงฮวาก็ได้เปลี่ยนแปลงเป็นใบหน้าที่ปั้นยากขึ้นมาคล้ายกับพบเจอร่างของบิดาผู้ล่วงลับไปเมื่อเนิ่นนานมาแล้วอย่างไรอย่างนั้น
ในครั้งก่อนยิงฮวากลับมาด้วยสภาพกึ่งตายนั่นก็เป็นเพราะหลงเฉินได้มอบให้ทั้งหมด ขณะนี้เมื่อหลงเฉินได้ย่างก้าวเข้ามาอยู่เบื้องหน้าของเขาแล้ว ความอาฆาตปาดหมางทั้งหมดก็ได้พุ่งพล่านขึ้นมาอย่างเดือดดาลอยู่ภายในจิตใจ
“หลงเฉิน ครั้งที่แล้วนั้นเป็นเพราะเจ้าดวงแข็ง ทว่าในครั้งนี้ข้าจะรอดูว่าเจ้าจะหลบหนีไปอย่างไรกัน?”
“หลบหนี? ดูเหมือนว่าครั้งล่าสุด ผู้ที่หลบหนีนั้นไม่ใช่ข้าเสียหน่อย” หลงเฉินหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา
สีหน้าของยิงฮวาเกิดอาการร้อนฉ่าขึ้นมาในทันที คำพูดของหลงเฉินแทบจะไม่ต่างไปจากการตบเข้าไปที่ใบหน้าของเขาอย่างรุนแรงเลย
ครั้งที่แล้วเขาได้ตามล่าสังหารหลงเฉิน ทว่าในตอนสุดท้ายเขากลับถูกหลงเฉินหันกระบี่ไล่ล่าแทน ยอดฝีมือขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นผู้หนึ่งถูกไล่ล่าโดยเด็กน้อยที่อยู่ในขอบเขตขั้นก่อรวมผู้หนึ่งช่างเป็นเรื่องราวที่น่าอัปยศอดสูอย่างยิ่งยวดอะไรเช่นนี้?
ทั้งสามยอดฝีมือรวมไปถึงหลงเทียนเซียวเองต่างก็แตกตื่นตกใจขึ้นมายกใหญ่ หวูโหวเองก็ทราบอาการบาดเจ็บของยิงฮวาเป็นอย่างดี อีกทั้งยังได้ถามไถ่ยิงฮวาถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อครั้งก่อนนี้ ทว่ายิงฮวากลับปากแข็งไม่ยอมกล่าวอันใดออกมาแม้แต่คำเดียว
เมื่อได้ยินบทสนทนาตอบโต้กันของทั้งสองผู้กล้า หวูโหวก็ได้หันไปมองใบหน้าของยิงฮวาด้วยความตกใจอย่างถึงที่สุด เพราะสามารถคาดเดาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาส่วนหนึ่งและพอจะนำมาปะติดปะต่อกันจนเข้าใจได้แล้ว
“ฮาฮาฮา ช่างสมกับที่เป็นบุตรชายของข้าเสียจริง เช่นนั้นย่อมได้ วันนี้พวกเราจะร่วมมือกัน ทำให้พวกเขาจดจำว่าบุรุษแห่งตระกูลหลงมีความสามารถมากมายถึงเพียงใด”
หลงเทียนเซียวระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างภาคภูมิใจ พร้อมกับกระชับดาบยาวในมือเอาไว้ เป็นไปตามคำรายงานของเฉินเฟยที่ว่าหลงเฉินนั้นเติบโตได้อย่างรวดเร็ว แม้เขาจะเป็นถึงยอดฝีมือขอบเขตสูงสุดของขั้นก่อโลหิต ทว่าก็ยังไม่วายที่จะตกไปอยู่ภายใต้เงื้อมมือของหลงเฉิน
ในครั้งนั้นหลงเทียนเซียวก็ได้แต่คาดเดาไปว่าคงจะเพียงความบังเอิญจากกการที่หลงเฉินเป็นผู้หลอมโอสถเท่านั้น เมื่อได้ยินคำพูดยกย่องต่อหลงเฉินของเฉินเฟย เขาก็ได้แต่ยิ้มตอบรับไปเล็กน้อย
ทว่าในบัดนี้หลงเฉินที่เพิ่งจะปรากฏตัวขึ้นมาก็ได้ซัดกระบี่ทำลายหอกบินของยิงฮวาได้ อีกทั้งปราบทหารศึกนับหมื่นพันนายอยู่ตรงหน้าได้อย่างราบคาบ จึงเรียกได้ว่าเป็นพลังทำลายที่สูงส่งชนิดหนึ่ง เช่นนั้นย่อมไม่ใช่ฝีมือหลอกหลวงอย่างที่เขาคิดเอาไว้
อีกทั้งบทสนทนาระหว่างหลงเฉินกับยิงฮวาก็ได้ทำให้หลงเทียนเซียวประจักษ์เห็นอีกด้านหนึ่งที่บุตรชายได้ซ่อนเร้นความร้ายกาจเอาไว้ บัดนี้หลงเฉินคงจะก้าวเข้าสู่เส้นทางการเป็นยอดฝีมืออย่างแท้จริงได้แล้ว
และสถานการณ์ในตอนนี้ยังคงเป็นช่วงคับขันอย่างถึงที่สุด แม้หลงเฉินจะทำให้หลงเทียนเซียวแตกตื่นและยินดีไปพร้อมกัน ทว่าเขาก็ยังไม่อาจวู่วามได้และยังต้องดูให้แน่ชัดว่าหลงเฉินมีการเติบโตไปจนถึงระดับใดแล้ว
“ข้าจะไปก่อน เจ้าระวังเอาไว้ให้ดี อย่าได้ฝืนเป็นอันขาด”
หลงเทียนเซียวเตือนออกมาประโยคหนึ่ง ก่อนจะขยับเท้าออกแล้วฟาดดาบยาวออกไปอย่างรวดเร็วทิ้งไว้เพียงเงาร่างที่เป็นประกาย เพียงพริบตาเดียวดาบยาวเล่มนั้นก็ได้เข้าจวนตัวของสามยอดฝีมือเสียแล้ว
ภายใต้ก้นบึ้งของความรู้สึก หลงเทียนเซียวยังเกรงกลัวว่าหลงเฉินจะได้รับอันตรายจากการต่อสู้ เพราะหลงเฉินยังอ่อนเยาว์จนเกินไปที่จะเข้าใจถึงสภาวะของความตาย
เมื่อหลงเฉินมองไปยังแผ่นหลังของบิดาก็คล้ายกับมองเห็นภาพในอดีตขึ้นมาได้อย่างชัดเจน เขานึกย้อนไปในช่วงที่บิดาได้โอบอุ้มมารดาและตัวเองไปยังหุบเขาลึกที่ดูอันตรายแห่งหนึ่ง
ช่วงเวลานั้นหลงเฉินได้กุมกระบี่ยาวเข้าต่อกรกับลูกหมูป่าตัวหนึ่งทว่าก็ยังต้องให้บิดาคอยช่วยอยู่ข้างๆ เสมอ เขาและบิดาจึงได้ ‘ร่วมแรง’ กันสังหารสัตว์ป่าในป่าลึกแห่งนั้น
นับตั้งแต่วันนั้นจนถึงตอนนี้ก็ผ่านไปกว่าสิบปีแล้ว เงาร่างสายนั้นยังคงให้ความรู้สึกอบอุ่นไม่แปรเปลี่ยนไปเลย บิดาของเขายังคงสูงส่งดั่งเช่นวันวาน ทว่าในสายตาของเขากลับมีภาพถูกซ้อนทับกันอยู่จึงทำให้เขาเกิดความลำบากใจขึ้นมา
‘บิดา ข้านั้นได้เติบใหญ่ขึ้นมาแล้ว เช่นนั้นให้ข้าได้คุ้มกันอยู่ด้านหน้าของท่านสักครั้งเถิด’
สายตาคู่คมของหลงเฉินมองข้ามแผ่นหลังของบิดาไปยังคู่ต่อสู้ทั้งสามคนที่อยู่ถัดออกไป พลันก็ได้ขยับฝีเท้าเล็กน้อยจนที่ใต้เท้าเกิดเสียงปะทุของระเบิดดังขึ้นมาครั้งหนึ่ง จากนั้นเขาก็ได้พุ่งกายเข้าสู่วงล้อมนั้นอย่างรวดเร็ว
กระบี่หนักได้ปะทะเข้ากับกระบี่ของยิงฮวาที่ได้มีการป้องกันเอาไว้ได้ในทันที หากจะไถ่ถามว่าในช่วงเวลาเช่นนี้เป็นผู้ใดที่เข้าใจหลงเฉินมากที่สุดก็คงจะไม่พ้นไปจากท่านใต้เท้ายิงฮวาผู้นี้เสียแล้ว มีเพียงเขาเท่านั้นที่ทราบว่าหลงเฉินนั้นมีความแข็งแกร่งมากมายเพียงใด ไม่ว่าผู้ใดที่คิดว่าหลงเฉินยังเป็นเพียงเด็กหนุ่มวัยเยาว์ผู้หนึ่งก็คงจะไม่ต่างไปจากการหาที่ตายอย่างแน่นอน
เมื่อยิงฮวาประจันหน้ากับหลงเฉิน พลันที่มุมปากก็ได้ปรากฏรอยยิ้มเหยียดหยันขึ้นมา จากนั้นเท้าข้างหนึ่งก็ได้ถอยไปด้านหลังจนพ้นออกจากรัศมีการต่อสู้ของหลงเทียนเซียว
หลงเทียนเซียวมองเห็นใบหน้าที่มีรอยยิ้มอันมีเลศนัยของยิงฮวาก็อดแตกตื่นขึ้นมาไม่ได้ ในฐานะที่เขาเคยประมือกันมาก่อนจึงย่อมเข้าใจได้อย่างลึกซึ้งว่าพลังการต่อสู้ของยิงฮวานั้นแม้จะห่างชั้นจากเขาไปถึงขั้นหนึ่ง ทว่าสภาพจิตใจของชายผู้นั้นกลับลึกล้ำจนน่าหวาดกลัวอย่างยิ่ง
ถึงแม้ว่าจะไม่ทราบว่ายิงฮวากำลังตัดสินใจจะทำสิ่งใดอยู่ ทว่าก็พอจะทราบว่าชายผู้นั้นกำลังเพิ่มพลังให้สภาวะของดาบยาวในมือให้มากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า เขาจึงไม่อาจอยู่เฉยได้และคิดที่จะฝ่าแหวกวงล้อมนี้ออกไป
ทว่าที่เบื้องหน้าของเขามีทั้งหวูโหวและยอดฝีมือของต้าเซี่ยอยู่ และยอดฝีมือทั้งสองก็ราวกับว่าอ่านความคิดของเขาออกจึงได้แยกย้ายกันไปคนละฝั่งพร้อมทั้งตะโกนออกมาเสียงดังจนพลังปะทุออกมาทั้งหมด อีกทั้งยังเคลื่อนย้ายร่างกายขวางรั้งเขาเอาไว้อย่างไร้ซึ่งช่องโหว่
ทันใดนั้นด้านศีรษะของยิงฮวาก็มีเส้นโลหิตปูดโปนขึ้นมาจนน่าหวาดกลัว ผนวกกับพลังทำลายอันแข็งแกร่งขุมหนึ่งได้เพิ่มพูนขึ้นมาอย่างรุนแรง พลันก็ได้ขยับกระบี่ยาวในมือจนเกิดเสียงระเบิดดังกึกก้องไปทั่วพร้อมทั้งพลังจากคมดาบล้นทะลักออกมาอย่างไม่ขาดสาย
“ระวังเอาไว้ นี่คือทักษะยุทธ์ระดับพสุธา”
หลงเทียนเซียวตกใจขึ้นมายกใหญ่ เขาไม่เคยคิดว่ายิงฮวาจะใช้ทักษะยุทธ์ระดับพสุธาออกมากับเด็กน้อยอย่างหลงเฉิน เพราะถึงแม้ว่ายิงฮวาจะเป็นถึงยอดฝีมือขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นแล้วทว่าโดยมากก็สามารถใช้ทักษะยุทธ์เช่นนี้ออกมาได้ติดต่อกันเพียงสองครั้งเท่านั้น
พลังการต่อสู้ของทักษะยุทธ์ระดับพสุธานั้นถือเป็นสิ่งที่น่าหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด แต่ในทางกลับกันก็เป็นสิ่งที่สิ้นเปลืองพลังมากที่สุดด้วยเช่นกัน อาจถึงขั้นทำให้พลังลมปราณของผู้ใช้ตกอยู่ในสภาวะคับขันจนไม่อาจใช้ออกมาได้อีก
ด้วยเหตุนี้การต่อสู้ที่ผ่านมาของพวกเขาต่างก็ไม่ได้ใช้ทักษะยุทธ์ระดับพสุธาออกมาเลยแม้แต่ครั้งเดียว หากใช้ทักษะยุทธ์เช่นนี้ออกมาแล้วไม่อาจสังหารคู่ต่อสู้ลงได้ คงจะเป็นตัวเองที่จะต้องตกอยู่ในสถานการณ์อันเลวร้ายแทน
หลงเทียนเซียวเองก็ไม่ได้ใช้ทักษะยุทธ์ระดับพสุธามาโดยตลอด เพราะถึงแม้จะใช้ออกมาก็ใช่ว่าจะสามารถสังหารยอดฝีมือทั้งสามที่อยู่เบื้องหน้าลงไปได้ ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังเป็นถึงยอดฝีมือขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นด้วย
เช่นนั้นทุกคนต่างก็ต้องเก็บไพ่ตายของตัวเองเอาไว้ ทว่าในบัดนี้ยิงฮวากลับใช้ไพ่ตายออกมาอย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังใช้ลงมือกับหลงเฉินจึงเป็นเรื่องที่เหนือจากความคาดเดาของเขาไปจนหมดสิ้นแล้ว
หลงเฉินมองไปยังรอยยิ้มเหยียดที่มุมปากของยิงฮวา นั่นเขากำลังยิ้มอยู่อย่างนั้นหรือ? หวังว่าเจ้าจะยังยิ้มเอาไว้เช่นนั้นได้ตลอดไปนะ อย่าได้ร่ำร้องว่าเสียใจในภายหลังก็แล้วกัน
กระบี่หนักถูกขยับผ่านหัวไหล่ออกไปพร้อมกับพลังจากการไหลเวียนของจุดดารากักวายุ ผ่านไปทั่วทั้งร่างจนก่อพลังอันบ้าคลั่ง พลันร่างกายของหลงเฉินก็ได้พุ่งทะยานออกไปที่ยิงฮวาอย่างรวดเร็ว
ทั้งหลงเทียนเซียวและยอดผีมือที่ต่อสู้กันต่างก็ต้องตกใจกันเป็นระนาว เมื่อพวกเขาสัมผัสได้ถึงสภาวะของพลังที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างกะทันหัน จนเมื่อหันกลับไปก็พบเห็นเงาร่างของหลงเฉินได้หอบสายลมอันคุ้มคลั่งเข้าไปยังยิงฮวาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ลี้ลมทลาย”
“ท่าฟันทลายความหักเห”
“ตูม”
เสียงระเบิดดังสนั่นขึ้นมาอย่างต่อเนื่องจนหยุดการต่อสู้รอบลานประหารไปจนหมดสิ้น พื้นดินโดยรอบเกิดการสั่นไหวอย่างรุนแรงและน่าหวานกลัวจนผู้คนทั้งหลายไม่อาจทรงตัวยืนอยู่ได้จึงเกิดเสียงร่ำร้องด้วยความหวาดหวั่นขึ้นมาเป็นสาย
ฝุ่นควันจากการปะทะกันของเงาร่างทั้งสองเข้าปกคลุมไปทั่วทั้งผืนฟ้าจนไม่อาจเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจน แม้แต่หลงเทียนเซียวเองก็ยังต้องถอยออกไปติดต่อกันอยู่หลายก้าว ทันใดนั้นเองสีหน้าของเขาก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความแตกตื่นตกใจเมื่อมองไปยังเบื้องหน้า
เงาร่างสายหนึ่งแหวกม่านหมอกควันออกมา พลันก็ได้กลิ้งไปตามพื้นอยู่หลายตลบ แม้ชายผู้นั้นจะพยายามยั้งร่างกายเอาไว้ ทว่าด้วยพลังอันมหาศาลเช่นนั้นก็ยังทำให้เขาไถลจมลึกลงไปกับพื้นดินออกไปไกลกว่าสิบจั่งจนเป็นทางยาว
“อัก”
ชายผู้นั้นกระอักโลหิตออกมาคำหนึ่ง เดิมทีเขามีการบาดเจ็บอยู่ภายในเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว การปะทะกันครั้งนี้จึงได้มีโลหิตอีกส่วนหนึ่งหลุดออกมาได้อีก
ชายหนุ่มชุดขาวที่มองดูอยู่จากทางด้านหลังของกลุ่มผู้คนมากมาย ก็ได้มีร่างกายที่สั่นเทาขึ้นมาอย่างรุนแรง แก้วชาในมือก็ได้ทำน้ำชารดไปยังอาภรณ์จนเปรอะเปื้อน เขาจึงรีบเอาแขนเสื้อเช็ดไปตามร่างกายอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งกล่าวพึมพำออกมา
“ผู้มีพรสวรรค์แห่งยุคเลยหรือนั่น ช่างน่าเสียดายเสียจริง”
เมื่อหมอกควันเริ่มจางหายไปก็เผยให้เห็นร่างที่นอนอยู่บนพื้นดินได้อย่างชัดเจน สายตาทุกคู่เบิกกว้างขึ้นมาด้วยความตกใจเป็นอย่างมากกับการปะทะกันอย่างดุเดือด หลงเฉินลอยละล่องไปยังเบื้องหน้าพร้อมทั้งอาภรณ์ที่ปลิวไสว กระบี่หนักที่อยู่ในมือยังคงเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังอันท่วมท้นอยู่
อีกทางด้านหนึ่งเป็นร่างของยิงฮวาที่มีผมเผ้ารุงรัง อีกทั้งยังทอสีหน้าแตกตื่นมองไปยังชายหนุ่มที่กำลังเหาะเหินเดินอากาศเข้ามา ดวงตาคู่นั้นของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวาดกลัวขึ้นมาจนไม่อาจปกปิดได้อีกต่อไป
“ก่อ……โลหิต……”
บัดนี้บนร่างกายของหลงเฉินก็ได้มีการไหลเวียนของพลังโลหิตออกมาอย่างเต็มเปี่ยมจนทำให้รอบด้านเกิดการสั่นไหวของบรรยากาศอย่างแผ่วเบา เป็นอันบ่งบอกได้อย่างชัดเจนแล้วว่าเขานั้นได้เข้าสู่ขอบเขตก่อโลหิตจนสมบูรณ์แล้ว
“ซูม”
ร่างกายของหลงเฉินสลายหายไปในอากาศแล้วก็ได้ปรากฏขึ้นมาใหม่อีกครั้งที่เบื้องหน้าของยิงฮวา ความรวดเร็วเช่นนี้ทำให้ผู้คนที่จ้องมองอยู่แทบไม่อาจที่จะเชื่อสายตาได้ลงแม้แต่น้อย
“เคร้ง”
หลงเฉินไม่ได้กล่าววาจาอันใดออกมาแม้แต่คำเดียว หลังจากทะลวงพลังเข้าสู่ขอบเขตก่อโลหิตได้แล้ว ระดับพลังรวมไปจนถึงพละกำลังของเขาก็ได้เพิ่มสูงขึ้นจนถึงขีดสูงสุด อีกทั้งยังสามารถใช้ท่าร่างไล่วายุออกมาได้รวดเร็วกว่าเดิมหลายสอบเท่า เพียงขยับเข้าไปถึงเงาร่างของยิงฮวา กระบี่ก็ได้ถูกฟันลงอย่างรุนแรงจนเกิดสภาวะแห่งขุมพลังอันเยือกเย็นปกคลุมไปทั่วทั้งผืนฟ้า
“ลี้ลมตัด”
ยิงฮวาทอสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง เขาไม่คิดเลยว่าหลงเฉินจะสามารถเปลี่ยนกระบวนท่าได้อย่างรวดเร็วจนถึงเพียงนี้ แม้เป็นถึงยอดฝีมือขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นต่างก็จำเป็นที่จะต้องพักช่วงก่อนสักระยะหนึ่งก่อนที่จะใช้ทักษะยุทธ์ระดับพสุธาออกมาได้ ทว่าชายหนุ่มผู้นี้แทบจะไม่ต้องกระทำเช่นนั้นเลย เพียงแค่ยกมือขึ้นมาแล้วฟันลงมาก็สามารถใช้ออกมาได้แล้ว
กระบวนท่าเมื่อครู่นี้ก็ได้ทำให้ยิงฮวาได้รับบาดเจ็บจนบอบช้ำไปถึงภายในแล้ว ในตอนนี้หลงเฉินยังจะออกกระบวนท่าเข้าโจมตีมาอีกครั้งหนึ่ง อีกทั้งพลังทำลายก็ไม่ได้มีความแตกต่างจากก่อนหน้านี้เลยแม้แต่เสี้ยวเดียว จึงยิ่งทวีความตกใจจนวิญญาณแทบจะหลุดลอยออกไปจากร่างด้วยความหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด
ส่วนกระบี่หยกในมือของเขาก็ได้ถูกหลงเฉินทำลายจนกลายเป็นเศษเล็กเศษน้อยไปแล้ว ทั้งสองมือของเขาจึงมีแต่ความว่างเปล่า เมื่อเห็นว่าหลงเฉินยังฟันกระบี่ลงมา เขาจึงรีบนำแผ่นป้ายห้าแฉกชูไปยังเบื้องหน้าเพื่อใช้แทนโล่หนัก แรงกระแทกอันหนักหน่วงทำให้เขาเกิดความเจ็บปวดและร้อนระอุไปทั่วทั้งร่างกายจนต้องถอยกายออกไป
เขาไม่ได้หวังว่าแผ่นป้ายต่างโล่ชิ้นนั้นจะสามารถต้านทานกระบวนท่าของหลงเฉินได้ เพียงแต่หวังจะให้ตัวเองได้มีโอกาสในการถอยออกมาได้ก็เท่านั้นเพื่อหลุดพ้นจากสภาวะการโจมตีของหลงเฉิน
“ตูม”
เสียงกระทบกันดังกึกก้องขึ้นมา กระบวนท่าของหลงเฉินถูกทำลายจนกลายเป็นสายลมพัดผ่านไปอย่างไรอย่างนั้น ทว่าเพียงแค่พริบตาเดียวก็ได้ก่อเกิดเป็นพายุหมุนอันน่าหวาดหมุนวนอย่างบ้าคลั่ง
ถึงแม้ยิงฮวาจะถอยออกไปได้อย่างกระชั้นชิด ทว่าเขากลับไม่ทราบถึงทักษะยุทธ์ระดับพสุธาของหลงเฉินว่ามีระยะการโจมตีมากมายเพียงใด
“ฉับฉับฉับ”
ร่างกายของยิงฮวาถูกตัดเป็นสองท่อนลอยละล่องขึ้นไปกลางอากาศ สายโลหิตของร่างกายถูกฉีดพ่นออกมาอย่างบ้าคลั่ง
“ลี้ลมแทง”
เสียงตะโกนเสียงหนึ่งดังขึ้นมาประดุจมาจากขุมนรกชั้นที่ลึกที่สุด อีกทั้งยังคล้ายกับเสียงพิพากษาจากเทพแห่งความตายกำลังไหลผ่านเข้าไปในโสตประสาทของยิงฮวา
“เชอะ”
ร่างท่อนหนึ่งของยิงฮวาที่กำลังร่วงหล่นลงพื้นกลับถูกหยุดลงที่กลางอากาศด้วยปลายกระบี่หนักของหลงเฉินที่แทงทะลุกลางทรวงอกของเขา
ผู้คนทั่วทั้งลานประหารตกอยู่ภายใต้ความเงียบงันขึ้นมาราวกับอยู่ในป่าช้า นอกเสียจากการต่อสู้ของปรมาจารย์หวินฉีที่อยู่ห่างไกลออกไปก็ไม่มีผู้ใดกล้าขยับเยื้อนร่างกายเลยแม้แต่น้อย
ยิงฮวามองไปยังบาดแผลบนร่างกายของตัวเองด้วยความไม่อยากจะเชื่อในสายตา เขาไม่อาจทนความเจ็บปวดได้ต่อไป อีกทั้งยังรู้สึกว่าร่างกายของเขาเย็นยะเยือกขึ้นมาทีละน้อย
พลันก็ได้เงยหน้าขึ้นไปมองยังด้ามกระบี่หนักที่ปักอยู่กลางทรวงอก แล้วเลื่อนสายตาไปยังเจ้าของกระบี่เล่มนั้นที่ภายในดวงตาไร้ซึ่งความเมตตาจนน่าหวาดกลัวกำลังจ้องมองมาที่เขาอยู่
“ยิงฮวา ในตอนที่เจ้าไล่ล่าข้า ข้าเคยบอกออกไปแล้วว่าบิดาของข้าสามารถตัดนิ้วมือของเจ้าได้ เช่นนั้นข้าก็สามารถตัดศีรษะของเจ้าออกมาได้เช่นกัน”
“ฉับ”
กระบี่หนักถูกกระชากออกมาจากทรวงอกของยิงฮวาอย่างรุนแรง แล้วก็ได้ตวัดกลายแหลมไปที่คอของยิงฮวาจนศีรษะลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า จากนั้นก็กลิ้งเกลือกไปตามพื้นอย่างไร้ความปราณี
“ตระกูลหลงพูดได้ก็ย่อมต้องทำได้ ครั้งนี้เจ้าก็คงจะเชื่อแล้วใช่หรือไม่”....
ติดตามตอนอื่นๆเพิ่มเติมได้ที่ : 9 ดารา <<< (ถึงตอนที่ 269 แล้วครับ)