ตอนที่ 100 อันตรายอย่างใหญ่หลวง (ฟรี)
“เจ้าเป็นผู้ใดกัน?”
หลงเทียนเซียวกวาดสายตามาหยุดอยู่ที่ยิงฮวาแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ยิงฮวาแทบจะลมจับขึ้นมาทันทีที่ตามวาจาของหลงเทียนเซียวทัน นี่ถือเป็นการหยามเกียรติที่รุนแรงอย่างถึงที่สุดแล้ว
เขาเคยท้าประลองเพื่อปะระมือกับหลงเทียนเซียวอยู่หลายครั้งทว่าก็ล้มเหลวมาโดยตลอด จนมีวันหนึ่งที่หลงเทียนเซียวตัดนิ้วมือของเขาไปหนึ่งนิ้ว นั่นจึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นของความอัปยศอดสูที่สุดในชีวิต
ถึงแม้ว่ายิงฮวาจะได้ใช้โอสถผลัดกล้ามเนื้อเปลี่ยนกระดูกจนสามารถฟื้นฟูนิ้วมือขึ้นมาได้สมบูรณ์ และทำการไหลเวียนพลังจนเปลี่ยนจากขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นระดับที่หกเป็นระดับที่เจ็ดได้
ทว่าการทะลวงพลังนี้กลับขึ้นไปได้เพียงแค่ระดับเดียว เพราะความแตกต่างระหว่างขอบเขตพลังตอนกลางและตอนปลายนั้นช่างเป็นอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่อย่างมากเลยทีเดียว เมื่อเขาเข้าสู่ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นตอนปลายได้แล้วก็ทำให้พลังการต่อสู้เพิ่มสูงขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง เช่นนี้เขาจึงมั่นใจมากว่าจะต่อสู้กับหลงเทียนเซียวได้อย่างเท่าเทียม
และเมื่อหลายวันก่อนที่เขาจะไปท้าประลองกับหลงเทียนเซียว กลับต้องมาถูกหลงเฉินหล่อหลอกจนแทบจะสิ้นชีพไป ผลลัพธ์ของการปะทะกับหลงเฉินกลับหนักหนาเสียยิ่งกว่าเดิมจนเขาเกือบจะต้องทิ้งแม้แต่ชีวิตไปเสียแล้ว อีกทั้งยังลดทอนความมั่นใจของเขาลงไปอย่างมาก
จากวาจาเด็ดเดี่ยวของหลงเทียนเซียวเมื่อครู่นี้ก็ได้ทำให้เขายิ่งทวีความเกลียดชังมากขึ้น แทบจะเรียกได้ว่าโลหิตไหลขึ้นหน้าอย่างไรอย่างนั้น ยิงฮวาจึงคำรามด้วยความโมโหออกมาเสียงดังแล้วพุ่งเข้าไปหาหลงเทียนเซียวในทันที
จากระยะห่างเกือบร้อยจั่ง แต่ยิงฮวากลับใช้เพียงการก้าวเท้าเพียงแค่สามครั้งก็เข้ามายืนยังเบื้องหน้าของหลงเทียนเซียวแล้ว
นับตั้งแต่ฝีเท้าก้าวแรกได้จ้วงออกมา พลังเปลี่ยนเส้นเอ็นตลอดทั่วทั้งร่างของเขาก็ได้ปะทุจนก่อเกิดเป็นพลังอันน่าหวาดกลัวขึ้นมา พลันก็ได้ดึงกระบี่ยาวที่สาดประกายคมกล้าออกไปทั่วทุกสารทิศอีกทั้งยังชักนำสายลมให้พุ่งผ่านไปทางด้านหน้าอย่างหนักหน่วง
เมื่อมาถึงก้าวที่สามยิงฮวาก็ได้เพิ่มทั้งพลัง สมาธิ ลมปราณ จิตวิญญาณ ให้บังเกิดขึ้นมาสถิตอยู่ในร่างกายอย่างเต็มเปี่ยม พอดีกับกระบี่ยาวที่ได้ฟันออกไปที่หลงเทียนเซียวด้วยระดับพลังที่สูงที่สุด
ถึงแม้ว่ายิงฮวาจะเกิดความหวาดกลัวขึ้นมาส่วนหนึ่ง อีกทั้งยังเป็นยอดฝีมือผู้หนึ่งที่อยู่ในขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นของจักรวรรดิเฟิงหมิง สายตาของยิงฮวาจดจ้องไปยังหลงเทียนเซียวที่กำลังส่ายหน้าไปมาช้าๆ
“สิบกว่าปีมาแล้วเจ้าก็ยังไม่มีความก้าวหน้าเลยแม้แต่น้อย แล้วเจ้าจะใช้สิ่งใดออกมาจัดการข้ากัน?”
“เคร้ง”
ไม่ทราบว่าเมื่อใดกันที่หลงเทียนเซียวมีดาบยาวอยู่ภายในมือข้างหนึ่ง อีกทั้งยังตวัดปลายดาบออกไปอย่างรวดเร็วจนเกิดขุมพลังแผ่ซ่านไปทั่วทุกทิศทาง ในขณะที่คมดาบของหลงเทียนเซียวได้ฟาดลงไปนั้น เขาก็ได้ถอยเท้าไปด้านหลังหนึ่งก้าวทว่าเพียงก้าวเดียวก็สามารถหลบรอดออกไปไกลถึงหนึ่งจั่งเลยทีเดียว
ยิงฮวาหมายจะกวาดคมกระบี่ออกไปอีกครั้งหนึ่ง ทว่ายังไม่ทันที่จะได้พลิกแพลงกระบวนท่าก็พบว่าหลงเทียนเซียวได้ปรากฏตัวขึ้นมาที่เบื้องหน้าพร้อมกับดาบยาวที่กำลังฟันลงมาจนเกิดเป็นเงาสีดำทมิฬปกคลุมทั้งผืนฟ้า ช่างเป็นพลังทำลายอันมหาศาลจนน่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง
“ตูม”
ยิงฮวาเป็นถึงยอดฝีมือขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นและอยู่ในสภาวะพลังที่สูงที่สุด ทว่ากลับยังต้องฝืนรั้งพลังเข้าต้านทานดาบของหลงเทียนเซียวอย่างยากลำบาก
เสียงระเบิดที่ดังขึ้นมาจนเงียบสงัดลงไป ร่างกายของยิงฮวาก็แข็งทื่อขึ้นมากะทันหัน จากนั้นก็ได้กลิ้งเกลือกออกไปไกลกว่าสิบจั่งแล้วค่อยๆ หยุดลงอย่างช้าๆ
“ฉับ”
เมื่อร่างกายของยิงฮวาหยุดลงก็ได้กระอักโลหิตคำโตออกมาคำหนึ่ง เมื่อครู่ที่เขาได้ต้านทานพลังจากคมดาบของหลงเทียนเซียวเอาไว้ก็ได้ส่งผลกระทบต่ออภัยวะภายในจนบาดเจ็บสาหัส
ประชาชนทั่วทั้งลานประหารต่างก็เบิกตาให้กับฉากต่อสู้ครั้งใหม่ที่เกิดขึ้น ยิงฮวาผู้นั้นเป็นถึงหนึ่งในสามของสุดยอดฝีมือชั้นแนวหน้าของจักรวรรดิด้วยเช่นเดียวกัน ทว่าแม้แต่ดาบเดียวของหลงเทียนเซียวกลับยังไม่อาจต้านทานเอาไว้ได้
เซี่ยโหยวอวี่และคนอื่นๆ ก็แตกตื่นขึ้นมาไม่ต่างกัน ทว่าก็ไม่ได้ว่ารู้สึกหวาดหวั่นมากจนเกินไป ด้วยกระบวนท่าเมื่อครู่นั้นของหลงเทียนเซียวกลับทำให้พวกเขาเกิดการเรียนรู้บางอย่างขึ้นมาได้
ในช่วงที่ยิงฮวากำลังควบคุมพลังให้ปะทุขึ้นไปจนถึงขีดจำกัดสูงสุดอยู่นั้น เปรียบเสมือนสภาวะที่แปลกใหม่สำหรับเขาทำให้การเคลื่อนไหวเพียงดาบเดียวของหลงเทียนเซียวกระทบต่อยิงฮวาจนพลาดท่าครั้งยิ่งใหญ่ไปเสียแล้ว
ทว่านี่กลับไม่อาจกล่าวว่าพลังการต่อสู้ของยิงฮวานั้นห่างชั้นจากหลงเทียนเซียวมากจนเกินไป แต่ควรจะกล่าวว่าประสบการณ์ของยิงฮวานั้นห่างชั้นจากหลงเทียนเซียวอย่างมากถึงมากที่สุดต่างหาก
หลายปีที่ผ่านมานี้ยิงฮวาได้เก็บตัวฝึกยุทธ์มาโดยตลอดจึงได้ลงมือกับผู้คนเพียงครั้งคราวเท่านั้น อีกทั้งเขายังชมชอบการใช้พลังกดดันก่อนก็สามารถจัดการกับศัตรูทั่วไปได้แล้ว จึงไม่ได้ใช้กระบวนท่าออกมาบ่อยครั้งนัก
ทว่าในวันนี้เขากลับเห็นว่าเหนือฟ้าก็ยังมีฟ้าอยู่นั้นเป็นความจริง จนลืมเลือนไปว่าเมื่อหลงเทียนเซียวเข้าสู่ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นตอนปลายเช่นเดียวกันแล้ว ขอบเขตของพลังก็จะยิ่งเพิ่มสูงขึ้นไปด้วย ด้วยเหตุนี้จะเป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะจัดการกับชายผู้นี้ได้ นี่ถือเป็นการพลาดท่าเสียทีครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่งแล้ว
“ยิงฮวา เจ้าคิดจะใช้พลังฝีมือเช่นนี้มาท้าทายข้าอย่างนั้นหรือ?” หลงเทียนเซียวส่ายหน้าไปมา บนใบหน้าของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยความเยือกเย็นอย่างถึงที่สุด
ยิงฮวาเกิดบันดาลโทสะจนโลหิตขึ้นหน้า เหตุใดจะต้องมาเสียเปรียบเช่นนี้ไปได้ ก่อนหน้านี้ภายในจิตใจกลับเต็มเปี่ยมไปด้วยความเชื่อมั่นว่าจะสามารถจัดการกับหลงเทียนเซียวได้
“ขุนนางเจิ้งหยวนหลงเทียนเซียวได้ก่อกบฏแล้ว ทหารทั้งหมด ข้าของสั่งให้พวกเจ้าจับกุมผู้ก่อการกบฏทั้งหมดเอาไว้เดี๋ยวนี้” องค์ชายสี่ตะโกนออกมาเสียงดังกังวาน
เมื่อสิ้นเสียงขององค์ชายสี่ ผู้นำกองทัพหลายสิบนายก็ได้เดินนำหน้าออกไปอย่างรวดเร็ว เห็นได้ชัดว่าผู้คนเหล่านั้นต่างก็เป็นกองกำลังที่สวามิภักดิ์ต่อองค์ชายสี่นั่นเอง เพราะพวกเข้ารับคำสั่งในทันทีโดยมีไม่มีข้อกังขาเลยแม้แต่น้อย
“พี่น้องชาวเฟิงหมิง พวกเราต่างก็เติบโตขึ้นมาจากมาตุภูมิเดียวกัน ข้าไม่ต้องการเห็นการหลั่งโลหิตของเหล่าพี่น้อง เช่นนั้นพวกเจ้าอย่าได้บีบบังคับข้าเลย” หลงเทียนเซียวกล่าวออกมาด้วยเสียงทุ้มต่ำ
คำพูดนี้ของหลงเทียนเซียวผนวกเข้ากับพลังลมปราณจนแผดดังออกไปไกลนับร้อยลี้ ทำให้สภาวะอากาศโดยรอบสั่นไหวไปมาอย่างรุนแรงจึงทำให้เหล่าทหารจำนวนไม่น้อยเกิดความลังเลขึ้นมาชั่วครู่หนึ่ง
พวกเขาต่างก็เป็นทหารเฉกเช่นเดียวกันหลงเทียนเซียว อีกทั้งชายฉกรรจ์ผู้นี้ก็ถือเป็นแบบอย่างอันยอดเยี่ยมของพวกเขามาโดยตลอด เหล่าทหารมากมายต่างก็คาดหวังที่จะมีความสามารถเช่นเดียวกับหลงเทียนเซียวผู้ที่สร้างกองทัพเทพอันไร้ที่เปรียบขึ้นมาได้
ทว่าวันนี้พวกเขากลับต้องหันยุทโธปกรณ์ของตัวเองไปทางผู้ที่เป็นแบบอย่างของพวกเขา ห้วงแห่งความคิดอันสับสนและอลหม่านก็บังเกิดขึ้นมาจนยากที่จะตัดสินใจ
“อย่าได้ไปฟังวาจาของผีสางอย่างเขาเลย การสังหารผู้ก่อกบฏย่อมเป็นเรื่องที่สมควรกระทำ หากผู้ใดหรือสถานะใดสามารถจัดการเขาได้ ข้าจะให้เงินรางวัลทั้งหมดร้อยหมื่นตำลึงทอง และเพิ่มขั้นขึ้นไปอีกสามขั้น” องค์ชายสี่ร้องตะโกนออกมาเมื่อเห็นว่าสถานการณ์เริ่มหยุดนิ่ง
เหล่าทหารที่มีความลังเลอยู่ส่วนหนึ่งก็ได้ปล่อยวางความคิดเมื่อครู่นั้นลงไปอย่างรวดเร็ว พลันก็ได้หันคมของเหล่ายุทโธปกรณ์ชี้ไปยังเบื้องหน้าของพวกเขาในทันที
นับตั้งแต่วันที่พวกเขาได้เข้าร่วมกับกองทัพต่างก็ถูกปลูกฝังมาโดยตลอดว่าทหารนั้นไม่อาจมีความคิดเป็นของตัวเอง สิ่งที่ต้องทำนั้นก็คือคำสั่งจากผู้เป็นนายเท่านั้น แม้ว่าในตอนนี้จะไม่มีความคิดที่จะหันอาวุธไปที่หลงเทียนเซียวก็ตาม
ทว่าที่ด้านหลังนั้นยังมีผู้คนของตระกูลหลงอีกกว่ายี่สิบชีวิต การสังหารพวกเขาย่อมเป็นเรื่องที่ง่ายดายเป็นอย่างยิ่ง หากว่าโชคช่วยขึ้นมาแล้วสามารถสังหารได้คนหนึ่งยังอาจจะได้รับรางวัลและได้เลื่อนขั้นอีกด้วย มีหรือที่จะปฏิเสธสิ่งที่เย้ายวนจิตใจของเหล่าทหารชั้นผู้น้อยได้
ดวงตาคู่หนึ่งที่อยู่ภายใต้คิ้วดั่งคมกระบี่ได้มองไปเห็นกองทัพใหญ่ที่กำลังหลั่งไหลเข้ามาประดุจสายธารเส้นหนึ่ง หลงเทียนเซียวก็ได้แต่ถอนหายใจแล้วกล่าวออกมาว่า “ลงมือเถิด”
จากนั้นชายสองคนที่ได้ติดตามมาพร้อมกับหลงเทียนเซียวตั้งแต่ตอนแรกก็ได้พยักหน้าพร้อมกัน พลันก็ได้พุ่งดาบยาวในมือจู่โจมเข้าไปยังใจกลางของกองทัพใหญ่ในทันที
“ฉับฉับฉับฉับ……”
ประกายอันคมกล้าของดาบยาวได้สาดแสงสว่างวาบขึ้นมาเข้าฟาดฟันจนแขนขาหลายท่อนขาดสะบั้นและลอยกระเด็นขึ้นไปท่ามกลางอากาศ โลหิตหลายสายทาทับไปทั่วทั้งผืนฟ้าราวกับมีห่าฝนโลหิตตกลงจากสรวงสวรรค์อย่างไรอย่างนั้น
“อะไรกัน?”
“ยอดฝีมือขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นอย่างนั้นหรือ”
องค์ชายสี่ทอสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก เขาไม่ได้สังเกตเลยว่าชายที่หลงเทียนเซียวนำพามาด้วยนั้นจะเป็นยอดฝีมือขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นด้วยกันทั้งคู่ นี่เป็นเรื่องที่อยู่เหนือความคาดหมายของเขาไปจนหมดสิ้นแล้ว
ที่องค์ชายสี่ยังไม่ทราบนั่นก็คือขอบเขตพลังเหล่านั้นล้วนแต่เป็นฝีมือของหลงเฉินโดยทั้งสิ้น เขาเคยฝากโอสถทลายอุปสรรคไปกับเฉินเฟยเพื่อส่งมอบให้บิดา ผู้ที่อยู่ข้างกายของหลงเทียนเซียวทั้งหมดเจ็ดคนได้ใช้โอสถด้วยเช่นกัน ทว่ามีเพียงสามคนเท่านั้นที่ทะลวงเข้าสู่พลังขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นได้จนสำเร็จ
ส่วนคนที่เหลือไม่อาจทะลวงเข้าสู่ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นได้ ทว่าก็มีพลังที่เพิ่มสูงขึ้นจนถึงระดับสูงสุด และเชื่อว่าอีกไม่นานก็จะสามารถทะลวงเข้าสู่ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นได้เช่นกัน
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นมานี้ทำให้หลงเทียนเซียวเกิดอาการลิงโลดขึ้นมาเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งยังได้เตรียมความพร้อมมาเป็นอย่างดีตามคำเล่าของหลงเฉินที่ได้กล่าวเอาไว้ในจดหมายว่าภายในเมืองมีความเคลื่อนไหวอันใดขึ้นบ้างพร้อมทั้งความลับอันยิ่งใหญ่ที่สามารถเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งภายในพริบตาเดียว
หลงเทียนเซียววางแผนเอาไว้อย่างรัดกุมก่อนที่จะรวมกำลังพลทั้งหมดลอบเข้าไปใกล้ฐานที่ตั้งของเผ่าคนเถื่อน ทว่าเผ่าคนเถื่อนกลับรวมกำลังพลทั้งหมดของตัวเองเอาไว้ด้วยเช่นกัน จึงบังเกิดความคิดที่จะเปิดศึกครั้งใหญ่ขึ้นมาให้รู้แล้วรู้รอดกันไปเลย
ผลลัพธ์ก็คือหลงเทียนเซียวได้กวาดล้างเผ่าคนเถื่อนจนแทบจะเรียกว่าล้างบางด้วยการนำทัพของยอดฝีมือขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นทั้งสามคนเข้าปะทะกับกองกำลังนับสิบหมื่นของเผ่าคนเถื่อนจนถูกเข่นฆ่าไปกว่าครึ่งหนึ่ง ส่วนผู้คนที่เหลือก็ได้หลบหนีเข้าไปในป่าลึกภายในหุบเขา
การสู้รบกับกองทัพใหญ่ของเผ่าคนเถื่อนด้วยกองกำลังอันแข็งกล้ากลับกลายเป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ การเผชิญหน้ากันเพียงครั้งเดียวกลับสามารถจัดการเผ่าคนเถื่อนนับสิบหมื่นลงไปได้อย่างง่ายดาย จึงทำให้กองกำลังของจักรวรรดิที่อยู่ภายใต้อำนาจของเขาเกิดความฮึกเหิมขึ้นมา
หลังจากได้รับชัยชนะกลับมา หลงเทียนเซียวก็ได้รับข่าวสารจากเมืองจักรวรรดิว่า——ตระกูลหลงทั้งหมดได้ถูกจับกุมและต้องโทษประหาร
หลงเทียนเซียวจึงครุ่นคิดอยู่ช่วงหนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจทิ้งยอดฝีมือขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นผู้หนึ่งเพื่อคุมเชิงอยู่ที่ฐานทัพ แล้วนำพาอีกสองคนติดตามมาช่วยสะสางเรื่องของจักรวรรดิ
ถึงแม้ว่าผู้ติดตามทั้งสองคนจะเพิ่งเข้าสู่ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นได้ไม่นาน ทว่าพวกเขาได้ออกรบเคียงข้างหลงเทียนเซียวมานานหลายปี จึงมีประสบการณ์การต่อสู้ที่โชกโชนเป็นอย่างมาก ต่อให้ทหารทั้งจักรวรรดิมายืนอยู่เบื้องหน้าก็ไม่ต่างอันใดไปจากการละเล่นของเด็กทารกกลุ่มหนึ่ง แม้แต่หลับตาก็ยังสามารถสังหารผู้คนทั้งหมดลงไปได้
ยอดฝีมือขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นทั้งสองคนได้ทลายทหารที่เข้าปิดล้อมอย่างรวดเร็ว ส่วนฉู่เหยาและซือเฟิงก็ได้อยู่ทางด้านหลังเพื่อคุ้มกันทหารบางส่วนที่หลุดรอดเข้ามา
เจ้าอ้วน เจ้าลิงผอม และพวกพ้องคนอื่นต่างก็ถืออาวุธอยู่ในมือเพื่อคุ้มครองฮูหยินหลงและผู้คนของตระกูลหลง จะว่าไปแล้วก็ไม่มีทหารคนใดสามารถเล็ดรอดเข้ามาแตะต้องพวกเขาได้เลยแม้แต่เสี้ยวเดียว
ส่วนหลงเทียนเซียวนั้นกำลังต่อสู้อยู่กับยิงฮวาและหวูโหว อีกทั้งยังมียอดฝีมือขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นของจักรวรรดิต้าเซี่ยอีกคนหนึ่งด้วย
ยอดฝีมือขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นผู้ที่เกือบจะถูกลูกศรของหลงเทียนเซียวเสียบเข้าไปกลางศีรษะก็ได้กลับเข้าไปยังค่ายของตัวเองเพื่อทำการรักษาอาการบาดเจ็บ
เพราะนอกจากจมูกแล้ว ทั่วทั้งใบหน้าของชายผู้นั้นก็ได้ราบเรียบจนเป็นแผ่นกระดานไปด้วยกันทั้งหมด จึงส่งผลต่อความรู้สึกและการปะทุพลังต่อสู้ออกมา หากยังฝืนต่อไปย่อมต้องถูกหลงเทียนเซียวฟาดฟันจนตายไปภายในดาบเดียวอย่างแน่นอน
ผู้คนมากมายต่างก็หันเหความสนใจไปที่วงต่อสู้ของหลงเทียนเซียวที่มีเพียงหนึ่งกลับต้านทานศัตรูถึงสามคน อีกทั้งผู้คนเหล่านั้นยังเป็นถึงสุดยอดฝีมือของจักรวรรดิด้วย
เมื่อครู่นี้ยอดฝีมือของจักรวรรดิต้าเซี่ยเกือบจะพลาดท่าเสียทีไปแล้ว หากช้ากว่านี้เพียงแค่ก้าวเดียวก็อาจจะถูกฟันลำตัวขาดเป็นสองท่อนอย่างแน่นอน
สามรุมหนึ่งดำเนินไปอย่างกระวนกระวายเพราะมีโอกาสที่จะถึงแก่ชีวิตได้ทุกเมื่อ ผู้คนที่กำลังจ้องมองการต่อสู้อันดุเดือดบ้าคลั่งจึงได้ยกย่องให้ขุนนางเจิ้งหยวนขึ้นเป็นบุคคลอันดับหนึ่งแห่งเฟิงหมิงไปอย่างไม่ต้องสงสัย
ส่วนการต่อสู้ของปรมาจารย์หวินฉี เว่ยชางและหวังลู่หยางนั้นก็ยังคงเป็นการต่อสู้ท่ามกลางเปลวเพลิงที่ปะทุขึ้นมาอย่างต่อเนื่องและดุเดือดมากขึ้นเรื่อยๆ จึงไม่มีผู้ใดเข้าไปใกล้วงต่อสู้ของพวกเขาเลยแม้แต่น้อย
รอบลานประหารคลายกับเป็นสงครามกลางเมืองอันโหดเหี้ยมและดุดันอย่างถึงที่สุด บริเวณที่ฮูหยินหลงอยู่นั้นจึงเป็นที่ที่อันตรายที่สุดแล้ว เหล่าทหารมากมายต่างก็ต่อสู้อย่างคลุ้มคลั่งหมายจะได้รับรางวัลและความก้าวหน้าโดยไม่เกรงกลัวต่อความตายเลยแม้แต่น้อย ขอเพียงพวกเขามีโอกาสเล็ดรอดเข้ามาสังหารคนของตระกูลหลงได้แค่คนเดียวก็จะสามารถติดปีกโบยบินไปได้แล้ว
แม้ว่าจะมียอดฝีมือขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นคอยคุ้มกันอยู่ด้วยถึงสองคน ทว่ากองทัพทหารก็ได้แห่กันเข้ามาอย่างไม่ลดละ อีกทั้งที่พื้นโดยรอบก็มีซากศพกองพะเนินอยู่เป็นจำนวนมากก็ไม่ได้ทำให้เหล่าทหารลดทอนลงไปได้เลย เจ้าอ้วนและพวกพ้องจึงเริ่มเอาชีวิตเข้าแลกด้วยเช่นกัน สีหน้าของพวกเขาเลวร้ายมากยิ่งขึ้นเมื่อไม่อาจจะต้านทานกองกำลังเอาไว้ได้
ทั้งสามยอดฝีมือฟาดฟันออกไปอย่างไม่คิดชีวิต ทว่าไม่ว่าจะเข้าแลกอย่างไรก็ไม่อาจกระเทือนต่อหลงเทียนเซียวได้เลยแม้แต่น้อย ยิงฮวาจึงเกิดความคิดบางอย่างขึ้นมาชั่ววูบหนึ่งแล้วก็ได้ดึงหอกยาวออกมาด้ามหนึ่ง
“ผึง”
หอกยาวด้ามนั้นพุ่งออกมาอย่างรวดเร็วประดุจดาวตกสายหนึ่ง ทว่ากลับไม่ได้พุ่งไปทางศัตรูที่อยู่เบื้องหน้า
“หลงเทียนเซียว ข้าขอฆ่าภรรยาของเจ้าก่อนก็แล้วกัน ให้เจ้าได้ลิ้มลองรสชาติของความเกลียดชังขึ้นมาบ้างก็ยังดี” เมื่อยิงฮวาโยนหอกยาวด้ามนั้นออกไปก็ได้กล่าวต่อหลงเทียนเซียวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันในทันที
หลงเทียนเซียวทอสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง เขาไม่ได้คิดเอาว่ายิงฮวาจะใช้การลอบสังหารที่โหดเหี้ยมถึงเพียงนี้อีกทั้งยังเกิดขึ้นมาอย่างกะทันหัน และในขณะนี้ยอดฝีมือขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นทั้งสองคนก็ยังให้ความสนใจกับกองทัพใหญ่ที่พัวพันอยู่มากมายจนไม่ทันสังเกตเห็นหอกยาวด้ามนั้นอย่างแน่นอน
ทว่าฉู่เหยากลับเห็นหอกยาวด้ามนั้นมาตั้งแต่แรกแล้ว เดิมทีนางมีความคิดที่จะผลักร่างของฮูหยินหลงออกไปแต่ก็ไม่ทันกาลเสียแล้ว นางจึงได้หันกายเข้าบังอยู่เบื้องหน้าของฮูหยินหลงในทันที
“อย่าได้…”
หลงเทียนเซียวคำรามเสียงดังกึกก้อง หอกยาวด้ามนั้นผนึกด้วยพลังทำลายของยอดฝีมือขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นผู้หนึ่งเอาไว้ จึงไม่ใช่สิ่งที่จะใช้เพียงร่างกายรับการโจมตีเอาไว้ได้ เมื่อทราบว่าพวกนางกำลังจะถูกหอกยาวด้ามนั้นสังหารไปด้วยกันทั้งคู่จึงอดกระวนกระวายขึ้นมาไม่ได้
“ปัง”
หอกยาวด้ามนั้นถูกพลังโจมตีอันน่าหวาดกลัวขุมหนึ่งทำลายจนกลายเป็นผุยผงไปในทันที หลงเหลือแค่เพียงเศษควันจากกระบี่หนักสีดำทมิฬเล่มหนึ่งที่ปรากฏขึ้นมาแทนที่
กระบี่หนักสีดำทมิฬเล่มนั้นถูกจับไว้อย่างแน่นหนาด้วยมือข้างใหญ่ของเด็กหนุ่มผู้หนึ่ง อาภรณ์ขาดรุ่งริ่งได้พลิ้วไหวไปตามสายลมที่พัดผ่านมา
“ในที่สุดก็มาทันเสียที”....
ติดตามตอนอื่นๆเพิ่มเติมได้ที่ : 9 ดารา <<< (ถึงตอนที่ 265 แล้วครับ)