Chapter 8 : โกโก้ร้อนกับสังขยาฟักทอง
Chapter 8 : โกโก้ร้อนกับสังขยาฟักทอง
ผมมองตามร่างผู้หญิงคนนั้นเดินไปสั่งกาแฟที่เคาน์เตอร์ร้านกับลีโอ
พอเห็นแบบนั้นแล้ว ผมก็รีบเดินตามไปติด ๆ ที่เคาน์เตอร์ร้านทันที ปกติฟินิกซ์จะเป็นบาริสต้าประจำร้าน แต่เนื่องจากวันนี้คนไม่ค่อยมี เธอจึงเข้าไปช่วยพ่อของผมทำขนมในโซนด้านใน วันนี้ผมขอยึดหน้าที่ฟินิกซ์หนึ่งวันละกัน ลูกค้าน่าชงกาแฟให้ทานขนาดนี้ ผมเลยเดินเข้าไปบอกกับฟินิกซ์ที่กำลังออกมาจากโซนด้านในว่าเดี๋ยวผมทำกาแฟให้ลูกค้าเอง วันนี้ว่าง ฟินิกซ์ได้ยินแบบนั้นก็บอกโอเคแล้วเดินกลับเข้าไปในโซนด้านในเหมือนเดิม
ผมเดินไปข้าง ๆ ลีโอที่กำลังพูดแนะนำเค้กที่วางโชว์อยู่ในตู้กระจกใสอย่างเต็มที่ ดูขยันขันแข็งเกินหน้าที่เหลือเกิน ตัวเองเป็นแค่พนักงานต้อนรับยืนเฝ้าหน้าร้านแท้ ๆ
สมแล้วที่ได้รับฉายาไอ้สิงโตหน้าหม้อจากสาว ๆ ภูติแห่งดวงดาว
“กลับไปทำหน้าที่ของนายได้แล้วลีโอ อยากกลับเข้าไปอยู่ในกุญแจหรือไง” ผมกระซิบบอกกับลีโอที่ข้างหูแบบขู่ ๆ สิงโตเผือกส่งเสียงจิจ๊ะในลำคอก่อนทำหน้าเหวี่ยงใส่ผมแล้วเดินกลับไปที่บริเวณหน้าร้านเหมือนเดิมเพื่อคอยต้อนรับลูกค้าที่มาใหม่ จนผมอดหัวเราะออกมาแบบเบา ๆ ไม่ได้ จัดการกับลีโอเสร็จผมก็หันไปมองลูกค้า
“รับอะไรดีครับคุณลูกค้า” ผมถามออกไป มองหน้าหญิงสาวที่กำลังยืนมองเมนูอยู่ที่ป้ายอันใหญ่ด้านหลังของผม
“ขอเป็นโกโก้ร้อนที่หนึ่งค่ะ” เสียงใสตอบผมกลับมา
“เดี๋ยวชำระเงินด้านนี้เลยครับ แล้วเดี๋ยวผมเอาไปเสิร์ฟให้” ผมบอกลูกค้าไปพร้อมกับผายมือให้เธอเดินไปยังด้านข้างที่มีหุ่นยนต์ AI คอยทำหน้าที่คิดเงินอยู่ ผมมองตามเธอไปคิดเงินจนกระทั่งเธอเลือกที่จะไปนั่งริมหน้าต่างกระจกบานใหญ่ที่มุมหนึ่งของร้าน ว่าแล้วผมก็รีบทำหน้าที่ของตัวเองต่อทันที
ไม่นานโกโก้ร้อน พร้อมกับสังขยาฟักทองที่ถูกจัดอยู่ในจานอย่างสวยงามก็ถูกยกมากับถาดสีน้ำตาลอ่อน ขนมอย่างหลังผมเป็นคนเพิ่มให้เธอเอง ไหน ๆ เห็นลีโอบอกไปว่ามีโปรโมชันพิเศษของร้าน ก็เลยเพิ่มให้เธอสักหน่อย
ผมวางโกโก้ร้อนพร้อมกับสังขยาฟักทองไว้บนโต๊ะพร้อมกับส่งยิ้มให้
“ฉันไม่ได้สั่งเค้กมานะคะ” หญิงสาวพูด ก้มลงมองสังขยาฟักทองที่วางอยู่ใกล้ ๆ กับแก้วโกโก้ ตัวสังขยาสีเหลืองอ่อนถูกวางจัดอยู่ในฟักทองที่ถูกหั่นออกมาเป็นซีกเล็ก ๆ ด้านบนมีฝอยทองเพิ่มสีสันความน่ารับประทาน ขนมแบบนี้หาทานได้ยากมากแล้วในสมัยนี้
“พอดีเป็นโปรโมชันพิเศษของทางร้านน่ะครับ อันนี้ไม่ใช่เค้กนะครับ แต่เรียกว่าสังขยาฟักทอง สูตรพิเศษจากทางร้านเราเลยครับ เมนูนี้คุณลูกค้าอาจจะยังไม่เคยทานมาก่อน ลองชิมดูนะครับ ผมรับรองว่าไม่หวานจนเกินไป และไม่อ้วนแน่ครับ” ผมพูดบรรยายสรรพคุณอย่างเต็มที่
พ่อของผมไม่ได้ทำเฉพาะขนมเค้กอย่างเดียว แต่ขนมอย่างอื่นที่ถูกลืมเลือนไปตามกาลเวลาพ่อก็ทำขึ้นมาด้วย ตั้งแต่เด็กจนโต ผมเลยได้ลองชิมขนมจากหลากหลายประเทศจนรู้จักไปซะจนเกือบหมดทุกอย่าง
“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวตอบกลับมา ใบหน้าของเธอยังคงไม่แสดงความรู้สึกอะไร ไม่ยิ้มแม้แต่น้อย บางทีผมเองก็สงสัยเหมือนกันว่าเธอมีอะไรอยู่ในใจหรือเปล่า แถมดวงตาคู่สวยที่แฝงไปด้วยความเศร้านั้นอีก
“คุณลูกค้ามาจากต่างประเทศหรอครับ ผมไม่คุ้นหน้าคุณเลย สำเนียงก็ไม่เหมือนคนทวีปนี้”
ผมชวนเธอคุย ปกติลูกค้าที่มาร้านเราผมก็พอจะคุ้นอยู่บ้าง ลูกค้าขาจรไม่ค่อยมีมากนักหรอกในวันที่ไม่ใช่วันหยุด
“ใช่ค่ะ พอดีฉันมาทำธุระนิดหน่อยที่นี่”
“ครับ งั้นเชิญทานตามสบายนะครับ ผมไม่รบกวนแล้ว”
อยากจะชวนคุยให้มากกว่านี้ แต่มันคงจะแปลกน่าดู ถ้าคนที่เพิ่งเจอหน้ากันแล้วมานั่งไล่ถามนู่นนี่นั่นเยอะแยะ อีกอย่างผมเองตอนนี้ก็ถือเป็นพนักงานของร้าน มันคงจะดูไม่มีมารยาทที่เข้าไปรบกวนลูกค้า คิดได้แบบนั้นก็เลยเดินเลี่ยงออกมา
ผมมองเธอนั่งดื่มโกโก้ร้อนอยู่ห่าง ๆ เหมือนเจ้าตัวกำลังนั่งอ่านอะไรอยู่สักอย่างที่แสดงออกมาจากสายรัดข้อมืออิเล็กทรอนิกส์เป็นภาพโฮโลแกรมสามมิติฉายออกมาตรงหน้าด้วย
“นายนี่มันไม่ได้เรื่องเลยไอ้หนู”
เสียงหนึ่งดังมาข้างหูขณะที่ผมกำลังมองเธอแบบเพลิน ๆ เป็นไอ้สิงโตเผือกนี่เอง บอกให้ไปยืนตรงหน้าร้านคอยต้อนรับลูกค้า เดินมาอู้แถวนี้อีกละ
“บอกแล้วไงว่าอย่าเรียกฉันว่าไอ้หนู”
“ชอบก็กล้า ๆ หน่อย เดินไปนั่งคุยกับเธอเลย นั่งจ้องแบบนี้เมื่อไรจะได้จีบ”
“มันยังไม่ถึงเวลาลีโอ ฉันอยู่ในฐานะพนักงานของร้านด้วย” ผมบอกลีโอไป
ลีโอส่ายหัวไปมาเบา ๆ เป็นเชิงว่าผมไม่เอาไหน ก่อนตบไหล่ผมแปะ ๆ
เธออยู่ในร้านของเราเกือบชั่วโมง สายฝนด้านนอกหยุดลงแล้ว หลังจากมันตกลงมาเกือบทั้งวัน แก้วโกโก้ของเธอก็พร่องไปเยอะ จนเหลือของเหลวภายในแก้วแค่หน่อยเดียว ส่วนขนมสังขยาฟักทองก็หมดไปแล้ว ดูเหมือนว่าเธอจะชอบขนมของร้านเราพอสมควรเลย ผมรีบหันไปมองทางอื่นเมื่อเธอมองกลับมาหาผมเหมือนรู้สึกตัวว่ามีคนจ้องอยู่ ก่อนจะลุกขึ้นยืนทำท่าจะเดินออกไปจากร้าน เจ้าตัวคงเข้ามาหลบฝนที่นี่ พอฝนหยุดก็จะออกไป
ผมรีบเดินไปที่ประตูทางออกทันที ส่งยิ้มให้เธออีกครั้งเพื่อส่งลูกค้า
“ไว้มาทานใหม่นะครับ ร้านเรายินดีต้อนรับเสมอ”
เธอหยุดเดินหันมามองผม
“ขนมอร่อยมากเลยค่ะ ฉันไม่เคยทานมาก่อนเลย ยังไงก็ต้องมาอีกแน่นอนค่ะ ฉันวางแผนอยู่ที่นี่หลายเดือน”
ผมไม่ได้พูดอะไรต่อ มองเธอกำลังหันหลังเดินจากไป
มันกำลังจะจบแบบสวย ๆ แล้วเชียว ...
“วิน ๆ ลูกค้าลืมร่ม !”
เสียงตะโกนโหวกเหวกดังมาจากปากของลีโอพร้อมกับของที่อยู่ในมือเจ้าตัวเหมือนจะเป็นร่มของลูกค้า
“คุณครับ เดี๋ยวก่อนครับ” ผมรีบทักเธอไป ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินออกจากร้านเมื่อเห็นลีโอตะโกนบอกและวิ่งมาทางนี้
เธอหันกลับมาหาผม จังหวะเดียวกันกับลีโอที่วิ่งมาแบบไม่ดูตาม้าตาเรืออย่างรวดเร็วแล้วเบรกไม่ทัน ผมเองก็หลบไม่ทันเหมือนกัน ร่างของลีโอกระแทกผมอย่างจัง ผมเซเสียหลักล้มลงไปข้างหน้าอย่างควบคุมไม่ได้
“เฮ้ย !” ผมร้องออกมาอย่างตกใจ มือคว้าสะเปะสะปะไปทั่ว ร่างของผมกำลังล้มลงไปตามแรงโน้มถ่วงของโลก แต่มันจะดีกว่านี้ถ้าผมล้มลงไปคนเดียว
จังหวะที่ผมล้มลงไป ร่างของผมดันไปชนร่างของเธอให้ล้มตามกันลงมาด้วย
ตุบ !
เธอล้มลงไปนอนบนพื้นโดยมีผมคร่อมอยู่ด้านบน ใบหน้าของเราห่างกันแค่คืบ ตัวเธอหอมมาก จมูกผมดีจนกระทั่งได้กลิ่นของโกโก้ผสมกับสังขยาออกมาจากริมฝีปากของเธอ
มันน่าชิมอย่างไม่น่าเชื่อ ...
สายตาของเราประสานกัน ใบหน้านิ่ง ๆ นั้นขึ้นสีเล็กน้อย ดวงตาที่แฝงไปด้วยความเศร้าดูตกใจนิด ๆ ใบหน้าของเธอเริ่มแสดงสีหน้าออกมา ผมบอกไม่ถูกว่าเจ้าตัวกำลังโกรธหรืออายกันแน่ มันเหมือนจะเป็นความรู้สึกที่ปน ๆ กันอยู่ มันดู
น่ารัก ...
ว่าแต่ทำไมพื้นนิ่มจัง ...
พื้นที่ร้านนูนแบบนี้หรอ ...
มือของผมที่ดันพื้นอยู่ขยับไปมาแบบไม่แน่ใจ ... และผมก็พบว่านี่มันไม่ใช่พื้นแล้ว
ชัดเลยเมื่อก้มลงไปมองมือทั้งสองข้างของตัวเองที่อยู่ในที่ที่ไม่ควรอยู่ ผมรีบเด้งตัวออกจากร่างของเธอทันทีที่รู้ตัวว่าตัวเองทำอะไรลงไปพร้อมกับละล่ำละลักขอโทษออกไปอย่างตกใจ เธอเองก็ลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็วเช่นกัน มือเรียวรีบคว้าร่มของตัวที่อยู่ในมือของลีโอทันที ตอนนี้ผมแทบจะไม่กล้าสู้หน้าเธอ
“ขะ ขอโทษครับ ๆ”
เพียะ !
ฝ่ามือของเธอมาประทับอยู่บนใบหน้าผมอย่างรวดเร็วและรุนแรง จนผมตั้งตัวไม่ทัน มันชาไปหมด
“นายมันบ้าที่สุด !”
จังหวะนั้นมันไวมาก ผมเองก็ทำอะไรไม่ถูก เธอเดินออกจากร้านไปแล้ว ทิ้งไว้แต่ผมที่ยืนมองตามออกไปแบบนั้นด้วยความรู้สึกผิด พร้อมกับลูกค้าที่เหลือทั้งร้านต่างพากันจ้องมาที่ผมเป็นตาเดียว เพราะเสียงโวยวายที่ดังออกไปเมื่อสักครู่ ผมกำหมัดแน่นตั้งสติก่อนตะโกนดังออกมาจนได้ยินกันทั่วทั้งร้านหาไอ้ตัวต้นเรื่อง
“ลีโอ !”
พอหันซ้ายหันขวามองหาตัวต้นเรื่องก็ไม่เจอแล้ว ไร้วี่แววพนักงานต้อนรับที่เคยยืนที่ตรงนี้มาก่อน ราวกับไม่เคยมีเคยมีใครอยู่ตรงนี้เลย
หญิงสาวเดินจ้ำออกมาจากร้านกาแฟที่ชื่อ Karan Café ด้วยใบหน้าแดงก่ำหนักกว่าเดิม ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความโกรธหรืออายกันแน่ มันอาจจะเป็นไปได้ทั้งสองอย่าง ทำไมเธอต้องมาเจอเหตุการณ์บ้า ๆ อะไรแบบนี้ด้วย ยิ่งนึกถึงเหตุการณ์นั้นซ้ำมันยิ่งทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิดเพิ่มเข้าไปทุกที แถมใบหน้า สายตาของหมอนั่นที่มองมาที่เธออีก
คนบ้า !
อากาศเย็น ๆ หลังฝนตกไม่ได้ทำให้จิตใจที่ร้อนรุ่มจากเหตุการณ์ที่ผ่านมาเมื่อสักครู่สงบลงได้เลย ก็รู้อยู่ว่ามันเป็นอุบัติเหตุ แต่หมอนั่นมัน ... มัน ...
โอ๊ย ! เธออยากจะทึ้งผมตัวเองซะเดี๋ยวนั้น ทำไมถึงหยุดคิดเรื่องนั้นไม่ได้สักที
อยู่ ๆ เสียงสัญญาณการติดต่อก็ดังขึ้นมาระหว่างทางเดินกลับที่พักของเธอ ทำให้เธอกดตอบรับการติดต่อนั้น คนที่ติดต่อเธอมาเป็นพ่อของเธอนั่นเอง เขาติดต่อมาสอบถามความคืบหน้าของสิ่งที่เธอกำลังทำอยู่
“ค่ะพ่อ ที่นั่นตรวจพบคลื่นพลังงานเวทมนตร์สูงมากอย่างที่พวกเราคาดไว้ ต้องมีใครสักคนในร้านนั้นเป็นผู้ถือครองกุญแจจักรราศีแน่นอนค่ะ” เธอตอบกลับไป
การไปที่ร้านนั้นไม่ได้ไปแบบไม่คาดหวังอะไร เธอไปเพื่อเตรียมพร้อมจะรับมือและตรวจสอบข้อมูลที่ได้รับมาว่าตรงกับที่คาดการณ์ไว้หรือเปล่า เป้าหมายก็คือ ...
ฆ่าเจ้าของกุญแจจักรราศี และนำกุญแจมาเป็นของตัวเองให้ได้
“จำไว้นะลูก พวกมันเป็นอันตรายต่อมนุษยชาติ เราต้องฆ่าพวกมันทิ้ง เอากุญแจมาให้ได้”
ประโยคนั้นยังคงดังย้ำกับเธออยู่ในหัว ไม่รู้ว่าเป็นรอบที่ร้อยหรือรอบที่ล้าน เธอเองก็ไม่ได้นับ แต่รู้ว่ามันมากมายเหลือเกิน ตั้งแต่เด็กจนโต พ่อเธอเกลียด เกลียดพวกที่มีพลังเวทมนตร์มากที่สุด ไม่ซิ พ่อเธอเรียกคนพวกนี้ว่าพวกกลายพันธุ์ ซึ่งเธอเองก็เป็นหนึ่งในนั้น คนที่ใช้เวทมนตร์ได้ นี่ก็เป็นอีกหนึ่งทาง ที่เธอจะทำให้พ่อยอมรับในตัวเธอ ทำให้เขารักเธอ เธอเข้าร่วมองค์กรการต่อต้านการใช้เวทมนตร์ใต้ดินและกลายเป็นนักฆ่าผู้ใช้เวทตั้งแต่อายุ 15
ใช่ ... เธอฆ่าคน
ฆ่าคนที่เป็นเหมือนเธอมานับไม่ถ้วน ดวงตาสวยที่แฝงไปด้วยความเศร้ามีอดีตที่มากมายเก็บซ่อนอยู่
มันมากจนเธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอจะเก็บมันไว้ได้อีกนานแค่ไหน แต่เพื่อการเป็นที่ยอมรับของพ่อ
เธอก็พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อเขา
“ค่ะพ่อ หนูจะไม่ทำให้พ่อผิดหวัง” เธอตอบไปด้วยน้ำเสียงแน่วแน่
“อีกเรื่อง เก็บอควาเรียสในที่ที่ปลอดภัยแล้วใช่ไหม อย่าลืมที่พ่อบอก พวกนั้นจะรู้สึกได้ถ้ามีภูติแห่งดวงดาวอยู่ใกล้ตัว” พ่อของเธอย้ำ
“หนูเก็บอควาเรียสไว้ในที่ที่ปลอดภัยแล้วค่ะ พ่อไม่ต้องห่วง”
ห้องใต้ดินชั้นล่างของบ้านผมถูกใช้เป็นสถานที่ที่ฝึกการต่อสู้ของผมตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งพละกำลังทางร่างกาย การต่อสู้ระยะประชิดโดยการใช้ดาบที่เสริมด้วยพลังเวทของลีโอ ซึ่งเจ้าตัวเป็นคนฝึกให้ผมเอง ทุกอย่างก็เพื่อรับมือกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นโดยที่เราไม่รู้ว่าเมื่อไร
มินจุนเองก็เข้ามาร่วมฝึกด้วยเหมือนกัน เท่าที่รู้ตอนนี้ ผมทราบมาว่ามินจุนเชี่ยวชาญเวทมนตร์ด้านการรักษาและไม่มีความสามารถในการต่อสู้เลย อาจจะใช้เวทมนตร์ในการต่อสู้ได้เล็กน้อย แต่ก็ไม่เชี่ยวชาญเท่ากับผู้ใช้เวทคนอื่นที่ถือครองกุญแจตามล่าเขาอยู่ ผมเองก็แปลกใจเหมือนกันว่าเจ้าตัวฆ่าผู้ถือครองกุญแจมาแล้วหนึ่งคนได้ยังไง มินจุนบอกว่าผู้ใช้เวทแต่ละคนมีความถนัดแตกต่างกันออกไป บางคนเชี่ยวชาญเวทมนตร์ธาตุไฟเช่นพ่อของผมกับฟินิกซ์ บางคนเชี่ยวชาญเวทมนตร์ด้านการรักษาเช่นตัวเขาเอง ซึ่งนั่นทำให้ผู้ใช้เวทแต่ละคนมีจุดเด่นจุดด้อยแตกต่างกันออกไป
หนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาทำให้ผมรู้จักกับมินจุนมากขึ้น หมอนั่นเป็นเพื่อนที่ดีคนหนึ่งเลยทีเดียว คอยให้คำแนะนำผมในเรื่องต่าง ๆ เกี่ยวกับเวทมนตร์และภูติแห่งดวงดาว จากที่เคยคิดว่าหมอนั่นเป็นคนนิ่ง ๆ แต่พอรู้จักและสนิทด้วยขึ้นมาจริง ๆ กลับดูเป็นคนที่กวนอารมณ์ไม่ต่างอะไรไปจากลีโอเลย
ถ้าถามว่าการฝึกของผมตอนนี้ไปถึงไหนแล้ว ตอบได้เลยว่าแทบจะไม่มีอะไรคืบหน้า ก็ใครจะไปคิดล่ะ ว่าอยู่ดี ๆ ต้องมาฝึกอะไรแบบนี้ ผมไม่มีประสบการณ์เรื่องพวกนี้เลย ทั้งชีวิตที่โตมากับวิทยาศาสตร์และสิ่งของเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกมากมายทั้งนั้น นี่ก็เป็นอีกวันที่ต้องมาฝึกการใช้ดาบกับลีโอซึ่งเป็นสิ่งที่ภูติดวงดาวของผมเชี่ยวชาญมากที่สุด
แต่ตอนนี้หมอนั่นยังไม่โผล่ออกมาให้ผมเห็นหน้าเลย เพราะอะไรน่ะหรอ ...
ก็เรื่องงามหน้าที่ไอ้สิงโตเผือกทำไว้กับผมเมื่อตอนบ่ายไง !