ตอนที่แล้วซัพที่20: ภารกิจเลือกเฟ้นฮ่องเต้อะไร ข้าไม่ทำมันแล้ว!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปซัพที่22: ขว้างงูทั้งที พ้นคอสักรอบจะได้ไหม?!

ซัพที่21: มันเป็นไปตามพล็อต


ซัพที่21: มันเป็นไปตามพล็อต

เหมือนการเดินทางตามหาทะเลสาบจะนาน แต่แท้จริงกลับใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง จินหลงให้ทุกคนใช้วิชาตัวเบา เคลื่อนตัวไปหาที่ว่างใกล้ทะเลแหล่งน้ำ เมื่อครบสองชั่วโมง พวกเขาจึงมารวมกัน

“เป็นไง เจอไหม?” เจ้าตัวแสบนั่งอู้ปล่อยให้คนอื่นลงแรง จื่อจงนับจำนวนคน ไม่สนใจสิ่งที่จินหลงพูด

“ขาดไปคนนึง” องค์ชายตัวแสบหันมากระพริบตาปริบๆ ก่อนจะหันกลับไปมองสมาชิกกลุ่ม

“เดี๋ยวก็มา น่าจะมาแบบ.. ข้าเจอแล้ว ข้าเจอแหล่งน้ำแล้ว!” จินหลงแกล้งทำท่าตาลีตาเหลือกตะโกนร้องอย่างตื่นเต้น

“มันจะเป็นแบ..”

“ทุกคน! ข้าเจอทะเลสาบแล้ว! ข้าเจอทะเลสาบแล้ว!!” เสียงเด็กหญิงรุ่นราวคราวเดียวกับจื่อจงตะโกนดังไปทั่ว พร้อมกับร่างบางที่กระโดดมาตามกิ่งไม้

จื่อจงที่เห็นดังนั้นถึงกับอ้าปากค้าง หันมามองจินหลงอย่างไม่อยากเชื่อสายตา

“เจ้า..รู้ได้ยังไง” เจ้าตัวแสบเก๊กหน้าหล่อ ยักคิ้วกวนประสาท

“มันเป็นไปตามพล็อต” จื่อจงฉงน

..พล็อตคืออะไร?

“นี่พวกเจ้าสนข้าหน่อยสิ ข้าบอกว่าข้าเจอทะเลสาบแล้ว!” นางโวยวายชักสีหน้า เมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมสนใจ

“แล้วทะเลสาบนั่นอยู่ไหนล่ะ” จื่อจงหันมาสนใจ ก่อนแม่สาวน้อยจะเปลี่ยนมาชกหน้าพวกเขาแทน

“อยู่ในป่าลึกเลย ป่าตรงนั้นค่อนข้างเป็นป่าดิ้บชื้น ไม่รู้ว่าจะมีอันตรายไหม กว่าจะเข้ากว่าจะออกได้ก็นานอยู่ ข้าเลยยังไม่ได้สำรวจพื้นที่” เธอตอบ

“จะลองไปดูไหม?” จื่อจงหันไปถามหัวหน้ากลุ่ม

“ก็ต้องไปดูอยู่แล้ว หรือมีใครหาที่อื่นได้?” จินหลงตะโกนถามเด็กคนอื่น

“ส่วนมากก็เป็นแม่น้ำที่มีหมู่บ้านแล้วทั้งนั้น” เด็กคนหนึ่งตอบ จินหลงจึงลุกขึ้น

“งั้นก็ไปกัน!”

 

เส้นทางช่างลำบากยิ่งกว่าที่คิดนัก เพราะมีต้นไม้และเถาวัลย์เยอะ ทำให้เด็กหลายคนต้องล้มลุกคลุกคลาน

“เอ้าๆ เร็วกันหน่อย ขืนช้าเดี๋ยวก็มืดหรอก” จินหลงทำท่าวิ่งย่ำเท้าอยู่บนกิ่งไม้

“เจ้าก็พูดได้สิ พวกข้าไม่ได้เชี่ยวชาญวิชาตัวเบาแบบเจ้านะ” เด็กวัยเดียวกันยู่ปากโวยวาย จินหลงยักไหล่

“เอ้า ฝึกไม่พอเองแล้วอย่ามาโทษข้าสิ” เจ้าตัวแสบยิ้มเย้ย จื่อจงจึงต้องรีบห้ามทัพ

“พอๆๆ น้องอยู่ร์ เจ้านำไปก่อนล่วงหน้าแล้วกัน ข้าจะดูทุกคนให้เอง” จินหลงพยักหน้า

“แบบนั้นก็ดี เพื่อมีอะไรข้าจะได้จัดการซะก่อน” พูดจบ เจ้าตัวแสบจึงรีบมุ่งหน้าเข้าไปในป่าลึกอย่างคล่องแคล่ว ด้วยความเร็วที่หลายคนอ้าปากค้าง

“นี่เจ้าอยู่ร์มันเร็วขึ้นอีกแล้วเรอะ!!”

 

เจ้าตัวแสบใช้เวลาเพียงห้านาทีในการมาถึงทะเลสาบ ความงดงามของมันทำให้เขาตื่นตะลึง แม้บริเวณโดยรอบจะไม่ได้กว้างนัก แต่ก็เหมาะจะอาศัย

เหมาะเหม็งจริงๆ เอาที่นี่แหละ!

พลันจิตสังหารจึงพุ่งมาจากด้านหลัง เจ้าตัวแสบเอี้ยวตัวหลบมีดสั้นที่พุ่งเข้ามา

ตุ่ม

เสียงมีดตกลงบนทะเลสาบไม่ได้ทำให้จินหลงสนใจอะไร เจ้าตัวแสบหันไปยังต้นเรื่อง พร้อมยกแขนกันลูกเตะอีกฝ่าย จินหลงบิดแขนตัวเองเพื่อคว้าขาของอีกฝ่าย หวังเหวี่ยงลงทะเลสาบ

เท้าซ้ายที่ว่างของศัตรูเตะไปที่ปลายคางของจินหลง ด้วยระยะขาของอีกฝ่ายที่ยาวกว่าแขนของเด็กชาย เขาจึงรีบปล่อยมือแล้วกระโดดถอยฉากตามสเต็ป

“ทำบ้าอะไรเนี่ย!” จินหลงร้องโวยวาย

นี่ดีแค่ไหนแล้วที่เขาเป็นวรยุทธ์!

“ฝีมือไม่เลวนี่” เด็กชายวัยประมาณสิบปีกล่าว ทำเอาจินหลงแอบนึกถึงจื่อจงขึ้นมา ทว่าเด็กคนนี้กลับมีแผลไฟไหม้ขนาดใหญ่ที่แขนซ้าย

“ฝีมือไม่เลว ก็แปลว่าฝีมือดี รู้อยู่ว่าข้าฝีมือดีแล้วจะมาหาเรื่องทำไม” จินหลงยักไหล่

“เจ้าหาเรื่องเองต่างหาก ไม่รู้หรือไงว่านี่ถิ่นพวกข้า” เด็กชายเอ่ย พร้อมกับชักมีดออกมาจากด้านหลังสองเล่ม

“เดี๋ยวๆ นี่จะฆ่ากันเลยหรือไง ข้ายังเด็กอยู่นะเห้ย!” เจ้าตัวแสบเอาอายุมาอ้าง

“แล้วไง? อายุเจ้ากับข้ามันต่างกันตรงไหน!” พูดจบมีดสั้นในมืออีกฝ่ายจึงเฉียดหน้าจินหลงไป สัมผัสแสบที่แก้ม ทำให้เขาต้องยกมือแตะ ก่อนจะพบเลือดสีแดงเปื้อนบนมือ

“นี่เอาจริงเลยเรอะ! มีไรก็พูดกันดีๆ ค่อยพูดค่อยจาสิเห้ย!” จินหลงเอี้ยวตัวหลบมีดแหละลูกเตะไปมา เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ยอมฟัง จึงหมดความอดทน

“พอสักที!! ปึ๊ก!” ตวาดเสร็จ ฝ่ามือเล็กจึงกระแทกเข้ากับท้องอีกฝ่าย แรงที่ถูกซัดนั้นทำเอาอีกฝ่ายตาเหลือก ร่างของเขาพุ่งไปกระแทกเข้ากับต้นไม้อย่างแรง

“อั๊ก!!” เลือดสีแดงสดทะลักออกมาจากปากเล็ก จินหลงถึงกับตาเหลือก รีบวิ่งไปดูอาการ

ซวย! ดันใส่แรงเยอะไป!

“นี่! เป็นอะไรหรือเปล่า!” เจ้าตัวแสบเข้าไปหวังจะช่วยเหลือ ทว่ากลับถูกปัดมือออก

“ถอยไป!” เด็กชายพยายามพยุงตัวขึ้น ดวงตาเต็มไปด้วยความเคียดแค้น

“อะไรของเจ้า! จะฝืนขนาดนี้เพื่ออะไร!” จินหลงต่อว่า ไม่เข้าใจเด็กตรงหน้า

“ข้า..ข้าไม่ให้เจ้าเข้าไปหรอก” เด็กชายยืนด้วยท่าทางโซเซ

เข้าไป? เข้าไปอะไร ข้าเพิ่งออกมาจากป่านะเห้ย! จะให้กลับเข้าไปทำไม?

“เข้าไป? เข้าไปไหน?” จินหลงงุนงง อีกฝ่ายเงยหน้ามองเขา เมื่อเห็นใบหน้าองค์ชายน้อยเหลอหลา จึงได้แต่กระพริบตาปริบๆ

“เจ้า..ไม่ใช่สายของทางการหรือ?” เจ้าตัวแสบใช้มือตบหน้าผาก แล้วลูบหน้าตัวเอง

“สายของทางการบ้าอะไร เด็กแปดขวบอย่างข้าเป็นได้หรือไง!” จินหลงโวยวาย เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ใช่สายของทางการ เด็กชายจึงถอนหายใจโล่งอก ก่อนจะทรุดลงนั่งพิงต้นไม้ กุมท้องตัวเองด้วยความเจ็บปวด

“โอย.. แล้วนี่ ข้าจะเจ็บตัวเพื่ออะไรกัน” เขาโอดโอยพลางเช็ดเลือด จินหลงจึงนั่งลงตรงข้าม

“แล้วสรุปมันเรื่องอะไรกันแน่ ทำไมเจ้าถึงคิดว่าเด็กตัวกระเปี๊ยกอย่างข้าเป็นสายให้ทางการได้” เจ้าตัวแสบถามคำถามที่คาใจ อีกฝ่ายเหลือบตามองหน้าเขา

“ก็ข้าได้รับรายงานว่า มีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งมุ่งมาทางนี้ ทั้งยังมีเด็กชายคนหนึ่งมีวรยุทธ์สูงดูเก่งกาจเกินปกติ จึงคาดว่าอาจเป็นสายของทางการที่ส่งมา” เขาอธิบาย

“แล้วทำไมทางการต้องจับพวกเจ้า?” สายตาที่หลุบและเสมองไปทางอื่นของเด็กชาย ยิ่งทำให้จินหลงอยากรู้

“บอกมาเถอะ กลุ่มคนที่กำลังมุ่งมาทางนี้ก็ล้วนเป็นครอบครัวข้าทั้งนั้น ทุกคนไม่มีใครทำงานให้ทางการ” จินหลงพยายามโน้มน้าว

“ครอบครัว? ครอบครัวเจ้าใหญ่เกือบสี่สิบเลยหรือ?” เจ้าตัวแสบส่ายหน้าพัลวัน

“พวกเขาล้วนแต่เป็นเด็กกำพร้าที่อาศัยอยู่ในเมือง เมื่อสามปีที่แล้วข้าได้รวมพวกเขาเข้าด้วยกัน แล้วพยายามสอนพวกเขาให้เอาชีวิตรอด” เด็กชายเลิกคิ้ว

“ตลก สามปีก่อนเจ้าก็เป็นเพียงเด็กตัวกระเปี๊ยกเท่านั้น” จินหลงรีบเก๊กหล่อ

“แน่น๊อนนน คนมันเก่ง จะอายุเท่าไรก็เก่งอยู่วันยังค่ำ ไม่เชื่อเจ้ารอถามพวกเขาก็ได้” สายตาอีกฝ่ายดูไม่อยากเชื่อนัก จินหลงจึงแนะนำตัว เพื่อเด็กชายจะเปิดใจบ้าง

“ข้าสกุลเหอ ชื่ออยู่ร์หาน เจ้าล่ะ?” อีกฝ่ายเกาคอ พ่นลมหายใจอย่างเลี่ยงไม่ได้

“ข้าติงอี้เทา” เด็กชายแนะนำตัว

“งั้นติงอี้เทา บอกข้าได้หรือยังว่าทำไมเจ้าถึงถูกทางการตามล่า ถ้ามันอันตรายมาก ข้าจะได้พาพี่น้องย้ายไปอยู่ที่อื่น” จินหลงถามต่อ อี้เทาเลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้น

“พวกเจ้าจะมาอยู่ที่นี่หรือ?” จินหลงพยักหน้า

“ทำไมล่ะ?” อี้เทามีท่าทางอึกอัก คล้ายลังเลจะพูด

“เพราะพวกเจ้าเป็นเด็กกำพร้าเหมือนพวกข้า.. พวกข้าก็อยากให้พวกเจ้าอยู่ด้วยหรอกนะ แต่..อย่าเลยดีกว่า” อี้เทาไม่กล้ามองหน้าจินหลง

“ทำไมล่ะ?” เจ้าตัวแสบถามซ้ำ หวังจะคาดคั้นอีกฝ่ายให้พูดหมดเปลือก

“เจ้าอย่าถามมากเลย ข้าบอกให้ไปก็ไปเถอะ” เด็กชายยังคงดึงดัน จินหลงพ่นลมหายใจ

“ติงอี้เทา เจ้าเคยได้ยินหรือไม่ สองหัวย่อมดีกว่าหัวเดียว การที่เจ้าบอกว่าเพราะพวกข้าเป็นเด็กกำพร้าเหมือนพวกเจ้า แสดงว่าเจ้าก็มีกลุ่มของเจ้าใช่หรือไม่” อี้เทาเงยหน้ามองจินหลงตาโต

“และจากที่เจ้าออกมาหาข้าด้วยตัวเอง ทั้งเจ้ายังมีวรยุทธ์สูงส่ง ย่อมแปลว่าเจ้าคือหัวหน้ากลุ่ม” อี้เทาเม้มปาก กำหมัดแน่น

“เจ้าบอกว่าคนของเจ้าเห็นพวกข้า.. แต่ทำไมถึงไม่เห็นพี่น้องข้าที่มาถึงที่นี่ก่อนพวกข้าหนึ่งชั่วโมง? ให้ข้าเดาคงเพราะพวกเจ้ามีจำนวนน้อยสินะ ใช่ไหม?” จินหลงวิเคราะห์อย่างรวดเร็ว

“เจ้า..คิดได้ขนาดนั้นได้ยังไง?” อี้เทาไม่อยากเชื่อหู

“เออน่า เจ้าเล่ามาได้แล้ว นี่มันเกิดอะไรขึ้น เพื่อมีอะไรข้าช่วยได้จะได้ช่วย” ความหวังดีของจินหลง ทำให้อีกฝ่ายโลเล เพราะเห็นว่าจินหลงไม่ใช่ผู้ใหญ่ ทั้งสถานการณ์ตอนนี้ยังคับขัน หากได้คนช่วยตอนนี้คงดีนัก

“พวกข้ามาจากเมืองอู่ที่ถูกเผาทำลาย เจ้าเมืองพวกข้าเห็นว่าแคว้นอวี้ไม่หวังดี จึงไม่ยอมสวามิภักษ์ และส่งสารไปขอให้แคว้นเจิ้งช่วยเหลือ ทว่ากลับไร้การตอบรับ ทำให้บ้านเมืองของเราถูกทำลาย โชคดีที่มีทางหมาลอด ทำให้ข้าและเพื่อนรอดตายได้อย่างหวุดหวิด แต่ก็เกือบเผาทั้งเป็น” จินหลงเหลือบมองแผลที่แขนของอี้เทา เมื่อมองดีๆ แล้วจึงพบว่าบริเวณคอข้างเดียวกันก็มีแผลไฟไหม้

“พวกข้าเดินทางกันมาเรื่อยๆ จนได้พบเด็กกำพร้าคนอื่นในป่า เมื่อไม่มีเงินซื้ออาหารจึงต้องดักปล้นพ่อค้าหรือผู้ไร้วรยุทธ์ที่ผ่านไปมา แรกๆ ก็ลำบากนัก เพราะพวกข้าหลายคนไร้วิชา ทำให้พวกพ้องต้องล้มตาย คนที่ถูกจับได้ก็ถูกเค้นถามถึงที่ซ่อนของพวกเรา ทำให้พวกข้าต้องคอยระวังผู้คน” อี้เทาอธิบาย

“ออ ที่แท้เจ้าก็เป็นหัวหน้าโจร มิน่าถึงได้ไม่ยอมบอกข้า” จินหลงใช้ศัพท์ได้ตรงจุด

“ข้าก็ไม่ได้อยากเป็นหรอก แต่คนที่มีอยู่ทำอะไรไม่ได้เลยนี่สิ แล้วตอนนี้เกิดเรื่องขึ้นมาอีก ข้าไม่รู้จะทำเยี่ยงไรแล้ว” อี้เทาพิงศีรษะกับต้นไม้

“เรื่องอะไรอีกละ เจ้าจะเล่าก็เล่าให้หมดสิเห้ย จะอุบไว้รอข้าถามทำไม” จินหลงบ่นโวยวาย อี้เทาหรี่ตามองหน้าเขา

“ข้าก็กำลังจะเล่าอยู่นี่ไง ตอนนี้ในกลุ่มของข้าเกิดโรคระบาด เพื่อนๆ ต่างล้มป่วยกันไปทีละคนๆ จนเริ่มมีคนล้มตายแล้ว” ใบหน้าของอี้เทาดูเศร้าหมองหลง

“แล้วทำไมไม่ไปซื้อยาหรือให้หมอตรวจล่ะ?” เด็กชายมองหน้าจินหลงราวกับจะถามว่าที่พูดมานี่คิดก่อนถามแล้วหรือ

“เจ้าจะบ้าหรือไง ไปหาหมอต้องใช้เงินมากขนาดไหน พวกข้ามีคนป่วยร่วมสิบคน อย่าว่าแต่หาหมอเลย สมุนไพรยังซื้อไม่ได้เลย” อี้เทาโวยวาย จินหลงเกาคาง ก่อนจะบอกว่า

“งั้น ลองให้จื่อจงดูหน่อยไหมล่ะ?”

 

“แล้ว...เพราะงั้นเจ้าก็เลยมานั่งรอข้าตรงนี้?” จื่อจงเมื่อมาถึง ก็พบจินหลงนั่งเตะน้ำอยู่คนเดียว เมื่อเข้าไปทัก เจ้าตัวแสบก็เล่าเรื่องราวออกมาอย่างไม่หยุด

“ช่าย ข้ารอให้ท่านพี่จื่อจงผู้แสนเก่งกาจไปช่วยดูอาการให้พวกเขาหน่อย” จินหลงแกล้งพูดยกยอ

“ไม่ต้องมาเนียนยกยอข้าเลย เจ้าก็รู้ว่าข้าเพียงเรียนผ่านตำรา รักษาแต่โรคง่ายๆ” จื่อจงและพวกวางสัมภาระลง

“เอาน่า เพื่อเจ้ารู้ไงล่ะ ถ้าเจ้าไม่รู้ไว้ข้าค่อยใช้ไพ่ตายก็ได้” เจ้าตัวแสบยังคงเตะน้ำอย่างสบายใจ

“แล้วคนป่วยอยู่ไหน?” อี้เทาหยิบผ้าผืนเล็กออกมาจากห่อสัมภาระสองผืน

“ไม่รู้” ขณะที่จะนำผ้าชุบน้ำ เขาก็ต้องชะงักกับคำตอบของเจ้าตัวแสบ หันไปมองหน้าอีกฝ่ายเพื่อความแน่ใจ และเมื่อเห็นดวงตาขี้เล่นคู่นั้น จื่อจงจึงกระแทกผ้าลงในน้ำ แล้วปาใส่หน้าจินหลงผืนหนึ่ง

“ปิดปากปิดจมูกไว้ แล้วพาข้าไปได้แล้ว”

 

เมื่อจินหลงนำทางมาจนถึงกระท่อมเล็กๆ หลายหลังที่ถูกปลูกแทรกไว้ในป่า อี้เทาจึงรีบมาหาเขา

“คนนี้หรือจื่อจงที่เจ้าว่า?” อี้เทาเงยหน้ามองจื่อจงที่สูงกว่าเขาไม่มากนัก

“ข้านี่แหละจูจื่อจง บอกไว้ก่อนนะว่าข้าไม่ใช่หมอ แค่พอเป็นวิชาแพทย์” จื่อจงดักทาง ก่อนจะหรี่ตามองลงมาที่เจ้าตัวแสบที่มองสอดส่องไปทั่ว

อยากรู้จัง ถ้าเจียงสงรู้ว่าข้ามายังที่ๆ มีโรคระบาด จะทำหน้ายังไง ฮ่าๆๆ

“แล้ว..ไหนละคนป่วย?” จินหลงหันไปถามอี้เทา เขาจึงรีบเดินนำ

“ทางนี้เลย พวกข้าแยกคนป่วยไว้อีกที่แล้ว” จื่อจงรีบเดินตาม โดยไม่ลืมที่จะถามอาการไปด้วย

“แล้วอาการเป็นยังไงบ้าง” ท่านหมอจำเป็นถาม

“บางคนเป็นไข้หนาวสั่น บางคนก็ปวดท้องอาเจียนไม่หยุด ร้ายแรงสุดก็มีเลือดออกตามตัว” อี้เทาอธิบายอาการคร่าวๆ จินหลงนึกภาพตาม ก่อนภาพซีรีส์เรื่องหนึ่งจะแล่นเข้ามาในหัว เขารีบกระชากแขนจื่อจงไว้ให้หยุดเดิน ดวงตาเบิกโผล่ง

“เจ้าหยุดเดินทำไม?” อี้เทาหันกลับมาถาม เช่นเดียวกับจื่อจงที่ฉงน จินหลงส่ายหน้าช้าๆ

“ไม่.. ไม่ดีแล้ว โรคนี้ท่านพี่รักษาไม่ได้แน่” จินหลงเงยหน้าพูดกับจื่อจงด้วยใบหน้าจริงจังอย่างที่อีกฝ่ายไม่เคยพบ

“ทำไม? เกิดอะไรขึ้น? จริงอยู่ว่าอาการฟังดูรุนแรง แต่ข้ายังไม่ได้เห็..” จื่อจงยังไม่ทันถามจบ จินหลงก็รีบตวาดแทรก

“ไม่ต้องไปดูแล้ว! รีบกลับไปหาทุกคนเร็ว ให้ทุกคนออกห่างจากบริเวณนี้ ห้ามใครกินน้ำจากในทะเลสาบด้วย ติงอี้เทา เจ้ารีบรวมกลุ่มเจ้าไปไว้อีกที่ ข้าจะรีบพาหมอมา!” จินหลงสั่งการ

“เจ้าจะพาหมอมาทำไม! ข้าบอกแล้วว่าข้าไม่มีเงิน!” อี้เทาค้าน เจ้าตัวแสบตวัดสายตาไปทางเขา

“เรื่องเงินเจ้าไม่มีแต่ข้ามี!” จินหลงตอบกลับ อี้เทายิ่งไม่เข้าใจ

อีกฝ่ายจะยอมจ่ายเงินเพื่อช่วยคนที่ไม่รู้จักอย่างพวกเขาเลยหรือ?

“อยู่ร์หาน เจ้ารู้หรือว่านี่มันโรคอะไร?!” จื่อจงถาม จินหลงจึงพยักหน้า

“มันคือ.. โรคยอดฮิตของซีรีส์จีนโบราณ กาฬโรค!!”

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด