ทีมบาสหัวใจนักสู้ ตอนที่ 30
ตอนที่ 30
ที่ห้องผู้อำนวยการ
“อืม...” เย่อวี้เฉิงมองดูโทรศัพท์ เสียงบ่นพึมพำ
“อืม…” อู๋ติ้งหวาจ้องโทรศัพท์ แล้วก็ลากเสียงยาว
เย่อวี้เฉิงกับอู๋ติ้งหวาพูดพร้อมกัน “แกโทรสิ”
“แกเป็นผู้อำนวยการ แกบอกว่าอยากตั้งทีมบาสเกตบอลนี้ แกต้องเป็นคนโทร” อู๋ติ้งหวาพูดอย่างมีเหตุผล
“เป็นเพราะแกอยากหาผู้ช่วยโค้ช ไม่ใช่ฉันสักหน่อย” เย่อวี้เฉิงเสียงดัง เถียงกลับ
“ถ้างั้น มีเรื่องอะไรก็โยนมาให้ฉันทำคนเดียวเหรอ? ฉันก็ไม่ใช่เทพนะ!” อู๋ติ้งหวาเถียง
“ฉันเข้าใจ แต่ว่า จากนิสัยของเขา นายว่า เขาจะรับปากไหม?” เย่อวี้เฉินย้อนถาม
“ต้องถาม ถึงจะรู้ไง ฉันเห็นว่า ปกติแล้วเขาก็ว่าง ไม่มีธุระอะไร ไม่แน่อาจจะเบื่อ แล้วสนใจอยากเป็นผู้ช่วยโค้ช” อู๋ติ้งหวาพูดอย่างไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่
“ในเมื่อนายคิดอย่างนี้ งั้นนายโทรละกัน” เย่อวี้เฉิงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ยื่นให้อู๋ติ้งหวา
“ไอ้กุ๊ยเย่ แกเป็นถึงตำแหน่งผู้อำนวยการแล้ว แม้กระทั่งโทรศัพท์ก็ยังไม่กล้าโทร?” อู่ติ้งหวาทำมือไขว้กันปฏิเสธ ไม่ยอมถือโทรศัพท์
“แปลกจริง แกเป็นหัวหน้าโค้ช ทำไมไม่กล้าโทรหาคนที่นายต้องการ?”
“มาเป่ายิงฉุบ คนแพ้เป็นคนโทร” ชายวัยกลางคนที่อายุสี่สิบกว่าสองคน ในที่สุดก็หาวิธีที่ไร้สาระ ที่ทั้งสองคนเห็นด้วย
“กรรไกร ค้อน กระดาษ!” เย่อวี้เฉิงออกค้อน อู๋ติ้งหวาออกกระดาษ
“สามครั้งตัดสินแพ้ ชนะ อีกรอบ!”
อู๋ติ้งหวาหัวเราะเยาะปนด่า “อย่ามาเล่นลูกไม้หน่อยเลย รีบๆ โทร”
“ถ้าเขาปฏิเสธ จะทำอย่างไร?” เย่อวี้เฉิงถือโทรศัพท์ นิ้วมือค้างอยู่บนปุ่ม
“ฉันจะรู้ได้ไง ถามก่อน แล้วค่อยว่ากันอีกที ก็แค่โทรหาเพื่อนเก่าเฉยๆ จะตื่นเต้นทำไม”
“ฉันก็ไม่เข้าใจว่า ทำไมต้องตื่นเต้นขนาดนี้” จิตใจไม่สงบ เย่อวี้เฉิงกดโทรหาหลี่หมิงเจิ้ง เสียงโทรศัพท์ดังไม่กี่ที ก็รับสาย
“ฮัลโหล?”
ผ่านการพูดคุยสั้นๆ ไปสองนาที เย่อวี้เฉิงวางสาย อู๋ติ้งหวาถามด้วยความตื่นเต้น “เป็นไง?”
เย่อวี้เฉิงจิบชา หัวเราะลั่น “เขาเป็นตัวของตัวเองมาก”
“สรุปคือ ไม่?” ความรู้สึกผิดหวังของอู๋ติ้งหวา ยากที่จะปกปิด
“ก็เหมือนที่นายคิดไว้ ถ้าวันนี้ต้องการให้เขามานั่งในเขตที่นั่งของทีม เขาจะมีปฏิกิริยาอะไร?” เย่อวี้เฉิงยกตัวอย่าง
อู๋ติ้งหวาพูดออกมาตรงๆ “เขาต้องพูดว่า ไม่ต้องการอย่างแน่นอน เขาต้องการคว่ำคู่ต่อสู้อย่างเจ็บปวดในสนาม”
เย่อวี้เฉิงพยักหน้า “ถูกต้อง ดังนั้นหากวันนี้นายต้องการให้เขาเป็นผู้ช่วยโค้ช เขาจะยอมไหม?”
“บอกให้นายไปกินขี้!”
เย่อวี้เฉิงโบกมือปฏิเสธ “ไม่ขนาดนั้น เขาบอกว่า เขาอยากเป็นผู้บริหารผู้ช่วยโค้ช”
อู๋ติ้งหวาไม่เข้าใจ “ผู้บริหารผู้ช่วยโค้ช คืออะไร?”
“พูดง่ายๆ ก็คือหัวหน้าของผู้ช่วยโค้ช”
อู๋ติ้งหวายิ้มหน้าเจื่อนอย่างเสียไม่ได้ทันที “แล้วฉันเป็นอะไร?”
“หัวหน้าโค้ชไง! คนหนึ่งเป็นหัวหน้าโค้ช คนหนึ่งเป็นหัวหน้าผู้ช่วยโค้ช” เย่อวี้เฉิงยักไหล่ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา “ถ้างั้น นายพูดกับเขาเอง”
อู๋ติ้งหวาส่ายหน้า “ช่างเถอะ ถ้าเป็นเรื่องที่เขาตัดสินใจแล้ว ก็ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนใจเขาได้”
“ถูกต้อง” ทันใดนั้นเย่อวี้เฉิงนึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมา “นายต้องการผู้ช่วยโค้ชจริงๆ ใช่ไหม?”
“ก็ใช่นะสิ!” อู๋ติ้งหวาพูดด้วยเหตุผลอย่างฉะฉาน
เย่อวี้เฉิงเผยรอยยิ้มมีเงื่อนงำ “ฉันมีตัวเลือกคนหนึ่ง”
เช้ามืดตีสี่ครึ่ง ช่วงเวลาที่ทั้งเงียบและมืด สนามบาสของตระกูลหลี่กลับมีเสียงตบลูกบอลดังออกมา
หลี่กวงเย่าถือบอลไว้ ยืนที่ด้านหลังเส้นจุดโทษ ขาขวาหันตรงไปที่แป้นบาส หายใจลึกอยู่หลายครั้ง มือซ้ายถือบอลไว้ที่ข้างเอว มือขวาทำท่าชู้ต แล้วยกลูกบาสขึ้น เริ่มฝึกชู้ตบาสที่เส้นจุดโทษ
สวบ!
ลูกแรกที่หลี่กวงเย่าชู้ต เข้าห่วงได้อย่างสวยงาม หลังจากลูกบาสสัมผัสกับห่วงเกิดเสียงสวบดังขึ้นมา
“อืม รู้สึกดี” หลี่กวงเย่ารู้สึกถึง ความรู้สึกที่ลูกบอลออกจากปลายนิ้ว แล้วพยักหน้าด้วยความพอใจ รีบเดินไปข้างหน้า ก้มตัวเก็บบอล แล้วชู้ตบาสต่อ
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง หลี่หมิงเจิ้งใส่กางเกงวอร์มขายาวกับเสื้อกีฬาแขนสั้น เดินออกมาจากบ้าน “ชู้ตลงไปกี่ลูกแล้ว?”
หลี่กวงเย่าไม่ได้สนใจหลี่หมิงเจิ้ง สูดหายใจเข้าลึก งอเข่า ยกบอลขึ้น แล้วชู้ต
วิถีโค้งของบอล เคลื่อนไหวอยู่กลางอากาศเหมือนเส้นรุ้ง ลงกลางห่วงอย่างแม่นยำ
สวบ!
ในเวลานี้ หลี่กวงเย่าเพิ่งจะมองไปทางหลี่หมิงเจิ้ง ยิ้มแล้วพูดว่า “ได้หนึ่งร้อยลูกพอดีครับ”
หลี่หมิงเจิ้งพยักหน้า “ดี ออกเดินทางได้แล้ว”
หลี่กวงเย่าหยิบเป้ที่วางอยู่ใต้แป้นขึ้นมาสะพาย “ครับ”
วันนี้เป็นวันจันทร์ และเป็นวันแรกที่ทีมบาสเริ่มฝึกซ้อม เพราะว่ากำหนดไว้ว่า ต้องมาถึงโรงเรียนหกโมงเช้า หลี่กวงเย่า ตื่นนอนตั้งแต่ตีสี่ หลังจากใช้เวลาครึ่งชั่วโมงอาบน้ำแต่งตัว จัดเป้เสร็จ ก็ไปฝึกซ้อมที่สนาม
การชู้ตตรงเส้นจุดโทษคือสิ่งที่ต้องฝึกทุกวัน การฝึกหนึ่งครั้งต้องชู้ตลงห่วงให้ได้อย่างน้อยร้อยลูก
“พ่อครับ พ่อก็จะวิ่งกับผม?” หลี่กวงเย่ามองหลี่หมิงเจิ้งอย่างประหลาดใจ เขาเข้าใจว่าหลี่หมิงเจิ้งจะไปส่งเขาเท่านั้น นึกไม่ถึงว่าหลี่หมิงเจิ้งก็สะพายเป้ แล้วยังสวมรองเท้ากีฬาสีแดงสด
“อ้อ พ่อยังไม่ได้บอกลูก พ่อเป็นหัวหน้าผู้ช่วยโค้ชทีมบาสของพวกเธอ” ในขณะที่พูด หลี่หมิงเจิ้งก็ออกวิ่งไปข้างหน้า
“หัวหน้าผู้ช่วยโค้ช?” หลี่กวงเย่าวิ่งตามได้ทันอย่างรวดเร็ว
“ใช่แล้ว”
“มันคืออะไรครับ? แล้วทำไมถึงกะทันหันอย่างนี้?”
“ลูกไปถามผู้อำนวยการนะ เขาติดต่อพ่อ ช่างน่ารอคอยเสียจริง ครั้งที่แล้วดูการแข่งขันกระชับมิตรของพวกลูกกับตงไถ เห็นผู้เล่นหลายคนน่าสนใจ”
หลี่กวงเย่าพูดอย่างตื่นเต้น “ใช่ครับ โดยเฉพาะจันเจี๋ยเฉิง เบอร์ห้าสิบห้า ถึงแม้ความแข็งแรงทางด้านร่างกายจะแย่มาก แต่ว่าวิสัยทัศน์ในการส่งบอลของเขากว้างไกลมาก จับจังหวะได้แม่นยำมาก การเลี้ยงบอลก็ไม่เลว”
หลี่หมิงเจิ้งกล่าวด้วยความมั่นใจ “การเล่นของเขาใช้ได้ จุดด้อยคือสภาพร่างกายแย่เกินไป แต่ดูจากที่เขาชอบเข้าตัด การชู้ตวงนอกของเขาไม่น่าจะมั่นคง แต่จุดเด่นเป็นส่วนสำคัญ หากอยู่ภายใต้การฝึกของพ่อ เขาจะเป็นพอยต์การ์ดที่สุดยอดคนหนึ่งแน่นอน”
“เออ พ่อครับ วันนี้วางแผนฝึกซ้อมอะไร ให้พวกเราก่อนครับ?”
“ฝึกป้องกันกับความแข็งแกร่งของร่างกาย แข่งกับตงไถครั้งที่แล้ว พ่อคิดว่าปัญหาที่ใหญ่ที่สุดไม่ได้อยู่ที่การรุก แต่เป็นการป้องกัน จังหวะก้าวขา ตามตงไถไม่ทัน จังหวะของการแข่งขันถูกนำโดยทีมตงไถตลอด สาเหตุหลักของการพ่ายแพ้คือการสูญเสียขวัญ กำลังใจและจิตวิญญาณในการต่อสู้”
“ผมก็คิดอย่างนั้น”
สองพ่อลูกเงียบลง ตั้งใจวิ่ง แต่ทันใดนั้นหลี่กวงเย่าถอนหายใจ หลี่หมิงเจิ้งเห็นหลี่กวงเย่าท่าทางไม่สบายใจ
“จริงๆ แล้ว ในชั้นเรียนมีคนหนึ่ง ผมรู้สึกว่าการชู้ตเก่งมาก เมื่อก่อนผมชวนเขาเข้าร่วมทีมบาสเกตบอลมาตลอด แต่ว่าเขาปฏิเสธ ผมว่ามันแปลกๆ เพราะว่าผมรู้สึกได้ว่าเขาชอบบาสเกตบอลมาก จนกระทั่งอาทิตย์ที่แล้ว พอแข่งบาสเกตบอลกระชับมิตรกับตงไถจบ ตอนที่วิ่งกลับบ้าน ผมบังเอิญเห็นเขาต้อนรับลูกค้าที่มากินที่ร้านบะหมี่บ้านเขา ผมเดาว่า การเงินของทางบ้านคงจะไม่ค่อยดี ต้องช่วยเหลือกิจการร้านบะหมี่ที่บ้าน ก็เลยปฏิเสธผม”
“อ้อ” หลี่หมิงเจิ้งสูดหายใจเข้าลึก ตอบกลับไปสั้นๆ
“ถ้าในทีมมีมือชู้ตอย่างเขา พอผมไม่มีใครสกัดกั้นที่จะเข้าตัดเขตจุดโทษ แล้วดึงดูดการประกบ ก็สามารถรีบส่งบอลให้เขา ชู้ตสามคะแนนแบบโล่งๆ ไม่มีใครขวาง สวบ!” แค่นึกภาพ เขาก็รู้สึกตื่นเต้นมาก
“เมื่อก่อนลูกเล่นบาสกับเขา? ไม่อย่างนั้นรู้ได้ไงว่าเขาชู้ตแม่น?”
“ครั้งแรก ตอนที่เรียนวิชาพละ แข่งชู้ตสามคะแนนกับเขา ผมโดนเขาคว่ำ แถมแพ้ยังต้องเลี้ยงน้ำอีก แต่เขานิ่งมาก ไม่ว่าจะ
ชู้ตลงกี่ลูก ก็ไม่แสดงสีหน้าอะไรเลย เหมือนกับว่า ชู้ตออกไป ต้องลงห่วงแน่นอน“หลี่กวงเย่ายิ่งพูดยิ่งรู้สึกตื่นเต้น แต่ไม่นานก็เปลี่ยนเป็นเศร้าซึม”น่าเสียดาย น่าเสียดายจริง”
“เขาชื่ออะไร?” หลี่หมิงเจิ้งถาม
“หวังจงจวิน”
“อืม”
สองพ่อลูกไม่ได้คุยกันอีก ตั้งใจวิ่งตลอดทาง ถึงหน้าประตูโรงเรียน ก็ตีห้า ห้าสิบห้านาที แสงแดดอันอบอุ่นตกกระทบลงบนพื้น อุณหภูมิสูงขึ้นสามองศา สองคนพ่อลูกใช้ผ้าขนหนูเช็ดเหงื่อ ดื่มน้ำ แล้วเดินไปทางสนามกีฬาด้วยกัน
เย่อวี้เฉิง อู๋ติ้งหวา หยางซิ่นเจ๋อ เซี่ยหย่าซู หยางเจินอี้ เว่ยอี้ฝานและไมค์ อยู่ที่สนามกีฬาแล้ว กำลังคุยกัน และช่วยกันยืด
กล้ามเนื้อ วอร์มอัพ เหมือนกับว่าทั้งหมดพร้อมที่จะเริ่มฝึกซ้อม
“อรุณสวัสดิ์!” หลังจากสองคนพ่อลูกทักทายกับทุกคน หลี่กวงเย่าก็เข้าไปวอร์มอัพกับเพื่อนร่วมทีม
“คนนี้คือ?” หลี่หมิงเจิ้งมองหยางซิ่นเจ๋อ หลังจากพยักหน้าแสดงความปรารถนาดีอย่างสุภาพ ก็มองไปที่เย่อวี้เฉิงกับอู๋ติ้งหวาอย่างสงสัย
“เขาคือครูสอนวิชาเคมี จากการคุกเข่าวิงวอนของเขา ตอนนี้มีฐานะเป็นผู้ช่วยโค้ช” เย่อวี้เฉิงพูด
“ดูเหมือนว่าไม่ถึงกับคุกเข่าวิงวอนครับ…” หยางซิ่นเจ๋อพูดอย่างไม่มีทางเลี่ยง ยื่นมือให้หลี่หมิงเจิ้ง แนะนำตัวอย่างเป็นทางการ “สวัสดีครับ ผมคือหยางซิ่นเจ๋อ เป็นผู้ช่วยโค้ชที่ต่ำต้อยที่สุด สำหรับบาสเกตบอลแล้ว อยู่ในระดับดูเพื่อความสนุกสนาน แต่ว่าผมชอบบาสเกตบอลมาก”
หยางซิ่นเจ๋อแนะนำตัวอย่างน่าสนใจ ทำให้หลี่หมิงเจิ้งอดยิ้มไม่ได้ แล้วก็ยื่นมือออกมา “ผมคือหลี่หมิงเจิ้ง เป็นหัวหน้าผู้ช่วยโค้ช มีบทบาทเป็นอัจฉริยะในโลกของบาสเกตบอล สองคนที่ยืนอยู่ข้างคุณคือ เพื่อนร่วมทีมที่ช่วยผมเก็บลูกในตอนนั้น” ทั้งสองคนหัวเราะลั่น จับมือทักทายกัน
เย่อวี้เฉิงตั้งใจกระแอมหลายครั้ง “เรื่องบางเรื่องที่ผ่านมา จริงๆ ไม่ต้องไปนึกถึงมันก็ได้ ผู้ช่วยหยาง หลี่หมิงเจิ้งคือพ่อของหลี่
กวงเย่า ที่คุณชื่นชมที่สุด”
หยางซิ่นเจ๋อมองหลี่หมิงเจิ้งที่มีใบหน้ายิ้มแย้ม อย่างประหลาดใจ “มิน่า สองคนพ่อลูก ทำให้รู้สึกเหมือนกันมาก”
หลี่หมิงเจิ้งถามด้วยความอยากรู้ “รู้สึกอะไรครับ?”
หยางซิ่นเจ๋อพูดจน ทำให้อู๋ติ้งหวาหัวเราะลั่นในคำตอบของเขา “รู้สึกดีกับตัวเองมาก”
หลี่หมิงเจิ้งฟังแล้ว แต่ไม่โกรธ กลับหัวเราะเสียงดังกว่าคนอื่น “ผู้ช่วยหยาง สิ่งนี้คุณคิดผิดแล้ว เรื่องนี้ไม่ใช่รู้สึกดีกับตัวเอง แต่เป็นคนที่มีความแข็งแกร่ง ควรจะมีความมั่นใจในตัวเอง”
ขณะที่หลี่หมิงเจิ้ง พูดคุย ทักทายกับเย่อวี้เฉิง หยางเจินอี้ หลี่กวงเย่าก็คุยกับเพื่อนร่วมทีม พร้อมกับยืดกล้ามเนื้อไปด้วย
“พวกนายทำไมมาเช้าอย่างนี้?” หลี่กวงเย่าถาม
“ไม่อยากมาสายในวันแรก เลยออกจากบ้านเช้าหน่อย” หยางเจินอี้พูดไม่อ้อมค้อม
“เมื่อก่อนที่อยู่หรงซินก็ต้องตื่นแต่เช้ามาฝึกซ้อม” เว่ยอี้ฝานพูดอ้อมๆ ว่าตัวเองไม่ได้มาเช้า แต่เพราะว่าชินกับการตื่นเช้าฝึกซ้อม”
“ไม่อยากให้พวกนายดูถูกฉัน เชอะ!” เพราะว่าเมื่อก่อนมีประสบการณ์โดนดูถูกมาเยอะ ดังนั้นเซี่ยหย่าซูจึงบ่มเพาะสปิริตและขวัญกำลังใจที่ไม่เคยยอมแพ้มาตั้งแต่แรก ถึงแม้จะเสียเปรียบผู้ชายด้านสรีระก็ตาม
“ก็…รอคอยการฝึกซ้อมวันนี้ ตื่นเต้นเกินไป เลยตื่นเช้า แล้วก็…วิ่งมา” ไมค์ยังคงพูดด้วยน้ำเสียงที่ประหม่า
ในเวลานี้ มีเสียงหวืดเหมือนเครื่องยนต์เก่าดังขึ้นมา จันเจี๋ยเฉิงหน้าขาวซีด โบกมืออย่างอ่อนแรงให้พวกเขา “ไฮ…อะ..อรุณสวัสดิ์ ทุ…ทุกคน”
จันเจี๋ยเฉิงเดินมาถึงตรงที่หลายๆ คนยืนอยู่ ข้างหลี่กวงเย่า ทรุดลงที่พื้นทันที หยิบน้ำออกมา รีบยกขึ้นดื่มเอื้อกๆ สีหน้าค่อยดีขึ้นมานิดหน่อย
หลี่กวงเย่าตบไหล่ของจันเจี๋ยเฉิง “เห็น นายท่าทางอย่างนี้ ทำให้ฉัน ทนไม่ได้ที่จะต้องบอกข่าวดีกับนาย”
“ขะ ข่าวดีอะไร?”
“อีกสักครู่ที่จะฝึกซ้อมคือ การป้องกัน” หลี่กวงเย่ายื่นนิ้วหัวแม่มือออกมา ชี้ไปทางด้านหลังตรงที่หลี่หมิงเจิ้งยืน “ตามนิสัยของพ่อฉัน การฝึกซ้อมบาสวันแรก เขาจะใช้กำลังทั้งหมดฝึกโหดกับพวกนายแน่นอน
“พ่อของนาย?” จันเจี๋ยเฉิงมองตามมือที่หลี่กวงเย่าชี้ไป แล้วใช้สายตามองหลี่กวงเย่าอย่างงงงวย
หลี่กวงเย่ามีความรู้สึกมีความสุขกับสายตาของทุกคนที่จับจ้องมาที่เขา เขาพูดด้วยความภาคภูมิใจว่า “ใช่แล้ว เมื่อตะกี้พ่อบอกว่า เขาเป็นหัวหน้าผู้ช่วยโค้ช พวกนายคุ้นหน้าเขาไหม? ครั้งที่แล้ว เขาก็ดูพวกเราแข่งกับตงไถ”
พอเห็นทุกคนพยักหน้า หลี่กวงเย่าก็พูดต่อ “พ่อบอกว่า ปัญหาใหญ่ของพวกเราไม่ใช่การรุก แต่เป็นการป้องกัน ดังนั้นวันนี้ จะเป็นการฝึกการป้องกันทั้งหมด ถึงตอนนั้นอย่าขาอ่อนไม่มีแรง แล้วตามไม่ทันล่ะ แม้แต่แรงถือบอลก็ไม่มี”
สำหรับคำพูดยั่วยุของหลี่กวงเย่า ปฏิกิริยาของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน
“การป้องกันของหรงซินก็โหดมากเช่นกัน แม้ว่าไม่ได้ฝึกอย่างจริงจังมาสักพักแล้ว แต่ฉันก็ยังพอได้อยู่” เว่ยอี้ฝานตอบหลี่กวงเย่า
“ตามทันอยู่แล้ว” หยางเจิ้นอี้ตอบอย่างไม่ใส่ใจ คำพูดแฝงด้วยความมั่นใจในตัวเอง
“นายอย่าเพิ่งคุยโวไปก่อน ถึงตอนนั้นคนที่ตามไม่ทันคือตัวนายเอง!” เซี่ยหย่าซูใช้คำพูดยั่วยุสวนกลับหลี่กวงเย่า
“อืม ได้” ไมค์แม้ว่าจะไม่มีความมั่นใจอะไรในตัวเองเลย กลับตอบหลี่กวงเย่าอย่างหนักแน่น เขารู้ตัวว่าทุกๆ ด้านไม่ดีเหมือนคนอื่น แต่ว่าขอเพียงทำอย่างเดียวให้ดีที่สุดก็พอแล้ว นั่นคือตามหลังหลี่กวงเย่า
“คงไม่เป็นอย่างนั้นหรอก ฉันเพิ่งจะวิ่งจากบ้านมาพร้อมกับพ่อนะ…” จันเจี๋ยเฉิงโอดครวญ การฝึกความแข็งแกร่งของร่างกายคือหลุมฝังศพของเขาอย่างแท้จริง “ฉันตายแน่ๆ”
ในเวลานี้ เสียงนกหวีดดังขึ้น อู๋ติ้งหวาตะโกน “รวมตัวกัน!”
หลี่กวงเย่าและทั้งหกคนวิ่งไปอย่างรวดเร็ว ไปยืนอยู่ข้างหน้าของอู๋ติ้งหวา
อู๋ติ้งหวาดูนาฬิกาข้อมือ “ได้เวลาแล้ว…”
ขณะที่อู๋ติ้งหวาพูด มีคนคนหนึ่งวิ่งมา “ผมมาสายขอโทษครับ”
คนที่มาสาย รีบเดินไปเข้าแถว
อู๋ติ้งหวาพูดกับคนนั้นว่า “ต้าเหว่ย ไม่ต้องกังวล เธอไม่ได้มาสาย”
อู๋ติ้งหวากระแอมในลำคอ “ก่อนที่จะเริ่มฝึกซ้อม ครูอยากจะแนะนำคนหนึ่งให้พวกเธอรู้จัก นั่นก็คือ หัวหน้าผู้ช่วยโค้ช หลี่หมิงเจิ้ง”
หลี่หมิงเจิ้งก้าวขาออกมายืนข้างหน้า เผยรอยยิ้ม “สวัสดีทุกคน ผมคือหัวหน้าผู้ช่วยโค้ช ชื่อหลี่หมิงเจิ้ง และก็เป็นรุ่นพี่ของพวกคุณด้วย ตั้งแต่นี้ไปผมรับผิดชอบเรื่องการฝึกซ้อมบาสของพวกคุณ เกี่ยวกับปัญหาบาสเกตบอลทั้งหมด ถามผมได้เลย ผมแนะนำตัวคร่าวๆ เสร็จแล้ว ผมจะขอพูดแนวทางการฝึกซ้อมจากวันนี้เป็นต้นไป หลังจากได้ดูพวกคุณซ้อมแข่งกับตงไถแล้ว ผมคิดว่าข้อด้อยที่สุดของพวกคุณคือความสามารถในการป้องกัน การก้าวขาป้องกัน การรับรู้ในการเพิ่มการป้องกัน ความเข้าใจกันในทีม เป็นต้น ดังนั้นตอนนี้ เรื่องที่ต้องฝึกหลักๆ จะเน้นไปที่การป้องกันกับพื้นฐานการเคลื่อนไหว โอเค เริ่มวอร์มอัพ กวงเย่า เธอพาเพื่อนๆ วอร์มร่างกาย”
พอพูดจบ หลี่หมิงเจิ้งให้หลี่กวงเย่าดูแลเรื่องวอร์มอัพในสนามต่อ แล้วเขาก็เรียกอู๋ติ้งหวากับหยางซิ่นเจ๋อ “มีนาฬิกาจับเวลาไหม?”
“ไม่มีครับ แต่โทรศัทพ์มือถือมีฟังก์ชั่นจับเวลา” หยางซิ่นเจ๋อหยิบสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดที่เพิ่งซื้อมาใหม่เมื่อหลายอาทิตย์ก่อนออกมาจากกระเป๋าเสื้อ
“โอเค เตรียมกระดาษกับปากกาให้พร้อม อีกสักครู่ผมจะให้พวกเขาวิ่งสิบรอบสนาม คุณช่วยจดเวลาที่ใช้ในการวิ่งจนครบสิบรอบของแต่ละคนให้ผม นอกจากเรื่องนี้แล้ว ตอนที่ฝึกแต่ละรายการ คุณต้องเขียนสภาพของผู้เล่นแต่ละคนด้วย คุณตามผมมา ผมจะบอกว่าต้องทำอย่างไร”
“ได้ครับ ไม่มีปัญหา” หยางซิ่นเจ๋อรับปากด้วยความยินดี รีบวิ่งไปที่สนามบาส
“อู๋ติ้งหวา แกหาลูกเทนนิสได้ไหม?”
“ที่ห้องทำงานของฉันมี เอากี่ลูก?”
“ยิ่งเยอะยิ่งดี”
หลังจากหลี่กวงเย่าพาเพื่อนร่วมทีมวอร์มร่างกายแล้ว หยางซิ่นเจ๋อถือสมุดบันทึกกับปากกาน้ำเงิน ปากกาแดงกลับมาที่สนามบาสพอดี
………………………………………………………………………….