Chapter 9 : ถูกจับได้
หลังจากนั่งรออยู่ที่ชั้นใต้ดินมาสักพัก ผมก็เห็นดวงไฟสีฟ้าลอยเข้ามาที่ชั้นใต้ดินด้านล่าง
จะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากลีโอ สงสัยจะรู้ตัวว่าผมรออยู่ ไม่นานร่างของลีโอก็ปรากฏตัวขึ้นมาตรงหน้าเหมือนปกติเช่นทุกวันตามที่เรานัดกันไว้ สิงโตเผือกส่งยิ้มแหย ๆ ให้ผม เหมือนจะรู้ตัวว่าตัวเองทำอะไรผิดเอาไว้ วันนี้มินจุนกับแก๊งของเขาก็หายตัวออกไปตั้งแต่ตอนบ่าย สงสัยจะมีธุระอะไรสักอย่างเห็นบอกว่าวันนี้ให้ฝึกไปเลยโดยไม่ต้องรอ
“มาแล้วหรอ หายไปไหนมาตั้งนาน” ผมถามออกไปด้วยใบหน้านิ่ง ๆ เพราะไม่เห็นหน้าลีโอตั้งแต่หลังจากเกิดเหตุการณ์เมื่อตอนบ่ายที่ผ่านมาเลย
“ก็ไปอยู่ในกุญแจไง” สิงโตเผือกตอบ
“ลงโทษตัวเองก็เป็นด้วยนี่” ผมพูดออกไป สิงโตเผือกก้มหน้าเหมือนสำนึกผิดไม่ได้พูดอะไรต่อ
ภูติแห่งดวงดาวสามารถเข้าไปอยู่ในกุญแจได้ด้วยตัวเองเหมือนกันหลังจากที่ผมเรียนรู้เรื่องพวกนี้มาเกือบหนึ่งอาทิตย์ การเข้าไปอยู่ในกุญแจเองของภูติแห่งดวงดาวจะออกมาตอนไหนก็ได้ แต่ถ้าเป็นคำสั่งของผู้ถือครองกุญแจให้เข้าไปอยู่ในกุญแจจะออกมาได้ก็ต่อเมื่อผู้ถือครองกุญแจบอกให้ออกมาเท่านั้น ดังนั้นกุญแจจักรราศีจึงเป็นเสมือนบ้านสำหรับภูติแห่งดวงดาวด้วย แต่สำหรับฟินิกซ์ พ่อผมบอกว่าไหน ๆ บ้านเราก็มีห้องว่างอยู่เยอะแยะก็เลยให้ฟินิกซ์ออกมาอยู่นอกกุญแจซะเลยตั้งแต่ตอนผมเด็ก ๆ ฟินิกซ์เลยไม่ได้กลับเข้าไปอยู่ในกุญแจอีกเลย
“แหม อย่ามาทำเป็นหน้าเข้มหน่อยเลย ฉันรู้อยู่ว่านายชอบ โดยตบหน้าแค่ทีเดียวก็ถือว่าคุ้มนะ”
ผมยิ้มเย็น ๆ ให้กับลีโอ ยัง ยังไม่สำนึก
... แต่สิ่งที่ลีโอพูดมันก็มีส่วนจริงนิดหนึ่งมั้ง
“นายอยากอยู่ในกุญแจโดยไม่ต้องออกมาอีกเลยไหมลีโอ”
“เอาน่า ฉันขอโทษละกัน มาเริ่มฝึกกันต่อดีกว่า”
“โอเค”
พูดจบในมือข้างขวาของลีโอก็มีแสงสีทองเปล่งออกมาเป็นรูปร่างคล้ายกับดาบ ผมจำได้ดีว่านี่เป็นอาวุธของลีโอ ในขณะที่มือซ้ายก็มีแสงสีทองแบบนี้ออกมาเหมือนกัน ในที่สุดดาบสองเล่มก็ปรากฏอยู่บนมือซ้ายและขวาของลีโอ ดาบที่อยู่บนมือซ้ายถูกโยนมาให้ผม
ผมรีบคว้ามันเอาไว้อย่างรวดเร็ว ยังจำวันแรกที่ฝึกกับลีโอได้อยู่เลย โยนมาทีเลือดอาบมือเพราะรับพลาด เลยโดนส่วนคมบาด ดาบบ้าอะไรก็ไม่รู้ หนักก็หนัก แค่ยกแกว่งไปมาใช้พลังงานโคตรเยอะ แต่สามสี่วันหลังจากนั้นผมก็เริ่มปรับตัวกับมันได้อย่างรวดเร็ว แต่ได้เฉพาะเวลาที่ถือเท่านั้นนั่นแหละ ทักษะการต่อสู้ยังแทบไม่พัฒนาไปไหนเท่าไรเลย เพราะแค่คอนโทรลตัวดาบมันก็ยากมากแล้ว
เคล้ง !
เสียงดาบในมือขวาของผมร่วงลงไปกระทบกับพื้น หลังจากเหวี่ยงไปมากระทบกับดาบของลีโอได้เพียงสามสี่ทีเท่านั้น ปลายคมดาบของลีโอจ่อมาที่คอผม ผมได้ยินเสียงลีโอถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน เหมือนเหนื่อยใจกับลูกศิษย์คนนี้เต็มที
“ให้เวลาฉันหน่อยน่า ฉันเพิ่งจะเริ่มเรียนรู้เรื่องพวกนี้เองนะ” ผมพูดออกไป ก้มลงไปหยิบดาบที่ร่วงอยู่ที่พื้น จะให้ไปสู้กับภูติแห่งดวงดาวยังไงไหวกับเวลาฝึกแค่อาทิตย์เดียว
ลีโอนิ่งคิดไปแปบหนึ่งก่อนพูดออกมา
“นายช้าเกินไปวิน แถมยังไม่มีเวทมนตร์ด้วย ฉันคิดว่าเราควรเปลี่ยนวิธีฝึกใหม่ นายมันอ่อนหัดกว่าที่ฉันคิดไว้เยอะ”
คิ้วข้างขวาผมเริ่มกระตุก ท่าทียียวนที่มองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าแบบนั้นคืออะไร
“แล้วฉันจะต้องทำยังไง” ผมถามออกไป
“นายรู้จุดอ่อนของผู้ใช้เวทไหม”
“ไม่อะ” ผมตอบกลับไปแบบรวดเร็วโดยไม่ต้องคิด ก็ใครจะไปคิดว่าคนธรรมดาแบบผมต้องไปยุ่งเกี่ยวกับผู้ใช้เวทล่ะ
“พวกนั้นมีความสามารถในการต่อสู้ระยะประชิดต่ำ ส่วนใหญ่น่ะนะ อย่างมินจุนเองฉันก็คิดว่าใช่ เพราะฉะนั้นนายต้องเข้าถึงตัวพวกเขาให้ได้ไวที่สุดก่อนที่พวกเขาจะใช้เวทมนตร์กับนายได้ทัน นายฆ่าผู้ถือครองกุญแจได้ ภูติแห่งดวงดาวจะทำอะไรนายไม่ได้อีก นั่นเท่ากับว่าเกมโอเว่อร์ ฉันว่านายต้องเริ่มฝึกจากการทำให้ร่างกายของนายแข็งแรงเพียงพอที่จะแบกรับเรื่องพวกนี้ก่อน แล้วนายจะเก่งขึ้นได้แน่นอน”
“ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป นายต้องตื่นตีห้าออกมาวิ่งรอบเมืองวันละ 5 รอบ และเข้าฟิตเนสวันละ 3 ชั่วโมง พักเรื่องการฝึกใช้ดาบไปก่อน ร่างกายนายอ่อนปวกเปียกไม่มีเรี่ยวแรงขนาดนี้ ขืนดันทุรังฝึกต่อไปก็ไม่มีประโยชน์” ลีโอพูดต่อ
“ฮะ !” ผมร้องออกไปอย่างตกใจทันทีที่ลีโอพูดจบ นี่มันฝึกอะไรโหดขนาดนี้กันเนี่ย !
ไอรีนหลังจากพูดคุยติดต่อกับพ่อของตัวเองเสร็จก็เดินต่อไปยังที่พัก เธอเลือกที่พักไม่ได้ห่างจากร้านกาแฟที่ชื่อ Karan Café มากนัก ใช้เวลาเดินเพียงไม่ถึง 10 นาที เจ้าตัวก็มาหยุดอยู่บริเวณด้านหน้าของโรงแรมหรูใจกลางเมือง ตัวตึกสูงเกือบร้อยชั้นตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ตรงหน้าของเธอ
เจ้าตัวสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ เฮือกใหญ่เพื่อเรียกสติ ก่อนเดินเข้าไปภายในโรงแรมที่มีพนักงานต้อนรับเป็นหุ่นยนต์ AI คอยเปิดประตูกระจกให้เธออยู่ ถึงเวลาที่เธอควรจะไปอาบน้ำล้างหน้าล้างตาให้ลืมเหตุการณ์บ้า ๆ ที่เกิดขึ้นในวันนี้แล้วพักผ่อนสักที ยังไงเธอก็ต้องกลับไปที่ร้านกาแฟนั่นไม่ช้าก็เร็ว แผนการของเธอยังไงก็ต้องดำเนินต่อ จะต้องรู้ให้ได้ว่าใครคือผู้ถือครองกุญแจจักรราศีสิงห์แล้วฆ่าทิ้งซะ จะให้เรื่องแค่นี้มาทำให้เธอเสียสมาธิ เสียความมั่นใจไม่ได้
แต่ใบหน้าของใครบางคนก็แวบเข้ามาในหัวของเธออีกครั้ง ปฏิเสธไม่ได้ว่าหมอนั่นหน้าตาดี ดวงตาสีดำ ผมสีน้ำตาลเข้ม จมูกโด่งเป็นสัน แถมรอยยิ้มที่เขาส่งให้เธอตั้งแต่ตอนเข้ามาในร้านอีก มันจะดีกว่านี้มากถ้าไม่มีเหตุการณ์อะไรบ้า ๆ แบบนั้นเกิดขึ้นในตอนท้าย
ตั้งแต่เกิดมา เธอไม่เคยอยู่ใกล้ชิดผู้ชายคนไหนมากขนาดนั้นมาก่อนเลย สายตาที่เขามองเธอ ใบหน้าตอนที่ล้มลงไปกับพื้นด้วยกัน ให้ตายเถอะ ! เธอกำลังเป็นบ้าอะไรอยู่ ! ไอรีนส่ายหัวเบา ๆ เหมือนเรียกสติตัวเอง
ใบหน้าของเธอกลับมานิ่งสงบอีกครั้งหลังจากได้สติ กำแพงที่เธอสร้างขึ้นมา มันสูงเกินกว่าจะมีใครมาทำลายได้แล้ว
ฆ่าคนมานับครั้งไม่ถ้วน ... กับแค่กลับไปที่ร้านกาแฟนั่น หาเจ้าของกุญแจให้เจอ อาจจะเจอหน้าหมอนั่นอีกสักครั้งเพราะเขาทำงานอยู่ที่นั่นด้วย มันจะหนักหนาแค่ไหนกันเชียว
ความคิดฟุ้งซ่านตลอดทางที่เดินกลับมายังที่พักทำให้ไอรีนลืมสัญชาตญาณนักฆ่าไปจนหมดสิ้น
เธอไม่รู้ตัวสักนิด ว่ามีคนกำลังคอยสังเกตและสะกดรอยเดินตามเธอมาอยู่ห่าง ๆ
ไอรีนเดินเข้ามาในโรงแรมจนถึงลิฟต์ เจ้าตัวกดปุ่มขึ้นเพียงไม่นานประตูลิฟต์ก็เปิดออก เธอจึงเดินเข้าไปแล้วกดปิด แต่มีใครบางคนกำลังวิ่งตรงมาด้วยความเร่งรีบ
“รอด้วยครับ” เสียงเรียกดังขึ้นทำให้เธอกดปุ่มลิฟต์ที่กำลังจะปิดให้หยุดรอคนที่กำลังวิ่งเข้ามาภายในได้อย่างทันเวลาพอดี เธอรู้สึกเหมือนเคยเห็นหน้าของคนคนนี้ที่ไหนสักแห่ง อาจจะเป็นดารานักร้องที่มีชื่อเสียง
“ชั้นอะไรคะ” เธอถามเขาไป ชายหนุ่มที่เดินตามเธอเข้ามาในลิฟต์มองเลขชั้นของเธอก่อนพูดตอบกลับไป
“ชั้นเดียวกันครับ”
ประตูลิฟต์เปิดออกมาอีกครั้ง ทั้งไอรีนและชายหนุ่มคนนั้นก็เดินออกมา เธอเดินมาจนถึงห้องของตัวเองก่อนระบบแสกนม่านตาอัตโนมัติจะทำงานเพื่อเปิดประตูห้อง แต่ชายหนุ่มคนนั้นยังคงเดินตามมาด้านหลังของเธอ
สัญชาตญาณบางอย่างบอกว่านี่ไม่ปกติ
ทักษะการต่อสู้ของไอรีนทำงานโดยอัตโนมัติ เธอหันตัวกลับไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับบิดแขนชายหนุ่มไขว้หลังแล้วดันเข้าไปภายในห้องตัวเองด้วยแรงที่สามารถต่อสู้กับผู้ชายตัวโต ๆ ได้อย่างง่ายดาย เสียงร้องโอดโอยดังออกมาจากคนที่ถูกผลักเข้าไปภายในห้องแบบไม่ทันตั้งตัว ร่างนั้นล้มลงไปกองกับพื้นพร้อมกับยกมืออีกข้างเอามากุมแขนตัวเองไว้ด้วยความเจ็บปวด
“นายเป็นใคร ต้องการอะไร ตามฉันมาทำไม” ไอรีนพูด พูดจบ มีดในห้องของเธอก็ลอยมาอยู่ในมือ พร้อมกับปลายคมชี้ไปยังคนที่ล้มอยู่ตรงนั้น ชายที่อยู่ที่พื้นยกมือขึ้นสองข้างอย่างยอมแพ้
“ใจเย็น ๆ ฉันต่างหากที่ต้องถามเธอ เธอเป็นใคร และเข้าไปทำอะไรที่ร้านกาแฟนั่น” มินจุนพูดขึ้นมา ค่อย ๆ พยุงตัวเองลุกจากพื้น ไม่คิดเลยว่าผู้หญิงสวยหน้านิ่ง ดูท่าทางคุณหนูจะมีแรงเยอะขนาดนี้ แถมเป็นผู้ใช้เวทอีกต่างหาก เขาเลือกที่จะแอบสะกดรอยเดินตามเธอมาเพราะเห็นอะไรผิดปกติที่ร้านกาแฟของกวินท์
“นายพูดเรื่องอะไร” ไอรีนถาม รู้ตัวทันทีว่าเธอเผลอทำอะไรพลาดเข้าให้แล้ว
“อย่าคิดว่าฉันไม่เห็น ว่าเธอแอบติดตั้งอุปกรณ์อะไรสักอย่างไว้ที่ใต้โต๊ะร้านกาแฟนะ” มินจุนพูด
เมื่อตอนบ่าย มุมที่เขานั่งอยู่ไม่ไกลจากโต๊ะที่ไอรีนนั่งมากนัก อีกอย่างภูติดวงดาวของเขาก็มีความสามารถในการมองเห็นในระดับสเกลที่เล็กมากเนื่องจากเป็นทักษะประจำตัวของเซนทอร์ ต่อให้เป็นมดตัวเล็ก ๆ ที่อยู่ห่างมาก ๆ ก็มองเห็นได้สำหรับซาจิททาเรียส ซาจิททาเรียสบอกว่ามินจุนว่าเขาเห็นเธอติดอุปกรณ์อะไรบางอย่างคล้ายเหรียญซึ่งมีขนาดเล็กมากเอาไว้ใต้โต๊ะกาแฟ ซึ่งนั่นทำให้มินจุนคิดว่าผู้หญิงคนนี้ต้องคิดจะทำอะไรไม่ดีแน่ ๆ และมันต้องเกี่ยวกับเรื่องกุญแจดอกที่ 13
ไอรีนเมื่อรู้ว่าตัวเองถูกจับได้บรรยากาศก็เริ่มตึงเครียดเข้าไปอีก ไอเวทมนตร์ที่แสนกดดันคละคลุ้งไปทั่วทั้งห้อง ใช่ เธอแอบติดอุปกรณ์ตรวจจับคลื่นเวทมนตร์และเครื่องดักฟังขนาดเท่าเม็ดถั่วเขียวเอาไว้ใต้โต๊ะของร้านนั้น ทั้ง ๆ ที่ตัวอุปกรณ์มีขนาดเล็กมากขนาดนั้น แต่หมอนี่ยังจับสังเกตได้ นี่ไม่ใช่คนธรรมดาแล้ว
“นี่นายเป็นผู้ถือครองกุญแจจักรราศีสิงห์งั้นหรอ” ไอรีนถามออกไป จ้องหน้าชายหนุ่มเขม็ง
“เปล่านะ แต่ฉันเป็นผู้ถือครองกุญแจจักรราศีเหมือนกัน” มินจุนตอบกลับไปด้วยใบหน้านิ่งเรียบไม่แพ้กัน
“งั้นนายก็เตรียมตัวตายได้เลย ! อควาเรียสออกมาได้แล้ว”
ทันทีที่ไอรีนพูดจบ ลูกบอลน้ำลูกหนึ่งก็ลอยออกมาจากมุมหนึ่งในห้องของเธอ ลูกบอลน้ำค่อย ๆ กลายเป็นรูปร่างจนในที่สุดก็ปรากฏให้เห็นเป็นหญิงสาวที่งดงามราวกับภาพวาด เส้นผมยาวสลวยสีเขียวเหมือนกันกับดวงตา ใบหน้าดูนิ่งและแสนหยิ่งเหมือนกันกับตัวผู้ถือครองกุญแจ ตั้งแต่ช่วงเอวลงไปเป็นหางปลามีเกล็ดสีเขียวมรกตสวยงามเปล่งประกาย ในมือขวาของเธอถือพิณสีทองอันใหญ่ ว่ากันว่าเมื่อนางเงือกเล่นพิณจะสามารถทำให้หลับใหลได้
ใช่ ... นี่คือเงือก
หนึ่งใน 12 ภูติดวงดาวจักรราศี Aquarius [อควาเรียส]
“ใจเย็น ๆ ฉันว่าเราตกลงกันได้ อย่าสู้กันเลย ฉันไม่ได้ต้องการเป็นศัตรูกับเธอ” มินจุนพูดออกมา สายตามองไปที่ไอรีนราวกับจะสื่อเหมือนสิ่งที่พูดจริง ๆ เขาไม่ได้เรียกซาจิททาเรียสหรือไพส์ซีสออกมา
“งั้นนายต้องการอะไร จะตกลงอะไรกับฉัน” ไอรีนถามออกไป มองคนตรงหน้าอย่างไม่ไว้ใจ หมอนี่ตามเธอมาถึงห้อง แถมยังจับได้ว่าเธอแอบทำอะไรที่ร้านกาแฟนั้นด้วย ตอนนี้ต่อให้เป็นใครก็ไว้ใจไม่ได้ เมื่อรู้ว่าเป็นหนึ่งใน 12 ผู้ถือครองกุญแจจักรราศี
“เรามาร่วมมือกันดีกว่า ฉันเองก็ไม่ได้อยากได้พันธมิตรที่ไม่มีเวทมนตร์ ไม่มีทักษะการต่อสู้ แถมเป็นตัวถ่วงนักหรอก เธอเองก็รู้ใช่ไหมว่าตอนนี้มีผู้ถือครองกุญแจจักรราศีบางกลุ่มที่ร่วมมือกันเพื่อจัดการกับคนอื่นก่อน”
ไอรีนนิ่งฟังสิ่งที่มินจุนพูด เธอรู้ดีว่าตอนนี้ผู้ถือครองกุญแจจักรราศีทั้ง 12 คน มีบางคนจับกลุ่มกันเพื่อเอาตัวรอดในสงครามครั้งนี้ โดยจะมาฆ่ากันเองในภายหลังเพื่อแย่งชิงกุญแจตามข้อมูลที่เธอได้รับมาจากพ่อ แต่เธอติดอยู่ประโยคหนึ่งที่เขาพูดมาก่อนหน้า พันธมิตรที่ไม่มีเวทมนตร์งั้นหรอ หมอนั่นหมายความว่ายังไง
“ที่ว่าพันธมิตรที่ไม่มีเวทมนตร์ นายหมายความว่าไง” ไอรีนถาม
คนถูกถามมองเธอแล้วยิ้มก่อนจะพูดออกมา
“ก็ผู้ถือครองกุญแจจักรราศีสิงห์ เจ้าของลีโอไง หมอนั่นเป็นแค่มนุษย์ธรรมดาไม่เวทมนตร์ คนที่ชนเธอจนล้มไปกองกับพื้นก่อนออกจากร้านนั่นแหละ”
ไอรีนฟังจบก็นิ่ง ... หมอนั่นงั้นหรอ ทั้งที่คิดว่าเป็นแค่พนักงานธรรมดาไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวพวกนี้แท้ ๆ
“จะเป็นไปได้ไง ผู้ถือครองกุญแจจักรราศีไม่มีเวทมนตร์ แต่ถ้ามันเป็นแบบนั้นจริง แล้วนายไปร่วมมือเป็นพันธมิตรกับหมอนั่นทำไม ทำไมนายไม่จัดการกับเขาซะเอง แบบนี้มันง่ายมากเลยไม่ใช่หรอ ทำไมต้องรอให้ฉันเข้ามาร่วมมือด้วย” ไอรีนถามต่อ ยังไงก็อดระแวงไม่ได้อยู่ดี แน่นอนว่าต่อให้มั่นใจในฝีมือตัวเองขนาดไหน แต่ก็ไม่ควรประมาท การมีพันธมิตรไว้คอยช่วยเหลือจึงเป็นทางเลือกที่ดีแบบหนึ่ง
“ตอนแรกฉันไม่มีทางเลือก ฉันเองก็ถูกคนอื่นตามฆ่าเหมือนกัน ก็เลยอยากมีพรรคพวกอยู่ด้วย แต่ตอนนี้สถานการณ์มันเปลี่ยนไปแล้ว ฉันเองก็แค่เลือกเส้นทางที่มันดีกว่า ก็เท่านั้น แน่นอนว่ากุญแจจักรราศีลีโอ เธอจะได้มันไป แล้วเราจะมาเป็นพันธมิตรกันเมื่อจัดการหมอนั่นสำเร็จ”
“แล้วฉันจะมั่นใจได้ยังไงว่านายจะไม่หักหลังฉัน เหมือนที่นายทำกับหมอนั่น” ไอรีนถามต่อ
“เธอไม่มีทางรู้หรอก แต่เธอก็เห็นสภาพของหมอนั่นแล้ว ดูไร้พิษสงสุด ๆ ฉันจะเก็บเขาไว้เป็นพันธมิตรทำไม”
“นายมีแผนใช่ไหม ถึงแม้หมอนั่นจะไม่มีเวทมนตร์จริง ๆ แต่ลีโอนับว่าเป็นภูติจักรราศีที่มีทักษะการต่อสู้ระยะประชิดสูงที่สุด ยังไงก็ประมาทไม่ได้”
มินจุนยกยิ้มให้กับไอรีน
“มีสิ รับรองว่าหมอนั่นได้ตายก่อนที่ลีโอจะออกมาช่วยไว้ได้ทันซะอีก เธอจะว่าไง เป็นพันธมิตรกับฉัน แล้วได้กุญแจจักรราศีสิงห์ไป”
ไอรีนนิ่งคิดไปอีกพักหนึ่งก่อนริมฝีปากของเธอจะพูดขึ้นมาอีกครั้ง
“ดีล”
พูดจบมือเรียวก็ยื่นออกไปตรงหน้า ตามมาด้วยมือของมินจุนที่ยกมาจับตามเป็นเชิงว่ายอมรับในข้อตกลงครั้งนี้เช่นกัน