ตอนที่ 9 ป่าไม่หวนกลับ
ตอนที่ 9 ป่าไม่หวนกลับ
โคโล่ขับควบม้าท่องทะยานดุจสายลมพาเซน่ามาถึงบ้านเขาในทุ่งกว้างแห่งหนึ่งที่ไม่ไกลจากหมู่บ้านดอร์มัง
บ้านของโคโล่เป็นบ้านไม้หลังไม่ใหญ่นัก มีคอกม้าเล็ก ๆ คอกหนึ่ง เมื่อถึงบ้านโคโล่จูงอาชาคู่ใจของเขาไปเข้าคอก จากนั้นพาเซน่าเข้าไปในบ้าน เซน่าเห็นบ้านเขามีโต๊ะอาหารเล็ก ๆ ตัวหนึ่ง เก้าอี้สองตัว ตู้เสื้อผ้า ในบ้านแทบไม่มีสิ่งตกแต่งใด เตียงก็เป็นเตียงไม้ธรรมดา มีหมอนอยู่หนึ่งใบ เขาแขวนธนูเงินไว้ที่ฝาผนังและวางลูกศรไว้ข้างเตียง
โคโล่เดินไปที่ตู้เสื้อผ้าของเขาและหยิบตลับยาสีน้ำตาลยื่นให้เซน่า
“ยาตัวนี้ทำมาจากสมุนไพรลีเวนใช้ทารักษาอาการบอบช้ำภายนอกได้”
เซน่ารับตลับยามาและเปิดออก นางทาที่แก้มบวมแดงซึ่งถูกตบมาและดึงชายเสื้อผ้าขึ้นทาที่ท้องซึ่งเจ็บปวดจากการโดนต่อย
โคโล่เห็นเซน่าดึงเสื้อขึ้นจนเห็นท้องจึงหันไปทางอื่น
“วันนี้เจ้าพักผ่อนก่อน บ้านข้าคับแคบ ไม่เคยคิดว่าจะมีแขกจะมานอนด้วย เจ้านอนที่เตียงข้าเถอะ” โคโล่กล่าว
เซน่าถาม “เจ้าล่ะ?”
โคโล่ยิ้มเล็กน้อยกล่าวว่า “ไม่ต้องกังวลแทนข้า”
โคโล่นำฟางแห้งที่อยู่บริเวณคอกม้ามาปูกับพื้น เขานอนข้าง ๆ โต๊ะอาหาร เซน่ายังไม่ไว้ใจโคโล่นัก นางซุกมีดทำครัวไว้ข้างกาย หากโคโล่เกิดจิตคิดร้ายนางพร้อมจะสังหารเขาในมีดเดียว
เซน่านอนอยู่บนเตียง หวนนึกถึงวันนี้ตนพ่ายแพ้แก่บุรุษต่ำช้าทั้งสี่คน ทั้งที่ฝีมือของพวกมันยังสู้ทหารเลวของเพธอสหนึ่งนายยังไม่ได้ หากนำมาเปรียบกับตนในร่างบุรุษยิ่งถือเป็นการลบหลู่เกียรติ
เซน่ายิ่งคิดยิ่งกลัดกลุ้ม ร่างกายของนางอ่อนแอเกินไป พลังเวทที่มีก็หายสาบสูญไปหมดสิ้น ก่อนหน้านี้นางพยายามฝึกเวทมนตร์เริ่มต้นตั้งแต่ขั้นพื้นฐาน แต่ไม่สามารถเรียกพลังเวทออกจากกายได้เลย หากยังเป็นเช่นนี้นางจะเอาสิ่งใดไปต่อกรกับซาอู ตอนนี้แม้นางไม่คิดฆ่าตัวตายอีก แต่เหตุการณ์ที่นางเจอชวนทำให้รันทดท้อแท้ใจ
ยามราตรีกาลผ่านพ้น เซน่าลืมตาตื่นขึ้น แต่วันนี้นางรู้สึกปวดหัวเรี่ยวแรงหดหายไป หน้าผากปรากฏเหงื่อซึมเพราะความร้อนคล้ายกับเดินอยู่ท่ามกลางทะเลทราย นางหันไปมองกองฟางที่โคโล่นอนอยู่ แต่โคโล่ไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้ว
เซน่าพยายามลุกขึ้นจากเตียงแต่คล้ายเรี่ยวแรงของนางถูกเวทมนตร์ใดดึงออกไป
“อย่าเพิ่งลุกขึ้น เจ้าไม่สบาย” โคโล่เดินเข้ามาในบ้านพร้อมชามเล็ก ๆ ในมือ
โคโล่ยื่นชามเล็กในมือให้เซน่า ในชามมีน้ำสีเขียวเข้ม
“เจ้าดื่มสิ” โคโล่กล่าว
“มันคืออะไร” เซน่าถาม
“สมุนไพรเดรฟอร์ เป็นสมุนไพรที่ช่วยรักษาไข้ได้” โคโล่อธิบาย
เซน่าค่อย ๆ ดื่มสมุนไพรเดรฟอร์ นางรู้สึกว่ามีรสขมอยู่บ้างแต่เมื่อกลืนลงคอก็รู้สึกเย็นเป็นรสชาติแปลกประหลาดไม่เคยเจอ
“เจ้าเป็นไข้ ความเย็นของสมุนไพรเดรฟอร์จะช่วยลดความร้อนในตัวเจ้าได้ ข้าเห็นดวงตะวันขึ้นเหนือศีรษะเจ้าก็ยังไม่ตื่นจึงมาดูที่เตียง เห็นเจ้าเหงื่อไหลเต็มใบหน้า..ขออภัย..เมื่อเช้าข้าแตะหน้าผากเจ้าก็พบว่าเจ้าตัวร้อน” โคโล่กล่าว
เซน่าได้ฟังแล้วอดสมเพชตัวเองไม่ได้ จำได้ว่าตั้งแต่นางเริ่มฝึกเวทมนตร์แห่งความมืดตั้งแต่อายุแปดปีก็ไม่เคยป่วยไข้อีกเลย ยามนี้ความกลัดกลุ้มใจทำให้ร่างกายทรุดโทรมลงจนเป็นไข้
โคโล่เคี่ยวสมุนไพรเดรฟอร์ให้เซน่าดื่มวันละสามครั้ง ผ่านไปสามวันอาการก็ยังไม่ดีขึ้น เขารู้สึกแปลกใจและเป็นห่วงขึ้นมา สมุนไพรเดรฟอร์นับเป็นยอดสมุนไพร สามารถรักษาอาการป่วยได้หลายชนิด หากเป็นเพียงไข้ทั่วไปไม่เกินสองสามวันก็ควรหายเป็นปลิดทิ้ง
ความเจ็บป่วยที่เกิดจากความอ่อนแอของจิตใจ ไม่ว่ายาดีเลิศใดก็ไม่สามารถรักษาได้
โคโล่เห็นอาการของนางไม่ดีขึ้นจึงพึมพำขึ้น
“หากอาจารย์ข้าอยู่ด้วยก็คงดี”
“อาจารย์เจ้าเป็นใคร?” เซน่าซึ่งนอนป่วยยู่บนเตียงถาม
“อาจารย์ข้ามีนามว่าไซนอส ได้รับยกย่องเป็นเทพแห่งธนูและยังรอบรู้เรื่องสมุนไพรการรักษา เปลือกนอกอารมณ์ร้ายแต่ความจริงจิตใจดี”
“แล้วตอนนี้เขาอยู่ไหน?” เซน่าถาม
“ข้าไม่แน่ใจ ท่านมักชอบท่องเที่ยวไปตามป่าเขาและอยู่อย่างสันโดษ” โคโล่ขณะกล่าวเขาก็คิดถึงไซนอสผู้เป็นอาจารย์
เข้าถึงวันที่ห้าอาการเจ็บป่วยของเซน่าก็ยังไม่ทุเลาลง โคโล่เริ่มกังวลมากขึ้น เขาเห็นเซน่าหลับอยู่ ใบหน้าอันสวยสดใสของนางซูบผอมลงชวนให้เวทนา
“คล้ายกับมีนางไม้ใดสาปแช่งเจ้าเพราะอิจฉาในความงาม” เขาพึมพำขึ้น
“คำสาป!” โคโล่อุทานขึ้น
เซน่าลืมตาตื่นขึ้นถามว่า “อะไร?”
“คำสาป..คำสาป..ใช่แล้ว!” โคโล่กล่าวพึมพำกับตนเอง
เซน่าตกใจเล็กน้อย นางคิดว่าโคโล่อาจสงสัยตัวตนที่แท้จริงของนาง
“หมายความว่ายังไง?” เซน่าถาม
“อาจมีผู้รักษาเจ้าได้” โคโล่ยิ้มหลังจากไม่ได้ยิ้มมาหลายวัน
“ใคร?” เซน่าถามอยางสงสัย
“จอมเวทจันทรา” โคโล่กล่าวจากนั้นคล้ายนึกอะไรได้ใบหน้าก็กลับมาหม่นหมองดังเดิม
“จอมเวทจันทราเป็นใคร?” เซน่าแม้ป่วยอยู่แต่ก็รู้สึกสนใจขึ้นมาบ้าง
“อาจารย์ข้าไซนอสเล่าว่าจอมเวทจันทราเป็นสตรี มีเวทมนตร์ลี้ลับสุดที่ผู้ใดจะหยั่งถึง ภูมิความรู้รอบของนางคล้ายตำราที่ไม่มีวันเปิดอ่านได้หมดสิ้นและนางยังรวมเวทแห่งความมืดและสว่างเข้าด้วยกัน คิดค้นเวทมนตร์ธาตุใหม่ที่ไม่มีผู้ใดเคยคิดค้นได้ ด้วยภูมิความรู้ของนาง ข้าเชื่อว่านางอาจจะรักษาอาการป่วยของเจ้าได้”
เซน่าถามว่า “นางสามารถแก้คำสาปได้หรือไม่?”
โคโล่กล่าวอย่างใช้ความคิดว่า “ปกติผู้เรียนเวทแห่งความมืดอาจจะเรียนรู้มนต์ในการสาปแช่ง ผู้ที่เรียนเวทแห่งแสงสว่างมักเรียนรู้มนต์ถอนคำสาป นางหลอมรวมเวทแห่งความมืดและสว่างเข้าด้วยกันบวกกับภูมิความรู้ของนางก็น่าจะทำได้ เมื่อสักครู่ที่ข้านึกถึงคำว่าคำสาปเป็นเหตุให้นึกถึงพลังเวทมนตร์อันยิ่งใหญ่ของนาง”
เซน่าได้ยินคำกล่าวนี้ความรู้สึกไม่ต่างจากคนหลงในถ้ำมืดได้เห็นแสงสว่าง นางถึงกับลุกขึ้นนั่งกล่าวเสียงตื่นเต้นเล็กน้อยว่า “เป็นเรื่องจริง?”
โคโล่พยักหน้า “ข้าเชื่อว่านางสามารถแก้คำสาปได้ หลายปีก่อนระหว่างอาจารย์ข้าท่องเที่ยวในป่าไม่หวนกลับ ท่านได้พบนางโดยบังเอิญจึงทำความรู้จักกัน อาจารย์ของข้าซึ่งไม่เคยเอ่ยปากชมผู้ใดยังยกย่องในเวทมนตร์นางหลายครา ทำให้ข้าจดจำเรื่องของนางได้”
โคโล่ถามว่า “เจ้าเจ็บป่วยธรรมดาเกี่ยวอะไรกับคำสาป?”
เซน่านิ่งเงียบไปครู่หนึ่งจึงกล่าว “ข้าไม่ได้โดนคำสาป แต่พ่อของข้าล่วงเกินซาอูเข้าจึงถูกสาปให้เป็นผู้นิทรา นางอยู่ที่ใด? ข้าต้องการพบนาง”
เซน่ากล่าวคำเท็จโดยไม่สะดุดติดขัดแม้แต่น้อย
“พ่อของเจ้าโดนซาอูสาปหรือ? พ่อเจ้าเป็นใคร?” โคโล่สนใจขึ้นมาบ้าง
เซน่ากล่าวว่า “เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้ แต่จอมเวทจันทราอาจช่วยรักษาอาการป่วยของข้าและล้างคำสาปให้พ่อข้าได้”
โคโล่กล่าวว่า “นางอยู่ที่ป่าไม่หวนกลับทางด้านทิศตะวันออกของหมู่บ้านดอร์มัง ลือกันว่าผู้ใดเข้าไปในป่านั้นไม่อาจหวนกลับได้ เส้นทางเต็มไปด้วยอันตราย อีกอย่างเจ้ากำลังป่วยอยู่การเดินทางไกลย่อมไม่เหมาะ”
“แต่อาจารย์เจ้าก็ยังกลับมาได้” เซน่ากล่าวแย้ง
“ฝีมือข้าห่างไกลกับอาจารย์ข้ามากมายนัก ไม่อาจนำมากล่าวเทียบกัน” โคโล่กล่าวถึงอาจารย์เขาด้วยความยกย่องอย่างสูง
เซน่ากล่าวว่า “ข้าไม่สนใจว่าจะกลับมาได้หรือไม่ ข้ารู้เพียงแต่ต้องการพบนาง”
ตอนนี้เซน่าไม่ต่างจากคนลอยคออยู่กลางทะเลได้พบเรือ คนหลงป่าได้พบบ้าน รู้สึกมีกำลังใจขึ้นอย่างมาก หลังการสนทนา เซน่าดื่มยาสมุนไพรเดรฟอร์และกินอาหารตามปกติ สองวันต่อมาอาการป่วยของนางแทบหายไปหมดสิ้น แต่นางยังโกหกโคโล่ว่ายังรู้สึกปวดหัว เพื่อหาเหตุให้โคโล่พานางไปพบจอมเวทจันทราให้ได้ โคโล่จึงตัดสินใจเตรียมเสบียงอาหารแห้งและน้ำดื่ม เตรียมลูกศรไว้จำนวนหนึ่งเพื่อใช้เป็นอาวุธคู่กาย
วันนี้โคโล่และเซน่าตื่นแต่เช้า โคโล่มือขวาถือธนู สะพายซองธนูไว้ด้านหลัง เขาเดินไปคอกม้าจูงโคลวินด์อาชาคู่ใจออกมา เซน่ายังคงแต่งกายด้วยชุดบุรุษของโคอีน
“รับไป มีดเล่มนี้ดีกว่ามีดทำครัวของเจ้ามากนัก” โคโล่ยื่นมีดสั้นด้ามสีดำสวมปลอกหนังสีน้ำตาลให้เซน่า
เซน่ารู้ว่าโคโล่ทราบว่าตนแอบซุกมีดทำครัวไว้ก็รู้สึกอับอายเล็กน้อย แต่ยังแสร้งกล่าว
“เจ้าหมายถึงอะไร?”
โคโล่ยิ้มส่ายหน้ากล่าวว่า “ไม่มีอะไร รับมีดไปเถอะ”
เซน่ายื่นมือมารับมีดจากมือโคโล่ นางชักออกดูพบใบมีดส่องประกายแวววาวดุจน้ำค้างกลางหาว แสดงว่ามีความคมกล้ากว่ามีดทั่วไปมากนัก
โคโล่หัวเราะและขึ้นม้า เซน่าทราบดีว่าตอนนางป่วยโคโล่ดูแลนางอยู่ข้างเตียงอาจพบเห็นมีดที่นางซ่อนไว้ข้างกาย
ทั้งสองต่างขึ้นม้าโคลวินด์และออกเดินทาง
ป่าด้านตะวันออกของหมู่บ้านดอร์มังเปลือกนอกดูไปเป็นป่าธรรมดา เมื่อเดินเข้าไปได้สักพักกลับพบดงไม้แน่นขนัด ต้นไม้ที่ยืนต้นคล้ายยืนซ้อนทับกัน ยอดไม้แต่ละต้นคล้ายสูงเสียดฟ้า แสงแดดแทบไม่อาจส่องทะลุหลังคาป่า บรรยากาศอึมครึมแม้เป็นยามกลางวัน มีเพียงเสียงวิหคร่ำร้องคล้ายเสียงดนตรีคอยขับกล่อมผู้เดินทาง
โคโล่เห็นแสงอาทิตย์เหลือง ๆ ส่องเข้าไปในส่วนลึกของป่า ซึ่งแตกต่างจากป่าบริเวณนี้ซึ่งมืดทึบ จึงพาเซน่าเข้าไปสำรวจ แต่กลับพบว่าเป็นเขตหน้าผาของไหล่เขา โคโล่และเซน่าเดินกลับมาด้วยความผิดหวัง เขาเดินไปด้านทิศใต้ของป่า หวังพบเจอร่องรอยจอมเวทผู้เร้นลับ
เมื่อเดินลงใต้มาเรื่อย ๆ กลับพบธารน้ำใสดุจกระจกและก้อนหินใหญ่น้อยเรียงรายอยู่ตามพื้นดิน
“เดินเรียบริมธารไว้ อย่างน้อยเราก็ไม่ขาดน้ำ” โคโล่กล่าว
เมื่อเดินตามทางไปเรื่อย ๆ โคโล่พบว่าบริเวณนั้นดงไม้ยิ่งรกทึบมากขึ้น จนม้าโคลวินด์ของโคโล่ไม่อาจผ่านเข้าไปได้ โคโล่จึงลูบหัวมันแล้วกล่าว “เจ้าอยู่แถวนี้ก่อน ข้าจะกลับมา”
โคโล่ใช้มีดสั้นของตนเองฟันกิ่งไม้ไปเรื่อย ๆ มีดของเขาคมกริบตัดกิ่งไม้ได้ราวฉีกกระดาษ เซน่าเห็นดังนั้นก็ชักมีดสั้นมาช่วยฟันกิ่งไม้เบิกทางอีกแรงหนึ่ง มีดของนางก็คมกริบไม่แพ้กัน โคโล่เห็นเซน่าใช้มีดได้คล่องแคล่วก็นึกชื่นชมอยู่ในใจ
“เจ้าไม่สบาย ไม่ต้องทำก็ได้” โคโล่กล่าวด้วยความห่วงใย
“ไม่เป็นไร” เซน่าตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
เมื่อฝ่าดงกิ่งไม้อันแน่นขนัด ทั้งสองพบเห็นน้ำตกใหญ่สายหนึ่งกั้นขวาง ทั้งสองต่างเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางจึงนั่งลงพักผ่อนกินขนมปังที่เตรียมไว้ โคโล่กล่าวขึ้น
“ป่าทางใต้อาจสิ้นสุดทางเพียงเท่านี้ หากจะไปต่อต้องข้ามธารน้ำตกไป”
เซน่าไม่สนใจว่าจะต้องข้ามน้ำตกหรือหุบเหวนรก นางทราบแต่เพียงต้องหาจอมเวทจันทราให้พบ เซน่ามองไปที่ธารน้ำตกพบว่ามีก้อนหินใหญ่วางห่าง ๆ กันเก้าก้อน ความใหญ่ของหินแต่ละก้อนมากพอที่จะให้มนุษย์คนหนึ่งยืนได้
“ก้อนหินเหล่านี้เหมือนมีคนจงใจจัดเรียงไว้”
โคโล่พยักหน้าเห็นด้วยพร้อมกล่าว “ไม่แน่เรากำลังเข้าสู่เขตของจอมเวทจันทรา”
หลังกินเสบียงเสร็จ โคโล่เดินไปที่ธารน้ำตกและกระโดดไปที่หินก้อนแรกด้วยความคล่องแคล่ว เขายื่นมือมาให้เซน่าแต่เซน่ายังคงปฏิเสธ โคโล่จึงกระโดดไปที่หินก้อนที่สองดุจกระต่ายเปรียว เห็นเซน่ากระโดดไปที่หินก้อนแรกได้สำเร็จเพราะอยู่ไม่ไกลจากฝั่งนัก โคโล่กระโดดไปที่หินก้อนที่สามซึ่งอยู่ห่างไกลขึ้นไปอีกได้อย่างสบาย ร่างของเบาพริ้วดุจดั่งเป็นบุตรแห่งลม
เซน่ากระโดดจากหินก้อนที่หนึ่งมาก้อนที่สองได้สำเร็จ แต่เท้านางกลับลื่น ร่างของนางหงายล้มไปด้านหลัง เห็นแน่ชัดเซน่าต้องตกไปในธารน้ำตก แต่กลับมีมือมาคล้องเอวของนางไว้
เป็นโคโล่
“ต่อให้เป็นสตรีเหล็กบางครั้งก็ไม่ควรปฏิเสธความหวังดีของบุรุษ” โคโล่ยิ้มและหัวเราะออกมาเล็กน้อย รอยยิ้มและใบหน้าอ่อนเยาว์ของเขาชวนให้สตรีที่พบเห็นต้องหลงไหล
แต่ไม่ใช่กับเซน่า
เซน่าหน้าตาขุ่นเคืองอย่างเห็นได้ชัด นางพยายามดิ้นออกจากมือโคโล่ เซน่าไม่พอใจอย่างยิ่งที่ต้องให้บุรุษอ่อนเยาว์คนนี้ช่วย โคโล่ทราบดีจึงกล่าวแกมขู่ว่า “หากไม่รีบ เมื่อพลบค่ำมาเยือนจะยิ่งเดินทางลำบาก”
เซน่าจึงเลิกพยายามดิ้นรน
“เวิร์ลวินด์ (Whirl Wind – ลมหมุนทะยาน) โคโล่กล่าวขึ้นเบา ๆ พร้อมกระโดดขึ้น
ทันใดนั้น เซน่ารู้สึกมีลมหอบหนึ่งพัดเข้ามา ร่างโคโล่พลิ้วไหวว่องไวไปตามลม ธารน้ำตกนี้ความจริงมีก้อนหินเรียงรายเก้าก้อน โคโล่กระโดดจากหินก้อนที่สองก็ไปถึงหินก้อนที่เก้าในคราเดียว โดยที่แขนข้างหนึ่งของเขาโอบเอวเซน่าไว้ ร่างของโคโล่และเซน่าตกลงสู่ก้อนหินอย่างแผ่วเบา ราวกับมีลมมาช่วยโอบอุ้มพวกเขาไว้
โคโล่ภูมิใจในฝีมือของตนยิ่งจึงถาม “เป็นอย่างไร?”
เซน่าไม่ตอบ นางกระโดดจากก้อนหินก้อนที่เก้าลงสู่ฝั่งอีกด้านของธารน้ำตก นางครุ่นคิดขึ้น
“หากเป็นข้าในร่างปกติ ข้าสามารถกระโดดจากฝั่งหนึ่งมาอีกฝั่งหนึ่งโดยไม่ต้องอาศัยก้อนหินแม้แต่ก้อนเดียว”
นี่เป็นความรู้สึกไม่ยอมแพ้ของนาง
เมื่อมาถึงอีกด้านของธารน้ำตก รู้สึกป่าอีกด้านยิ่งมืดทึบวังเวงกว่าป่าช่วงแรกที่ผ่านมา เสียงหมู่วิหคมวลแมลงที่เคยได้ยินประปรายล้วนหายไปหมดสิ้น บรรยากาศผิดปกติอย่างเห็นได้ชัด พวกเขารู้สึกคล้ายถูกดวงตาที่มองไม่เห็นจับจ้อง เดินไปเบื้องหน้าอีกระยะหนึ่งก็พบเห็นหน้าผาสูง ไม่สามารถเดินต่อไปได้ จึงหยุดครุ่นคิดหาหนทางใหม่
ยามนี้ดวงอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้า ดวงจันทราขึ้นมาแทนที่ ทั้งสองต่างเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทาง
“จอมเวทจันทรา ท่านช่วยปรากฏกายที” โคโล่กล่าวแกมบ่น แม้เขาจะเชี่ยวชาญการเดินป่า แต่การหาในสิ่งที่ไม่ทราบว่าอยู่ที่ใดก็ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเขา เขาหันไปมองเซน่าพบว่านางมีเหงื่อไหลอาบใบหน้า แต่แววตาเย็นชาไม่ปรากฏความเหนื่อยยากแม้แต่น้อย
“อะไรทำให้เจ้าแข็งแกร่งกว่าสตรีอื่น” โคโล่ถามขึ้น
“ความแค้น” เซน่าตอบโดยไม่ต้องขบคิด
โคโล่ได้แต่อึ้งไป
ทันใด โคโล่ได้ยินเสียงผิดปกติตามสัญชาตญาณพรานป่า
“ไวด์ เฮียร์ริ่ง” (Wide Hearing – สดับทั่วหล้า) โคโล่ท่องคาถาขึ้น ระยะการได้ยินของหูเขากว้างขึ้นกว่าปกตินับสิบเท่า ต่อให้เข็มตกจากระยะไกลก็ยังได้ยิน
“หลบ!” โคโล่จูงข้อมือเซน่าวิ่งออกจากบริเวณหน้าผาทันที ไม่ถึงชั่วพริบตาเดียว หินใหญ่นับสิบก้อนก็ตกลงมาจากหน้าผาสูงดุจกลุ่มอุกกาบาตตกจากฟากฟ้า
โครม ! เสียงก้อนหินกระแทกใส่พื้นดินจนฝุ่นคลุ้งตลบ หากพวกเขาชักช้ากว่านี้ก้าวเดียวคงกลายเป็นเศษเนื้อไปแล้ว
โคโล่เห็นว่าพวกตนรอดอันตรายได้อย่างหวุดหวิด แต่วิชา “ไวด์ เฮียร์ริ่ง” (Wide Hearing) ของเขาทำให้รับรู้ว่ามีสิ่งมีชีวิตนับสิบตัวกำลังวิ่งมา
“คีนอายส์” (Keen Eyes-เนตรปราดเปรียว) ทันใดดวงตาโคโล่ว่องไวดุจเหยี่ยว สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวได้ละเอียดและกว้างขึ้นกว่าเดิม เขาเห็นชัดเจนมีสัตว์ปีศาจต่าง ๆ กำลังวิ่งตรงมาแต่ไกล เขารีบโอบเอวเซน่า วิ่งอย่างว่องไวดุจสายลม
แต่ต้นไม้เบื้องหน้าของโคโล่พลันขยับได้! มันฟาดกิ่งไม้มาใส่โคโล่ ทว่าด้วยเวทแห่งลมทำให้เขาตัวเบากระโดดหลบได้ ขณะเดียวกันต้นไม้ด้านข้าง ๆ โคโล่พลันตวัดกิ่งไม้จู่โจมใส่เขา โคโล่โอบเอวเซน่ากลิ้งกายกับพื้นดิน เขารีบลุกขึ้นหยิบธนูและลูกศรตั้งท่ายิง
“บลาซ แอโรว์” (Blast Arrow - ศรระเบิด) โคโล่ตวาด จากนั้นยิงศรใส่ต้นไม้ต้นหนึ่งที่กำลังฟาดกิ่งไม้ใส่พวกเขา
ลูกศรยิงออกไปดุจสายลม หัวลูกศรมีพลังเวทสีส้มเข้มแผ่รัศมีวงกลมออกมา
ตูม ! เสียงระเบิดดังกึกก้องทั่วป่า ต้นไม้เบื้องหน้าระเบิดกระจุยทันที เศษไม้ติดไฟนับร้อยปลิวว่อน ทันใดต้นไม้อีกต้นพลันหวดกิ่งมันมาด้านหลังโคโล่ แต่โคโล่มีวิชา “ไวด์ เฮียร์ริ่ง” (Wide Hearing) ทำให้ได้ยินเสียงได้กว้างและรอบด้านราวกับมีดวงตาด้านหลัง เขากระโดดตีลังกาหลบอย่างรวดเร็วพร้อมยิง “บลาซ แอโรว์” (Blast Arrow) ใส่ต้นไม้ที่เหวี่ยงกิ่งใส่เขา ได้เสียงตูมอีกครั้ง ต้นไม้ด้านหลังเขาระเบิดไม่เป็นชิ้นดี
ขณะที่ร่างกายโคโล่จะลงถึงพื้น ต้นไม้อีกต้นฟาดกิ่งใส่เขา เห็นแน่ชัดยากที่จะหลบรอดได้
ฉับ ! เซน่าฟันมีดสั้นอันคมกริบใส่กิ่งไม้ที่หวดมาอย่างรวดเร็ว ระดับความแม่นยำแม้แต่โคโล่ยังต้องนับถือ แต่เนื่องจากเซน่าเป็นสตรีมีเรี่ยวแรงน้อย ทำให้นางถูกแรงกระแทกของกิ่งไม้หวดกระเด็นล้มลง ขณะเดียวกันกิ่งไม้นั้นก็โดนตัดขาดด้วนไป
“เซน่า” โคโล่ตะโกนเรียกด้วยความห่วงใย แต่เซน่ายังคงเข้มแข็งไม่ต่างจากตอนเป็นกษัตริย์แห่งความมืด นางลุกขึ้นอย่างรวดเร็วจากนั้นถามว่า
“เจ้าใช้เวทคอลวินด์ (Call Wind-เรียกกระแสลม) ได้หรือไม่?”
โคโล่ตอบว่าได้ เซน่าบอกว่า “ตามข้ามา”
เซน่าวิ่งไปที่ต้นไม้ต้นหนึ่งซึ่งไฟลุกท่วมแทบเหลือเพียงแต่ตอเพราะถูกศรระเบิดของโคโล่ยิงใส่ เซน่าหันด้านหลังให้ต้นไม้จากนั้นกล่าวว่า
“ใช้เวทคอลวินด์เรียกกิ่งไม้ที่ติดไฟมาล้อมด้านหน้าและด้านข้างเราไว้”
โคโล่ยังไม่เข้าใจ เซน่ากล่าวว่า “ทำตามคำสั่งข้า”
“คอลวินด์” โคโล่ร้องพร้อมยกมือขึ้น ไม่ทราบลมพัดมาจากทิศใด กิ่งไม้ที่หลายสิบกิ่งที่ไฟลุกท่วมทยอยลอยมาอยู่เบื้องหน้าเขา
เวทมนตร์ธาตุลมคอลวินด์ (Call Wind) เป็นเวทระดับพื้นฐานที่ผู้ใช้เวทลมต้องฝึก มีไว้สำหรับเรียกลมเพื่อยกสิ่งของน้ำหนักเบา แต่ยิ่งผู้ใช้เวทมีพลังกล้าแกร่งเท่าใดน้ำหนักสิ่งของที่ยกได้ก็จะเพิ่มได้มากขึ้นตาม ซาอูตอนอยู่ในงานเลี้ยงตอนรินสุราธารสวรรค์ให้แม่ทัพขุนนางทุกคนก็ใช้เวทมนตร์นี้
โคโล่ทำตามคำสั่งเซน่าบังคับให้กิ่งไม้ที่ไฟลุกท่วมหลายสิบกิ่งมาล้อมด้านหน้าและด้านข้างพวกเขา ส่วนด้านหลังของพวกเขามีต้นไม้ที่ไฟลุกท่วมอยู่แล้ว
โคโล่พลันเข้าใจ !
ทันใดสัตว์ปีศาจนับสิบตัวที่เขาเห็นก็วิ่งมาถึงเบื้องหน้าพวกเขา มีทั้งเสือดำเขาเดียว หมีขนแดงที่มีหลังเป็นหนามขนาดใหญ่ หมาป่าที่มีเขี้ยวยาวออกมาเหมือนดาบ แต่พวกมันเห็นโคโล่และเซน่ามีไฟล้อมรอบก็ไม่กล้าเข้าใกล้
เรดิกัลจะอย่างไรก็คือเรดิกัลในสมองของเขามักมีแผนการเสมอ
เหล่าสัตว์ปีศาจต่างขู่คำรามดูเหมือนพวกมันทยอยกันมาเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ สถานการณ์ของโคโล่และเซน่ายังคงคับขัน !!
------------------
เป็นไงบ้างครับ เข้าสู่บทต่อสู้อีกรอบแล้วนะครับ ผมเขียนฉากน่ารัก ๆ ของโคโล่กับเซน่าเขาไปนิด ๆ ด้วย ไม่รู้ชอบกันหรือเปล่า? // ตอนที่ 10 ใครชอบเวทแบบอลังการและการต่อสู้ทั้งปัญญาทั้งกำลังบอกเลยห้ามพลาดครับเพราะตัวเด็ดออกโรง!!