ตอนที่ 10 จอมเวทจันทรา
ตอนที่ 10 จอมเวทจันทรา
เบื้องหน้าของโคโล่และเซน่า มีทั้งเสือดำเขาเดียว หมีขนแดงที่มีหลังเป็นหนามใหญ่นับสิบหนาม หมาป่าที่มีเขี้ยวยาวออกมาเหมือนดาบ พวกมันทยอยกันเข้ามาเรื่อย ๆ จนมีประมาณยี่สิบกว่าตัว แต่พวกมันยังไม่กล้าเข้าใกล้โคโล่และเซน่าเพราะไฟที่ล้อมรอบพวกเขาไว้
โคโล่เคยท่องเที่ยวป่ารู้จักสัตว์ปีศาจเหล่านี้มาบ้าง ปกติพวกมันจะไม่อยู่ร่วมกัน นี่นับเป็นความผิดปกติอย่างชัดเจน
“พวกมันเข้ามาหาพวกเราไม่ได้ แต่เราก็ออกไปไม่ได้” โคโล่กล่าว
“เจ้ามีธนูโจมตีระยะไกลได้” เซน่ากล่าวเตือน
โคโล่พยักหน้าและกล่าวเบา ๆ “คลาย” จากนั้นเวทมนตร์ “ไวด์ เฮียร์ริ่ง” (Wide Hearing) ซึ่งใช้ช่วยฟังเสียงได้ไกลยิ่งขึ้นและเวทคีนอายส์ (Keen Eyes) ซึ่งทำให้มีสายตากว้างไวดุจเหยี่ยวก็คลายออก การใช้เวทมนตร์เหล่านี้นาน ๆ ทำให้โคโล่สิ้นเปลืองพลังเวทไม่น้อย สถานการณ์ในยามนี้เขาต้องการถนอมการใช้พลังเวทให้ได้มากที่สุด
เหล่าสัตว์ปีศาจต่างขู่คำรามแต่ยังไม่กล้าเข้าใกล้ ทันใดหมาป่าเขี้ยวดาบสามตัววิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วและกระโดดข้ามกองไฟมา หากถูกคมเขี้ยวอันคมกริบและใหญ่ยาวของพวกมันเพียงแค่ครั้งเดียวอาจถึงตายได้
โคโล่ชักลูกศรจากซองสามดอกยิงอย่างรวดเร็วในคราเดียว ลูกศรทั้งสามดอกกระจายออก ยิงถูกหัวหมาป่าเขี้ยวดาบทั้งสามตัวอย่างแม่นยำสุดยอด พวกมันสิ้นใจตายทันที
เหล่าสัตว์ป่าเห็นพวกมันตายยิ่งขู่คำราม พวกมันทั้งหมดต่างค่อย ๆ เดินเข้าใกล้ชิดกองไฟมากยิ่งขึ้น คล้ายเป็นการกระชับวงล้อม
“ฟิ้ว!”
โคโล่ยิงธนูออกอีกหนึ่งดอกเพื่อหวังขู่ไม่ให้พวกมันเข้าใกล้
ธนูดอกนั้นพุ่งไปอย่างรวดเร็วดุจแสงอัสนี พริบตาเดียวเสือดำเขาเดียวตัวหนึ่งก็ถูกธนูปักเข้าที่หัว มันร้องอย่างโหยหวนจากนั้นก็สิ้นใจตาย แต่เหล่าสัตว์ปีศาจก็ไม่เกรงกลัวยังคงค่อย ๆ เดินเข้ามา หากพวกมันกระโจนเข้ามาพร้อมกันในคราเดียวพวกโคโล่คงได้แต่ทอดร่างเป็นซากศพ
“เหมือนกับมีคนคอยบงการสัตว์เหล่านี้” โคโล่กล่าวสังเกต
“ใช้บลาซ แอโรว์ (Blast Arrow - ศรระเบิด) จู่โจมใส่บริเวณเท้าของพวกมัน” เซน่ากล่าว
โคโล่ไม่ทราบว่าเซน่ามีอุบายใดอีก แต่เขาเคยได้เห็นสติปัญญาของนางแล้วจึงทำตามทันที
“บลาซ แอโรว์” (Blast Arrow) โคโล่ยิงธนูดอกหนึ่งอย่างว่องไว ธนูดอกนั้นหัวลูกศรเปล่งรัศมีส้มเข้ม เมื่อสัมผัสกับพื้นก็ระเบิดทันที
ตูม !!
เมื่อศรระเบิดกระทบถูกเท้าพวกสัตว์ที่กำลังกระชับวงล้อมเข้ามา พวกมันต่างก็กระเด็น มีเสือดำเขาเดียวตัวหนึ่งถึงกับขาขาด แต่สัตว์ปีศาจหลายตัวโดยเฉพาะหมีขนแดงซึ่งมีหลังเป็นหนาม มันมีความแข็งแกร่งทนทานเป็นพิเศษกลับไม่ได้รับบาดเจ็บมากนัก
“ยิงไปรอบด้าน” เซน่ากล่าว
โคโล่รับคำ เขายิงธนูที่อัดด้วยเวทมนตร์ระเบิดไปรอบด้าน พวกสัตว์ปีศาจพอเห็นธนูระเบิดยิงมาต่างก็พากันหลบหลีก
หากโคโล่ยิงศรระเบิดใส่ตัวสัตว์ปีศาจอย่างมากก็ฆ่าได้ตัวเดียว แต่เซน่าให้โคโล่ยิงศรระเบิดใส่บริเวณเท้าพวกมันเพื่อให้ศรกระทบพื้นดินจนเกิดแรงระเบิด เป็นเหตุให้สัตว์ปีศาจตกใจกลัวหลบลูกศรเป็นการใหญ่ วงล้อมที่พวกมันกระชับเข้ามาก็คลายออก
โคโล่กล่าวว่า “เจ้านี่ฉลาด..”
“ใช้แฟลซ แอโรว์ (Flash Arrow – ศรประกายแสง) และรีบกระโดดออกไป” เซน่ากล่าวต่ออย่างรวดเร็วโดยไม่รอฟังคำชม
ทันใด ปรากฏแสงสว่างเจิดจ้าดุจกลางวันทำให้สามารถมองเห็นบริเวณรอบ ๆ ได้อย่างชัดเจน โคโล่ยิงลูกศรออกด้วยเวทแฟลซ แอโรว์ซึ่งจะทำให้เกิดแสงสว่างเจิดจ้าซึ่งใช้รบกวนสายตาศัตรูระหว่างต่อสู้ได้ เหล่าสัตว์ปีศาจต่างต้องหลับตาลง
โคโล่มือขวาถือธนู มือซ้ายคล้องเอวเซน่า เขาใช้เวทมนตร์แห่งลม “เวิร์ลวินด์” (Whirl Wind – ลมหมุนทะยาน) เรียกสายลมช่วยทำให้ตนเองกระโดดได้ไกลขึ้น โคโล่รีบกระโดดออกจากกองไฟ ท่าร่างของเขารวดเร็วดั่งได้เทพแห่งลมเข้าสิงสถิต
โคโล่วิ่งไปยังบริเวณที่มีสัตว์ปีศาจน้อยที่สุด บริเวณนั้นมีเพียงแค่หมีขนแดงสองตัว หมาป่าเขี้ยวดาบหนึ่งตัว ซึ่งพวกมันตอนนี้ยังหลับตาหลบแสงจากเวทแฟลซ แอโรว์ ทำให้โคโล่วิ่งผ่านได้ไม่ยาก
แต่ทันใดหมาป่าเขี้ยวดาบตัวหนึ่งได้กลิ่นของมนุษย์ มันกระโจนเข้าใส่อย่างดุร้ายทั้งที่หลับตาอยู่ เห็นแน่ชัดเขี้ยวอันใหญ่ยาวของมันจะฝังลงที่แผ่นหลังโคโล่
ฉึก !!
เซน่าตวัดมีดสั้นอันคมกริบกลับหลัง แทงใส่คอหมาป่าเขี้ยวดาบอย่างรวดเร็วและแม่นยำ ก่อนที่โคโล่จะยิงศรเวทแฟลซ แอโรว์ออก เซน่าก็หลับตาไว้ก่อนแล้ว ดังนั้นขณะเกิดแสงเจิดจ้านางจึงไม่ถูกแสงรบกวนสายตาจากเวทนี้
เรดิกัลผ่านสมรภูมิสงครามมานับครั้งไม่ถ้วน สายตาและหูเขาระวังทั้งสี่ทิศแปดทาง แม้ตอนนี้เขากลายเป็นสตรีมีร่างกายอ่อนแอลง แต่โสตประสาทเขายังคงปราดเปรียวดุจเดิม เมื่อหมาป่าเขี้ยวดาบจู่โจมจากด้านหลังเขาก็รู้ทันที
ยามนี้พวกสัตว์ปีศาจต่างสามารถลืมตาได้อีกครั้ง พวกมันเห็นเหยื่อของมันกำลังวิ่งหนีจึงวิ่งไล่ตามด้วยความรวดเร็วทันที
เซน่าเห็นโคโล่เหงื่อไหลอาบแก้ม สีหน้าเคร่งเครียด นางทราบว่าโคโล่เริ่มใช้สภาพร่างกายตนเกือบถึงขีดสุดแล้ว
โคโล่ไม่ใช่นักเวทมนตร์จึงไม่ได้มีพลังเวทมากมายมหาศาล เขาเป็นพรานป่าซึ่งเรียนรู้เวทมนตร์พื้นฐานมาบ้างจากเทพธนูไซนอสผู้เป็นอาจารย์ วันนี้เขายิงศรเวทมนตร์หลายครั้งทำให้รู้สึกเหน็ดเหนื่อยอย่างมาก
โคโล่โอบเอวเซน่าพร้อมวิ่งไปเบื้องหน้าอย่างรวดเร็ว แต่เพราะการที่ต้องแบกร่างสตรีนาน ๆ ทำให้เขาเริ่มเชื่องช้าลง พวกเสือดำเขาเดียวซึ่งเป็นสัตว์ปีศาจมีความรวดเร็วยิ่งกว่าอาชาหรือสัตว์ป่าใด พวกมันประมาณหกตัววิ่งไล่ตามโคโล่จนระยะห่างของโคโล่กับพวกมันเริ่มใกล้กันมากขึ้น
เซน่าเห็นเช่นนั้นก็ทราบว่าผิดท่า นางมองไปเบื้องหน้าเห็นต้นไม้แน่นขนัด
“ปีนขึ้นต้นไม้!” เซน่าร้องพร้อมชี้ไปยังต้นไม้ขนาดกลางต้นหนึ่ง
โคโล่รีบวิ่งไปยังต้นไม้ที่เซน่าชี้
โคโล่ร้อง “เวิร์ลวินด์” (Whirl Wind) เขาใช้เวทมนตร์แห่งลมช่วยพัดให้เขาตัวเบาทะยานขึ้นต้นไม้ใหญ่ ต้นไม้ต้นนี้สูงประมาณเจ็ดเมตร ปกติโคโล่สามารถกระโดดขึ้นสูงได้ประมาณห้าหกเมตร แต่เนื่องจากเขาโอบเซน่าไว้จึงทะยานได้เพียงสามเมตร ทันใดนั้นร่างเขาก็ร่วงหล่นลงมาอีก
“เวิร์ลวินด์” โคโล่ร้องอีกคราพร้อมกับใช้เท้าสัมผัสต้นไม้ เขายืมแรงจากต้นไม้พร้อมกระโดดขึ้นด้วยพลังเวทมนตร์แห่งลม โคโล่ทำเช่นนี้สองครั้งก็ปีนสู่ยอดต้นไม้ได้สำเร็จ
เหล่าเสือดำเขาเดียวเห็นเหยื่อพวกมันกระโดดขึ้นต้นไม้อย่างกระทันหัน บางตัววิ่งมาอย่างรวดเร็วไม่สามารถหยุดยั้งทัน เขาของมันปักกับต้นไม้ พวกมันจึงพยายามดึงเขาออก บางตัวหยุดยั้งร่างได้ทันก่อนก็ไม่ชนกับต้นไม้
โคโล่และเซน่าอยู่บนกิ่งไม้ใหญ่ของต้นไม้ เห็นเสือดำเขาเดียวกำลังถอนเขาตนเองออกจากลำต้นไม้ ส่วนหมาป่าเขี้ยวดาบและหมีขนแดงก็ทยอยวิ่งมาถึง
โคโล่ระบายลมหายใจออกจากปาก อย่างน้อยตอนนี้เขาก็ยังได้พักบ้าง
“เอาอย่างไรต่อดี?” โคโล่ถามเซน่า
เซน่านิ่งเงียบคล้ายกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก
แต่ไม่มีเวลาให้ขบคิด! หมีขนแดงสองตัวต่างหันหลังให้ต้นไม้ จากนั้นใช้หนามใหญ่ที่แกร่งประดุจเหล็กนับสิบหนามซึ่งติดอยู่ที่หลังมันกระแทกใส่ต้นไม้ ทำให้ลำต้นไม้เกิดเป็นรูโหว่หลายรูทันที
ต้นไม้ต้นนี้มีขนาดปานกลาง หากถูกหมีขนแดงเจาะต้นไม้เป็นรูโหว่บวกกับแรงกระแทก ไม่นานต้นไม้ต้นนี้ต้องหักโค่นล้มลงแน่
โคโล่และเซน่าอยู่บนต้นไม้ได้รับแรงสั่นสะเทือน พวกเขาทราบว่าต้นไม้คงทนแรงกระแทกได้ไม่นาน
“บลาซ แอโรว์ (Blast Arrow - ศรระเบิด)” โคโล่ยิงศรระเบิดออกสองดอกด้วยความรีบร้อนก่อนที่ต้นไม้จะหักโค่นลง ได้ยินเสียงตูม ๆ หมีขนแดงสองตัวถูกศรระเบิดยิงใส่ เศษเนื้อปลิวกระจายสิ้นใจตายทันที
ศรระเบิดสองดอกยิงติดต่อกันทำให้มีพลังระเบิดเพิ่มมากขึ้น พวกสัตว์ปีศาจต่างหวาดเกรงต่างล่าถ่อยไปเล็กน้อย
“เจ้าโง่!” เซน่าตวาดขึ้น
“เจ้าด่าข้าทำไม ข้าช่วยชีวิตเจ้า” โคโล่กล่าวอย่างไม่พอใจ
“พลังเวทเจ้าแทบหมดสิ้นทำไมยังใช้พลังอย่างสิ้นเปลือง เจ้าดูนี่” เซน่าชี้ไปยังต้นไม้ที่อยู่ไม่ไกล
“ต้นไม้ต้นนั้นมีอะไร?” โคโล่ถาม
“บริเวณนี้มีต้นไม้แน่นขนัด เจ้าค่อย ๆ ใช้เวทแห่งลมกระโดดข้ามต้นไม้ไปทีละต้นไม่แน่อาจหนีพวกมันได้ หรืออย่างน้อยเจ้าก็มีเวลาพักผ่อนฟื้นฟูเรี่ยวแรง เมื่อพลังเวทเจ้าฟื้นค่อยจัดการพวกมันยังไม่สาย” เซน่าอธิบาย
“เจ้าใช้เวทสิ้นเปลืองเช่นนี้ หากพลังเวทเจ้าหมดจะหนีได้อย่างไร?” เซน่าตำหนิโคโล่ นางกำหนดอุบายไว้แล้วแต่โคโล่ใจร้อนยิงศรระเบิดออกไปก่อน
พลังเวทของโคโล่เองก็เหลือน้อยเต็มที อย่างมากยิงศรเวทมนตร์ได้อีกเพียงสามครั้ง โคโล่แม้ไม่ต้องการถูกสตรีตำหนิ แต่คำพูดเซน่าก็จริงทุกประการจนไม่อาจเถียงได้
เซน่าบอกโคโล่ให้กระโดดไปที่ต้นไม้ด้านข้างขวานางก่อน โคโล่รับคำ เขาเรียกกระแสลมหอบหนึ่งช่วยพัดร่างกายเขาและเซน่าไปยังต้นไม้อีกต้นซึ่งอยู่ห่างไม่ถึงสามเมตรด้วยการกระโดดเพียงครั้งเดียว
เซน่าและโคโล่กระโดดลงยังยอดต้นไม้ที่สูงเพียงห้าเมตร เซน่ากำลังมองหาต้นไม้ต้นต่อไปที่สมควรจะกระโดดไปต่อ
ผัวะ !!
ทันใดกิ่งไม้ของต้นไม้ที่ทั้งสองอยู่พลันหวดใส่เซน่าและโคโล่ ครานี้กะทันหันเกินไป เซน่าและโคโล่ถูกกิ่งไม้หวดใส่จนตกจากต้นไม้ทันที
ระหว่างร่วงหล่น โคโล่พลิกกายกลางอากาศโอบกอดเซน่าไว้ เขายินยอมให้แผ่นหลังเขากระแทกกับพื้นเพื่อปกป้องเซน่า โชคดีต้นไม้ต้นนี้สูงไม่มากนักบวกกับโคโล่ก็มีเวทแห่งลมคุ้มกาย ทำให้เขาเพียงแค่เจ็บปวดหลังซึ่งเป็นอาการบาดเจ็บภายนอก
โคโล่ถามเซน่า “เจ้าเป็นอะไรหรือไม่?”
คำถามนี้เซน่าควรจะเป็นผู้ถามโคโล่มากกว่า แต่นางปกติก็ไม่เคยเป็นห่วงชีวิตผู้ใดอยู่แล้ว ที่นางช่วยโคโล่ก็เพราะเห็นโคโล่เป็นดั่งแขนขาชั่วคราว หากไม่มีโคโล่นางก็ไม่สามารถเอาชีวิตรอดในป่าไม่หวนกลับได้
เหล่าสัตว์ปีศาจเห็นโคโล่และเซน่าตกจากต้นไม้พวกมันจึงวิ่งเข้ามาทันที !!
ทันใดหมาป่าเขี้ยวดาบสามตัว เสือดำมีเขาสองตัววิ่งมาก่อน
“ใช้ศรระเบิดยิงที่พื้น!” เซน่ากล่าวอย่างรวดเร็ว
โคโล่เข้าใจอย่างว่องไว เขาคำนวณระยะที่ศัตรูจะมาถึงและยิงศรระเบิดใส่พื้นบริเวณนั้นอย่างรวดเร็ว
ตูม !
สัตว์ปีศาจทั้งห้าตัวต่างโดนแรงกระแทกของระเบิดกระเด็นไป เสือดำมีเขาสองตัวถึงกับขาขาดตัวละข้าง ส่วนหมาป่าเขี้ยวดาบสองตัวกระเด็นได้รับบาดเจ็บ แต่ยังมีหมาป่าเขี้ยวดาบอีกตัวรอดพ้นจากแรงระเบิด มันวิ่งตรงมากระโจนใส่โคโล่ทันที
แต่คมเขี้ยวมันยังไม่ทันจะถูกโคโล่ มันก็โดนเซน่าซึ่งยืนอยู่แทงมีดใส่คอมันอย่างแม่นยำ
โคโล่คิดว่าพวกสัตว์ปีศาจคงยกโขยงบุกมาอีกแน่ ขณะที่เขากำลังจะจูงเซน่าวิ่งหนี พวกสัตว์ปีศาจต่างหยุดทำเสียงขู่คำราม พวกมันนิ่งเงียบและหมอบลงราวเป็นสัตว์บ้านที่ถูกเลี้ยงอย่างเชื่องเชื่อ
“พวกเจ้ากล้าดียังไง”
ซุ่มเสียงสตรีที่เย็นชาราวน้ำแข็งดังขึ้นแต่ไม่ทราบมาจากทิศทางใด รู้สึกเสียงนางลี้ลับเยือกเย็น ไม่ว่าผู้ใดได้ฟังเสียงนี้ย่อมเกิดความรู้สึกหนาวสะท้านในจิตใจ
ที่จริงโคโล่สามารถใช้วิชา “ไวด์ เฮียร์ริ่ง” (Wide Hearing – สดับทั่วหล้า) เพิ่มระยะการได้ยินของหูเพื่อหาทิศทางที่มาเสียงได้ แต่ตอนนี้พลังเวทเขาจำกัดยิ่ง การใช้พลังเวทแต่ละครั้งจำต้องไตร่ตรองให้ดี
ทันใดนั้น สตรีชุดเทานางหนึ่งลอยตัวลงมาจากฟากฟ้า โดยมีดวงจันทร์เพ็ญเป็นฉากหลัง ดุจดั่งเจ้าหญิงแห่งจันทราเสด็จลงมาเยือนโลกมนุษย์ นางลงมายืนอยู่ท่ามกลางหมู่สัตว์ปีศาจที่หมอบลงแทบเท้านาง
เห็นใบหน้าของนางดูไปเป็นสตรีสาวอายุไม่เกินสามสิบปี ดวงตาของนางมีสีน้ำเงินเข้มดุจดั่งน้ำในมหาสมุทร แววตาเย็นชาดุจน้ำแข็ง เส้นผมและคิ้วของนางเป็นสีเงินเปล่งประกาย จมูกของนางแคบเล็ก ความงดงามของนางแตกต่างจากเซน่า หากเซน่าเป็นบุปผาที่เบ่งบานชวนชมในฤดูใบไม้ผลิ สตรีผมเงินนางนี้ก็เป็นดั่งก้อนน้ำแข็งที่ส่องประกายสะท้อนแสงตะวัน
เห็นมือของนางถือไม้กายสิทธิ์สีเงินยวงแปลกประหลาดกว่าไม้ทั่วไป คาดว่าทำจากโลหะแต่ไม่ทราบชนิดใด ส่วนหัวของไม้กายสิทธิ์แหลมคมคล้ายคมดาบ ส่วนปลายไม้สลักรูปเสี้ยวจันทร์ ความยาวไม้กายสิทธิ์ของนางประมาณครึ่งเมตร
“จอมเวทจันทรา” โคโล่และเซน่าครุ่นคิดขึ้น
“เจ้าไม่ทราบหรือว่าสถานที่แห่งนี้เรียกว่าอะไร?” ซุ่มเสียงเย็นชาราวน้ำแข็งของสตรีผมเงินดังขึ้น
“ทราบ แต่ข้า..”
“ไม่ทราบ!”
เสียงโคโล่และเซน่าดังขึ้นพร้อมกัน โคโล่ต้องการจะกล่าวว่าเขาทราบว่าที่นีคือป่าไม่หวนกลับ เขาเพียงต้องการมาพบจอมเวทจันทราและไม่ได้มีเจตนาร้าย แต่เซน่าทราบว่าคำถามนี้ของสตรีผมเงินต้องการบีบให้พวกนางบอกชื่อป่าออกมา จากนั้นนางจะบอกว่าที่นี่เป็นป่าไม่หวนกลับอย่าหวังคิดจะได้กลับออกไปอีก
นี่เป็นคำถามชี้นำของสตรีผมเงิน เซน่าตอนเป็นเรดิกัลมักถามนำศัตรูเช่นนี้ก่อนค่อยสังหารทิ้ง เซน่าจึงตอบว่าไม่ทราบเพื่อถ่วงเวลาหาช่องทางเปิดการเจรจา
เซน่าหันไปมองโคโล่อย่างไม่พอใจ ส่วนสตรีผมเงินหันไปจ้องมองเซน่าและกล่าวว่า “หากไม่ใช่เจ้า บริวารข้าคงไม่ตายมากมายเช่นนี้”
วาจานี้แสดงแน่ชัด นางเห็นว่าที่สัตว์ปีศาจของนางที่ต้องตายเนื่องจากการวางแผนของเซน่าหาใช่เพราะคันศรของโคโล่ นางไม่เห็นโคโล่อยู่ในสายตาแม้แต่น้อย
โคโล่เห็นบรรยากาศไม่ดีจึงถาม “ท่านคือจอมเวทจันทราใช่หรือไม่?”
สตรีผมเงินถามกลับ “เจ้ามาหานางด้วยเรื่องอะไร?”
โคโล่กล่าวว่า “สหายของข้านางนี้ นางป่วยไข้หลายวัน สมุนไพรวิเศษใดก็ไม่สามารถรักษาหาย ข้าจึงพา..”
“ดูไปไม่คล้ายเป็นคนป่วย” สตรีผมเงินกล่าวตัดบทโคโล่
เซน่ากล่าวขึ้นบ้าง “ข้ามาหาจอมเวทจันทราเพราะได้ยินชื่อเสียงของนาง...”
“ข้าไม่อยากฟังวาจาเท็จของเจ้าอีก” สตรีผมเงินโบกไม้กายสิทธิ์สีเงิน นางกรีดวาดช้า ๆ เป็นรูปจันทร์เสี้ยว ประกายสีเงินของไม้กายสิทธิ์งดงามจับตา
“เฟรีอา” สตรีผมสีเงินกล่าวเบา ๆ
“หลบ!” เซน่าร้องขึ้น ทันใดต้นไม้ต้นหนึ่งก็ฟาดกิ่งมันลงมาใส่ทั้งสอง โคโล่และเซน่าต่างก้มหัวหลบกิ่งไม้ได้อย่างหวุดหวิด
“เฟรีอา” จอมเวทจันทรากล่าวคาถาภาษาประหลาดพร้อมกรีดวาดไม้กายสิทธิ์สีเงินอีก ต้นไม้ที่อยู่รอบ ๆ โคโล่และเซน่าสามต้นคล้ายมีชีวิตขึ้นมา พลันหวดกิ่งจู่โจมใส่ทั้งสองอย่างคลุ้มคลั่ง
“บลาซ แอโรว์ (Blast Arrow - ศรระเบิด)” โคโล่ยิงศรระเบิดออกพร้อมกับกระโดดหลบกิ่งไม้ที่หวดมาเบื้องหน้าเขา
ศรระเบิดยิงใส่สตรีผมสีเงินโดยไม่พลาดเป้า ขณะที่ศรระเบิดจะสัมผัสกายนาง เห็นร่างกายนางบิดเบี้ยวดั่งภาพมายา จากนั้นศรระเบิดก็ทะลุผ่านกายนางไป !
โคโล่ตื่นตระหนกยิ่ง พลังเวทของนางพิสดารอย่างไม่เคยพบเห็น แต่ยังดีระหว่างที่นางใช้คาถาอื่น ต้นไม้ที่คลุ้มคลั่งก็สงบกลับเป็นต้นไม้ตามปกติ
ได้ยินเสียงระเบิดดังลั่นป่า ศรระเบิดของโคโล่ยิงไปถูกต้นไม้ต้นหนึ่ง ลำต้นหักโค่นลงด้วยแรงระเบิด ต้นไม้มีไฟลุกท่วม
“มูนไลท์มูฟ” (Moonlight Move -เคลื่อนแสงจันทรา) สตรีผมสีเงินเอ่ยขึ้น
ทันใดเกิดแสงสว่างสีเงินเจิดจ้าบริเวณที่โคโล่และเซน่ายืนอยู่ ร่างกายของพวกเขาลอยขึ้นอย่างควบคุมไมได้
หากเวทดาร์ค กราวิตี้ (Dark Gravity) คือเวทแห่งความมืดที่สร้างแรงดึงดูดมหาศาลถ่วงร่างศัตรู เวทมูนไลท์มูฟ (Moonlight Move) ก็เป็นเวทที่ทำให้เกิดสภาพไร้น้ำหนักจนศัตรูไม่อาจควบคุมร่างกายตนเองได้
ร่างกายของเซน่าและโคโล่ลอยขึ้นโดยพวกเขาไม่อาจควบคุมบังคับ สตรีผมสีเงินสะบัดไม้กายสิทธิ์คราหนึ่งร่างของทั้งสองก็ลอยไปชนต้นไม้คนละต้น ร่างเซน่าและโคโล่ต่างกระแทกกับต้นไม้ได้รับความเจ็บปวดไม่น้อย โคโล่ยังกำธนูเงินคู่ใจของเขาแน่น
“แม้แต่เข้าใกล้นางยังทำไมได้จะชนะได้อย่างไร?” โคโล่ลุกขึ้นพร้อมครุ่นคิดด้วยความท้อแท้ใจ
โคโล่เห็นเซน่าก็ลุกขึ้น ใบหน้านางแม้มีสีหน้าเจ็บปวด แต่แววตายังมุ่งมั่นไม่ยอมแพ้
“นางไม่มีวันจำนนต่อคำว่าพ่ายแพ้” โคโล่คิดในใจ
ฟังจากชื่อคาถาของสตรีผมสีเงิน พวกเขาทราบแล้วว่านางคือจอมเวทจันทราไม่ผิดแน่ เห็นจอมเวทจันทราเดินเข้ามาทีละก้าวอย่างใจเย็น
“ยิงแฟลซ์ แอโรว์” (Flash Arrow – ศรประกายแสง) เซน่าตะโกนบอกโคโล่
ทันใดนั้นป่ายามราตรีเจิดจ้าสว่างราวกลางวัน แม้แต่จอมเวทจันทรายังต้องหลับตาสีน้ำเงินอันงดงามของนางเพื่อหลบแสงนี้
ศรของโคโล่พุ่งใส่จอมเวทจันทราพร้อมแสงเจิดจ้า แต่ร่างของนางบิดเบี้ยวคล้ายภาพมายาทำให้ศรทะลุผ่านไป
โคโล่เข้าใจว่าเซน่าต้องการใช้จังหวะนี้เพื่อหนี แต่เซน่ากลับหายไปแล้ว !
จอมเวทจันทราลืมดวงตาอันงดงามแต่เย็นชาราวน้ำแข็งของนางขึ้น นางเห็นโคโล่ยืนอยู่ที่เบื้องหน้านางเพียงผู้เดียว
ไม่ทราบตั้งเมื่อใด เซน่ายืนอยู่ด้านหลังจอมเวทจันทรา นางใช้มีดสั้นอันคมกริบแทงใส่คอจอมเวทจันทราอย่างรวดเร็วและแม่นยำ หวังปลิดชีพนางในมีดเดียว
เคร้ง ! เสียงมีดสั้นเซน่ากระทบกับไม้กายสิทธิ์ของจอมเวทจันทรา นางคล้ายมีดวงตางอกเงยอยู่ด้านหลัง นางปัดไม้กายสิทธิ์มาด้านหลังรับมีดสั้นของเซน่าอย่างง่ายดาย โดยไม่จำเป็นต้องหันกายมา
เซน่าเห็นจู่โจมผิดพลาดก็รีบกระโดดถอยหนีอย่างว่องไว จอมเวทจันทราหันกายมาและแทงไม้กายสิทธิ์ซึ่งมีปลายแหลมใส่คอเซน่าด้วยท่วงท่าเรียบง่ายธรรมดา
เซน่าเห็นการแทงเช่นนี้ก็แสดงสีหน้าตื่นตระหนกอย่างไม่เคยมีมาก่อน
นี่ไม่ใช่การแทงธรรมดา แต่หากเป็นเพลงดาบ
เพลงดาบที่หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ
พลังของแผ่นฟ้า แผ่นดิน ผืนป่า ผืนน้ำ คล้ายถูกหลอมรวมอยู่ในท่าแทงนี้
ต่อให้เซน่ากลับร่างเป็นเรดิกัลก็กระทำไม่ได้ !
จอมเวทจันทราหาใช่เป็นเพียงแต่เป็นยอดนักเวทผู้มีพลังสุดหยั่งถึง แต่นางยังเป็นสุดยอดฝีมือในเชิงดาบที่อาจไม่สามารถพบเจอได้อีกในดินแดนเหนือใต้ !!
เพลงดาบแม้ท่วงท่าเรียบง่ายธรรมดา แต่เซน่าทราบว่านางไม่มีวันหลบพ้นจึงได้แต่รามือรอความตาย !!
-----------------------
จะมาหาจอมเวทจันทราให้ช่วยล้างคำสาป โอ๊ย ไหงไปตีกันซะงั้น เซน่าจะรอดหรือไม่ ใครจะช่วยได้เจอตัวเทพขนาดนี้ ตอนต่อไปรับรองสนุกกว่านี้ !!!