DC บทที่ 9: ฉี่รดที่นอน
ซูหยางยืนอยู่ที่ลานฝึกจนกระทั่งตะวันตกดินโดยไม่มีลูกค้าสักคน แต่เขาก็ยังไม่ยอมจากและยืนต่อไปเหมือนรูปปั้นหิน
บรรดาศิษย์ที่นั่นต่างพากันแปลกใจที่เห็นคนอดทนเช่นนั้น และคนที่ไม่ทราบถึงตัวตนของเขาต่างพากันหลงเสน่ห์กลิ่นอายสูงศักดิ์ พวกเขารู้สึกเหมือนได้รับการคุ้มครองจากวิญญาณปกป้อง
เวาลผ่านไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานค่ำคืนก็คลี่ปกคลุม แต่ก็ยังไม่มีลูกค้าสักคนที่เข้าไปหาเขา
แม้ว่าเขาจะไม่มีลูกค้าทั้งวัน ซูหยางหาได้เสียขวัญหรือกังวลแม้แต่น้อย เขายังคงเต็มไปด้วยความมั่นใจและเงียบสงบตั้งแต่เช้าจนถึงค่ำ ความอดทนเช่นนี้ทำให้หลายคนแอบนับถือเขา หวังว่าจะทำได้เช่นเดียวกันในการฝึกฝนของพวกเขา
หลังจากนั้นสักพักซูหยางก็ขยับตัว เขาเงยหน้ามองไปยังฟ้ายามค่ำ แต่สิ่งที่อยู่ในห้วงคำนึงของเขาคือบั้นท้ายกลมมนของผู้อาวุโสหลาน
“สอง… ไม่ วันเดียวเต็มที่ เฮอะ” ซูหยางพึมพัม เขาเริ่มม้วนป้ายและเตรียมตัวกลับบ้านหลังจากนั้น
–
–
–
หลังจากส่งซีเยวี่ยกลับไปยังที่พัก ผู้อาวุโสหลานตรงกลับไปยังที่พักนอนคว่ำอยู่บนเตียง ตั้งแต่เธอไม่อาจนั่งได้ด้วยความเจ็บบั้นท้ายการฝึกปราณจึงต้องชะงักตั้งแต่สองสามวันก่อน
“มันช่างเลวร้าย...” เธอทอดถอนใจใต้หมอน
ความเจ็บเริ่มเมื่ออาทิตย์ก่อนโดยไม่มีลางบอกเหตุและเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วนับแต่นั้น เมื่อไม่อาจนั่งได้โดยไม่ครวญครางเธอจึงได้แต่ยืนหรือนอนอยู่บนเตียงเท่านั้น
“ถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไป ข้าคงต้องทนเดินปวด… ข้าต้องรักษาอย่างเร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้...”
ฉับพลันภาพของซูหยางและใบหน้าหล่อเหลาของเขาก็ปรากฏขึ้นในห้วงความคิดทำให้เธอรู้สึกเคือง “ทำไมต้องนึกถึงเจ้าเด็กหยาบคายนั่น” เธออยากเมินเขาแต่เขาสามารรถรักษาขาซีเยวี่ยได้จริงเป็นเรื่องไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้
“เขาทำได้เช่นไร ข้ามิอาจเห็นกระทั่งปัญหาด้วยประสบการณ์กว่าสิบปี แต่เขากลับรักษาเธอภายในชั่วคืนเดียวโดยมิมีจุดด่างพร้อยเลย”
“อาาา เจ้าเด็กร้ายซีเยวี่ย ทำไมเธอมิบอกอะไรข้าเลย ข้าเป็นคนไม่น่าเชื่อถือหรือไร”
ยิ่งเธอคิดถึงสถานการณ์ระหว่างซูหยางและซีเยวี่ยยิ่งทำให้เธอโกรธ ทันใดระหว่างที่คิดความเจ็บปวดรุนแรงจู่โจมบั้นท้ายจนเธอร้องเสียงดัง ความเจ็บคล้ายกับถูกดาบคมแทงเข้าไปด้านหลังซ้ำแล้วซ้ำเล่าเกือบทำให้เธอสิ้นสติ
ในชั่วอายุสี่สิบปี เธอไม่เคยพบประสบการณ์ที่เจ็บปวดดังเช่นที่เป็นอยู่ปัจจุบัน
ต่อจากนั้นความเจ็บปวดไม่ได้ลดลงแต่กลับรุนแรงยิ่งขึ้น ภายในไม่กี่นาทีเธอถึงกับหมดสติร่างเต็มไปด้วยเหงื่อ
–
–
–
เมื่อเธอตื่นขึ้นมาก็เป็นเวลาเช้าแล้วเสื้อผ้าของเธอเปียกชื้น ผ้าปูเตียงเปียกโชกแต่ไม่ใช่เหงื่อ มันเป็นอะไรบางอย่างที่แตกต่างออกไป
“ข้า..ข้า..” เมื่อคิดว่าเธอฉี่รดที่นอนตอนอายุสี่สิบเป็นเหตุให้เธอร้อนแดงไปทั้งหน้า โชคดีที่เธออาศัยอยู่คนเดียว ถ้ามีใครเห็นเธอฉี่รดที่นอนเมื่ออายุปูนนี้แล้วเธอคงเสียหน้าและหมดกำลังใจที่จะอยู่ต่อ
เมื่อถึงขั้นฉี่รดที่นอนเธอจึงตระหนักว่าเธอต้องการความช่วยเหลือ ถ้าปล่อยไปไม่แน่ว่าอาจจะเกิดซ้ำอีกในวันพรุ่งนี้โดยไม่ต้องคิดไปถึงอีกอาทิตย์นับแต่นี้ เพียงแค่คิดก็ทำให้เธอหวาดหวั่นสั่นสะท้าน
“แต่ที่ไหนจะช่วยข้าได้ ใครสามารถช่วยข้าได้” ผู้อาวุโสหลานพร่ำเพ้อมืดแปดด้าน ตัวเธอถือว่าเป็นหมอที่ดีที่สุดคนหนึ่งในนิกายแต่เธอยังไม่สามารถช่วยตัวเองได้
ทันใดเธอก็นึกถึงภาพซีเยวี่ยยิ้มข้างเธอมีเด็กหนุ่มหล่อสีหน้าเงียบสงบเปี่ยมด้วยความมั่นใจ
“ซูหยาง” ผู้อาวุโสหลานรีบทำความสะอาดตนเองแล้วรีบไปยังลานฝึก แต่ทว่าไม่มีซูหยางหรือป้ายผ้าที่จัดทำอย่างหยาบๆ ให้เห็นแม้แต่น้อย
เธอรีบไปยังที่พักของชีเยวี่ย
“ชีเยวี่ย ตื่นเร็ว” ผู้อาวุโสหลานเปิดประตูเข้าไปในที่พักของชีเยวี่ยโดยตรงด้วยกุญแจสำรองซึ่งชีเยวี่ยให้เธอเก็บไว้ในกรณีฉุกเฉิน
“อืมมมมม.. พี่สาวหลาน...” ชีเยวี่ยขยี้ตางัวเงีย งุนงงว่าทำไมผู้อาวุโสหลานมาที่นี่
“ซูหยาง อาศัยอยู่ที่ไหน ข้าต้องการพบเขาตอนนี้”
“เอ๋ ศิษย์พี่ชายซู” ชีเยวี่ยไม่เคยเห็นพี่สาวหลานกระวนกระวายเช่นนี้มาก่อน ดังนั้นเธอจึงพลอยตกใจตามไปด้วย “ศิษย์พี่ชายซูทำอะไร เขามีปัญหารึ”
“ไม่… ข.. ข้าต้องการรู้ว่าเขาสามารถ… สามารถรักษาการบาดเจ็บข้าหรือไม่...” ผู้อาวุโสหลานเค้นเหตุผลที่เธอต้องการพบเขาออกมาจากปากอย่างกระดากอาย
ชีเยวี่ยตะลึงมองชั่วขณะก่อนดวงตาจะเปล่งประกาย “พี่สาวหลานต้องการให้ศิษย์พี่ชายซูรักษาใช่ไหม ข้าจะพาท่านไปหาเขาที่ที่พักทันทีเลย” ชีเยวี่ยพูดเสียงเคล้าสุขขณะกระโดดออกจากเตียง
“อือ...” ผู้อาวุโสหลานผงกหัว แม้ว่าจะยังมีร่องรอยความสงสัยในใจ
จะเป็นได้หรือที่ศิษย์นอกธรรมดาเช่นซูหยางจะรักษาอาการบาดเจ็บของเธอ แม้ว่ายังลังเลแต่ความเร่งด่วนในใจเหนือกว่าความไม่มั่นใจ เธอไม่สามารถทนความเจ็บปวดเช่นเมื่อคืนหรือต้องตื่นขึ้นมาพบตนเองฉี่รดที่นอนอีกแล้ว