ตอนที่แล้วDC บทที่ 5: ร้องขอเพิ่ม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปDC บทที่ 7: ขจัดพิษ

DC บทที่ 6: งูสามฤดู


“มันเหมือนอยู่อีกโลกหนึ่ง… คล้ายกับข้าล่องลอยอยู่ท่ามกลางดวงดาวข้างทางช้างเผือก...”

“วิธีที่เขาแตะหลังข้า… มันเหมือนมือเขาจมลึกลงไปโดนเส้น… ข้ายอมตายเพื่อ...”

“ข้าเกลียดที่จะยอมรับ แต่เขา… เขาทำให้ร่างข้ายอมด้วยมือนั้น”

จ้าวเซวียนกระจายประสบการณ์จากซูหยางเหมือนไฟไหม้ฟางกับเพื่อนเธอทุกคน เหมือนเด็กที่ได้ของเล่นใหม่ ไม่เพียงแค่นั้นเธอไม่ได้หยุดแค่สิบคนแต่ทุกคน หวังว่าความพยายามของเธอทำให้ซูหยางมองเธอดีขึ้น

“จริงรึ ซูหยางมีความสามารถพิเศษเช่นนั้นเลยรึ”

“เป็นไปได้ด้วยรึ เขามีชื่อเสียงเรื่องไร้สามารถและปัญญาอ่อน… ผู้อาวุโสนิกายหลายคนยังยอมแพ้...”

“ข้าพูดจริง ลองไปให้เขาบริการแล้วเจ้าจะรู้ทันทีว่าข้าพูดจริงหรือไม่”

แม้ว่าไม่สามารถชักจูงทุกคนด้วยเรื่องประสบการณ์ของเธอ จ้าวเซวียนก็สามารถกระตุ้นความสนใจใคร่รู้ในใจพวกหล่อน มากพอที่จะทำให้พวกหล่อนเพิ่มความใส่ใจในตัวซูหยางว่าเขาต้องการอะไร

ไม่กี่วินาทีหลังจากจ้าวเซวียนออกไปจากบ้านซูหยาง ถังหูและคู่ฝึก เมิ่งเจีย ออกมาจากห้องพวกเขา ทั้งคู่หน้าแดงและใจเต้นจากการฝึก

“ซ..ซูหยาง เจ้ากลับมาแล้ว” ถังหูมองไปยังซูหยางที่ยืนหน้าประตูและมองออกไปด้านนอกด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย

“อืม” ซูหยางหันกลับมามองพวกเขาและยิ้มกว้าง “ยินดีด้วยที่เลื่อนระดับ” เขาหัวเราะ

คำพูดของเขาทำให้ทั้งคู่ตะลึง และสีแดงบนใบหน้ายิ่งเข้มขึ้น

“ซูหยาง...” ถังหูเกาหัว เหมือนมีบางสิ่งอยู่ในใจ

“มิเห็นมีอะไรต้องอาย เจ้าเป็นชายแล้วหญิงของเจ้าก็อยู่ข้างๆ เชิดหน้าสง่างามไว้” ซูหยางเดินออกไปจากบ้านหลังจากพูด ทั้งคู่ได้แต่มองเขาหายไปด้วยสีหน้าตะลึง แปลกใจเพราะพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของอีกฝ่าย

“ข้าคิดว่า… เขาดูหล่อขึ้นกว่าเดิมที่เคยเห็นก่อนหน้า...” เมิ่งเจียพูดอย่างแปลกใจ

“...” ถังหูนึกถึงซูหยางผู้ที่พูดติดอ่างทุกประโยค ทำไมบางคนสามารถเปลี่ยนไปมากมายในช่วงเวลาเล็กน้อย หรือการบาดเจ็บทำให้จิตเขาตื่นจากการหลับไหล

ซูหยางตรงกลับไปยังลานฝึกและเปิดป้ายอีกครั้ง เขามีเจตนารับลูกค้ามากกว่าหนึ่งคนต่อวัน

“ซูหยางกลับมาแล้ว เจ้านั่นไปยังมิถึงหนึ่งชั่วโมงเลย”

“บางทีเด็กนั่นอาจเปลี่ยนใจ คงงั้นแหละ”

เวลาผ่านไปเช่นเดิมอีกหนึ่งชั่วโมง ไม่มีใครต้องการใส่ใจกับซูหยาง เขาเหล่านั้นจึงมองดูจากที่ไกลด้วยความอยากรู้ เหมือนดูการแสดงข้างถนน

แต่คราวนี้ซูหยางไม่ต้องรอนานก่อนจะมีใครมา เด็กหญิงตัวเล็กที่เดินกระเผลก

“เจ้าเป็นคนรักษาอาการปวดหลังของศิษย์พี่หญิงจ้าว ใช่ไหม”

ซูหยางผงกหัวรับ

“อืม… ศิษย์พี่หญิงจ้าวพูดว่าฝีมือเจ้าเป็นของจริง ดูเหมือนศิษย์พี่เชื่อเจ้า… ดังนั้น… อืม...” เด็กหญิงตัวเล็กดูเหมือนอายุน้อยกว่าศิษยพี่หญิงจ้าวสองสามปีกระวนกระวายพยายามพูดความในใจ

“เจ้าอยากรู้ว่าข้าสามารถช่วยรักษาขาซ้ายเจ้าได้ ใช่หรือไม่”

เด็กหญิงตัวเล็กผงกหัวรับแข็งขัน

“ช่วงกลางวัน ขาซ้ายเจ้าจะไร้ชาด้าน กลางคืนมันจะกระตุก เป็นมานานเท่าไรแล้ว”

“หนึ่งอาทิตย์ได้” เด็กหญิงแปลกใจว่าทำไมซูหยางถึงมองทะลุปัญหาเพียงแค่มองปราดเดียว เธอรู้สึกว่าไม่สามารถซ่อนอะไรไว้จากสายตาเหมือนเปลือยเปล่าไปถึงกระดูกต่อหน้าเขา

“ร..รักษา… ได้ไหม” สายตาเธอมองเขามีประกายความหวัง “ผูอาวุโสนิกายได้ลอง แต่มิมีใครช่วยได้...”

"..."

หลังจากเงียบไปชั่วครู่ ซูหยางม้วนป้าย “เงื่อนไขสามข้อ… เจ้าทราบหรือยัง”

“ทราบแล้ว”

“ยอมรับหรือไม่”

“ข้ายอมรับ”

“ตามข้ามา”

เหล่าศิษย์มองอ้าปากหวอเมื่อซูหยางพาเด็กหญิงไปจากที่นั่น

“เจ้าสารเลวซูหยางกำลังจะเอาเปรียบเด็กหญิงตัวเล็กๆ...”

“มิมีใครหยุดพวกเขารึ”

“มันจะเป็นบทเรียนที่ดีของเธอ บางทีคราวหน้าเธออาจจะคิดอีกครั้งก่อนที่จะเชื่อคนเช่นซูหยางเวลาต้องการให้ช่วย”

“ใช่ว่าเราเป็นศิษย์ร่วมนิกายหมายความว่าเราต้องช่วยคนอื่น”

ในโลกนี้ที่คนแกร่งกลืนคนอ่อนแอ ซื่อไร้ประสบการณ์ไม่ใช่ข้ออ้างแต่เป็นความอ่อนแอ ถ้าไม่สามารถเอาชนะข้อด้อย ก็จะถูกกลืนโดยคนที่แข็งแกร่งกว่า

ศิษย์นิกายเหล่านั้นไม่ชอบดูเด็กหญิงตัวเล็กถูกเอาเปรียบ แต่ไม่มีใครมีเหตุผลพอที่จะหยุดพวกเขาเช่นกัน ในนิกายนี้ทุกคนเหมือนเป็นคู่แข่งมากกว่าเพื่อน มีศิษย์น้อยเท่าไรการแย่งทรัพยากรของนิกายก็น้อยลงเท่านั้น เมื่อไร้ผลประโยชน์ก็ไม่มีใครต้องการเสี่ยงช่วยคนแปลกหน้า

ซูหยางพาเด็กหญิงเข้าไปในห้อง โชคดีไม่มีทั้งถังหูหรือเมิ่งเจียอยู่เป็นพยานการพาเด็กหญิงอายุประมาณ 13 กลับบ้าน มิเช่นนั้นอาจมีเหตุวุ่นวายทันทีที่เข้าประตูบ้าน

เด็กหญิงกระวนกระวายตั้งแต่เธอไปหาซูหยาง ไม่ว่าจ้าวเซวียนจะพูดถึงเขาดีอย่างไร เธอก็ยังสบายใจไม่เต็มที่ เพียงแค่เข้าหาชายหนุ่มหล่อแบบซูหยางและเข้าห้องสองต่อสองก็ยากเกินรับได้ โดยเฉพาะเด็กหญิงที่เพิ่งเข้านิกายอย่างเธอ

“ถุงเท้ายาว ถอดมันออก” ซูหยางพูดหลังปิดประตูขังพวกเขาไว้ในห้องกันเสียง

"…"

“เจ้าถูกงูเกล็ดลายแดงเหลืองเขียวกัดประมาณเดือนก่อน ใช่ไหม”

“เอ๋ ทำไม..”

“งูนั่นเรียกงูสามฤดู มันสะสมพิษร้ายไว้ในร่างซึ่งจะค่อยๆ ฆ่าสิ่งที่มันกัด มิเหมือนพิษอื่นที่กระจายทั่วตัวในเวลาชั่วนาทีหรือวินาที พิษงูสามฤดูใช้เวลาเป็นสัปดาห์กว่าจะเริ่มเห็นอาการ ในเดือนแรกขาผู้เคราะห์ร้ายจะหมดสมรรถภาพ และทั้งแขนและขาในเดือนสอง ในเดือนสามพิษจะกระจายทั่วตัวทำให้ตายอย่างทรมานถึงเจ็ดวันจากนั้น”

ซูหยางอธิบายจนเด็กหญิงสั่นสยอง เสื้อผ้าชุ่มไปด้วยเหงื่อ ช่างเป็นพิษร้ายที่กระทั่งนักฆ่าเลือดเย็นยังหวาดกลัว นับประสาอะไรกับเด็กหญิง

“โชคดี แค่เดือนเดียวที่เจ้าโดนกัด เจ้าจึงยังมิมีอันตราย”

“จ..จริงรึ..”

“จริง” ซูหยางเช็ดน้ำตาจากพวงแก้มพูดด้วยความมั่นใจ “ถ้าเพียงแค่การนวดทั่วไป ข้าคงมิสามารถช่วยเจ้าได้ แต่โชคดีมือข้าสามารถทำได้มากกว่าทำให้ผู้อื่นรู้สึกดี”

“อือ...”

เด็กหญิงถอดถุงเท้ายาวสีขาวเผยให้เห็นขาเรียบขาว

“เจ้าชื่อ” ซูหยางถาม

“ซีเยวี่ย 12 ปี”

“12… และเจ้ามานิกายแบบนี้ มนุษย์ช่างเป็นอะไรที่...” ซูหยางถอนหายใจแม้ว่าจะรู้ความจริงอยู่แล้ว เขาไม่ได้เยี่ยมโลกมนุษย์มาหลายพันปีในชีวิตก่อน ดังนั้นเขาไม่รู้จักวิถีชีวิต แต่เมื่อมองและใช้ชีวิตในโลกมนุษย์ เขาได้แต่ถามถึงความเป็นมนุษย์ของมนุษย์โลก

“แม้ว่าจะถูกรับเข้านิกาย แต่ข้ายังมิได้รับอนุญาตให้ร่วมฝึกคู่จนกว่าข้าจะเป็นผู้ใหญ่อายุถึง 16” ซีเยวี่ยอธิบายด้วยเสียงเอียงอายหลังจากเห็นความไม่สบใจบนใบหน้าซูหยาง

“นั่นค่อยสมเหตุสมผล...” ซูหยางพูดโล่งอก “เอาละนอนคว่ำ ข้าจะคลายกล้ามเนื้อบริเวณขาเจ้าก่อนจะจัดการกับพิษ”

ซีเยวี่ยนอนเงียบบนเตียงอย่างเชื่อฟัง รอซูหยางเตรียมความพร้อม

“เอาละ… เวลาสิบนาทีของเจ้าเริ่มละ” มือเขาจับขาของเธออย่างรวดเร็ว เป็นเหตุให้เสียงน่ารักหลุดออกมาจากปากเธอ

ไม่นาน กล้ามเนื้อขาของซีเยวี่ยก็คลายตัว อาการชาด้านก็เริ่มหายจนรับรู้ได้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด