TQF:บทที่ 26 ค้นพบ
TQF:บทที่ 26 ค้นพบ
ชาวบ้านทุกคนได้พักทานอาหารเย็นหลังจากที่เขาได้เยี่ยม เฉิงไป๋หยวน เฉิงเสี่ยวเสี่ยว ได้ใช้โอกาสนี้นำหัวไชเท้า ไก่และกระต่ายออกมาทำอาหารรับแขก
บนโต๊ะอาหารเต็มไปด้วยอาหารมากมาย ด้วยความมีน้ำใจของนางเฉิงทําให้ทุกคนพอใจ ตอนนี้พวกเขามองว่าครอบครัวเฉิง นั่นเป็นส่วนหนึ่งของหมู่บ้านอย่างแท้จริง มีชาย 2 คนตบหน้าอกของตัวเองและสัญญาว่าพวกเขาจะช่วยไถ่ไร่นาของนางเฉิงอีกไม่กี่วันข้างหน้าและหวังว่าพวกเขาจะมีส่วนในการเก็บเกี่ยวด้วยเช่นกัน
นี่ถือว่าเป็นการลงทุน ในเวลาเดียวกันชาวบ้านต่างยอมรับการเปลี่ยนแปลงของครอบครัวเฉิง แม้ว่าพวกเขาไม่รู้ว่าอาหารมาจากที่ไหนแต่ก็ไม่มีใครสนใจที่จะค้นหา
ก่อนที่ผู้เฒ่าหลิวจะกลับบ้าน เฉิงเสี่ยวเสี่ยว ได้ขอยืมเกวียนอีกครั้งและผู้เฒ่าหลิวตอบรับทันที ไม่ว่าในกรณีใดพวกเขาเพียงยืมเกวียนแค่ครึ่งวันเท่านั้นดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องลำบากใจ
หลังจากเห็นชาวบ้านออกไป นางเฉิงถอนหายใจและถามลูกสาวของเธอ
“เสี่ยวเสี่ยว เราควรเลื่อนการเดินทางไปตลาดหรือไม่”
“ท่านแม่ไม่ต้องห่วง เรามีสินค้าจำนวนมากเราสามารถหาเงินได้ถึง 10 เท่า!”เธอรู้ว่าแม่ของเธอเป็นห่วงเรื่องอะไร
นางเฉิงพูดเบาๆว่า “ตกลง!”
คืนนั้น เฉิงเสี่ยวเสี่ยว ให้ หยูเฮง ทำทุ่งนาในส่วนที่เหลือ เนื่องจากเธอไม่ได้รวบรวมตัวอย่างใหม่ให้กับนิติดังนั้นระดับของมิติจึงไม่ได้เพิ่มขึ้น แต่สิ่งของที่เธอสร้างได้ในปัจจุบันนั้นก็ไม่ได้เลวร้ายเกินไป เป็นอย่างที่ หยูเฮง เคยบอกหากมิติมีระดับสูงขึ้นพวกเขาจะสามารถสร้างสิ่งที่มีระดับขึ้นไปอีก แต่มันค่อนข้างที่จะยกระดับของมิติเนื่องจากไม่มีตัวอย่างพิเศษหรือมีค่าเพียงพอที่จะยกระดับของมัน
ในเวลาเดียวกัน หยูเฮง ได้อธิบาย เฉิงเสี่ยวเสี่ยว ให้เข้าใจว่า สัตว์วิญญาณและผลผลิตในมิติมีคุณภาพสูงกว่าสัตว์ในโลกภายนอก พวกมันมีประโยชน์ต่อสุขภาพหากบริโภคเป็นประจำจะช่วยปรับปรุงร่างกายและยืดอายุขัยของพวกเขา ถ้าครอบครัวของเธอไม่ยากจนเธอคงไม่คิดจะขายพวกมัน เมื่อมิติเข้าสู่ระดับ 50 เธอจะเริ่มใช้เหรียญทองจากมิติมาใช้ในชีวิตจริงได้เมื่อถึงตอนนั้นเธอจะไม่กังวลเรื่องเงินอีกต่อไป
หลังจากที่พวกเธอคุยกันแล้ว เฉิงเสี่ยวเสี่ยว ได้นำไก่ 30 ตัวกระต่าย 50 ตัวและปลา 20 ตัว ข้าว 150 จิน บรรทุกไปขายที่ตลาด
เด็กน้อยทุกคนต่างปีนขึ้นไปบนเกวียนพวกเขาทั้ง 5 คนมุ่งหน้าสู่เมืองอีกครั้ง เมื่อพวกเขาไปถึงตลาดนางเฉิงถามลูกสาวของเธอว่า
“เสี่ยวเสี่ยว เราควรนำสินค้าไปขายที่โรงเตี๊ยมอีกครั้งหรือไม่”
“ใช่แล้วท่านแม่พวกเราจะไปที่โรงเตี๊ยมกัน เรามีสินค้าจำนวนมาก ถ้าไม่คิดว่าเราจะขายพวกมันทั้งหมดในตลาดได้ มาดูกันเถอะว่าเถ้าแก่โรงเตี๊ยมจะซื้อมันมากขนาดไหน!” เฉิงเสี่ยวเสี่ยว รู้สึกว่ามันเป็นการดีกว่าที่เธอจะขายทุกอย่างทั้งหมดในครั้งเดียว ด้วยวิธีการนี้มันจะไม่ดึงดูดความสนใจมากเกินไปและใช้เวลาในการค้าขายไม่นาน
เมื่อนางเฉิงเห็นด้วยกับ เฉิงเสี่ยวเสี่ยว เธอจึงขับเกวียนไปที่หน้าโรงเตี๊ยม เฉิงเสี่ยวเสี่ยว กระโดดออกมาจากเวียนและเดินตรงเข้าไปในโรงเตี๊ยม หลังจากเธอเข้าไปในโรงเตี๊ยมเสี่ยวเอ้อเข้ามาทักทายเธอทันที และเมื่อเขารู้ว่าเธอไม่ได้เป็นลูกค้ารอยยิ้มของเขาค่อยๆจางหายไป จากนั้นเขาไม่ต้องการรบกวนเธออีก
เฉิงเสี่ยวเสี่ยว ยิ้มอย่างเฉยเมยและไม่ใส่ใจ เถ้าแก่โรงเตี๊ยมยังคงนั่งเขียนสมุดบัญชีอยู่ที่เดิมและเมื่อเขาสังเกตเห็นความผิดปกติเขาจึงหยุดเขียนสมุดบัญชีและเงยหน้าขึ้นมอง เขาเห็นหญิงสาวคนหนึ่งกำลังเดินมาหาเขา เขาขบคิดสักพักและเขาก็จดจำเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้าเขาได้อย่างรวดเร็ว เขาแสดงออกบนใบหน้าอย่างยินดีและรีบเดินเข้าไปหาเธอและถามว่า
“เจ้ามาขายอาหารอีกครั้งอย่างนั้นหรอ?”
“ใช่แล้วเถ้าแก่ ท่านพอจะไปดูสินค้าของเราได้หรือไม่ว่าท่านสนใจอาหารของพวกข้าไหม?” เฉิงเสี่ยวเสี่ยว ยิ้ม
“โอ้ แน่นอน!” เถ้าแก่โรงเตี๊ยมพยักหน้าอย่างรุนแรง เขาไม่ลืมคำสั่งของ เจ้านายของเขาว่าให้ซื้อทุกอย่างที่เธอนำมาขายและส่งไปให้เขา
เฉิงเสี่ยวเสี่ยว รู้สึกยินดีเธอคำนับและพูดว่า
“เถ้าแก่โรงเตี๊ยมโปรดติดตามข้ามาเพื่อไปตรวจสอบอาหารของเรา!”
“ตกลง นำทาง!”
เถ้าแก่โรงเตี๊ยมคอยติดตามเธอออกไปนอกโรงเตี๊ยมทำให้พวกเสี่ยวเอ้อรู้สึกประหลาดใจ พวกเขาไม่สามารถติดตามไปดูเรื่องที่น่าสนใจได้เพียงแต่เข้าไปในครัวเพื่อทำงานต่อ
เถ้าแก่โรงเตี๊ยมได้ต้อนรับนางเฉิงและเด็ก 3 คนที่อยู่นอกโรงเตี๊ยมอย่างมีความสุขก่อนที่เขาจะไปดูสัตว์และข้าว เมื่อเขารู้ว่าอาหารทุกอย่างยังเป็นของที่มีคุณภาพเหมือนครั้งที่แล้วเขารู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก ครั้งสุดท้ายที่เขาได้กินอาหารที่มีส่วนผสมของสัตว์วิญญาณเหล่านี้เขาได้รับคำชมจากเจ้านายของเขาเป็นอย่างมากและเขายังได้โบนัสเพิ่มเติมอีกด้วย
“เถ้าแก่ท่านต้องการซื้อพวกมันทั้งหมดหรือไม่?”นางเฉิงถามขึ้นหลังจากเห็นว่าเถ้าแก่มองสินค้าของเธออย่างสนใจ
“ใช่แล้ว ข้าต้องการมันทั้งหมด จากนี้ไปไม่ว่าเจ้าจะมีของอยู่มากเท่าไหร่ เราจะให้ราคาที่ดีที่สุดสำหรับพวกมัน ไม่ต้องห่วงว่าข้าจะเอาเปรียบเจ้า”
นางเฉิงและ เฉิงเสี่ยวเสี่ยว ทั้งสองคนพวกเขาไม่ได้รู้สึกดีใจในคำพูดของเถ้าแก่โรงเตี๊ยม พวกเธอกำลังตื่นตระหนก พวกเธอเข้าใจทันทีว่าเถ้าแก่โรงเตี๊ยมได้รู้ถึงมูลค่าที่แท้จริงของสินค้าพวกเธอแล้ว
สีหน้าของ เฉิงเสี่ยวเสี่ยว เปลี่ยนไปจากนั้นเธอพูดอย่างเคร่งขรึมว่า
“เถ้าแก่ถ้าท่านต้องการสินค้าที่ดีเราสามารถขายต่อให้คุณได้ แต่เราต้องบอกท่านว่าท่านไม่ควรบอกใครและไม่อาจถามว่าเรานำสินค้ามาจากไหน ท่านไม่ควรแอบติดตามพวกเรา ไม่เช่นนั้นพวกเราจะไม่มาปรากฏตัวอีกครั้งและจะไม่ขายสินค้าให้กับท่าน!”
“นี่--”เถ้าแก่โรงเตี๊ยมไม่คาดคิดว่า เฉิงเสี่ยวเสี่ยว จะรู้สิ่งที่เขากำลังจะถามคำถามเธอ
มันอาจเป็นปัญหาสำหรับเขาถ้าพวกเธอไม่มาให้เจอตัวอีกครั้ง เขาขมวดคิ้วและไตร่ตรองเล็กน้อยจากนั้นพยักหน้าด้วยความยินยอม เขาไม่พูดอะไรมากจากนั้นเรียกเสี่ยวเอ้อที่อยู่ในโรงเตี๊ยมมานำสินค้าเข้าไปข้างใน จากนั้นเขาจ่ายเงินให้กับพวกเธอ 100 ตำลึง
นี่เป็นสิ่งที่คาดคิดและไม่คาดหวังในเวลาเดียวกัน นางเฉิงของ เฉิงเสี่ยวเสี่ยว ต้องการปฏิเสธข้อเสนอ เงิน 100 ตำลึงนี้แต่เมื่อเธอขบคิดคำนวณมูลค่าสัตว์วิญญาณและพืชผักเหล่านี้อีกครั้ง เธอบอกได้ทันทีว่า 100 ตำลึงนี้ไม่ใช่เงินจำนวนมากเมื่อเทียบกับมูลค่าสินค้าของเธอ
หลังจากนั้น เฉิงเสี่ยวเสี่ยว ก็ลาเถ้าแก่โรงเตี๊ยมและทั้ง 5 คนก็มุ่งหน้าไปยังตลาดเพื่อซื้อของใช้ประจำวัน เมื่อพวกเธอซื้อของเสร็จพวกเธอมุ่งหน้าไปยังสำนักแพทย์เพื่อตามหาหมอ
โดยปกติแล้วการเจรจาเรื่องต่างๆนั้นง่ายยิ่งขึ้นเมื่อมีเงิน ท่านหมอได้นำสมุนไพรที่มีค่าและมีประสิทธิภาพมากขึ้นติดตัวไปด้วย พวกเขาทั้งหมดออกจากเมืองและมุ่งหน้าสู่หมู่บ้านต้นไม้
ในขณะเดียวกันมีชายวัยกลางคนที่พึ่งกลับเข้ามาในเมืองผ่านพวกเขาไป ชายคนนั้นรู้สึกประหลาดใจ
ผู้หญิงคนนั้นกับลูกสาวของเธอ คือคนที่เจ้านายของเขากำลังตามหาไม่ใช่หรอ? ดูเหมือนว่าพวกเธอเข้ามาในเมืองบ่อยๆแต่ทำไมเจ้านายของเขาถึงไม่สามารถค้นหาพวกเธอได้
เมื่อมองเห็นเกวียนหายไปในสายตาของเขา ชายวัยกลางคนก็ขี่ม้าของเขาเข้าไปในเมือง มันช่างเป็นเรื่องบังเอิญที่เจ้านายของเขาเร่งให้เขากลับมาจากการทำธุระ
ชายวัยกลางคนมาถึงบ้านตระกูลหนิงในไม่ช้า หลังจากเข้าไปแล้วเขาได้ถูกนำไปสู่ห้องหนังสือของผู้เฒ่าหนิง
เจ้านายและคนรับใช้ต่างพูดคุยกันเล็กน้อยจากนั้นผู้เฒ่าหนิงก็ถอนหายใจ
“เกาหยาง สัตว์วิญญาณที่เจ้าซื้อมาในครั้งนั้นเป็นของดีมาก น่าเสียดายที่เราไม่สามารถพบแม่และลูกสาว 2 คนนั้นได้อีก คาดว่าสวรรค์คงไม่อยู่ข้างเรา!”
“นายท่าน เกาหยางเพิ่งพบแม่และลูกสาว 2 คนนั้นที่ทางเข้าเมือง!”
“ห๊ะ!จริงๆหรอ?”
-------------------------------------