บทที่ 2 : ทักทายกันด้วยกำปั้น
บทที่ 2 : ทักทายกันด้วยกำปั้น
หลายเดือนก่อน...
“ก็บอกแล้วไงว่าทำงาน ๆ ไม่ได้มีอีหนูซ่อนอยู่ที่ไหนหรอกน่า” ชายหนวดเฟิ้มตวาดใส่ปลายสายที่เขาสนทนาด้วย เสียงที่ดังแบบไม่เกรงใจชาวบ้าน ทำให้กิลเลนที่นอนฟุบอยู่แถวนั้นต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมามองหาต้นเสียง
“ไม่เชื่อก็มาดูกับตาเลยก็ได้... เออ... นั่นแหละ แค่นี้นะ”
กิลเลนรู้ว่าอะไรกำลังจะเกิดตามมาเขาจึงรีบแกล้งทำเป็นหลับต่อ แต่ไม่ทันซะแล้ว รุ่นพี่เสียงแปดหลอดเห็นเขาเข้าพอดีจากนั้นก็เริ่มบ่นเป็นชุด
“ทำงานงก ๆ หาเงินก็เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว ยังจะมาจับผิดอะไรกันนักหนา”
“คร้าบบบ ตามนั้นแหละครับ เมียพี่ก็เกินไป แต่ผมยังไม่ได้นอนเลย ถ้างั้นผม...”
“ไหนจะค่าผ่อนบ้าน ค่าผ่อนรถ ค่าเล่าเรียนลูก ไม่ทำงานหนักขนาดนี้จะมีเงินพอเรอะ”
“...ก็ใช่แหละ รุ่นพี่ทำงานเหนื่อยขนาดนี้เค้าไม่รู้เลยเหรอ แต่ยังไงผมขอตัวไปน...”
“แล้วก็มาบ่นว่าเรามีบ้านเล็กบ้านน้อยรึเปล่า บ้าเรอะ! จะเอาเงิน เอาเวลาที่ไหนไปหาวะ”
“ก็จริงนะ ผู้ชายที่เห่อลูกเห่อเมียจนในกระเป๋าสตางค์มีแต่รูปครอบครัวนี่ไม่มีทางเลยที่จะไปหาอีหนูที่ไหนได้...”
รุ่นพี่หนวดเฟิ้มได้ยินก็ถลึงตาใส่ เข้าพุ่งเข้าไปกะจะรัดคอเจ้ารุ่นน้องตัวดีเพื่อเค้นถามว่า “ทำไมเอ็งถึงรู้เรื่องนั้นได้วะ” แต่มีหรือความไวระดับกิลเลนจะยอมให้คว้าตัวไว้ง่าย ๆ ชายหนุ่มพุ่งตัวหลบอย่างง่ายดายทั้งที่ยังอ้าปากหาวหวอด ๆ
“อาาาา รุ่นพี่อย่ามาพาลใส่ผมสิ”
“มาให้เตะตูดซะดี ๆ เลยนะ เอ็งน่ะ!” ชายร่างใหญ่วิ่งไล่เขาแก้เขิน ทั้งที่เขามั่นใจเรื่องความเร็วของตนเองพอดูแต่กลับตามรุ่นน้องตัวแสบไม่ทันเลยแม้แต่น้อย “ทำไมเอ็งเร็วขนาดนี้ได้ฟะ นี่มันคนหรือลิงเนี่ย”
ภาพถูกตัดมาอีกครั้งคือที่นั่งด้านหน้าของรถบรรทุกที่กลับหัวกลับหางพิกล ร่างของกิลเลนถูกยึดเอาไว้กับเก้าอี้ด้วยเข็มขัดนิรภัยที่คาดไว้ทำให้เขาไม่ได้ร่วงลงมาหัวทิ่ม สิ่งแรกที่ทำคือพยายามทำหนังจากได้สติคือหันไปสะกิดเพื่อนรุ่นใหญ่ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ
“รุ่นพี่… ไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ”
แต่แม้จะเขย่าแขนอีกฝ่ายยังไง เขาก็ไม่มีท่าทีจะรู้สึกตัว กิลเลนสังหรณ์ใจไม่ดีเลย เขาเอื้อมไปจับคออีกฝ่ายแล้วก็พบว่าแม้ร่างจะยังอุ่น ๆ อยู่แต่ชีพจรของเขาก็ไม่เต้นแล้ว ชายหนวดเฟิ้มผู้มักจะส่งเสียงหนวกหูอยู่เสมอจนน่ารำคาญ ตอนนี้กิลเลนอยากได้ยินเสียงของเขาอีกครั้งเป็นที่สุดแต่ดูเหมือนว่าจะเป็นไปไม่ได้แล้ว
กิลเลนพบว่าใบหน้ารุ่นพี่เต็มไปด้วยเลือดสด ๆ ที่เขาเองก็ประหลาดใจที่ไม่ได้สังเกตเห็นตั้งแต่ตอนแรก ดูเหมือนว่าชายร่างใหญ่จะจากไปก่อนที่รถจะคว่ำเสียด้วยซ้ำ
กิลเลนมารู้ภายหลังว่าสาเหตุการเสียชีวิตของเขาคือก้อนหินก้อนโตที่พุ่งทะลุกระจกเข้ามา มันกระแทกเข้ากับใบหน้าของเขาพอดิบพอดี ในมุมและทิศทางที่เลวร้ายที่สุด เขาเสียชีวิตทันทีโดยไม่เปิดโอกาสให้กิลเลนได้พยายามทำอะไรเพื่อยื้อชีวิตเอาไว้ เมื่อมั่นใจว่ามันสายเกินกว่าที่จะทำอะไรได้อีก กิลเลนจึงพยายามดิ้นรนเพื่อให้หลุดจากเข็มขัดนิรภัย ในจังหวะนั้นเองเขาบังเอิญหันไปเห็นกระเป๋าสตางค์ของรุ่นพี่ที่หลุดร่วงออกมา รูปถ่ายหลายรูปที่อยู่ในนั้นหล่นกระจัดกระจายอยู่บนพื้น แม้จะมืดมาก แต่แสงไฟจากข้างทางที่บังเอิญส่องลอดเข้ามาพอดีก็ทำให้กิลเลนเห็นภาพเหล่านั้นอย่างชัดเจน
ชายหนุ่มหยุดมองภาพนั้นอยู่นานหลายอึดใจ มันเป็นภาพของรุ่นพี่ ภรรยาแสนสวยของเขาและลูกสาววัยกำลังน่ารัก ภาพเหล่านี้คือสิ่งที่เพื่อนพนักงานทุกคนเห็นว่าเขาแอบเอาขึ้นมาดูอยู่บ่อย ๆ โดยคิดว่าจะไม่มีใครเห็น มีอยู่ภาพหนึ่งเขากำลังอุ้มลูกสาวที่กำลังหันมาโบกมือให้กับกล้อง รอยยิ้มของเด็กน้อยทำให้กิลเลนแทบน้ำตาซึม
“ขอโทษนะ พี่ช่วยอะไรพ่อหนูไม่ได้เลย…”
“เฮ้ย ดูเหมือนยังมีคนไม่ตายด้วย เอาไงดีวะ” เสียงซุบซิบของใครบางคนดังมาจากนอกตัวรถ
“เอาไงเรอะ ถามมาได้ ก็ถ้ายังไม่ตายก็ทุบซ้ำอีกทีสิวะ”
เสียงจากคนแปลกหน้าที่พูดคุยกันอยู่ไม่ห่างออกไปมากทำให้กิลเลนแน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น เรื่องที่เกิดครั้งนี้มันไม่ใช่อุบัติเหตุแต่มันคือการปล้น! มันคือการฆาตกรรม
“อภัยให้ไม่ได้!!”
กิลเลนกลับมาอยู่กับปัจจุบันอีกครั้ง เสียงตะคอกเค้นถามของโอเวนทำให้เขาสติหลุดไปวูบหนึ่ง
“บอกมา! แกคือฆาตกรที่อยู่ในข่าวใช่ไหม ชื่ออะไรนะ กิล เกล อะไรเนี่ย”
“กิลเลน!?” พีโอเนียเผลอหลุดปากออกไปด้วยความตกใจ แต่เธอยังไม่อยากเชื่อว่าฆาตกรที่โอเวนพูดถึงคือเขาจริง ๆ จึงพยายามถามย้ำด้วยอีกคน
“ใช่ กิลเลน ชื่อนี่จริง ๆ แหละ เป็นแกจริง ๆ ด้วยสินะ ไอ้ฆาตกร”
ป่วยการที่จะปฏิเสธ กิลเลนจึงยอมรับไปตรง ๆ เขาพยายามจะอธิบายต่อแต่โอเวนก็ไม่เปิดโอกาสให้
“หมอนี่ถูกดักปล้นก็จริง แต่ว่าพวกที่มาปล้นยังเป็นเด็กวัยรุ่นกันทุกคน ทั้ง ๆ ที่รู้แบบนั้นแต่หมอนี่ก็ฆ่าทุกคนอย่างโหดเหี้ยม”
...เฮ้ เดี๋ยวสิ ตอนนั้นเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกนั้นเป็นแค่วัยรุ่น ก็แต่ละคนหน้าตารุ่นลุงกันทั้งนั้น ที่สำคัญไอ้คำว่าฆ่าอย่างโหดเหี้ยมนี่มันผิดจากความเป็นจริงไปไกลโขเลย…
“หมอนี่ลากวัยรุ่นที่ถูกซ้อมยับมากองรวมกัน จากนั้นก็ใช้ไม้กระหน่ำฟาดพวกนั้นครั้งแล้วครั้งเล่าจนตาย” โอเวนเล่าราวกับตนเองอยู่ในเหตุการณ์ด้วย ทั้งที่เรื่องที่เขาเล่าเป็นแค่ข่าวที่ถูกส่งต่อกันในโลกอินเทอร์เน็ต ซึ่งจะมีข้อเท็จจริงปนอยู่มากน้อยแค่ไหนก็ยากจะรู้ได้
“มะ… มันไม่ใช่แบบนั้น” กิลเลนอธิบายด้วยอาการละล่ำลำลัก ยิ่งเห็นสายตาเย็นชาและไม่ไว้ใจที่ทุกคนพร้อมใจกันส่งมาให้ก็ทำให้เขายิ่งพูดติดขัดไม่เป็นภาษา
“นายทำแบบนั้นกับคนที่ไม่สู้แล้วเหรอ” คาตาลิสต์รายหนึ่งพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงผิดหวัง เธอเบี่ยงสายตาหลบกิลเลนราวกับตัดสินไปแล้วว่าเขาคือคนร้าย
“ไอ้ขยะเอ๊ย” เสียงเล็ก ๆ ของใครบางคนแทรกขึ้นมาจากในหมู่ฝูงชน กิลเลนแน่ใจว่ามันคือเสียงของคาตาลิสต์คนใดคนหนึ่งแน่นอน
“เดี๋ยวก่อนสิคะ เรื่องในอดีตก็คือเรื่องในอดีต ตอนนี้พวกเราทุกคนคือกำลังสำคัญที่จะช่วยเหลือโลกนะคะ” พีโอเนียเข้ามาขวางระหว่างฝูงชนกับกิลเลน
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเธอ หลบไป!” พูดไม่พูดเปล่าโอเวนผลักพีโอเนียที่ตัวผอมบางกว่าเขาเกือบครึ่งหนึ่งจนเซถอยหลัง
“นี่คุณ! อย่าใช้กำลังกับผู้หญิงสิ” จัสตินที่ยืนคุมเชิงอยู่เข้ามาคว้าพีโอเนียไว้ได้ทันก่อนที่เธอจะเสียหลังล้มลง ชายที่ดูสงบเสงี่ยมมาตลอดแบบเขาแววตาฉายแววดุดันขึ้นมาทันที
“แกเองก็หลบไปด้วย ฉันยังไม่เสร็จธุระกับไอ้หมอนั่น”
ห่างออกมากลุ่มที่กำลังจะวางมวยกัน แมดเดอลีนเห็นท่าทางไม่ดีจึงตั้งใจจะเข้าไปห้ามปราม แต่อาเบลกลับดึงมือรั้งเธอเอาไว้เขาส่ายหน้าและพูดว่า “ดูไปก่อน… อย่าเพิ่งทำอะไร”
กิลเลนแปลกใจที่ทำไมทุกอย่างมันกลายเป็นแบบนี้ไปได้ เมื่อครู่คนที่ทำท่ากำลังจะมีเรื่องกันคือจัสตินและโอเวนแท้ ๆ แต่ตอนนี้ โอเวนกำลังจะเข้ามาเล่นงานเขาเพราะเขาดันเผลอปากดีออกไป
“ถ้าคุณอยากจะมีเรื่องกับใครสักคนก็มามีกับผมแทน สองคนนั้นไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วยเลย” กิลเลนพูดออกไปแบบนั้นก็จริงแต่ก็ไม่คิดว่าโอเวนจะเห็นมันเป็นจริงเป็นจัง เขาแค่ไม่อยากให้จัสตินต้องมาเจ็บตัวเพราะเขาก็เท่านั้น
ตอนนี้สถานการณ์เลยกลายเป็นว่าโอเวนอยากทดสอบว่าทำไมคนอย่างเขาถึงได้มาอยู่ที่นี่ได้
“อยากรู้นักว่าฆาตกรฆ่าเด็กอย่างแกมีดีอะไร”
...อย่ามาบิดเบือนเป็นฆาตกรฆ่าเด็กสิเฟ้ย พวกนั้นน่ะอีกปีสองปีก็ผู้ใหญ่กันแล้วนา…
โอเวนเริ่มต้นก่อนด้วยฟุตเวิร์คที่เขาถนัด ลีลาการเคลื่อนไหวและการโยกตัวหลบไปมา ต่อให้เป็นมือสมัครเล่นก็รู้ได้ทันที่ว่าเขามีฝีมือร้ายกาจ โอเวนทักทายด้วยหมัดแย๊บที่เร็วจนหลายคนในนั้นมองไม่ทัน
“ลีลาดีเลยนี่นา หมอนั่นเป็นนักมวยเหรอ” แพทริคเปรยขณะที่ขยับแว่นให้มองเห็นได้ชัดขึ้น เขามาจากคนละประเทศแถมยังคนละยุคจึงไม่เคยได้ยินชื่อของโอเวนมาก่อน
“ไม่ใช่แค่มวยสากลหรอกนะ เทควันโด ไอคิโด ยิวยิตสู ซามบะ คน ๆ นี้เป็นสารพัดวิชาน่ะแหละ ไม่งั้นก็คงไม่ได้เป็นถึงแชมเปี้ยนของเอ.เอ็ม.เอ.หรอก” เจโรมนักฮ็อกกี้น้ำแข็งที่มาจากยุคเดียวกับทั้งโอเวนและกิลเลนชี้แจง
“เอ.เอ็ม.เอ.” หนุ่มแว่นขมวดคิ้ว
“ออลมาเชียลอาร์ต เป็นงานแข่งขันที่รวมศิลปะการต่อสู้ทุกแขนงในโลก ผู้ที่ชนะในงานนี้ก็คือผู้ที่สมกับฉายาชายผู้แข็งแกร่งที่สุดในโลกนั่นเอง”
การเล่นไล่จับระหว่างโอเวนและกิลเลนยังคงดำเนินต่อไป ในช่วงแรกโอเวนแค่ต้องการแหย่มือสมัครเล่นอย่างเขาจึงไม่ได้เอาจริงเอาจังที่จะชกให้โดน แต่ในตอนนี้แม้ว่าเขาจะเร่งความเร็วขึ้นแล้วแต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะแตะถูกตัวอีกฝ่ายได้
...ไอ้หมอนี่มันอะไรกัน การเคลื่อนไหวแบบมือสมัครเล่นชัด ๆ แต่ทำไมไวได้ขนาดนี้เลยวะ…
ตรงกันข้ามกับกิลเลน ตอนแรกเขารู้สึกหวาดกลัวเพราะกำลังจะมีเรื่องกับมืออาชีพแต่ตอนนี้กลับรู้สึกสงบลงอย่างประหลาด เขาเชื่อว่าอีกฝ่ายถึงจะปากร้ายไปบ้างแต่ก็คงไม่ได้เอาจริงสักนิด ไม่งั้นก็คงไม่เหวี่ยงหมัดที่เหมือนภาพสโลโมชั่นแถมดูไร้เรี่ยวแรงแบบนั้นไปมาหรอก
ในขณะที่คนดูทั้งหลายต่างลุ้นจนน้ำลายเหนียวคอ แต่ละหมัดของโอเวนจริงจังและรุนแรงราวกับแฝงไปด้วยจิตสังหาร เสียงหวดลมดังขวับเหมือนกับแส้ที่ฟาดออกไปชวนเสียวสันหลังวาบ การเคลื่อนไหวของเท้า การโยกตัวเพื่อพุ่งทะยาน ทุกอย่างช่างทรงพลัง แต่ทำไมฆาตกรกระจอกในสายตาทุกคนจึงยังคงเบี่ยงหลบได้
...นี่ฝันไปใช่ไหมเนี่ย…
คำพูดคล้าย ๆ กับที่กิลเลนคิดมาตลอดทั้งวัน แต่คราวนี้มันกลายเป็นของโอเวนและอีกหลาย ๆ คนที่อยู่ที่นั่นแทน
แพทริคถอดแว่นออกมาเช็ดแล้วเช็ดอีก แต่ว่าปัญหาของเขาไม่ได้อยู่ที่แว่น ซึ่งอาการของเขาก็ไม่ได้แตกต่างจากเจโรมที่ยืนหน้ามึนอยู่ข้าง ๆ
“นายบอกว่า หมอนั่นอาจจะเก่งที่สุดในยุคของนายใช่ไหม”
“ความน่ากลัวที่แท้จริงของโอเวนอยู่ที่ท่าจับล็อค ขอจับอีกฝ่ายอยู่ ชัยชนะก็จะเป็นของเขา” เจโรมพยายามหาเหตุผลมาแก้ตัวให้แทนทั้งที่เขาเองก็รู้อยู่แก่ใจว่านี่มันคือมวยผิดรุ่นชัด ๆ
หมับบบ!!
ไม่ทันขาดคำดี โอเวนก็คว้าไหล่ของกิลเลนไว้ได้จากด้านหลัง ประสบการณ์ที่เหนือกว่ามากทำให้เขาเริ่มจับทิศทางมั่วซั่วของอีกฝ่ายได้ในที่สุด ในพริบตานั้นมือข้างนั้นก็กดไหล่ของกิลเลนลงต่ำ ส่วนอีกข้างที่คว้ายึดแขนของกิลเลนเอาไว้ได้ก็เตรียมบิดเต็มแรง
“ขอไหล่ข้างนี้ก่อนเถอะนะ” โอเวนคำรามด้วยความสะใจ แมดเดอลีนพยายามร้องห้ามแต่ไม่ทันก็ไม่ทันการแล้ว โอเวนออกแรงอย่างเต็มที่โดยไม่ได้ยั้งแม้แต่น้อย ถ้าเขาทำสำเร็จไหล่ของกิลเลนถ้าไม่แตกร้าวก็คงจะหลุดจากข้อต่ออย่างแน่นอน
กร๊อบบบ
“อ๊ะ ขอโทษนะครับ” กิลเลนสลัดหลุดจากท่าจับง่าย ๆ ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น โดยไม่ได้ใช้เทคนิคอะไรเลย เขาก็แค่เอาแรงฝืนเข้าว่า
เสียงลั่นดังเมื่อครู่ไม่ใช่เสียงไหล่ของกิลเลนที่ถูกบดขยี้ แต่มันคือเสียงของข้อมือของโอเวนที่ถูกบิดจนผิดรูปอย่างน่าหวาดเสียว
...บ้าแล้ว ความรู้สึกเมื่อกี้… โอเวนมองมือที่ห้อยต่องแต่งด้วยสีหน้าราวกับถูกผีหลอกกลางวันแสก ๆ
เสี้ยววินาทีก่อนนี้โอเวนวัดกำลังกับกิลเลนขณะที่กำลังยึดเขาไว้ เรี่ยวแรงมหาศาลของอีกฝ่ายทำให้โอเวนรู้สึกราวกับไม่ได้ต่อกรอยู่กับมนุษย์ เหมือนกับความพยายามใช้มือเปล่าง้างคีมเหล็กขนาดยักษ์ ไม่ว่าจะออกแรงมากแค่ไหนก็สูญเปล่า
...ไอ้หมอนี่ มันตัวอะไรกันแน่… จากสายตาที่เคยจ้องราวกับจะกินเลือดกินเนื้อถูกแทนที่ด้วยสายตาที่กำลังจับจ้องมองสัตว์ประหลาด
...เวรแล้วไง ดันไปเผลอหักข้อมือเค้าซะได้...
แมดเดอลีนลุ้นกับการต่อสู้นี้จนยืนแทบไม่ติดพื้น ก่อนหน้านี้เธอกลัวว่าโอเวนจะทำเกินเหตุจนทำให้คู่ต่อสู้ของเขาเจ็บหนัก แต่ตอนนี้เธอมั่นใจแล้วว่าเธอห่วงผิดข้างแล้ว เธอกดแผงควบคุมที่ปลอกแขนซ้ายและหน้าจอโฮโลแกรมก็เด้งออกมากลางอากาศเพื่อให้เธอตรวจสอบข้อมูลของทั้งคู่อีกครั้ง
“โอเวน เคนเนดี อายุยี่สิบแปดปี แชมเปี้ยนออลมาร์เชียลอาร์ตปีล่าสุดก่อนที่จะถูกดึงตัวมา เป็นนักสู้ที่ครบเครื่องทั้งการด้านการเข้าโจมตีที่รวดเร็วและทรงพลัง นอกจากนี้ก็ยังเชี่ยวชาญการจับล็อค หักข้อต่อ และกดคู่ต่อสู้กับพื้นจนหมดสภาพ”
...ข้อมูลนี้ไม่น่าจะผิดพลาดอะไร ด้านกำลังรบคน ๆ นี้น่าจะเป็นบุคลากรชั้นเยี่ยมที่เราได้มา แต่ทำไม…
“กิลเลน ไรน์ฮาร์ท อายุยี่สิบสี่ปี พนักงานบริษัทธรรมดา ไม่เคยมีประวัติการต่อสู้จนกระทั่งก่อคดีขึ้น ภายหลังถูกรัฐตรวจสอบจนรู้แน่ชัดว่าเขามีสภาพร่างกายที่เกือบจะเหนือมนุษย์ สามารถวิ่งด้วยความเร็ว 30.9 ไมล์ต่อชั่วโมงซึ่งเร็วกว่าสถิติโลกถึง 3.5 ไมล์ต่อชั่วโมง…”
แมดเดอลีนไล่สายตาลงมาเรื่อย ๆ ตัวเลขสถิติต่าง ๆ ของกิลเลนล้วนแล้วแต่น่าตกใจ
“ความเร็วหมัด 55.2 ไมล์ต่อชั่วโมง เร็วว่าสถิติโลกอยู่ถึง 10.2”
“แรงปะทะจากหมัด 728 ปอนด์มากกว่าคนทั่วไปเกินสองเท่า… แรงมากพอจะทุบกระโหลกศีรษะมนุษย์ให้แตกได้… นี่สินะสาเหตุที่หมอนี่ชกคนตายง่าย ๆ”
ตัวเลขน่าตกใจอีกมากมายทำให้หัวใจของเธอเต้นไม่เป็นจังหวะแต่ก็ไม่มีอันไหนที่ทำให้แทบจะหยุดเต้นเท่ากับค่าสุดท้ายที่เจอ “ปฏิกิริยาตอบสนอง 0.09 วินาที นี่มันไม่ใช่คนแล้ว”
“ความบังเอิญของพันธุกรรมหนึ่งในหลายพันล้าน... เราเจอเพชรที่ยังไม่ได้เจียระไนแล้วสินะ” อาเบลยิ้มจนหนวดสีขาวกระตุกซึ่งไม่ใช่สิ่งที่จะเห็นกันได้บ่อย ๆ จากชายแก่ยิ้มยากผู้นี้
โอเวนแม้จะบาดเจ็บแต่เขาก็ไม่ยอมถอยแม้แต่ก้าวเดียว ศักดิ์ศรีของผู้ชนะเลิศในการแข่งขันระดับโลกทำให้เขาไม่ยอมรับความพ่ายแพ้โดยเฉพาะการแพ้ให้กับคนไร้ชื่อเสียงอย่างกิลเลน
...กำลังและความเร็วมันเหนือมนุษย์ก็จริง แต่การเคลื่อนไหวยังไงก็มือสมัครเล่น ถ้าหาโอกาสเคาเตอร์ได้ล่ะก็…
โอเวนกำลังมองหาช่องว่างเพื่อโจมตีสวนกลับ เทคนิคนี้แม้จะฟังดูง่ายแต่ก็เป็นเทคนิคที่อันตราย เขาต้องหลอกล่อให้กิลเลนทุ่มสุดแรงโจมตีมา ในขณะที่ตัวเขาจะอาศัยช่องว่างนั้นโจมตีสวนออกไปพร้อมกับหลบไปด้วย หากทำสำเร็จมันจะกลายเป็นการโจมตีรวมกำลังของทั้งสองฝ่ายเข้าด้วยกัน แต่ถ้าพลาดเขาก็จะถูกแรงราวช้างสารของกิลเลนเข้าเต็มเหนี่ยวและมันคงจบไม่สวยงามเป็นแน่
“จังหวะนี้แหละ!” โอเวนเผลอหลุดปากออกมาเมื่อเห็นกิลเลนกำลังเหวี่ยงหมัดออกมาอย่างครึ่ง ๆ กลาง ๆ เขาเงยหน้าเบี่ยงหลบหมัดนั้นไป มันจึงเพียงแค่เฉี่ยวปลายคางไปเท่านั้น ในขณะที่กำลังเด้งตัวกลับมาพร้อมกับหมัดที่เตรียมปล่อยสุดแรง ภาพตรงหน้าก็พลันวูบหายไปซะอย่างนั้น
โอเวนล้มลงราวกับหุ่นเชิดที่ถูกตัดสายทิ้งท่ามกลางสายตาที่ตกใจของทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์
“เฉียดปลายคาง… สะเทือนไปถึงก้านสมองเลยสินะ” หนุ่มแว่นว่าพลางแสยะยิ้มน่าขนลุก “น่าสนุกแฮะ บางทีเราอาจจะได้อันดับหนึ่งของรุ่นแล้วก็ได้”
แล้วเรื่องวุ่นวายในวันนี้ก็จบลงอย่างดื้อ ๆ เมื่อไม่มีอะไรให้ดูต่อ ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปห้องพักของตัวเองตามที่แมดเดอลีนกำหนดให้ มีเพียงโอเวนที่ต้องถูกหามส่งห้องพักฟื้นเพื่อรอดูอาการอีกครั้ง
ในห้องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ แต่มีอุปกรณ์ใช้สอยอย่างครบครัน กิลเลนเอนตัวลงนอนบนที่นอนที่รูปร่างคล้ายแคปซูลขนาดยักษ์พอที่คนตัวใหญ่ ๆ จะลงไปนอนได้สบาย
เตียงที่ดูไม่น่าจะนุ่มสบายกลับทำให้รู้สึกผ่อนคลายอย่างไม่น่าเชื่อ ราวกับความเหนื่อยล้าที่สะสมมาตลอดทั้งวันจะค่อย ๆ ถูกชะล้างออกไปอย่างรวดเร็ว
...สุดท้ายวันนี้กิลเลนก็ยังไม่เข้าใจว่าเขาสู้กับโอเวนไปเพื่ออะไร เพื่อช่วยคนสองคนที่เขายังไม่รู้จัก หรือเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของตัวเอง หรือว่าจริง ๆ แล้วเขาแค่อยากจะซัดใครสักคนขึ้นมาจริง ๆ ก็เท่านั้น…
...เอาเถอะ ยังไงมันก็แค่ฝันล่ะนะ พรุ่งนี้ตื่นมาก็คงจะกลับไปอยู่ในห้องขังตามเดิม อ๊ะ หรือว่าจะกลับไปอยู่ในรถอีกก็ได้...
เวลาผ่านไปอย่างช้า ๆ จนเสียงสัญญาณเตือนดังขึ้น ปลุกให้กิลเลนตื่นจากการหลับไหล เขาเหลียวซ้ายแลขวาและพบว่าตนยังอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ห้องเดิมก่อนที่จะหลับไป แม้แต่ชุดก็ไม่ได้กลับเป็นชุดนักโทษอย่างที่ควรจะเป็นแต่กลายเป็นชุดออกรบสีดำตัวเดิม
“เฮ้ยยยย… เรื่องเมื่อวานไม่ใช่ความฝันนี่…” กิลเลนหลุดปากโวยวายเสียงลั่น
...ชิบห...แล้วไง...