ตอนที่ 12: ยายผู้หญิงแรงหมี
ตอนที่ 12: ยายผู้หญิงแรงหมี
“เธอ! เธอ...” เฮเซคียาห์ยกนิ้วชี้หน้าซาแมนต้า ตาเบิกกว้าง
เขานึกออกแล้ว
ผู้หญิงตรงหน้าเขา เธอเป็นนักร้องที่มูนนี่ปลื้มนักหนา
“เธอเองก็รู้ใช่ไหมว่าฉันเป็นใคร” ซาแมนต้ายิ้มออกมา สีหน้าดีใจระคนโล่งใจ
“ก็ใช่นะ แต่...” เฮเซคียาห์ทำหน้าบึ้งตีง “เธอเป็นอย่างที่ฉันคิดเอาไว้จริงๆ ด้วย ไม่ได้สวยเหมือนในรูป”
เฮเซคียาห์แกล้งมองอีกฝ่ายด้วยดวงตาเหยียดหน่อยๆ และคำพูดที่เขาพูดออกมาเป็นการปั้นแต่งเพื่อทำร้ายจิตใจอีกฝ่าย เหตุเพราะเจ็บใจที่ถูกจู่โจมให้ต้องลงไปนอนกองกับพื้น
อันที่จริง รูปลักษณ์ของซาแมนต้างดงามยิ่งกว่าในรูปถ่ายที่เขาเคยเห็นผ่านตา
“เดี๋ยวก่อนนะ นี่บอกว่าฉันไม่สวยอย่างนั้นเหรอ” ซาแมนต้ามองเฮเซคียาห์เหมือนเขาเป็นตัวประหลาด เสียงของเธอดังและแหลมขึ้นกว่าเดิมอย่างเอาเรื่อง “นี่กล้าว่าฉันว่าแต่งรูปอย่างนั้นเหรอ”
“เธอแต่งรูปหรือเปล่า ฉันไม่สนหรอกนะ” เฮเซคียาห์เบนหน้าหนีไปอีกทางหนึ่ง แล้วเขาก็เอี้ยวกายไปมองหน้าเมเดียน “คุณเอาเท้าออกจากบรอธได้ไหม ผมขอโทษแทนมันด้วยที่พูดจาให้คุณรู้สึกไม่ดี”
เมเดียนดูเหมือนจะเพิ่งนึกได้ว่าเท้าข้างหนึ่งยังเหยียบอยู่ในหลุม เขาก้มมองเท้าของเขา ขยี้เท้าลงไปบนบรอธอีกอึดใจก่อนจะยกเท้าขึ้น เฮเซคียาห์จึงได้เห็นว่าบรอธมีรอยร้าวเกิดขึ้นที่พื้นผิวด้านบน แต่เพียงชั่วพริบตา รอยร้าวนั้นก็สมานกันและมันก็ค่อยๆ ลอยขึ้นอย่างช้าๆ มาอยู่ข้างศีรษะของเขา
“นี่! นายเสร็จธุระแล้วใช่ไหม ฉันมาที่นี่เพื่อมาขอร้องอัลฟ่าแห่งการเดินทางให้ทำอะไรให้หน่อยเหมือนกัน” ซาแมนต้าโผเข้าเกาะแขนของเมเดียนข้างที่ไม่มีขนนกอย่างแสดงความเป็นเจ้าของ
เมเดียนก้มมองเธอที่จู่ๆ เข้ามาเกาะแกะอย่างตกใจ
เขายกมือขึ้นแกะมือของเธอออกจากแขนของเขา แต่ซาแมนต้าถลึงตาใส่เขาและกอดแขนเขาให้แน่นเข้า
“คุณจะเอาอะไรบอกมา หนึ่งแลกหนึ่งใช่ไหม” เธอรุกเร้าโดยไม่รีรอ
เฮเซคียาห์ส่ายหน้า คิดในใจว่าเธอเป็นแค่ยายผู้หญิงไร้มารยาท
“ฉันไม่มีอารมณ์จะช่วยเธอนะตอนนี้” เมเดียนทำตัวแข็งทื่อและน้ำเสียงเรียบเฉยขณะตอบซาแมนต้าที่มองเขาด้วยดวงตาเปี่ยมความหวัง แล้วพลันเบือนหน้ามามองเฮเซคียาห์ ไม่สนใจดวงตาของซาแมนต้าที่ส่อแว่วไม่ค่อยพอใจพุ่งตรงมายังเขา “เธอก็ด้วย ฉันให้สิ่งที่เธอขอมาแล้วไม่ได้ แต่ให้ในสิ่งอื่นได้ ยังอยากได้อะไรอยู่ไหม”
“ผม...” เฮเซคียาห์คิดว่าเขาอาจใช้ประโยชน์จากข้อเสนอที่แฝงความมีน้ำใจของอีกฝ่ายได้
“แล้วฉันละ ฉันขออะไรจากคุณได้เมื่อไหร่” ซาแมนต้าฉุดแขนของเมเดียนแล้วเขย่า
เมเดียนหายตัววับ โผล่ไปอยู่ในระยะที่ห่างจากเฮเซคียาห์และซาแมนต้าเกินกว่าจะเอื้อมมือคว้าถึง
“เอาไว้หลังเจ้าหนุ่มนี่ก็แล้วกัน ดีไหม” เมเดียนยังคงจ้องมองดวงหน้าของเฮเซคียาห์ “คำขอแรกของเขาทำให้ฉันไม่มีใจอยากทำให้เธอสมปรารถนาตอนนี้หรอก แม้ว่าสิ่งที่เธอจะเอามาแลกจะเป็นเครื่องเทศที่ดีที่สุด อัญมณีที่สุกสว่างส่องแสงสวยที่สุด สำเนาหนังสือหายาก หรือของเล่นแปลกๆ”
“ฉันมีสติกเกอร์เล่นเพลงคลาสสิคมาด้วย กับชุดกิโมโนผู้ชาย”
“ชุดกิโมโน นั่นมาจากเขตการปกครอง 3 เหรอ”
“ใช่ ของดีเลยนะ ราคาแพงแล้วก็หายากมาก ฉันรู้ว่าคุณชอบสะสมของในโลกภายนอกนั่น ฉันสืบหาข้อมูลเกี่ยวกับคุณจนกระทั่งได้ที่อยู่ของคุณมา ฉันมาที่นี่เพราะต้องการให้คุณช่วยในเรื่องการเดินทางของกลุ่มเด็กๆ ที่ฉันดูแลอยู่” ซาแมนต้าพูดจ้อไม่หยุด
เฮเซคียาห์นิ่วหน้า สงสัยว่าอีกฝ่ายจะรีบอะไรนักหนา
“โทษทีนะ ฉันไม่อยากคุยอะไรกับเธอต่อตอนนี้” เมเดียนยกมือขึ้นกอดอก แล้วเขาก็แหงนหน้ามองกิ่งไม้เหนือศีรษะ ก่อนจะหายตัววับแล้วไปปรากฏตัวแทบจะในทันทีที่บนกิ่งไม้ซึ่งเพิ่งมองไป เขาตะโกนลงมาจากด้านบน “ตามฉันมาก็แล้วกัน ถ้าตามทัน เราอาจจะมีโอกาสได้คุยกันต่อ”
“หมายความว่ายัง... ไง”
เฮเซคียาห์พูดไม่ทันจบประโยค เขาเห็นอีกฝ่ายหายวับจากกิ่งไม้หนึ่งไปยังอีกกิ่งไม้หนึ่งอย่างรวดเร็วโดยไม่มีการหันหลับมาสนใจเขากับซาแมนต้า
เธออ้าปากค้าง แล้วก็หุบปากฉับ หันมามองเขาตาเขียว
“โอ๊ย! นายไปทำอะไรให้เขาอารมณ์เสียขนาดนั้น นายขออะไร ดูสิ เขาไปแล้ว” เธอยกมือขึ้นคว้าคอเสื้อของเขา
เฮเซคียาห์อ้าปากค้างในบัดดล
“นี่เธอ เราควรจะตามเขาไปไม่ใช่เหรอ จะมาหาเรื่องฉันตอนนี้นี่นะ” เขาเหวใส่ผู้หญิง
“ตามไม่ทันหรอก” เธอเขย่าตัวเขา เฮเซคียาห์รับรู้ได้ว่าซาแมนต้าเป็นผู้หญิงที่แรงเยอะมาก
“เราอาจจะตามทัน รีบไปกันเถอะ” เฮเซคียาห์เบี่ยงกาย ตั้งใจจะให้คอเสื้อหลุดจากมือของเธอ เขาออกคำสั่งให้บรอธวิเคราะห์เส้นทางที่เมเดียนใช้อยู่ และวิธีการที่เขาจะสามารถพบอีกฝ่ายได้
บรอธแจ้งกับเขาว่า เขาเดินธรรมดาก็ไปทันเจอเมเดียนได้ ดูเหมือนเมเดียนแค่มุ่งหน้ากลับไปยังบ้านของตัวเองซึ่งอยู่ลึกเข้าไปอีกในป่า เพียงแต่ ก่อนเฮเซคียาห์จะถึงตัวบ้านของเมเดียน เขาจะได้เจอป่าเถาวัลย์ที่มีหนามแหลมขวางเส้นทางอยู่ ป่าเถาวัลย์ดังกล่าวจะงอกใหม่ได้เรื่อยๆ เมื่อถูกตัด ซึ่งโดยทั่วไปมนุษย์ไม่สามารถผ่านเข้าไปได้ แม้แต่ชาวมัสตินเองก็ผ่านเส้นทางที่เต็มไปด้วยเถาวัลย์ดังกล่าวได้อย่างยากลำบาก
แต่เฮเซคียาห์อยู่กับมูนนี่ ด้วยเศวตศาสตราของมูนนี่ เขามีโอกาสสูงทีเดียวที่จะฝ่าผ่านดงเถาวัลย์เข้าไปถึงบ้านของเดเมียนได้
“ฉันเองยังตามไม่ทันเลย” ซาแมนต้ากำคอเสื้อของเฮเซคียาห์แน่นขึ้น ไม่ยอมให้เขาหลุดมือ “ไม่มีใครตามอัลฟ่าแห่งการเดินทางได้ทันทั้งนั้น นายไม่รู้หรือไง”
“ปล่อยฉันก่อน แล้วก็ฟังฉันอธิบายก่อน”
“แย่ที่สุด!” อีกฝ่ายไม่คิดจะฟังเฮเซคียาห์ “เป็นเพราะนายคนเดียว”
“อ้าว เฮ้ย! ไม่ใช่ละ” เฮเซคียาห์รู้สึกว่าไม่ยุติธรรมเลยที่อีกฝ่ายกล่าวโทษเขาในเรื่องที่เมเดียนหันหน้าเดินหนีไป “มันก็เป็นเพราะเธอเองไม่ใช่เหรอ เข้ามาไม่ดูจังหวะ ไม่รู้อารมณ์ของเขา”
“เห้อ นี่นายว่าฉันเหรอ คิดว่าตัวเองเป็นใคร” สายตาของซาแมนต้ามองเฮเซคียาห์ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า “ถึงนายหล่อดี แต่นายก็แค่คนโนเนม ไม่มีคนรู้จัก กล้ามาว่าฉันที่เป็นนักร้องดังงั้นเหรอ แถมคำขอของนายยังถูกอัลฟ่าแห่งการเดินทางปฏิเสธอีก นายคงขออะไรที่มันเป็นไปไม่ได้ โง่บัดซบจนเขาระอาแน่ๆ โอ๊ย! ไอ้คนโง่”
“นี่! เธอ! มองคนอื่นในแง่ร้ายตั้งแต่แรกพบแบบนี้ มันไม่ดีนะรู้ไหม” เฮเซคียาห์คิดเปรียบเทียบซาแมนต้ากับน้องสาวของเขา
พวกเธอมันคนละเรื่องกันเลย!
“เป็นผู้หญิง หน้าตาก็ไม่ได้แย่ แต่กิริยามารยาทนี่สุดๆ การมาจับคอเสื้อคนอื่นเขาแบบนี้ มันอันธพาลชัดๆ”
“ก็นายทำให้ฉันอารมณ์เสีย”
“ปล่อย! อารมณ์เสียก็อารมณ์เสียไปคนเดียว ฉันกำลังรีบนะ ฉันจะรีบตามเมเดียนไป”
“ใคร? เมเดียน” ซาแมนต้าถามอย่างงงๆ
“ก็อัลฟ่าแห่งการเดินทางของเธอไง เขามีชื่อ เธอไม่รู้หรือไง”
“ว่าไงนะ นี่นายกำลังแสดงออกว่าตัวเองฉลาดกว่าฉันงั้นเหรอ” ซาแมนต้าเขย่าคอเขารุนแรงกว่าเดิม แล้วเธอก็ออกแรงฉุดกระชากเขาไปยังต้นไม้ต้นหนึ่ง “ฉลาดกว่าฉันนัก งั้นก็เอาตัวรอดให้ได้โดยไม่ถูกสัตว์ป่าแถวนี้มากินก็แล้วกัน เดี๋ยวฉันจะไปวนๆ หาเขาต่อ”
เฮเซคียาห์อดรนทนไม่ได้ เขากำมือแน่น ตั้งใจว่าจะออกหมัดไปกระแทกใส่ท้องของซาแมนต้าให้เธอจุกและปล่อยเขา
ทว่า...
ชั่วพริบตาเดียว เขาถูกเอ็นกีต้าร์ไฟฟ้าที่ปรากฏขึ้นมาเสียเฉยๆ ในอากาศพันรัดตัวของเขาไว้กับต้นไม้จนขยับไม่ได้
“นี่เธอ! เอาจริงเหรอ แค่ไม่ถูกกันนี่ จะเอาฉันผูกไว้แบบนี้”
ซาแมนต้าหันหลังให้เขาแล้วเดินหนีไป
เฮเซคียาห์ตะโกนลั่น ด่าเธอว่าเป็นผู้หญิงขี้เหร่ ผู้หญิงโหลยโท่ย และคำด่าอีกมากมายที่จริงๆ ไม่ได้หยาบคายนักแต่เป็นการกัดแบบเจ็บๆ แสบๆ แล้วเขาก็ครางและนิ่งไป เพราะยิ่งดิ้นแรงๆ ขณะเปิดปากด่า สายกีต้าร์ไฟฟ้าก็ยิ่งบาดเนื้อเขาจนเจ็บๆ คันๆ
“ให้ตายเถอะ บรอธ ทำไมแกไม่เตือนฉันว่ายายนั่นจะมัดฉันเอาไว้แบบนี้” เฮเซคียาห์หันไปตะคอกบรอธที่ลอยนิ่งๆ อยู่ด้านข้างเขา
“บรอธ...” เฮเซคียาห์ไม่เข้าใจถึงเหตุผลที่มันเงียบไป
สักพักหนึ่ง มีเสียงคนเดินมาจากอีกด้านของแนวป่า และเฮเซคียาห์ก็รู้สึกดีใจมาก เขาเห็นมูนนี่โผล่มาด้วยสีหน้างวยงง
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับนาย อัลฟ่าแห่งกาลเวลาล่ะ” มูนนี่มองไปรอบกายเฮเซคียาห์ แล้วเขาก็เดินเข้ามาแตะที่สายกีต้าร์ที่พันรอบตัวของเฮเซคียาห์อยู่ “เมเดียน เขามัดนายเอาไว้แบบนี้เหรอ”
เฮเซคียาห์กัดฟันกรอด
“ยายหมียักษ์ตัวหนึ่งน่ะสิ ทำแบบนี้”
“หมียักษ์?”
“เออ หมี ฉันไม่รู้จะเปรียบยายสาวพลังมหาศาลนั่นว่าอะไร หรือจะเป็นช้าง” เฮเซคียาห์ไม่อยากให้มูนนี่ไปเจอซาแมนต้านัก เขารู้ดีว่าเพื่อนของเขาปลื้มผู้หญิงคนนั้น แต่เขาไม่ถูกชะตากับเธออย่างแรง
“แก้มัดฉันหน่อย นายทำได้ใช่ไหม” เฮเซคียาห์ดึงความสนใจของมูนนี่ให้มาจดจ่ออยู่กับการช่วยเขาให้เป็นอิสระ
มูนนี่ดึงเอามีดเล่มหนึ่งในหลายเล่มที่สอดไว้กับซองหนังด้านหลังออกมา คมมีดมีสีสะท้อนแปลกๆ เป็นสีเหลืองอมส้ม มูนนี่ใช้มีดดังกล่าวตัดโลหะสายกีต้าร์ไฟฟ้าให้ขาดสะบั้นลงได้อย่างง่ายดาย
“เอาละ เราต้องไปกันแล้ว” เฮเซคียาห์ยืนบนพื้นเต็มสองเท้า เขากำลังคิดว่าต้องแก้เผ็ดซาแมนต้าให้ได้
“ไปไหนกัน” มูนนี่เร่งฝีเท้าเดินตาม
เฮเซคียาห์ไม่บอก แต่เขาเร่งฝีเท้าเร็วขึ้นอีก พลางบอกให้บรอธวิเคราะห์การต่อสู้ที่จะเอาชนะซาแมนต้าที่มีแรงเยอะกว่ามนุษย์ผู้หญิงทั่วๆ ไปนับสิบเท่า
บรอธบอกกับเฮเซคียาห์ว่าซาแมนต้าออกห่างจากทิศทางที่นำไปยังบ้านของเมเดียนไกลขึ้นเรื่อยๆ และหากเฮเซคียาห์คิดจะตามไปสั่งสอนเธอ เขาอาจจะต้องเสียเวลาออกนอกเส้นทางแล้ววนกลับมาใหม่ บรอธแนะนำให้เฮเซคียาห์เลิกสนใจหมีสาวตัวนั้น
“เรากำลังไปที่บ้านของเมเดียน” เฮเซคียาห์หันไปบอกมูนนี่ที่ยอมเดินตามเขามา ทั้งที่เขาไม่พูดไม่จาด้วยมาร่วมสามชั่วโมง
“โอเค ในที่สุดนายก็พูดกับฉัน” มูนนี่โคลงศีรษะ “ฉันอยากจะบอกว่า ฉันยังโกรธนายอยู่ เรื่องที่แยกจากฉันไปคุยความลับกับเมเดียนแค่สองคน นายอยากเปลี่ยนใจเล่าให้ฉันฟังหน่อยไหมว่ามีอะไรเป็นความลับต้องคุยกับเขาแค่สองคน”
เฮเซคียาห์เหลียวมามองหน้ามูนนี่ แล้วยักไหล่ เร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นกว่าเดิม
“เฮ้!” มูนนี่ตะโกนไล่หลัง
เฮเซคียาห์ไม่หยุดเดิน
กระทั่ง เมื่อเบื้องหน้าของเขาปรากฏลานทุ่งหญ้าสีเหลืองที่สูงระดับเข่าที่มีดอกไม้สีขาวงอกแซมกระจายไปทั่ว เขาหยุดเพื่อพิจารณาสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป ถัดไปหลายร้อยเมตร มีดงเถาวัลย์หนามที่บรอธกล่าวถึง ดงเถาวัลย์ปรากฎขึ้นอย่างไม่เข้ากับทัศนียภาพของทุ่งหญ้าสีเหลือง กิ่งเถาวัลย์ที่ขยุกขยุยล้วนเป็นสีดำด้าน มองไกลๆ ดงเถาวัลย์เหมือนกลุ่มก้อนพลังงานความมืดที่รวมตัวกันรอดูดกลืนทุกอย่างที่เข้าไปใกล้
“เขาอยู่ในนั้นเหรอ” มูนนี่ก้าวมายืนเคียงข้างเฮเซคียาห์
เฮเซคียาห์ไม่ตอบ แต่ค่อยๆ เดินอย่างช้าๆ เข้าไปใกล้เถาวัลย์ที่เห็น แล้วเขาก็หันไปหามูนนี่พร้อมกับยื่นมือไปหา “เอามีดมา”
“ไม่ไหวหรอก กิ่งหนาขนาดนี้ ต้องเอาพร้าแล้ว” มูนนี่เดินมาจิ้มๆ ที่กิ่งเถาวัลย์อันหนึ่ง
แล้วทั้งเฮเซคียาห์และมูนนี่ก็สะดุ้งสุดตัว กระโดดถอยไปด้านหลังเล็กน้อย เพราะเถาวัลย์เริ่มขยับเลื้อยเองราวกับมีชีวิต
“โอเค มันไม่โจมตีมา” มูนนี่เอ่ยเครียดๆ ดูเหมือนเขาจะเพิ่งเคยเจอเถาวัลย์มีชีวิตแบบนี้เป็นครั้งแรก
บรอธให้ข้อมูลว่าสิ่งที่พวกเขาเห็นเป็นเพียงพืชเท่านั้น และการเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิต เถาวัลย์จะไม่ฟาดหัวฟาดหาง มันค่อนข้างรักสงบ
“นายเปลี่ยนวีวี่ให้เป็นรถที่มีคมตัดเถาวัลย์พวกนี้ได้ใช่ไหม” เฮเซคียาห์ระบุสิ่งที่เขาต้องการ
“ก็ได้นะ”
“ช่วยหน่อย” เฮเซคียาห์มองมูนนี่อย่างฝากความหวัง
มูนนี่จ้องหน้าเฮเซคียาห์ แยกขาออก กอดอก
“แล้วฉันช่วยนายเนี่ย ฉันจะได้อะไร ตอนแรกฉันก็รับปากแค่ว่าจะพานายมาที่ป่าแห่งนี้ มาหาเมเดียน แต่ไม่ได้ออกปากเลยนะว่าจะช่วยเหลืออย่างอื่นหลังจากนายเจอเมเดียนแล้ว” มูนนี่พูดด้วยเสียงเกรี้ยวกราด “นี่มันไม่ใช่เรื่องของฉันเลยนะ”
“ตกลงคือนายจะไม่ช่วย” เฮเซคียาห์เลิกคิ้ว “นี่คือเพราะโกรธที่ฉันไม่บอกความลับนาย”
มูนนี่หน้าตึง
“โอเค นายบอกความลับสุดยอดของนายมา ความลับที่ถ้านายบอกฉันแล้ว ฉันจะเกลียดนายแน่ๆ” เฮเซคียาห์ลองไล่บีบมูนนี่บ้าง
“หืม”
“บอกมา” เฮเซคียาห์ตะคอกใส่อีกฝ่าย
มูนนี่ขมวดคิ้ว แล้วเขาก็หันไปมองทางนู้นที ทางนี้ที แล้วก็ก้มหน้าลงกับพื้นพึมพำบางอย่างเสียงเบา
“อะไรนะ” เฮเซคียาห์ไม่ได้ยินจริงๆ และก็อยากเย้าอีกฝ่าย
“เฮ้อ! ทำไมฉันต้องบอกความลับของตัวเองกับนายด้วย” มูนนี่ชักสีหน้าขมึงทึงยิ่งกว่าเดิม แล้วเขาก็ดึงวีวี่ออกมาเพื่อจะเปลี่ยนมันเป็นยานพาหนะที่ด้านหน้าติดใบเลื้อยที่หมุนไปมาในแนวขวาง และมีล้อที่มีลักษณะเหมือนคราดที่ทำให้สามารถไต่ไปบนกองเศษซากของสิ่งที่จะถูกตัดโค่นลงมาได้
เฮเซคียาห์ให้มูนนี่ขึ้นไปนั่งบนรถตัดไถก่อน แล้วเขาค่อยขึ้นตามมาอีกด้าน
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ พวกแกคิดจะทำอะไร” เสียงหวีดแหลมที่คุ้นหูและทำให้แสบแก้วหูดังมาจากด้านข้างรถตัดไถ
เฮเซคียาห์กระตุกคิ้วซ้าย เหลียวไปมองตามเสียง จากสภาพของรถตัดไถที่มีหน้าต่างด้านหน้าและด้านข้างบานเล็กๆ เขาแน่ใจว่าซาแมนต้าไม่เห็นเขากับมูนนี่ที่นั่งอยู่ข้างใน
“นั่นใครน่ะ” มูนนี่ชะแง้คอ และยื่นหน้ามาทางเฮเซคียาห์
เฮเซคียาห์ไม่อยากตอบ เลยคิดจะนิ่งอยู่อีกสักครู่ แต่เขาก็ต้องแหกปากโวยวายลั่นพร้อมกับมูนนี่ เพราะรถตัดไถทั้งคันเอียงกะเท่เร่และถูกผลักให้หงายล้อชี้ฟ้าในที่สุด
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น” มูนนี่โหวกเหวกในพาหนะ แล้วเขาก็ออกคำสั่งให้พาหนะของเขาตั้งลำกลับมาเหมือนเดิม
แต่ซาแมนต้าที่หุนหัน เธอผลักพาหนะที่พวกเขานั่งอยู่ให้กระเด็นไปกระแทกต้นไม้ ดีว่าวีวี่ดีดทั้งมูนนี่และเฮเซคียาห์ให้ออกมาจากตัวถังก่อน ไม่งั้นพวกเขาอาจถูกบดบี้อยู่ในตัวถังของพาหนะ และมูนนี่อาจเสียชีวิตลงได้
เฮเซคียาห์ที่ลงมานอนกองกับตัวพื้นห่างจากวีวี่ ลุกขึ้นมามองวีวี่ที่ตัวถังยับเยินจากการกระแทกต้นไม้ลำต้นหนาสองต้นที่มีรากใหญ่โผล่พ้นพื้นเป็นรยางค์เชื่อมกันอยู่ดูราวกับกำแพงหิน วีวี่กลับคืนสู่สภาพเศวตศาสตราและนิ่งงันไป มันคงกำลังซ่อมแซมตัวเองอยู่อย่างรวดเร็ว
“นายอีกแล้ว” ซาแมนต้าพุ่งมาที่เขา จับคอเสื้อของเขาและกระชากขึ้น
เฮเซคียาห์ถีบเท้าใส่ตรงอกของเธออย่างเร็วและใส่แรงอัดเข้าไปไม่ยั้ง
ซาแมนต้าปล่อยร่างของเฮเซคียาห์ให้ผล็อยหลุดจากมือของเธอ เธอยกมือสองข้างทั้งกุมและกอดหน้าอกของเธอเอาไว้ สีหน้าแสดงความเจ็บปวดถึงขีดสุด
“ขอโทษนะ ฉันไม่ชอบทำร้ายผู้หญิงหรอก แต่เธอนี่เกินลิมิตของคำว่าผู้หญิงทั่วไปที่ฉันยอมรับแล้ว” เฮเซคียาห์ตะคอกใส่ พร้อมทั้งจับจ้องซาแมนต้าให้ดี เพราะเกรงว่าเธอจะโจมตีและมัดเขาไว้ หรือทำร้ายเขาทีเผลอ หลังจากก่อนหน้านี้ที่เธอได้แสดงฝีมือให้เขาเห็นแล้ว
เฮเซคียาห์รับรู้ได้ว่ามีบางอย่างอยู่รอบตัวเขา ในยกมือแตะปลดตะขอเพนดูลัมที่ด้านหลังต้นคอ และเหวี่ยงส่วนที่เป็นลูกตุ้มเพนดูลัมออกไป
เขารู้สึกได้ว่าเพนดูลัมของเขาตัดโดนเข้ากับบางอย่างในอากาศ
เฮเซคียาห์ไม่รีรอ เขาเหวี่ยงเพนดูลัมออกไปไกลกว่าเดิม ฟาดกับศีรษะด้านบนของซาแมนต้า
“กรี๊ด!” เธอร้องออกมาด้วยความตกใจ ทรุดกายลงนั่งกับพื้น มือกุมบริเวณที่เพนดูลัมฟาดไปโดน
เฮเซคียาห์แสยะยิ้ม จริงๆ เขาออกแรงเพียงเบาๆ เท่านั้น ไม่ได้ตั้งใจทำให้เธอเจ็บหนัก
“เมโลของฉัน” เธอเอามือลงมาจากบนศีรษะ และเปิดอุ้งมือออก บนมือมีกิ๊บติดผมสีขาวที่ขาดเป็นสองท่อน
ซาแมนต้าเงยหน้าขึ้นมามองเฮเซคียาห์อย่างกินเลือดกินเนื้อ
“นี่นาย! นาย!” ซาแมนต้ามือสั่นเทา
กิ๊บติดผมของเธอเรืองแสงแล้วสองซีกที่แตกออกจากกันก็รวมกัน ก่อนจะเริ่มขยายขนาดจนรูปร่างเปลี่ยนเป็นกล่องสี่เหลี่ยมสีขาว
เฮเซคียาห์ก้าวเข้าไปหาซาแมนต้า แล้วเขาก็ฟาดเศวตศาสตราของเธอให้กระเด็นไปอีกทางพร้อมกับสร้างความเสียหายให้กับมันเล็กน้อย ก่อนจะก้มตัวลงยกตัวเธอขึ้นพาดบ่ากะจะพาเธอวิ่งไปหาต้นไม้ที่ใกล้ที่สุดซึ่งบังเอิญมีเถาวัลย์โรยตัวลงมาจากกิ่งไม้ด้านบน แต่เธอแค่ดิ้นรนเล็กน้อย เฮเซคียาห์ก็รู้สึกว่าทานแรงของเธอไม่ไหว เขาต้องปล่อยเธอลงพื้น
“ฉันช่วย” บรอธเอ่ยขึ้นและกระแทกตัวมันเองเข้ากับศีรษะของซาแมนต้าอย่างแรง
เธอนอนนิ่งไปบนพื้นทรายสีเหลืองอ่อนๆ
“สลบเหรอ” เฮเซคียาห์ถามบรอธขณะเดินซวนเซ พยายามตั้งหลัก
“อยากให้เธอตายคาที่หรือไง”
“พลังของเธอคืออะไร”
“แค่ใช้กีต้าร์ไฟฟ้าที่นายเห็นเธอถือเมื่อบ่ายได้ตามชอบใจ แต่มีความหลากหลายในรูปแบบการใช้”
“แล้วไอ้พลังเยอะๆ นั่น นั่นไม่ได้เกิดมาจากเศวตศาสตราเหรอ” เฮเซคียาห์ตั้งใจทำให้เศวตศาสตราของซาแมนต้าเกิดความเสียหาย เพราะเขาคิดว่าเรี่ยวแรงของเธอที่มากมายมหาศาลคงมีที่มาเดียวกันกับพลังที่ใช้ควบคุมสายกีต้าร์มาจัดการกับเขา
“นั่นคงเป็นความสามารถพิเศษของเธอ”
“แรงหมีจริงๆ” เฮเซคียาห์ส่ายหน้า
เขาก้มลงแบกเธอขึ้นมา แล้วพาเธอไปยังต้นไม้ที่หมายตาเอาไว้ เขามัดเธอเอาไว้กับต้นไม้อย่างแน่นหนา