DC บทที่ 11: หันบั้นท้ายมาทางข้า
“ข้าจะพูดให้ตรงจุด ศิษย์ซูหยาง เจ้ามีความสามารถหรือไม่ที่จะรักษา..อาการบาดเจ็บของข้า”
ภายในห้อง ซูหยางนั่งอยู่บนเตียงขณะที่ผู้อาวุโสหลานยืนค้ำหัวจ้องมองเขม็งไปยังเขา
“หืมม บาดเจ็บ เจ้ามิได้บาดเจ็บ...”
“เจ้า...” ผู้อาวุโสหลานแข็งทื่อจากคำพูดของเขา หมายความว่าอย่างไร เธอบาดเจ็บชัดๆ และเขารู้ดี
“เจ้าหมายความว่าเช่นไร” เธอถาม
“ความปวดบนหลังเจ้ามิใช่การบาดเจ็บแต่เป็นอาการป่วยแบบหนึ่ง” ซูหยางพูดเสียงเรียบไร้อารมณ์
“เจ้าพูดว่าอะไร ป่วย เป็นไปได้เช่นไร ข้ามิเคยป่วยสักครั้งในชีวิต เจ้ากลับบอกว่าข้าป่วย”
“ผู้อาวุโสหลาน คนเช่นเจ้าในนิกายนี้ถือว่าหายาก… ข้าเกือบมิเชื่อเมื่อได้เห็นครั้งแรก”
“เจ้าหมายความว่าเช่นไร” ผู้อาวุโสหลานขมวดคิ้ว
ซูหยางลุกขึ้นจากเตียงเข้าประชิดเธอ ผู้อาวุโสหลานไม่ขยับและมองกลับด้วยใบหน้าเคร่งเครียด สงสัยว่าเขาจะทำอะไร
ทันใดซูหยางยื่นหน้าเข้าใกล้สูดกลิ่นกายสาวเข้าจมูกคล้ายกับสุนัขดมกลิ่น
“เจ้าคิดว่าเจ้ากำลังทำอะไร” ผู้อาวุโสหลานถอยกลับอย่างลนลาน ใบหน้าแดงจากพฤติกรรมที่ไม่คาดคิด “เจ้าหาที่ตาย”
“เหมือนที่ข้าคิด เจ้ายังคงบริสุทธิ์พรหมจรรย์มิบุบสลาย สาวพรหมจรรย์” ซูหยางยิ้ม
“อะไร.. ทำไมเจ้าจึง...”
คำพูดของเขาเป็นเหตุให้ผู้อาวุโสหลานสะท้านดวงตาเบิกกว้างอย่างตกใจ ทำไมเขาถึงรู้ว่าเธอเป็นหญิงพรหมจารี หรือชีเยวี่ยเผลอหลุดปาก
“ยากที่จะหาใครในนิกายนี้ที่อายุเท่าข้ายังบริสุทธ์ นับประสาอะไรกับผู้อาวุโสนิกายเช่นเจ้า ผู้อาวุโสหลาน” ซูหยางนั่งลงบนเตียงสายตาคมกล้า “เจ้าฝึกวิชาปราณคู่ แต่เจ้ากลับยังบริสุทธิ์จนถึงป่านนี้ เจ้ากำลังหาเรื่องตาย...”
ผู้อาวุโสหลานเคร่งเครียดเมื่อได้ยินคำพูด “บอกข้ามากกว่านี้” เธอกล่าว
“เคล็ดวิชาฝึกคู่คือวิชาที่ชายและหญิงมีเพศสัมพันธ์กันโดยใช้พลังหยินในร่างหญิงและพลังหยางในร่างชายร่วมฝึกฝน ข้ามั่นใจว่าเจ้าต้องคุ้นเคยอยู่แล้ว แต่เจ้ากลับฝึกแบบปกติโดยใช้เคล็ดวิชาสำหรับฝึกคู่ แน่นอนว่ามันต้องมีผลข้างเคียง พลังหยินในร่างเจ้าตอนนี้ไม่เสถียร ถ้าเจ้ายังเดินหน้าต่อไปเช่นนี้ เจ้าจะพบเพียงความเจ็บปวดแสนสาหัสร่างแตกสลายตกตายตั้งแต่ยังสาว...”
ยิ่งได้ยินคำอธิบายมากขึ้นยิ่งทำให้คิ้วของเธอขมวดขึ้น หรือว่าวิธีฝึกที่เธอใช้เป็นเหตุให้เธอเจ็บปวดเช่นนี้จริง
“และเจ้ากลับเป็นผู้อาวุโสนิกายที่ทำหน้าที่แนะนำศิษย์ น่าขำ” ซูหยางแค่นเสียงเย็นชา
“เจ้า...” ความโกรธวาบขึ้นบนดวงตาเธอ แต่เธอไม่พูดเพราะเธอไม่อาจพูด ถ้าสิ่งที่เขาพูดเป็นจริงเธอได้แต่โทษตัวเองที่ทะนงตัวเกินไป
“ถ้าสิ่งที่เจ้าพูดมาจริงแล้วเจ้ามีคำแนะนำเช่นไร หรือข้าต้องรีบไปถ่างขาหาผู้ชาย”
ซูหยางจ้องไปยังดวงตาที่มีแววพริ้วไหวชั่วครู่ เขาส่ายศีรษะและกล่าวว่า “แม้ว่านั่นจะเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพและเร็วที่สุดในการปรับสมดุลพลังหยินในร่างเจ้า… ข้ามีวิธีอื่นที่มิต้องการให้เจ้าถ่างอะไรทั้งสิ้น ข้ายินดีทำให้ถ้าเจ้ายอมรับเงื่อนไขสามข้อ”
ผู้อาวุโสหลานนิ่งเงียบ สายตายังคงกระวนกระวาย
“เงื่อนไขอะไร” เธอกล่าว
ซูหยางยกนิ้วนับทีละนิ้วขณะพูด “ข้อหนึ่งเจ้าจะต้องมาที่นี่อาทิตย์ละครั้งเป็นเวลาสามเดือนเพื่อรักษา ข้อสองเจ้าจะต้องมิพูดเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องนี้กับใครแม้กระทั่งกับพี่นิกาย สุดท้ายเจ้าจะต้องเป็นผู้อุปถัมป์สำหรับการบริการนี้และช่วยโฆษณาให้ข้า”
“อะไร เจ้าต้องการข้าโฆษณาให้เจ้า ศิษย์นอก เจ้าคงวิกลจริตไปแล้ว ข้าเป็นผู้อาวุโสนิกาย ข้ายังเด็กเกินที่จะออกหน้า ข้าปฏิเสธ” ผู้อาวุโสหลานกอดอกยืนกรานความคิดตนเอง
“งั้นรึ งั้นก็ขอให้โชคดี ผู้อาวุโสหลานข้าได้ให้คำตอบสำหรับการรักษาแล้ว ถ้ามิมีสิ่งใดที่เจ้าต้องการเพิ่มก็กลับไปได้… อ้อ อย่าลืมปิดประตูหลังออกไปด้วย”
ซูหยางเอนกายลงบนเตียงและปิดเปลือกตาราวกับว่าเขาต้องการหลับ
"..."
"....."
"...."
ผู้อาวุโสหลานได้แต่ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยใบหน้าสับสน ร่างสั่นสะท้านด้วยความโกรธ ไม่มีสักครั้งตั้งแต่เธอเป็นผู้อาวุโสนิกายตั้งแต่สิบปีก่อนที่จะประสบกับการเมินเฉยและทำให้เสียหน้าจากใครสักคน นับประสาอะไรกับศิษย์นอก ไม่มีสักครั้งจนกระทั่งเธอพบกับซูหยาง
“ซูหยาง ทำไมเจ้ากล้าพูดกับผู้อาวุโสนิกายด้วยน้ำเสียงมิเคารพ ข้าทนต่อพฤติกรรมของเจ้ามานานแล้ว ข้าจะให้เจ้าถูกไล่ออกจากนิกายพรุ่งนี้”
อย่างไรก็ตามแม้เสียงของเธอจะดังด้วยความโกรธ แม้จะถูกข่มขู่ไล่ออกจากนิกาย ซูหยางยังคงไม่ขยับตัวจากเตียงด้วยสีหน้าสงบเฉย ราวกับว่าเสียงของเธอไม่ได้เข้าหูแม้แต่น้อย
“ซูหยาง...” ผู้อาวุโสหลานคำรามชื่อเขาด้วยเสียงต่ำ “ข้าจะจำเรื่องนี้ไว้”
ขณะที่เธอกำลังจะกระทืบเท้าก้าวออกจากห้อง ความเจ็บปวดรวดร้าวก็โถมเข้าใส่บั้นท้ายของเธอ ทำให้เธอล้มเข่ากระแทกพื้น “ทำไมต้องตอนนี้” เธอสาปแช่งในใจ
เวลานั้นเอง ซูหยางก็ลืมตา สิ่งแรกและสิ่งเดียวที่เขาเห็นก็คือบั้นท้ายที่กลมมนหายากของผู้อาวุโสหลาน
หลังจากดิ้นรนอยู่บนพื้นนานครึ่งนาที ผู้อาวุโสหลานก็ยอมแพ้
“ซ..ซู.. หยาง… ข.. ข้ายอมรับ… เงื่อนไขเจ้า ได้โปรด… ช่วยข้า… ด้วย” เธอพูดด้วยเสียงร้องไห้ หลับตาปล่อยน้ำตาไหลจากหางตาเป็นทาง
ซูหยางถอนใจขณะที่ม้วนชายแขนเสื้อ “เอาเถอะ… หันบั้นท้ายมาทางข้าแล้วอยู่นิ่งๆ...”