บทที่ 5 : โลกเสมือนจริง
บทที่ 5 : โลกเสมือนจริง
กิลเลนจ้องมองสาวสวยปริศนาสลับกับหน้าจอโฮโลแกรมที่กำลังแสดงแผนที่ เขาเพิ่งฉุกคิดได้ว่าไม่ใช่แค่เพียงเธอเท่านั้นที่ไม่ได้มี “สัญลักษณ์” ปรากฏบนนั้น แต่บรรดาตัวอ่อนอีกจำนวนไม่น้อยที่อยู่ในห้องนี้ก็ไม่ปรากฏเช่นกัน
“ถ้าไม่ใช่ผี ก็ภาพลวงตาสินะ” กิลเลนพูดกับตัวเอง เขาเคยมีประสบการณ์คล้าย ๆ แบบนี้มาตลอดช่วงหลายเดือนที่ต้องรอลงอาญาอยู่ในเรือนจำชั่วคราว เขาเชื่อว่าการมาอยู่ในโลกอนาคตน่าจะทำให้ภาพหลอนทั้งหลายหายไปได้ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะคิดผิด
“ผีคืออะไร” สาวที่เขาเชื่อว่าเป็นภาพหลอนถาม คราวนี้เธอขยับปากแล้วและมันยิ่งทำให้เธอเหมือนคนจริง ๆ เข้าไปใหญ่
“คือคนที่ตายไปแล้วยังไงล่ะ ไม่สิเธอน่ะไม่ใช่ผีหรอก คงเป็นแค่ภาพหลอนสินะ”
“เราคืออคาลา เรายังไม่ตายแล้วก็ไม่ใช่ภาพหลอน” หญิงสาวตอบพร้อมรอยยิ้มจาง ๆ
…รอยยิ้มของเธอทำให้กิลเลนรู้สึกใจเต้นรัว เขาเพิ่งสังเกตรูปร่างหน้าตาอีกฝ่ายชัด ๆ เธอมีผิวขาวจนออกซีดเล็กน้อย ผมยาวดำขลับและเงางามราวกับเส้นไหม ชุดเดรสสีดำถ้าไม่ใช่หลุดมาจากยุคโบราณก็คงเพราะเป็นชุดสำหรับงานเลี้ยงของเหล่าชนชั้นสูง
“นี่ตูจินตนาการผู้หญิงได้สวยอลังการขนาดนี้เลยเหรอ เผลอ ๆ จะสวยยิ่งกว่าคาตาลิสต์ทุกคนอีก” กิลเลนพูดออกมาตรง ๆ เพราะเชื่อสนิทใจไปแล้วว่าคนตรงหน้าเป็นแค่การเล่นตลกของสมองเท่านั้น
...แต่ถ้ามาในเวลาที่ดีกว่านี้ก็น่าจะดีอยู่หรอก นี่เล่นโผล่มาตอนอยู่ในรังแวนเดียร์ แถมยังอุ้มตัวอ่อนอยู่แบบนั้น น่าขนลุกชะมัด...
"โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง!" ขณะที่กิลเลนมัวแต่สนใจเธอ บากะอินุยังคงเห่าหญิงในชุดดำไม่หยุด
“เจ้าหมาโง่ จะเห่าทำไมนักหนาเนี่ย นั่นมันภาพลวงต…” กิลเลนหันไปดุคู่หูต่างสายพันธุ์ แต่มันทำให้เขาเพิ่งฉุกคิดได้
...เดี๋ยวสิ เจ้าหมาโง่นี่ก็มองเห็นด้วย หรือว่า…
กิลเลนเหลียวกลับมามองผู้หญิงปริศนาอีกครั้ง แต่คราวนี้เธออันตรธานหายไปแล้วพร้อม ๆ กับเหล่าตัวอ่อนที่เคยนับสิบเรียงรายอยู่ในห้อง
...นี่ตูโดนผีหลอกในโลกอนาคตเรอะ…
ยานดิกนิตีจอดอยู่ไม่ห่างออกไปจากสถานที่ทำภารกิจนัก แต่เพราะมีผู้ได้รับบาดเจ็บไม่น้อย การถอนกำลังกลับจึงทุลักทุเลพอสมควร กิลเลนเป็นคนสุดท้ายที่กลับมาถึงยานแต่ก็ไม่ได้มีใครสนใจ นอกจากพีโอเนียที่วิ่งเข้ามาดูว่าเขายังปลอดภัยดีหรือเปล่า
“ขอโทษนะคะ เรื่องนั้น…” พีโอเนียกดเสียงเบาลงเพราะกลัวว่าจะมีใครได้ยินเรื่องที่ว่า
“ช่างเถอะ อย่าไปใส่ใจเลย” กิลเลนยิ้มตอบเศร้า ๆ เขาไม่อยากทำให้เธอต้องลำบากใจ
“ฉันจะลองโน้มน้าวทุกคนอีกครั้ง เพราะคราวหน้าคุณอาจจะไม่โชคดีแบบนี้ก็ได้” หญิงสาวทำหน้าเหมือนพร้อมจะร้องไห้ออกมายิ่งทำให้เขารู้สึกผิด
“บอกแล้ว อย่าไปใส่ใจ” กิลเลนทิ้งท้ายก่อนที่จะชวนเธอกลับไปรวมกลุ่มกับทุกคนที่กำลังรอสรุปผลภารกิจ
“เอาล่ะ เรามาสรุปผลกันเถอะ” แมดเดอลีนเลื่อนจอผลึกลงมาจากเพดาน จากนั้นภาพก็ฉายให้เห็นรายละเอียดของภารกิจ ทั้งชื่อสถานที่ตั้ง ที่เคยเป็นโรงงานเก่าก่อนถูกแวนเดียร์ยึดมาเป็นรัง ระดับความยากที่อยู่ระบุไว้ว่าแค่เกรด “D” จำนวนผู้เข้าร่วมและอื่น ๆ อีกมาก
แมดเดอลีนเปิดหน้าถัดไปมันคือรายชื่อของผู้เข้าร่วมทั้งหมดซึ่งประกอบด้วยผู้ถูกเลือกทั้งยี่สิบคน คาตาลิสต์อีกสิบเก้า และสุนัขอีกหนึ่ง ภารกิจนี้แม้จะมีผู้ได้รับบาดเจ็บกันถ้วนหน้าแต่โชคดีที่ไม่มีใครถึงแก่ชีวิตแม้แต่รายเดียว
“ในแง่ที่ไม่มีใครตายเลย ก็ต้องขอชมล่ะนะ แต่ว่า…” แมดเดอลีนกดที่แป้นควบคุมบนแขนซ้าย ด้านหลังของแต่ละรายชื่อปรากฏตัวเลขขึ้นมาสองตัวเลข
“ตัวเลขนั่นมัน…” ใครบางคนพึมพำขึ้น
“ตัวเลขแรกคือจำนวนแวนเดียร์ที่ฆ่าได้ ส่วนที่สองคือเครดิตที่พวกเธอจะได้รับ” แมดเดอลีนเฉลย
เครดิตที่แมดเดอลีนผู้ถึงมันก็เปรียบได้กับเงินที่ใช้บนดิกนิตีนั่นเอง จริงอยู่ว่าปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีพดิกนิตีจะช่วยสนับสนุนให้กับทุกชีวิตที่อยู่บนยานอยู่แล้ว แต่เพราะทรัพยากรที่มีอย่างจำกัด ข้าวของเครื่องอำนวยความสะดวกอื่น ๆ พวกเขาต้องนำเครดิตที่ได้มาจากการทำงานมาแลก นั่นก็คือยิ่งมีผลงานมากเท่าไหร่ชีวิตความเป็นอยู่ในยานก็จะสะดวกสบายมากขึ้นตามกัน
โอเวนจ้องกระดานแสดงผลด้วยสีหน้าไม่พอใจ ตัวเลขแรกสุดของเขาคือ “1” และตัวเลขที่สองคือ “112” เหมือนว่าแมดเดอลีนจะรู้ว่าเขาข้องใจกับตัวเลขจึงเริ่มอธิบายโดยเขายังไม่ได้ไต่ถาม
“อย่างที่บอกตัวเลขแรกคือจำนวนที่ฆ่าได้ แต่ตรงนี้จะนับเฉพาะคนที่เป็นคนลงมือคนสุดท้ายก่อนมันตายเท่านั้น โดยแวนเดียร์ระดับแมสไทป์จะมีค่าเครดิตอยู่ที่ 100 คะแนนต่อหัว แต่ว่าเราไม่ได้มีคะแนนให้กับเฉพาะคนที่ลงมือฆ่าเท่านั้น ทุกคนที่มีส่วนช่วยให้การฆ่าจนสำเร็จก็จะได้แบ่งคะแนนสนับสนุนด้วย กลุ่มของนายมีแปดคนคะแนนจึงหารเหลือ 12.5 เมื่อปัดเศษลงทุกคนจึงได้กันคนละ 12 ยังไงล่ะ”
นั่นคือเหตุผลที่คนในทีมของโอเวนนอกจากเขามีตัวเลขแรกเป็น “0” และตัวเลขสองคือ “12”
“หืมมม” แพทริคไม่ได้สนใจคะแนนของตัวเองนักเพราะสายตาของเขาไปหยุดที่สมาชิกคนสุดท้ายในรายชื่อที่ไม่มีใครสนใจดู “กิลเลน ไรน์ฮาร์ท ฆ่าไปเจ็ดตัว คะแนนรวม 1050 บากะอินุ ฆ่าไปศูนย์ คะแนนรวม 350”
“ทำไมคน ๆ นั้นถึงนำโด่งอยู่คนเดียว แล้วทำไมนอกจากหมาแล้วทีมคนอื่นถึงไม่ได้คะแนนล่ะ” คาตาลิสต์ของเขากระซิบแต่ดูเหมือนว่าหลาย ๆ คนจะได้ยินไปด้วย จากนั้นก็เริ่มถกประเด็นนี้ขึ้นมา
“นี่แกใช้ลูกเล่นอะไรแย่งคะแนนคนอื่นในทีมมางั้นเรอะ” โอเวนโวยวายขึ้นเมื่อเขาก็สังเกตความผิดปกตินี้ได้เหมือนคนอื่น ๆ “ที่สำคัญเจ็ดตัวเนี่ยมันเยอะกว่าทีมอื่นทุกทีมฆ่าได้รวมกันซะอีก”
กิลเลนที่โดนประณามยืนเกาครางแกรก ๆ อย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร เขาลังเลว่าควรจะอธิบายไปตรง ๆ เลยรึเปล่าว่าระหว่างภารกิจ จีคยืนกรานว่าไม่ต้องการให้เขาตามไป กิลเลนจึงต้องแยกตัวไปกับบากะอินุ เขาหันไปมองพวกจีคที่ทำสีหน้าลำบากใจแล้วก็ต้องถอนหายใจออกมา
จีคที่ประกาศตัวว่าไม่ต้องการร่วมมือกับเขา เนวิลและจัสตินที่ไม่ได้คัดค้านอะไร ถ้าทั้งสามจะโดนคนอื่นกล่าวโทษเพราะทิ้งเพื่อนร่วมทีมไว้กลางทางเขาก็ไม่ได้สนใจนักหรอก แต่เมื่อหันไปมองพีโอเนีย ซีโรเซียและเดซีที่กำลังทำหน้าเจื่อนอยู่ด้วยเขาก็รู้สึกสงสารพวกเธอขึ้นมา
คาตาลิสต์อย่างพวกเธอปฎิเสธผู้ถูกเลือกของตนไม่ได้ ต่อให้พวกเธออยากขัดคำสั่งแทบขาดใจก็ตาม ถ้ากิลเลนจะเอาผิดทั้งสามพวกเธอก็คงไม่พ้นต้องถูกตำหนิไปด้วย
“ทำไมล่ะ เจ้าพวกนี้มันกระจอกนี่ เรื่องอะไรจะให้มาแย่งคะแนนฉันล่ะ” กิลเลนตอบหน้าตาย ราวกับราดน้ำมันลงบนกองเพลิงมันทำให้ทุกคนเดือดขึ้นมาทันที
...ยังไงก็โดนเหม็นขี้หน้าอยู่แล้ว โดนอีกนิดจะเป็นไรไป…
ในคืนนั้น กิลเลนก็ต้องประหลาดใจเมื่อมีใครบางคนมากดสัญญาณติดต่อที่หน้าห้องพักของตน เขาเปิดออกไปโดยแอบหวังลึก ๆ ว่าจะเป็นพีโอเนียแต่คนที่มากลับทำให้เขาประหลาดใจยิ่งกว่า
ที่อยู่ข้างหน้าคือ ชายหนุ่มใหญ่ผมทรงลานบินเนวิล ไดเยอร์และข้างหลังของเขาคือคาตาลิสต์ผมทรงทวินเทลสีดำซีโรเซีย กิลเลนแปลกใจแต่ก็เชิญทั้งสองเข้ามานั่งในห้อง
“ฉันควรจะพูดอะไรออกไปตอนที่หมอนั่นยืนกรานว่าไม่อยากร่วมทีมด้วย…” เนวิลเปิดประเด็น
“โธ่เอ๊ย ไม่ต้องไปใส่ใจเรื่องนั้นหรอก มันแล้วไปแล้ว” กิลเลนรู้สึกโล่งใจอย่างประหลาด ตอนแรกเขาคิดว่าเนวิลจะมาประกาศสงครามหรืออะไรทำนองนั้นเสียด้วยซ้ำ
“ให้มันแล้วไปแล้วไม่ได้หรอก ถ้านายเกิดเป็นอะไรขึ้นมาจริง ๆ มันคือความผิดของฉันด้วย” ท่าทางเครียดจัดของอีกฝ่ายทำให้เขารู้ว่าเนวิลจริงจังกับเรื่องนี้ “แล้วทั้งที่เป็นแบบนั้น…”
กิลเลนตบบ่าเขาเบา ๆ แทนคำพูด “มาเริ่มกันใหม่อีกครั้งเถอะ”
“บอกแล้วกังวลเรื่องหมอนี่ไปก็ขาดทุนเปล่า ๆ เจ้าตัวไม่ได้คิดอะไรในหัวหรอก” ซีโรเซียที่นั่งเล่นอยู่บนเตียงของกิลเลนโพล่งขึ้นมา
“ซีโรเซีย เธอก็ควรต้องขอโทษเค้าด้วยนะ”
“เอ๋ ฉันด้วยเรอะ ขอโทษหมอนี่เนี่ยนะ อี๋... ไม่เอาอะ” เธอส่ายหน้าดิกจนมัดแกละทั้งสองข้างสะบัดไปมา
“ซีโรเซีย!” เสียงเนวิลเปลี่ยนกลายเป็นเสียงดุ ตอนนั้นเองที่กิลเลนสังเกตเห็นชัดว่ามันทำให้ซีโรเรียถึงกับสะดุ้งโหยง เธอยืนตัวชาเหมือนกับโดนยาสั่ง จากนั้นจึงเผยอปากน้อย ๆ พูดออกมา “ขอโทษด้วยค่ะ”
“เบาไป และขอโทษคุณไรน์ฮาร์ทด้วย ไม่ใช่มาขอโทษผม”
“ขะ… ขอโทษคุณไรน์ฮาร์ทด้วยค่ะ”
...นี่สินะ การควบคุมแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดที่แมดเดลลีนเคยบอก คาตาลิสต์ยังไงก็เกิดมาและมีอยู่เพื่อผู้ถูกเลือกจริง ๆ ด้วย…
“พอเถอะครับ ผมเข้าใจแล้ว” กิลเลนขอให้เนวิลเบามือเพราะเขาทนไม่ได้ที่เห็นผู้หญิงต้องยืนตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว เนวิลก็เหมือนจะรู้ตัวว่าเขาทำเกินไปนิดจึงปลดการควบคุมของเธอ ทำให้ซีโรเซียทรุดกลับไปนั่งหมดแรงบนเตียงอีกครั้ง
“ส่วนเรื่องจีค ผมจะลองคุยกับหมอนั่นอีกที หมอนั่นเอาแต่ใจไปหน่อยแต่ก็ไม่ใช่คนเลวร้ายหรอกนะ”
“ผมเข้าใจ” กิลเลนหมายความตามนั้นจริง ๆ เขาอาจจะรู้สึกเคืองที่โดนกีดกันจากทีมอยู่บ้าง แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกโกรธแค้นจีค ลึก ๆ แล้วเขากลับชื่นชมจีคด้วยซ้ำ คน ๆ นี้รักใครเกลียดใครก็แสดงออกมาได้ตรง ๆ ผิดกับกิลเลนในสมัยก่อนที่มักจะยอมทำตามคนอื่นตลอดเพียงเพื่อเลี่ยงปัญหา
ดูเหมือนว่ามิตรภาพเล็ก ๆ ของกิลเลนและเนวิลจะงอกเงยขึ้นทีละเล็กทีละน้อย หลังจากวันนั้นกิลเลนจึงเริ่มชวนเขาและซีโรเซียมาพูดคุยและกินดื่มในห้องโดยหวังว่ามันจะช่วยทำให้เขาได้กลับเข้าไปในทีมอีกครั้ง
“เฮ้ เห็นเนวิลบอกว่าห้องของนายน่ะมีไอ้นั่นด้วยใช่ไหม” แมรีผู้ถูกเลือกหญิงไม่กี่คนจากทั้งหมด เธอเป็นฝ่ายเข้ามาทักกิลเลนขณะที่ีเขาจะกำลังกลับห้องพัก ดูเหมือนว่าแมรีจะรอเขาอยู่สักพักใหญ่ ๆ แล้วด้วย
“ก็มีอยู่หรอกครับ คุณสนใจงั้นเหรอ วันนี้คุณไดเยอร์ก็น่าจะมาด้วย”
“ก็น่าสนอยู่หรอก…”
“ผมว่ามันไม่ค่อยจะเหมาะหรอกนะครับ ถึงของพวกนั้นจะซื้อด้วยเครดิตได้ก็เถอะ” คาตาลิสต์หนุ่มหน้าสวยราวกับหญิงสาวเข้ามาร่วมวงสนทนาด้วย กิลเลนจำได้ว่าเขาชื่อควินซ์ เช่นเดียวกับแมรีที่เป็นผู้หญิงเพียงไม่กี่รายในกลุ่มผู้ถูกเลือกเขาก็เป็นผู้ชายเพียงหนึ่งในสามคนจากในกลุ่มคาตาลิสต์
ทั้งที่ยืนกรานแบบนั้นแต่สุดท้ายทั้งแมรีและควินซ์ก็กลายมาเป็นแขกขาประจำของกิลเลนในเวลาต่อมา อาจจะมองโลกในแง่ดีไปสักหน่อยแต่กิลเลนเริ่มเชื่อขึ้นมาแล้วว่าเขาอาจจะมีเพื่อนจริง ๆ ครั้งแรกตั้งแต่มาถึงที่นี่
แม้ความสัมพันธ์กับเพื่อนผู้ถูกเลือกจะดีขึ้น แต่ความหนักใจของกิลเลนก็ยังไม่หายไป เขาตระหนักดีว่าถึงระยะนี้เขาและบากะอินุจะยังทำผลงานได้ดีกว่าคนอื่น แต่ว่าก็ไม่มีอะไรการันตีได้ว่ามันจะเป็นแบบนั้นไปตลอด และเพื่อให้มั่นใจว่าทุกอย่างจะยังอยู่ในการควบคุมการฝึกหนักจึงเริ่มขึ้น
ระหว่างรอภารกิจใหม่มาถึง กิลเลนและบากะอินุกลายเป็นขาประจำของห้องจำลองเสมือนจริงไปแล้ว เขาพบว่าบากะอินุถูกฝึกมาอย่างดี บ่อยครั้งที่มันไม่ได้ทำตามคำสั่งของเขา แต่มันก็ซื่อสัตย์และไม่เคยหันหลังให้กับศัตรูจนกว่าจะเห็นว่ากิลเลนเป็นฝ่ายยอมถอยก่อน
กิลเลนย้อนกลับไปฝึกตั้งแต่ภารกิจแรกที่ทุกคนเคยผ่านมาแล้ว ในช่วงแรกเขาโดนผู้ถูกเลือกคนอื่นปรามาสว่าทำสิ่งที่ไร้ประโยชน์ แต่เมื่อพบว่ากิลเลนพยายามผ่านมันด้วยเงื่อนไขที่ยากขึ้นเรื่อย ๆ ทุกคนก็เริ่มเข้าใจว่าเขาทำอะไรอยู่
“ภารกิจจำลองที่สิบห้าจบสิ้น”
เสียงประกาศดังก้องก่อนที่ภาพเสมือนจริงของถ้ำขนาดยักษ์จะเลือนหายไปและกลับมาเป็นห้องฝึกในดิกนิตีอีกครั้ง
“แตะมือหน่อย” กิลเลนหันไปแบชูห้านิ้วให้บากะอินุส่วนมันก็วิ่งเหยาะ ๆ เข้ามาและกระโดดเอาเท้าหน้าแปะกับมือของเขา
“ไอ้บ้านี่ จบภารกิจที่สิบห้าแค่คนเดียว… กับหมา แถมยังไม่บาดเจ็บเลยด้วย” โอเวนกัดฟันกรอดด้วยความแค้น ทีมของเขาต้องวนภารกิจนี้ซ้ำถึงยี่สิบกว่ารอบถึงจะผ่าน แถมรอบที่ผ่านก็เสียคาตาลิสต์ไปถึงสองรายด้วย
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วจนถึงหลายสัปดาห์ต่อมา
“โอเวน” ผู้ถูกเลือกรายหนึ่งวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามากลางวง เขามือไม้สั่นเหงื่อแตกพลั่กเต็มหน้า “ภารกิจจำลองที่หนึ่งร้อย...”
โดยไม่ต้องรอให้จบ โอเวนก็ผลุนผลันวิ่งออกไปโดยมีพวกพ้องในทีมวิ่งตามมาด้วยติด ๆ
ที่หน้าห้องจำลองการต่อสู้ เขาเห็นหลาย ๆ คนเข้าไปแสดงความยินดีกับกิลเลนและบากะอินุ ข้าง ๆ นั้นมีจีคและอีกหลายคนที่แสดงสีหน้าไม่พอใจออกมาอย่างซ่อนไม่มิด กิลเลนสังเกตเห็นเขาจึงส่งยิ้มให้แบบผู้ชนะ รอยยิ้มที่ทำให้โอเวนฉุนขึ้นอีกเป็นสิบ ๆ เท่า
...ไอ้สัตว์ประหลาด…
“เยี่ยมเลยเพื่อน” เนวิลเข้ามาทำท่าล็อคคอกิลเลนด้วยความหมั่นไส้ “ภารกิจคราวต่อไปไอ้พวกแวนเดียร์มันต้องร้องจ๊ากแน่ ๆ”
“มันแค่ภารกิจจำลองน่า… ครั้งก่อนนั้นก็เห็นอยู่ว่าของจริงมันน่ากลัวแค่ไหน” คำพูดของกิลเลนทำให้รอยยิ้มของหลาย ๆ คนจางลง
“อย่าเพิ่งสลดกันสิ ที่สำคัญ ยังจัดการได้ไม่ครบสักหน่อย”
“ภารกิจจำลองมีแค่ร้อยเดียวนะ… อย่าบอกนะว่า... ภารกิจพิเศษนั่น”
...นิดฮอก…
“ภารกิจพิเศษ นิดฮอก เริ่มต้น”
ห้องทั้งห้องเปลี่ยนไปกลายเป็นโกดังร้างขนาดมโหฬาร ตรงกลางห้องมีร่างมหึมาที่เหมือนมังกรสีดำหลับใหลอยู่ กิลเลนและบากะอินุ หนึ่งมนุษย์หนึ่งสุนัขก้าวไปข้างหน้าด้วยใจที่สั่นระรัว
...ถึงรู้อยู่แก่ใจว่าภาพจำลอง แต่แรงกดดันนี่มันสุดยอดเกินไปแล้ว…
เบื้องหลังของกิลเลนที่ไม่ควรจะมีใครอีกเกิดเสียงย่ำเท้าตามมาจากฝีเท้าหลายคู่
“บ้า รึเปล่าคิดว่าจะชนะมันคนเดียวได้จริง ๆ เหรอ” สาวทวินเทลผมสีชมพูอ่อนโวยใส่ข้าง ๆ ของเธอมีเนวิลที่ส่งนิ้วโป้งมาให้
“ไม่ยอมให้ได้หน้าคนเดียวหรอกน่า” จีคเดินเข้ามาพูดข้าง ๆ โดยไม่ได้หันมองกิลเลนเลย
มังกรสีดำขยับตัวช้า ๆ เมื่อสัมผัสได้ว่ามีผู้บุกรุก นิดฮอกเปิดฉากโจมตีใส่ด้วยการสะบัดหางเหมือนครั้งแรกที่พวกกิลเลนเคยพบ แต่ครั้งนี้ทุกคนรู้จักการเคลื่อนไหวและเตรียมตัวเป็นอย่างดี พวกเขาทุกคนกระโดดหลบได้อย่างสวยงาม
แต่แทนที่พวกเขาจะตกลงสู่พื้นหลังจากลอยขึ้นทุกคนกลับค้างแบบนั้นกลางอากาศ จากนั้นเรื่องเหลือเชื่อก็เกิดตามมา นิดฮอกสะบัดหางกลับมาอีกครั้งแต่ลอดผ่านพวกเขาไป แต่ละคนค่อย ๆ เคลื่อนกลับลงสู้พื้นในสภาพที่ดูประหลาด
ทุกคนค่อย ๆ เดินถอยหลังย้อนไปทั้งที่ไม่ได้เกิดจากเจตนาของตนเองเลย เป็นภาพที่จะบอกว่าเหมือนกับกดดูคลิปแบบย้อนกลับก็ไม่ผิด
...เห้ย นี่มันอะไรกัน ควบคุมร่างกายไม่ได้…
“บ้า รึเปล่าคิดว่าจะชนะมันคนเดียวได้จริง ๆ เหรอ” ซีโรเซียพูดประโยคเดิมที่เธอเคยพูด แล้วเธอก็หน้าเสียไปในทันทีเพราะว่ามันออกจากปากของเธอโดยไม่ตั้งใจ
“ไม่ยอมให้ได้หน้าคนเดียวหรอกน่า” จีคถึงกับเหงื่อแตกพลั่กหลังจากพูดจบ
พวกเขาค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้โดยขัดขืนไม่ได้แม้แต่น้อย
นิดฮอกตื่นขึ้นมาอีกครั้ง มันอ้าปากจนเห็นฟันขาวเรียงกันเป็นตับจากนั้น...
วูบบบบบบ
พริบตาเดียวเท่านั่น แสงสว่างจ้าก็โอบล้อมไปทั่วร่างของพวกเขา
“ภารกิจพิเศษ นิดฮอก ล้มเหลว”
...ไอ้มังกรนั่นมันย้อนเวลาได้…
...ชิบห...แล้วไง…