ตอนที่แล้วบทที่ 6 : อบิลิตี
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 8 : ความสงบก่อนพายุ

บทที่ 7 : ผู้ถูกเลือกปะทะนิดฮอก


บทที่ 7 : ผู้ถูกเลือกปะทะนิดฮอก

 

หลายนาทีก่อนเริ่มการต่อสู้กับนิดฮอก

 

“ขอบอกให้ชัด ๆ อีกครั้ง กลุ่มบีตาของเราจะร่วมด้วยไม่ใช่เพราะเห็นลูกฮึดแล้วประทับใจอะไรหรอกนะ แต่เพราะมีไอ้บ้าที่วนลูปแพ้ไม่รู้กี่สิบรอบทำให้พอจะมองเห็นจุดอ่อนของมันได้ต่างหาก”

 

“ยังไงก็ต้องขอบใจที่มาช่วยแหละ แล้วจุดอ่อนที่ว่าคือ…”

 

“นายว่าอะไรคือการโจมตีที่อันตรายที่สุดของนิดฮอก”

 

“...อันตรายที่สุดงั้นเหรอ” กิลเลนกุมคางใช้ความคิด

 

“ก็ต้องพลังย้อนเวลาน่ะสิ” จีคชิงตอบก่อนซึ่งหลาย ๆ คนที่ล้อมวงฟังอยู่ก็คิดไม่ต่างกัน

 

“การโจมตีทั้งหมดของนิดฮอกอันตรายทั้งนั้น กัดด้วยกรามยักษ์ ตะปบด้วยกรงเล็บ ฟาดด้วยหางที่คมกริบ ทุกอย่างสามารถทำให้ถึงชีวิตได้ในครั้งเดียว…” กิลเลนพยายามนึกภาพการต่อสู้ที่ผ่านมาไปด้วย ทั้งหมดที่ว่ามาล้วนอันตรายไม่ได้แตกต่างจากพลังย้อนเวลาเลยสักนิด แต่ว่า…

 

“ท่าฮีทบลาสต์” เขาตัดสินใจได้แล้วจึงตอบออกไป ในบรรดาการโจมตีทั้งหมดของนิดฮอกท่าปล่อยคลื่นความร้อนสูงจากปากนี่แหละที่เขาคิดว่าหนักหนาที่สุดแล้ว

 

“ท่านั้นมีรัศมีการโจมตีที่กว้างมาก เรียกได้ว่าถ้าไม่เตรียมหาที่กำบังไว้ก่อน โอกาสตายก็เกือบจะร้อยเปอร์เซนต์เลยทีเดียว ใช่... คำตอบของนายถูกแล้วกิลเลน” แพทริคเฉลย

 

“พูดอะไรของพวกนายน่ะ ก็เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าไอ้พลังที่ย้อนเวลาได้มันขี้โกงกว่า” จีคแย้งขึ้น ไม่แปลกเลยที่เขาจะคิดแบบนั้นเกินกว่าครึ่งที่เขาถูกฆ่าในภารกิจจำลองนี้ก็มาจากการใช้พลังนี้นี่เอง

 

“พลังนั่นมันมีจุดอ่อนอยู่ นายเองก็คงรู้ตัวแล้วสินะ” คำพูดของแพทริคทำให้กิลเลนพยักหน้าช้า ๆ เขาเองก็เพิ่งรู้สึกตัวในเรื่องนี้ได้ไม่นาน

 

“การย้อนเวลาของเจ้านั่นทำต่อเนื่องไม่ได้ และข้อเสียที่ร้ายที่สุดคือคนที่ได้รับผลของการย้อนเวลานี้จะรู้ตัวตลอดว่าเกิดอะไรขึ้น แม้ว่าจะถูกบังคับให้ทำในสิ่งเดิม ๆ แต่สุดท้ายเมื่อเวลากลับมาในจุดที่เดินต่ออีกครั้งทุกคนจะสามารถเปลี่ยนการตัดสินใจได้เหมือนกับนิดฮอก”

 

แพทริคได้ยินแบบนั้นก็ตบมือฉาดใหญ่ “เฮ่ย ไม่เลวนี่นา รู้ไปถึงขนาดนั้นแล้วรึ นี่ฉันยังคิดอยู่เลยว่านายวนไปหลายสิบรอบแบบไร้ประโยชน์น่ะ”

 

“เดี๋ยวสิ พูดอะไรไม่เห็นจะเข้าใจเลย อะไรคือเปลี่ยนการตัดสินใจ” จีคแสดงหน้าตาของคนตามไม่ทันออกมา มันเป็นสีหน้าแบบเดียวกับผู้ถูกเลือกและคาตาลิสต์อีกหลายสิบคนที่ยืนฟังอยู่รอบ ๆ

 

“คือแบบนี้นะ พลังของนิดฮอกจะย้อนเวลากลับไปราว 21.24 วินาที แต่การย้อนของมันจะทำให้ตัวมันเองและผู้ที่ได้รับผลกระทบรับรู้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นไปด้วยกัน เมื่อเวลาเริ่มเดินใหม่อีกครั้งอย่างน้อย 15 วินาที ทุกคนรวมทั้งนิดฮอกจึงจะได้สิทธิ์ในการเคลื่อนไหวให้แตกต่างจากสิ่งที่เคยเกิดขึ้นไปแล้วยังไง”

 

จีคฟังกิลเลนแล้วก็อึ้งนิ่ง เขาเคยคิดว่าหมอนี่น่าจะโง่พอ ๆ กับตัวเองแต่พออีกฝ่ายพูดเรื่องเข้าใจยากออกมา เขาก็เริ่มมองหาตัวช่วยจากโดยรอบ น่าเจ็บใจที่ดูเหมือนว่าหลาย ๆ คนจะเริ่มเข้าใจสิ่งที่กิลเลนพยายามบอก

 

“ในครั้งแรกที่มันใช้พลังนี้” เนวิลพยายามนึกภาพตาม “หลังจากสิบห้าวินาทีแล้ว มันก็เปลี่ยนจากการตวัดหางใส่ เป็นการยิงคลื่นความร้อนจากปาก”

 

“ใช่… แล้วถ้าดูประวัติการต่อสู้ให้ดี เกือบทุกรอบที่เราเสียท่าก็เพราะการโจมตีลักษณะนี้แทบทั้งนั้น ท่าฮีทบลาสต์ของมันรุนแรงเด็ดขาดก็จริง แต่ก็เหมือนกับท่าย้อนเวลาที่ใช้ต่อเนื่องไม่ได้ มันจึงมักจะโจมตีแบบอื่นเพื่อเป็นนกต่อจากนั้นจึงหาจังหวะใช้การประสานสองอย่างนี้ปิดฉาก”

 

“ก็เลยจะบอกว่า… ถ้าจัดการกับไอ้ท่าฮีทบลาสต์อะไรนั่นได้ การย้อนเวลาก็จะไม่ได้น่ากลัวสินะ” จีคลองสรุปแบบเดาส่งดู เขาใช้หางตาเหลือบไปมองแพทริคแล้วก็โล่งใจเพราะไม่โดนคนปากร้ายแขวะเอา

 

“นี่แกคิดเรื่องนี้ออกนานแล้วเหรอ” โอเวนจ้องกิลเลนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย

 

“ไม่เชิงว่าคิดออกหรอก” เขาส่ายหน้า “ก็แค่สู้กับมันบ่อยจนเริ่มจับได้มากกว่า”

 

แพทริคถือวิสาสะจัดแบ่งกลุ่มสมาชิกทั้งหมดใหม่โดยไม่ถามความสมัครใจของใคร เขาอธิบายว่าการจัดกลุ่มแบบเดิมไม่ได้ประโยชน์เท่าที่ควรจึงแบ่งใหม่ตามหน้าที่ในการต่อสู้ในครั้งนี้

 

“แดเมจดีลเลอร์” ประกอบไปด้วยสมาชิกที่มีพลังทำลายสูงและมีสัญชาตญาณที่ดีในการแยกแยะว่าควรบุกหรือถอยเมื่อไหร่ กลุ่มนี้มีกิลเลนที่ทุกคนยอมรับในพลังโจมตีเป็นแกนหลัก จีคและเดซีที่ใช้เพลิงกับดาบเล่มใหญ่ บาร์เรตและดาห์เลียที่เปลี่ยนวัตถุเป็นระเบิด ทอดด์ ไทเกอร์อดีตนักมวยรุ่นเฮฟวีเวทหัวหน้าทีมเอปไซลอนและไดอาธัสผู้มีพลังควบคุมลม

 

กลุ่มที่สองคือ “ดีคอย” ที่มีหน้าที่หลอกล่อนิดฮอกให้หันมาโจมตีพวกเขาก่อน สมาชิกกลุ่มนี้เกือบทั้งกลุ่มมีทักษะเกี่ยวกับการสร้างเป้าหมายหลอกล่อ มีลูกล่อลูกชนที่ทำให้ศัตรูสับสน แม้จะต่อต้านในตอนแรกแต่โอเวนก็ยอมรับหน้าที่นำกลุ่มนี้พร้อมกับกาซาเนียที่มีพลังในการเรียกใช้สัตว์ที่สร้างขึ้นจากพลังงาน เจโรม เฟลมมิงผู้นำทีมแกมมาอดีตนักฮอกกี้น้ำแข็งกับเฮเธอร์ผู้ใช้ความเย็น

 

“รีเฟลคเตอร์” กลุ่มนี้เป็นกลุ่มพิเศษแทนกลุ่มที่น่าจะทำหน้าที่ป้องกันการโจมตี เหตุเพราะการโจมตีทุกประเภทของนิดฮอกไม่สามารถป้องกันได้ทางกายภาพ กลุ่มนี้จึงมีหน้าที่เพียงการสกัดกั้นการใช้ “ฮีทบลาสต์” เท่านั้น สมาชิกของกลุ่มนี้มีเพียงปีเตอร์ ตันผู้ใช้มวยอ่อนจากทีมแกมมาและคาตาลิสต์ของเขาไอริสที่สามารถสร้างกระจกสะท้อนการโจมตีด้วยพลังงานทุกรูปแบบ

 

“ซัพพอร์ตเตอร์” กลุ่มที่คอยทำหน้าที่สนับสนุน เช่นการรักษาอาการบาดเจ็บเล็ก ๆ น้อย ๆ เคลื่อนที่ในพริบตาและอื่น ๆ กลุ่มนี้มีแพทริคเป็นผู้นำ

 

“ขอย้ำอีกรอบ นี่เป็นแผนที่จำเป็นต้องใช้จำนวนคนและเป็นการแข่งความอดทน แม้จะเป็นการจำลองการฝึกแต่การตายของแต่ละคนจะทำให้โอกาสชนะลดลง ดังนั้นห้ามตายอย่างเด็ดขาด” แพทริคพูดเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่กิลเลนจะจิ้มลงไปที่แผงควบคุมบนแขนของเขาเพื่อเป็นการเริ่มโหมดจำลอง

 

“ภารกิจพิเศษ นิดฮอก เริ่มต้น”

 

ทุกอย่างเงียบจนน่าขนลุก แม้จะมีจำนวนสมาชิกที่เข้าร่วมการต่อสู้นี้ถึงสี่สิบชีวิต แต่ทุกคนกลับเคลื่อนไหวเบาจนแทบจับเสียงไม่ได้ นี่เป็นหลักฐานอย่างดีว่าพวกเขาเอาจริงเอาจังกับการต่อสู้ครั้งนี้ขนาดไหน

 

แม้จะเงียบจนแทบไม่ได้ยินแม้แต่เสียงลมหายใจ แต่นิดฮอกก็ยังคงรู้ตัวเมื่อพวกเขาดาหน้ากันเข้าไปใกล้ มันตื่นขึ้นพร้อมกับท่าทีเกรี้ยวกราดราวกับโมโหที่ถูกรบกวนการนอนหลับ

 

...เจ้าพวกมนุษย์ ตายซะ…

 

เสียงจากเทเลพาธีที่ส่งตรงเข้าสมองทำให้พวกเขาเกือบเสียจังหวะเล็กน้อย แต่เพราะซักซ้อมกันไว้เป็นอย่างดีเมื่อนิดฮอกวาดกรงเล็บใส่กลุ่มแรกพวกเขาจึงกระโดดหลบได้ทันท่วงที

 

“จงมา” โอเวนและกาซาเนียเรียกหนูคนละตัวขึ้นมาจากช่องสีดำบนพื้น จากนั้นรีเบคกา วิลเลียมส์และนาร์ซีสคาตาลิสต์ของเธอจึงเข้ามาผสมโรงด้วย ทั้งคู่สามารถขยายขนาดวัตถุขึ้นได้หลายเท่าแต่มีข้อจำกัดที่ขนาดเริ่มต้นของวัตถุจะต้องเป็นสิ่งที่มีขนาดไม่เกิน 30 x 30 x 30 ซม.

 

พลังของทั้งสองทำให้หนูที่โอเวนสร้างขยายขนาดจนมีขนาดใหญ่กว่าตัวคาร์พินโช หนูขนาดใหญ่ที่มีความยาวตั้งแต่หัวถึงหางราวหนึ่งเมตร

 

กลุ่มที่ทำหน้าที่ “ดีคอย” พยายามหลอกล่อนิดฮอกอย่างเต็มที่ แม้อีกฝ่ายจะมีสติปัญญาแทบไม่แตกต่างจากมนุษย์แต่มันก็ยังถูกเร้าตามสัญชาตญาณอยู่ดี งานของกลุ่มนี้จึงเป็นไปด้วยความราบรื่นอย่างน้อยก็ในตอนนี้

 

กลุ่มของกิลเลนกลับเป็นฝ่ายที่กำลังเจอปัญหาหนัก พวกเขาหาจังหวะโจมตีจนถึงตัวนิดฮอกได้แต่เพราะว่าต้องพร้อมสำหรับการถอยทุกเมื่อทำให้การโจมตีไม่มีประสิทธิภาพมากนัก นอกจากนั้นเกล็ดสีดำที่ทั้งเหนียวและแข็งของมันเองก็สร้างปัญหาได้ไม่แพ้กัน มีหลายครั้งที่กิลเลนคิดว่าเขาได้โอกาสแทงมันเต็มกำลังแต่มันก็แทบไม่มีร่องรอยความเสียหายให้เห็น

 

...จะชนะได้จริง ๆ เหรอ…

 

เป็นเสียงในใจของหลาย ๆ คนที่อยู่ที่นั่น พวกเขารู้สึกว่ายังโชคดีที่นิดฮอกยังไม่ได้ใช้ฮีทบลาสท์หรือพลังย้อนเวลาเลยสักครั้ง แต่ถ้ามันใช้ขึ้นมาล่ะ

 

“มันใช้ไม่ได้ต่างหาก” แพทริคตะโกนบอกทุกคน “เจ้านี่ จะใช้ท่าพวกนั้นก็ต่อเมื่อคิดว่าจะสร้างความเสียหายรุนแรงให้พวกเราหรือไม่ก็ใช้เพื่อแก้ความผิดพลาดของตัวเอง สภาพที่คุมเชิงกันอยู่แบบนี้มันใช้พลังไม่ได้หรอก”

 

จะเป็นแค่การโกหกเพื่อเรียกขวัญกำลังใจหรือยั่วยุอีกฝ่ายก็แล้วแต่ คำพูดของแพทริคทำให้ทุกคนใจเย็นขึ้น แค่อดทนในสภาพนี้ต่อไปอีกฝ่ายก็จะอ่อนแรงลงไปเอง

 

พลั่กกกก

 

ร่างที่แหลกเหลวของผู้ถูกเลือกคนหนึ่งลอยปลิวไปตามแรงกระแทก ต่อให้มีสมาธิขนาดไหนการต่อกรกับสัตว์ประหลาดที่พร้อมจะฆ่าเราได้ทุกครั้งที่เคลื่อนไหวแบบนิดฮอกนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

 

โพล๊ะะะ

 

คราวนี้เป็นเสียงหัวของใครบางคนถูกบีบจนแตกคามือของอสูรกายยักษ์ เธอคือแมรีที่ถอยออกมาช้าจนเกินไปนั่นเอง

 

“แมรี” ควินซ์ตะโกนออกมาอย่างลืมตัว เขาลืมไปแล้วว่านี่เป็นแค่การจำลองการต่อสู้ ภาพของผู้เป็นที่รักที่ถูกบดขยี้จนเละต่อหน้าทำให้สติของเขาขาดผึง ชายหนุ่มกระโจนเข้าใส่โดยไม่สนใจเหตุผลใด ๆ อีก ในหัวของเขามีแค่ความคิดที่จะเอาคืนเจ้าสัตว์ร้ายตรงหน้า

 

แทนที่จะตกใจเหมือนคนอื่นบาร์เรตฉวยโอกาสนั้นเอาไว้ เขากระแทกใส่ควินซ์จนเซเสียจังหวะ มองผิวเผินเหมือนเขาทำเพื่อช่วยเตือนสติอีกฝ่ายแต่ความจริงแล้วเขามีเจตนาอื่น

 

“อย่าาาาา!!!” กิลเลนและแพทริครู้ตัวเร็วกว่าใคร ทั้งคู่ประสานเสียงห้าม แต่ไม่ทันแล้ว นิดฮอกพุ่งเข้ามาประชิดร่างของควินซ์ มันใช้ขากรรไกรที่ใหญ่พอ ๆ กับฉลามขาวที่โตเต็มที่ขย้ำที่ร่างของควินซ์จนขาดครึ่งอย่างน่าสยดสยอง

 

“ระเบิด!” บาร์เรตตะโกน จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงระเบิดกัมปนาทจนแผ่นดินสะเทือน

 

เขาเผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมาขณะทีกำลังมองดูผลงานของตน นั่นคือพลังระเบิดที่รุนแรงที่สุดเท่าที่เขาทำได้ในตอนนี้ ลองถ้ามันได้ระเบิดจัง ๆ ในปากของนิดฮอก เขามั่นใจว่ามันต้องทำให้ได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงแน่นอน

 

แต่ก็แทบไม่เป็นผล ระเบิดนั้นทำให้มันแค่โกรธกว่าเดิมเท่านั้นและตอนนี้จากที่เคยมัวแต่สนใจตัวล่อทั้งหลายที่ถูกสร้างขึ้น มังกรสีดำทมิฬได้หันความสนใจมาที่เขาแล้ว

 

ฉึกก…

 

“เฮ่ย อย่ามัวแต่ไปมองไปทางอื่นสิฟะ” กิลเลนแทงหอกสวนออกไป เป็นแค่แผลเล็ก ๆ ตื้น ๆ เพราะหอกไม่สามารถแทงทะลุชั้นผิวที่ทั้งแข็งและเหนียวของมันอย่างเต็มที่ แต่แผลเล็ก ๆ นี้ก็ทำให้นิดฮอกเปลี่ยนใจหันมาเล่นงานกิลเลนแทน

 

มันสะบัดกรงเล็บซ้ายที ขวาที แต่กิลเลนก็หลบได้อย่างไม่ยากเย็น การโจมตีแบบนี้ใช้กับเขาไม่ได้ผลแล้ว อย่างน้อยก็จนกว่ามันจะหันมาใช้ฮีทบลาสต์

 

แต่มันก็ไม่ใช้ท่าที่เขาระแวง ทุกอย่างเป็นไปตามที่แพทริคบอก นิดฮอกจำเป็นต้องเลือกใช้มันให้ถูกจังหวะและคุ้มค่าที่สุด

 

เมื่อเห็นแบบนั้นกิลเลนที่ควรจะใช้จังหวะนั้นถอยฉากออกมาจึงทำให้สิ่งที่บ้าระห่ำ เขาหมุนตัวหลบกรงเล็บที่ตวัดเสยขึ้นและสาวท้าวก้าวเข้าไป

 

ฉึกก

 

หอกพลังพลาสมาถูกซัดออกไปอีกรอบในตำแหน่งเดิมไม่คลาดเคลื่อนแม้แต่หนึ่งมิลลิเมตร แผลตื้น ๆ เมื่อครู่ค่อย ๆ ขยายกลายเป็นแผลลึกขึ้นทำเอาตัวมังกรยักษ์ถึงกับเริ่มร้อนรน

 

และไม่ใช่ครั้งเดียว กิลเลนได้ใจระดมแทงซ้ำลงไปอีก ครั้งที่สามและครั้งที่สี่ จนนิดฮอกไม่มีทางเลือก มันคิดว่าเจ้ามนุษย์ตัวกระจ้อยนี้เป็นภัยที่ต้องเร่งจัดการ จากที่คิดจะเก็บท่าไม้ตายเอาไว้ก่อนมันจึงไม่รีรออีกต่อไป

 

ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์เห็นภาพย้อนกลับอย่างช้า ๆ กิลเลนทำท่าแทงนิดฮอกอีกหลายครั้งแต่แผลของมันกลับหายดีขึ้นทุกจังหวะที่เขาชักหอกกลับ จนสุดท้ายมันก็กลับมาอยู่ช่วงเวลาก่อนที่เขาจะแทงครั้งแรก

 

“ตอนนี้แหละ” แพทริคตะโกน ในจังหวะเดียวกันนั้นม่านสะท้อนการพลังของปีเตอร์และอีริสก็ก่อตัวขึ้นเบื้องหน้ากิลเลน แสงจากปากของนิดฮอกพุ่งกระจายออกมาแต่ก็ถูกม่านใส ๆ นั้นกั้นเอาไว้

 

คลื่นความร้อนระดับที่สามารถทำให้มนุษย์ระเหิดหายไปจนไม่เหลือเศษซากถูกสะท้อนกลับไปด้วยพลังที่อยู่เหนือกฏฟิสิกส์ ร่างครึ่งบนของนิดฮอกถูกพลังของตัวเองย้อนกลับจนลุกไหม้

 

“ชนะแล้วเหรอ” ใครบางคนพูดขึ้นแต่แล้วก็ต้องกลืนคำพูดกลับแทบไม่ทัน แม้ร่างจะมีไฟลุกท่วมแต่สายตาของนิดฮอกก็ไม่ได้เปลี่ยนไป มันจ้องไปทางเหล่าผู้ถูกเลือกอย่างประสงค์ร้าย

 

ในพริบตานั้น สิ่งที่ทุกคนไม่อยากเชื่อก็เกิดขึ้นอีกครั้งเวลาค่อย ๆ ย้อนกลับไปอย่างช้า ๆ ร่างที่ไฟลุกท่วมขณะนี้ไฟทั้งหมดได้มอดดับไปและไม่หลงเหลือความเสียหายใด ๆ อีก

 

...เจ้านี่ย้อนเวลาซ้ำได้เหรอ ไม่ใช่สิ ตอนที่ย้อนเมื่อกี้มันไม่ได้ใช้ทั้งหมดที่มี...

 

ราวกับคำนวณไว้หมดแล้วนิดฮอกรู้ว่าเจ้าพวกศัตรูตัวจิ๋วเหล่านี้กำลังบีบให้มันใช้พลังอย่างเสียเปล่า การบิดย้อนเวลาครั้งก่อนมันจึงไม่ได้ใช้พลังทั้งหมดที่มันทำได้ มันเก็บแรงบางส่วนเอาไว้เพื่อใช้อีกรอบ เมื่อขยับได้อีกครั้งร่างสีดำทะมึนก็พุ่งทะยานออกไป

 

เพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น ปีเตอร์และคาตาลิสต์ของเขาก็ถูกฉีกออกเป็นชิ้น ๆ

 

...พอกันที ตายซะ…

 

นิดฮอกคำรามก้อง ก่อนที่จะบินขึ้นสูงและอ้าปากกว้าง แพทริคที่รอจังหวะนี้มาตลอดยื่นแขนออกไป “เออร์ซิเนีย” หนุ่มแว่นตะโกนให้สัญญาณ

 

แสงค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นจากในลำคอของนิดฮอก แต่ก่อนที่มันจะพ้นปากที่มีฟันแหลมเรียงกันเป็นพรืด กรามขนาดยักษ์ก็ถูกแรงบีบที่มองไม่เห็นกดลงจากทั้งด้านบนและล่าง

 

คลื่นความร้อนสูงถูกบีบอัดอยู่ในปากและระเบิดออกจนเกิดเสียงดังสนั่น วินาทีต่อมาร่างที่บินสูงก็ร่วงลงมาราวกับถูกจับรวบปีกไว้ ร่างยักษ์ของมันตกกระแทกพื้นจนแผ่นดินสะเทือนเลือนลั่น

 

...เจ้าสี่ตานั่น ไม่ได้ใช้ได้แค่เทเลพอร์ตสินะ…

 

...จริงสิ เออร์ซิเนียมีพลังจิตหลายรูปแบบนี้นา ไอ้นี่คงจะเป็นเทเลคิเนซิส!! พลังจิตในการเคลื่อนที่วัตถุ…

 

กิลเลนเดาว่าแพทริคคงใช้แรงที่มองไม่เห็นบีบปากของนิดฮอกในขณะที่มันกำลังจะปล่อยฮีทบลาสต์ และด้วยเหตุผลบางอย่างมันก็ระเบิดขึ้นจนเจ้ามังกรตัวใหญ่ร่วงกระแทกพื้น

 

เขาไม่รอให้นิดฮอกมีโอกาสฟื้นตัว กิลเลนเป็นรายแรกที่ก้าวออกไปจากนั้นก็ตามมาด้วยบากะอินุและบรรดาทีมแดเมจดีลเลอร์ที่รอซ้ำอยู่แล้ว

 

“อย่าให้มันลุกขึ้นมาได้” เจโรมและคู่หูของเขาสร้างน้ำแข็งขึ้นมายึดนิดฮอกไว้กับพื้น ซึ่งไม่ง่ายเลยเพราะอีกฝ่ายก็ไม่ยอมอยู่เฉยให้แช่แข็งได้โดยง่าย

 

ในเวลานั้นทุกคนต่างก็คิดไม่แตกต่างกัน เจ้ามังกรสีดำที่ไม่เคยมีใครเอาชนะได้กำลังจะโดนปราบลง ชัยชนะกำลังจะเป็นของพวกเขาจนกระทั่ง…

 

“นั่น… มันอะไรกัน…”

 

เบื้องหน้าของเหล่าผู้ถูกเลือกและคาตาลิสต์คือนิดฮอกที่กำลังคลุ้มคลั่ง สติของมันไม่หลงเหลืออยู่อีกแล้ว ที่มีอยู่ตอนนี้คือร่างของอสูรกายที่กำลังอาละวาดอย่างไร้สติ และพลังควบคุมเวลาที่วิปริตไปแล้ว

 

มันเคลื่อนที่แปลกประหลาดจนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้อีก บางครั้งก็เร่งความเร็วขึ้นจนมองไม่เห็น บางคราวก็เคลื่อนที่ย้อนกลับผิดธรรมชาติ ภาพนี้ราวกับคลิปวิดีโอที่ถูกเร่งบ้าง ฉายย้อนบ้าง หยุดบ้าง สลับกันไปอย่างไร้กฎเกณฑ์

 

“จบแล้ว สภาพแบบนั้นไม่มีใครเข้าไปโจมตีมันได้อีกหรอก” แพทริคส่ายหน้าอย่างไร้ความหวัง มีบางคนยังไม่ยอมรับว่ามันจะจบแบบนี้จึงเสี่ยงพุ่งเข้าไปลองดูแล้วผลก็ไม่ต่างที่เขาว่า คนที่เข้าใกล้มากไปจะติดอยู่ในกระแสเวลาที่ปั่นป่วนนั้นจะถูกฆ่าซ้ำแล้วซ้ำอีกจนกว่าเวลาจะค่อย ๆ เคลื่อนผ่านไป

 

กิลเลนเองก็เจ็บใจไม่ต่างจากทุกคน เขาอาจจะเป็นคนที่เจ็บใจที่สุดก็ได้เพราะตนเคยสู้กับนิดฮอกมาหลายต่อหลายครั้งและครั้งนี้คือครั้งที่ดูใกล้เคียงความจริงที่สุดแล้ว แต่สุดท้ายก็ได้แต่ยืนมองมันคลั่งโดยที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย

 

“ตัดใจแล้วงั้นรึ” หญิงสาวชุดดำที่ไม่รู้ว่ามายืนอยู่ข้าง ๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่พูดขึ้น

 

“มันไม่มีทางชนะแล้วนี่” เขาถอนหายใจด้วยความเสียดาย

 

“ก็ไม่แน่” เธอยิ้มแล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้จากนั้นก็อ้อมไปข้างหลังของเขาและปิดตาทั้งคู่เอาไว้

 

“เฮ่ยยย ทำอะไรของเธอเนี่ย”

 

“ชู่ววว์”

 

“อะไรของเธอน่ะ มองไม่เห็นนะ”

 

“ไม่เห็นจริง ๆ น่ะเหรอ”

 

“เออสิ ปิดตาแบบนี้จะ… เดี๋ยวนะ” กิลเลนรู้สึกประหลาด น่าแปลกเขามองไม่เห็นแท้ ๆ แต่กลับรู้สึกถึงนิดฮอกได้อย่างชัดเจน

 

“นายน่ะใช้ตามากเกินไป ทั้ง ๆ ที่มีอย่างอื่นที่เหนือกว่า” อคาลาปล่อยมือที่ปิดตาเขาเอาไว้ออก แต่กิลเลนก็ยังคงไม่ลืมตาขึ้น “นายน่ะ มีสัมผัสที่สื่อกับแวนเดียร์ได้มากกว่าคนทั่วไปนะ”

 

“แปลกมาก” กิลเลนพึมพำ ท่ามกลางความมืดสนิท กิลเลนกลับเห็นจุดแสงจุดเล็ก ๆ เบื้องหน้า ยิ่งเขาเพ่งมองก็ยิ่งเห็นจุดแสงนั้นชัดขึ้น มันคือร่างของนิดฮอกนั่นเอง แต่ร่างนี้ดูแตกต่างจากที่เห็นด้วยตาเปล่า มันไม่ได้เคลื่อนที่อย่างแปลกประหลาดพิสดารแต่มีการเคลื่อนไหวเหมือนกับนิดฮอกก่อนที่มันจะคลุ้มคลั่ง

 

“เครื่องจำลองนี่ยอดมากเลยนะ ถึงขนาดทำให้สัมผัสถึงจิตของแวนเดียร์ได้ด้วย ไปสิไปคว้าชัยชนะของนายมา”

 

กิลเลนเดินอาด ๆ ไปยังนิดฮอกท่ามกลางความตกใจของทุกคน ไม่ว่าใครต่างก็คิดว่าเขาคงตัดใจและคิดจะยอมแพ้ไปแล้ว แต่แล้วกิลเลนก็ดีดตัวไปข้างหน้าพร้อมกับพลาสมาสเปียร์ที่เงื้อจนสุดแขน

 

ฉึก

 

กิลเลนแทงโดนอย่างจัง ทั้งที่ไม่น่าเป็นไปได้ ร่างเรือนรางเพราะเวลาที่ผกผันของนิดฮอกหันมาโจมตีใส่เขา แต่ชายหนุ่มกลับเบี่ยงหลบไปได้อย่างฉิวเฉียด

 

ฉึกกก

 

อีกครั้งที่หอกถูกทิ่มลงไปที่ตำแหน่งเดิม เวลารอบ ๆ ตัวนิดฮอกยิ่งวิปริตหนักขึ้น ทุกคนอยากจะเข้าไปช่วยซ้ำแต่ก็ได้แต่ยืนขาแข็งดูกิลเลนสู้อยู่ตามลำพัง

 

เวลากว่าครึ่งชั่วโมงผ่านไปราวกับยาวนานนับวันนับเดือน หลังจากการแทงเข้าจุดเดิมมากกว่าร้อยครั้ง ในที่สุดร่างยักษ์ก็หยุดเคลื่อนไหว

 

เวลาที่ผิดปกติหยุดลงพร้อมกับร่างที่ทรุดลงของทั้งคู่...

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด