บทที่ 3 : บากะอินุ
บทที่ 3 : บากะอินุ
“พลาสมาสเปียร์” กิลเลนรับหอกสีดำเป็นเงามาพิจารณาอย่างละเอียด เขาพบว่ามันดูซับซ้อนกว่ารูปร่างที่เห็นภายนอก มันอาจจะดูไม่แตกต่างจากหอกโบราณที่เขาเคยเห็นนัก ยกเว้นเพียงด้านท้ายนั้นมีสิ่งที่รูปร่างเหมือนหลอดไฟเรืองแสงสีน้ำเงิน กิลเลนเดาว่ามันน่าจะเป็นแหล่งพลังงานอะไรสักอย่าง ส่วนตรงปลายเมื่อทดลองใช้ความคิด “ออกคำสั่ง” ให้มันทำงาน ส่วนคมของหอกก็เรืองแสงแปล๊บปล๊าบขึ้นมาและเกิดกระแสพลังงานสีน้ำเงินห่อหุ้ม
“เห็นนายลงข้อมูลไว้ว่าอยากได้อะไรที่เหมือนหอก แล้วเราก็มีสิ่งนี้พอดี”
“ขอบคุณครับเจ้...” กิลเลนหยุดกึกเมื่อเห็นสีหน้าอีกฝ่ายแล้วจึงรีบแก้คำพูด “ขอบคุณครับ… คุณแมดเดอลีน”
“ครูฝึกแมดเดอลีน”
“อาา ครับ… อ่ออ ว่าแต่ทำไมเรียกว่าพลาสมาสเปียร์ล่ะครับ มันเกี่ยวกับส่วนประกอบของเลือดเหรอ”
“ทีพลาสมาจากเลือดดันรู้จัก แต่พลาสมาที่มีสภาพเป็นแก๊สที่มีสภาพเป็นไอออน....”
“อาาา ขอโทษครับ จะไม่ถามอีกแล้ว”
“ว่าแต่ใช้เป็นแน่นะ พวกเทคนิคการใช้อาวุธขั้นพื้นฐาน เราสามารถอัพโหลดเข้าสมองโดยตรงได้นะ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมเคยเอาของแบบนี้มาแกว่งเล่นบ้าง ยังไงซะผู้ชายน่ะก็ต้องฝึกใช้ชินกับของใหญ่ ๆ ยาว ๆ ไว้ก่อนสินะครับ”
แมดเดอลีนไม่ตอบแต่จ้องกลับด้วยสายตาเหยียดหยาม
“อาาา ขอโทษครับ จะไม่เล่นมุกแบบนี้อีกแล้ว”
หลังจากที่แมดเดอลีนทำการแจกจ่ายอาวุธให้กับผู้ถูกเลือกทั้งยี่สิบคนจนครบ เธอก็ปล่อยให้พวกเขาได้ใช้เวลากับคาตาลิสต์เป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่พวกเธอจะต้องเลือกว่าอยากจับคู่กับผู้ถูกเลือกคนใด
กิลเลนพบว่าห้องสันทนาการของดิกนิตีดูหรูหราโอ่อ่ายิ่งกว่าที่คิด อันที่จริงเขาก็เห็นหลาย ๆ ห้องมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แต่เพราะฝังใจว่ามันคือความฝันเจ้าตัวเลยไม่ได้สนใจอะไรมาก จนกระทั่งตอนนี้…
...ให้ตายสิ อย่างกับในโรงแรมหรูเลย ทั้งเครื่องเรือน เคาเตอร์บาร์ เครื่องเสียงราคาระดับที่ถ้าซื้อเองคงหมดตัวไปหลายปี สารพัดข้าวของตกแต่งที่มองเพียงปราดเดียวก็รู้ได้ว่าราคาเกินเอื้อมสำหรับตน
แต่ทั้งหมดที่ว่ามา ก็ไม่ได้ทำให้กิลเลนใจเต้นโครมครามเท่ากับบรรดาคาตาลิสต์สาวที่มีทั้งจับกลุ่มคุยกันเองและนั่งพูดคุยหยอกล้อกับผู้ถูกเลือกอยู่ตามมุมของห้อง บ้างก็หัวร่อต่อกระซิกกันสองต่อสอง บ้างก็จับกลุ่มคุยเล่นเฮฮา เหล่าสาวสวยที่ทำให้ชายใดก็หัวใจเต้นจนแทบจะปะทุออกจากอกได้ ทำให้กิลเลนผู้ไร้ประสบการณ์ถึงกับรู้สึกหน้ามืดเล็ก ๆ
...ผู้ถูกเลือกกับคาตาลิสต์ ก็เหมือนกับสามีและภรรยากันนั่นแหละ…
กิลเลนนึกถึงบทสนทนาที่ผู้ถูกเลือกรายหนึ่งพูดกับครูฝึกแมดเดอลีนที่เขาบังเอิญได้ยินก่อนหน้านี้
“ยิ่งผูกพันมากเท่าไหร่ ค่าการซิงโครก็จะยิ่งสูงขึ้น แล้วก็จะส่งผลต่อพลังพิเศษของทั้งสองฝ่าย จึงเป็นเรื่องปกติที่ผู้ถูกเลือกและคาตาลิสต์จะปฏิบัติกับอีกฝ่ายในแบบเดียวกับที่คู่รักปฏิบัติต่อกัน” แมดเดอลีนชี้แจง
...หมายความว่าใครสักคนในนี้จะมาเป็นเหมือนคะ.. คู่รักของเราสินะ…
กิลเลนรู้สึกหน้าชามือไม้สั่นไปหมด ในชีวิตนี้เขาไม่เคยกล้าคิดเรื่องแบบนี้มาก่อน หน้าตาธรรมดา ๆ ฐานะไม่ค่อยดี มนุษยสัมพันธ์ก็แย่ แถมยังทำงานหนักจนแทบไม่มีเวลาเหลือ ตัวเขาในตอนนี้ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็หาคนมาสนใจไม่ได้หรอก
แต่ตอนนี้มันต่างออกไปแล้ว เขาคือหนึ่งในผู้ถูกเลือก กิลเลนเชื่อว่าบางที… ในตอนนี้อาจจะมีใครสักคนที่ยอมรับเขาบ้างก็ได้
พีโอเนียสาวผมสั้นสีทองในชุดสีแดงเข้ม ยังดูสวยและสดใสเหมือนเช่นทุกครั้ง เธอโบกไม้โบกมือให้กิลเลนทันทีที่เห็นเขาต่างจากคาตาลิสต์อีกหลาย ๆ คนที่เห็นได้ชัดว่าตั้งใจหลบสายตา
“เป็นยังไงบ้างคะ ชินกับที่นี่รึยังเอ่ย”
“เพิ่งจะวันเดียว จะบอกว่าชินก็คงยังพูดไม่ได้เต็มปากครับ”
“แล้วได้ชิมนี่รึยังคะ” พีโอเนียส่งจานเล็ก ๆ ที่มีอาหารที่จัดวางมาอย่างสวยงามมาให้ มันคือขนมปังชิ้นเล็ก ๆ หนึ่งก้อน เนื้ออะไรสักอย่างสีออกขาว ซอสสีเข้มดูเหนียวข้น และผักอะไรสักอย่างที่กิลเลนก็ไม่แน่ใจนัก
“การจับคู่คาตาลิสต์และผู้ถูกเลือกจะเริ่มเมื่อไหร่เหรอครับ” กิลเลนพยายามรักษาอาการนิ่งเอาไว้ทั้งที่ในอกของเขาแทบจะระเบิดออกมาด้วยความตื่นเต้น
...ไม่น่าเชื่อ นี่ตูกำลังคุยกับผู้หญิงน่ารักขนาดนี้…
“ก็น่าจะหลังงานเลี้ยงครั้งนี้ค่ะ”
“อ้อ งั้นเหรอครับ”
“ค่ะ....’’
“ครับ....”
...เหวอ!! นี่มันไอ้ที่เขาเรียกกันว่าเดดแอร์สินะ ช่องว่างแห่งความอึดอัดที่เกิดขึ้นยามที่อยากชวนคุยจะแย่แล้วแต่ไม่รู้จะพูดอะไรต่อเนี่ย…
“รู้ไหมว่าการฟัวกรามันเป็นการทรมานสัตว์” ชายหนุ่มผมตั้ง ย้อมผม และเจาะหูทั้งสองข้างมองสิ่งที่อยู่ในจานของกิลเลนด้วยหางตา
ยังไม่ทันที่กิลเลนจะได้ตอบ เขาก็พูดต่อทันที “มันคือตับห่านที่ถูกเลี้ยงในพื้นที่แคบ ๆ ถูกบังคับกรอกอาหารลงคอ เพื่ออะไรรู้ไหม เพื่อที่ตับของมันจะอุดมไปด้วยไขมันยังไงล่ะ ไอ้สีขาวของตับที่นายกินมันคือไขมันที่ได้มาจากการเลี้ยงด้วยวิธีทารุณโหดร้ายไม่รู้รึไง”
คำบรรยายของผู้ถูกเลือกที่กิลเลนยังไม่รู้จักแม้แต่ชื่อทำให้เขากระเดือกของที่อยู่บนจานไม่ลงอีกต่อไป แต่ก่อนที่จะได้วางมันทิ้ง เสียงของชายที่คุ้นหูก็ดังขึ้นมาจากด้านหลัง เสียงของ “แพทริค ทเวน” หนุ่มแว่นรูปหล่อแต่วาจาเป็นพิษนั่นเอง
“คนที่รู้จักฟัวกราก็รู้ทั้งนั้นแหละว่ามันทำมาจากอะไร การเอามาพูดเป็นคุ้งเป็นแควอวดความรู้ยิ่งทำให้ดูงี่เง่ามากกว่า”
“นาย…” ชายผมชี้ถลึงตาใส่อีกฝ่ายที่พูดจาไม่ได้รักษาไมตรีแม้แต่น้อย
“สิ่งมีชีวิตทุกชนิดดำรงอยู่ด้วยการเบียดเบียนอะไรสักอย่างไม่มากก็น้อย ปศุสัตว์อย่างอื่นก็ถูกขุนมาเพื่อเป็นอาหาร ไม่ก็ที่ถูกล่าตามธรรมชาติ โลกนี้ทุกอย่างมันไม่ได้สวยงามขนาดนั้นหรอก…”
“แต่ว่า....”
“ที่สำคัญ!” แพทริคไม่เปิดโอกาสให้โต้ “ในโลกที่ล่มสลายไปแบบนี้ไม่คิดว่าการมีของแบบนี้มันแปลกรึ”
คำพูดของแพทริคทำให้กิลเลนฉุกคิดได้ โลกแบบนี้จะไปหาของกินแปลกประหลาดพิศดารมาจากไหน
“ใช่แล้ว อาหารทุกอย่างบนยานนี้เป็นอาหารสังเคราะห์” แมดเดอลีนที่ไม่รู้โผล่มาจากไหนโพล่งขึ้น “แต่ก็ไม่ได้จะสร้างขึ้นมาจากอากาศได้หรอกนะ นั่นทำให้ภารกิจส่วนหนึ่งของดิกนิตีคือการค้นหาแหล่งทรัพยากรเพิ่มด้วยยังไงล่ะ”
หลังจากโผล่มาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ครูฝึกสาวก็หยุดบทสนทนาของทุกคนด้วยการเรียกรวมตัวเพื่อประกาศเรื่องการจับคู่คาตาลิสต์และผู้ถูกเลือกที่กำลังจะเริ่มขึ้น
“กิลเลน ไรน์ฮาร์ทใช่ไหม ฉันชื่อจีค คาร์ลินซัน เรื่องเมื่อกี้ฉันสอดปากมากไปหน่อย ต้องขอโทษด้วย”
กิลเลนพยักหน้าให้ชายผมตั้งที่ครั้งนี้ดูจะเป็นมิตรมากขึ้นแต่ก็แค่พริบตาเดียวเท่านั้น
“แต่ยังไงซะ เรื่องที่นายคือฆาตกรฆ่าเด็กก็ยังเป็นเรื่องจริง จำเอาไว้ด้วยล่ะว่าเมื่อภารกิจเริ่มเมื่อไหร่จะไม่มีใครคอยระวังหลังให้คนอย่างนายหรอกนะ” เขาพูดทิ้งท้ายไว้
“ขอโทษที่ขัดจังหวะความสำราญของทุกคน แต่อย่างที่เคยบอกไว้ว่า จริง ๆ แล้วพวกเรามีเวลาอยู่อย่างจำกัด ขอเข้าเรื่องเลยก็แล้วกัน เกี่ยวกับเรื่องการจับคู่ทางเราจะให้สิทธิ์คาตาลิสต์เป็นฝ่ายเลือกคู่ก่อน แน่นอนว่าผู้ถูกเลือกเองก็มีสิทธิ์ปฎิเสธได้เช่นกัน ในกรณีที่ถูกปฏิเสธเราจะให้สิทธิ์ฝ่ายผู้ถูกเลือกเป็นฝ่ายเลือกบ้าง และหากสุดท้ายยังมีคนที่เหลือจากทั้งสองฝ่ายที่ไม่ได้ตอบรับใครเลย ทางเราจะสุ่มจับคู่คนที่เหลือให้โดยอัตโนมัติ”
กิลเลนรู้สึกคันปากอยากขัดคอแทบขาดใจว่าทำไมต้องใช้วิธีการเลือกให้ชวนสับสนแบบนี้ด้วย ให้ทุกคนเลือกอย่างอิสระจากนั้นเหลือคนเท่าไหร่ค่อยสุ่มเอาไม่ง่ายกว่าเหรอ แต่พอเห็นว่าทุกคนเออออโดยไม่มีใครค้านเลยแม้แต่คนเดียว เขาก็แอบมองไปทางแพทริคชอบขัดคอ แต่ทางนั้นก็ดูไม่ได้สนใจอะไรนักกิลเลนจึงจำใจต้องสงบปากต่อไป
เขาเคยคิดว่ามันจะต้องเป็นเวลาแห่งความอึดอัดที่่ผ่านไปอย่างเนิ่นนาน คาตาลิสต์แต่ละคน ๆ ค่อย ๆ เดินมาใกล้จากนั้นก็เลือกคนที่เธอถูกใจ มีบางคนที่ถูกปฏิเสธจนร้องไห้ มีบางคนก็สมหวังจนแทบกระโดดโลดเต้น ในขณะที่คนที่ยังไม่ถูกเลือกก็ต้องลุ้นจนเหงื่อท่วมเมื่อคิวของตนเองยังมาไม่ถึง
แต่ทุกอย่างที่กิลเลนคิดไว้ มันผิดถนัด ความเป็นจริงนั้นตรงกันข้าม เมื่อแมดเดอลีนให้สัญญาณเริ่ม คาตาลิสต์ทุกคนก็เดินตรงไปยังผู้ถูกเลือกที่พวกเธอเลือกไว้แล้วโดยไม่มีการรีรอหรือลังเลแม้แต่น้อย
พีโอเนียเดินเฉียดเข้ามาใกล้ เธอส่งยิ้มบางให้กับเขาแต่มันเป็นแค่ยิ้มปกเศร้า หญิงสาวผมทองที่กิลเลนคิดมาตลอดว่าใจดีกับเขาที่สุดเดินไปหยุดอยู่ที่หน้าของเด็กหนุ่มหน้าสวย “จัสติค เกรซ” นั่นเอง
เขารู้สึกหน้าชาแต่ก็เก็บอาการผิดหวังไว้เป็นอย่างดี สิ่งที่แสดงออกมามีเพียงรอยยิ้มที่ให้กับเธอเท่านั้น
...เอาเถอะ อย่างน้อยคนที่เธอเลือกก็ไม่ได้ปฏิเสธเธอ...
เขาตีหน้านิ่งต่อไป ในใจก็พยายามปลอบใจตัวเองว่ามันเป็นแค่หน้าที่ที่เขาเลือกเอง ไม่ว่าจะคาตาลิสต์คนไหนก็ตามที่เห็นคุณค่าในตัวเขา เขาก็จะให้ความสำคัญกับเธอด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะใครก็ตาม
แล้วกิลเลนก็รู้สึกราวกับถูกตบจนหน้าชาซ้ำสอง คาตาลิสต์ทั้งหมดเลือกผู้ถูกเลือกของเธอกันเองจนครบทุกคน และราวกับเป็นบทละครที่จัดฉากเอาไว้แล้ว คู่ที่พวกเธอเลือกไม่มีใครปฏิเสธพวกเธอเลยแม้แต่รายเดียว ทุกอย่างดูลงตัวอย่างเหมาะเจาะยกเว้นอยู่เพียงเรื่องเดียว นี่ล่ะมั้งเหตุผลที่ไม่มีใครขัดวิธีการเลือกแบบนี้เลยแม้แต่คนเดียวเพราะทุกคนรู้อยู่แล้วว่าใครจะเลือกตน
มีเพียงกิลเลนที่ไม่ได้เฉลียวใจมาก่อนว่าการจับคู่ครั้งนี้มันไม่ครบคู่ และ ไม่มีใครคิดจะเลือกเขาตั้งแต่แรกแล้ว…
กิลเลนได้ยินเสียงหัวเราะของใครหลาย ๆ คน เสียงหัวเราะเยาะที่เขามักจะได้ยินมาตลอดทั้งชีวิต เมื่อเสียงหัวเราะของพี่ ๆ และน้องเวลาที่เขาถูกพ่อแม่ดุว่าอยู่คนเดียว เสียงแบบเดียวกับที่เขาได้ยินเวลาพวกสาว ๆ ในชั้นเรียนพูดซุบซิบถึงเขา แม้แต่ชีวิตทำงานเขาก็ยังได้ยินเสียงหัวเราะแบบนี้จากเพื่อนร่วมงานบางคนที่ไม่เป็นมิตร
ผู้ถูกเลือกและคาตาลิสต์แทบทุกคนต่างก็จับจ้องมาที่ชายเพียงคนเดียวที่ “ไม่ถูกเลือก”
“เอาล่ะ ทุกคนที่มีคู่แล้วก็พาคนของตัวเองกลับที่พักได้ พรุ่งนี้เช้าการฝึกที่แท้จริงจะเริ่มต้น” แมดเดอลีนกึ่งพูดกึ่งตะโกนไล่ทำให้วงล้อมแห่งความอึดอัดค่อย ๆ สลายตัว ทุกคนต่างพาคู่ของตนเดินออกไปจากห้อง ห้องขนาดใหญ่ที่เคยแออัดด้วยผู้คนร่วมสี่สิบชีวิตโล่งลงในถนัดตา ที่เหลือมีเพียงกิลเลนที่ยังยืนนิ่งอึ้งทำอะไรไม่ถูกและแมดเดอลีนที่มองเขาอย่างหน่าย ๆ
“ที่ผ่านมาจะต้องมีคนถอนตัวออกไปบ้าง ครั้งนี้เลยกลายเป็นว่าผู้ถูกเลือกมีมากกว่าคาตาลิสต์อยู่คนนึง” ฟังดูเหมือนการแก้ตัวแต่กิลเลนก็เข้าใจเหตุผลของเธอ
กิลเลนตอบกลับด้วยเสียงหัวเราะแห้ง ๆ เขารู้สึกจุกจนไม่รู้จะสรรหาคำพูดใด ๆ ออกมา เรื่องแบบนี้เขาควรจะชินได้แล้วเพราะมันไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นครั้งแรก แต่เพราะแอบหวังว่าครั้งนี้มันจะแตกต่างออกไปมันเลยทำให้เขาผิดหวังอย่างจัง
แต่กิลเลนก็ยังไม่คิดจะถอย
“ถึงไม่มีคาตาลิสต์ก็ไม่มีทางที่จะสู้กับแวนเดียร์ได้เลยรึครับ”
“นาย… ยังอยากจะสู้อยู่จริง ๆ น่ะเหรอ ถ้านายถอนตัวตอนนี้เราก็ยังจะรักษาสัญญาที่ให้ไว้นะ”
กิลเลนส่ายหน้า เขาไม่อยากกลับไปโลกเดิมอีกแล้ว ไม่อยากจะต้องกลับไปติดคุกติดตารางอีก ต่อให้หลังจากนั้นเขาจะมีอนาคตที่รุ่งโรจน์เพราะการรู้อนาคตล่วงหน้าก็เถอะ เขาเชื่อว่าในโลกนี้มีอะไรบางอย่างที่กำลังเรียกเขาอยู่ สำหรับกิลเลนแล้วนี่คือโอกาสเดียวที่เขาจะพิสูจน์ว่าเขามีคุณค่าต่อผู้อื่น
หลังจากบอกความรู้สึกทั้งหมดออกไป แมดเดอลีนที่คอยฟังอยู่เงียบ ๆ ก็ทำท่าครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่จะดี้ดนิ้วเปาะเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ “ยังไงนายก็ต้องมีคู่หู ต่อให้ไม่ใช่มนุษย์ก็ตาม” สิ้นคำเธอก็เรียกให้กิลเลนตามไป
ทั้งคู่ลงลิฟท์สู่พื้นที่ชั้นล่างสุดของดิกนิตี กิลเลนจำได้ว่าแมดเดอลีนเคยให้ดูผังคร่าว ๆ ของยานขนาดยักษ์ลำนี้ ชั้นล่างสุดของมันคือคลังคือของขนาดใหญ่ เขาแปลกใจว่าที่แบบนี้จะมีอะไรที่อยากให้เขาได้เห็นกันแน่
“บากะอินุ ชื่อของมันคือบากะอินุ เจ้าของเก่าของมันคือผู้ถูกเลือกรุ่นก่อนหน้าพวกนาย พอหมอนั่นตาย เจ้านี่ก็เลยถูกเลี้ยงเอาไว้ที่ชั้นล่างนี้”
“เดี๋ยวนะ ชื่อแบบนี้มัน…”
“ใช่ สุนัขยังไงล่ะ”
“หมาเรอะ!! เดี๋ยวสิเฮ้ย คนอื่นได้จับคู่กับสาวสวยหนุ่มหล่อแล้วให้ตูมาจับคู่กับหมาเรอะ” กิลเลนโวยวายในใจลั่นเพราะรู้ว่าถ้าแมดเดอลีนได้ยินเข้าเธอคงจะแว๊ดใส่หน้าเขาแน่ ๆ เพราะเขาเป็นคนยืนกรานเองว่ายังไงก็จะสู้ต่อแม้ว่าจะไม่มีตัวช่วยอย่างคาตาลิสต์เลยก็เถอะ
แต่จะให้จับคู่กับหมาเนี่ยนะ หรือว่ามันจะมีอะไรที่ไม่ธรรมดาซ่อนอยู่
“เดี๋ยวนะครับ… คงไม่ใช่ว่านี่เป็นสุนัขพิเศษที่ถูกสร้างขึ้นมาเหมือนคาตาลิสต์ ตอนแรกถึงจะดูเหมือนสุนัขทั่วไป แต่พอเลเวลอัพก็กลายเป็นสาวน้อยหูหมาไปนะ”
กิลเลนจินตนาการไปไกล เขาเห็นภาพของเด็กสาวตัวน้อยน่ารักผู้มีหูและหางของสุนัข
“นายท่านกิลเลน~~” เธอเรียกเขาพร้อมทำมือกวักน่ารักน่าเอ็นดู ก่อนที่เขาจะใช้มือยีหัวเธอด้วยความเอ็นดู
“อา… อินุจิโยะจัง วันนี้เราจะไปล่าแวนเดียร์ที่ไหนกันดีเอ่ย” เขาเรียกเธอด้วยชื่อที่ตั้งขึ้นใหม่ ส่วนเธอก็ดีใจที่ถูกเรียกจนหูลู่ลง
“นายท่านไปที่ไหน อินุจิโยะก็จะไปที่นั่นเจ้าค่ะ” เธอว่าพลางส่ายหางไปมาดุกดิก ๆ
“ใช่แล้ว นี่แหละ! พล๊อตต่างโลกที่เคยอ่านมา มันต้องอะไรทำนองนี้แหละ หนุ่มโสดผู้หลงไปต่างโลก ได้พบพลังใหม่พร้อมกับพรรคพวกที่เป็นเหล่าสาวน้อย จากนั้นเขาก็ทุ่มเทจนกู้โลกนั้นไว้ได้สำเร็จ” กิลเลนกลับมามีประกายความหวังในดวงตาอีกครั้ง
“ละเมออะไรของนาย ก็แค่สุนัขพันธุ์โกลเดินริทรีฟเวอร์ธรรมดา ๆ นี่แหละ แค่มีติดตั้งอาวุธช่วยรบไว้เท่านั้น” พูดดับฝันอย่างเลือดเย็นจบ แมดเดอลีนก็กดเปิดประตูห้องด้านหน้าเผยให้เห็นเจ้าตัวสี่ขาขนสีทองที่กระโดดโลดเต้นดีใจเพราะไม่ได้เห็นมนุษย์มานาน
โฮ่งงงง โฮ่ง โฮ่งง… บากะอินุกระดิกหางให้พร้อมกับเห่าเรียกร้องความสนใจ
“เอาล่ะ สนิทกันไว้ให้ดี ตั้งแต่วันนี้นายกับเจ้านี่จะต้องเป็นคู่หูกัน ช่วงนี้ก็ฝึกซ้อมในสนามรบเสมือนให้คล่องซะ เพราะไม่งั้นอีกสามวันคู่ของพวกนายลำบากแน่”
“อีกสามวัน” กิลเลนที่ยังอึ้งอยู่หันไปขมวดคิ้วให้
“อ้าว ยังไม่ได้บอกเหรอ ในภารกิจแรก พวกนายจะได้สู้กับแวนเดียร์จริง ๆ แล้ว”
“อะ เอ๋...”
“ไม่มีคาตาลิสต์อาจจะลำบากอยู่ แต่ยังไงก็อย่าเพิ่งตายล่ะ”
...ชิบห...แล้วไง...