บทที่ 12 แลนด์มาร์คต่างโลก
บทที่ 12 แลนด์มาร์คต่างโลก
หอที่เก่าจนสีซีด ดูก็รู้ว่ามีอายุเกิน 20 ปีเข้าไปแล้ว เพราะฉะนั้นค่าเช่าจึงถูก การจัดการภายในหอก็ไม่ถึงกับเลวร้ายนัก นี่เป็นหอพักที่ผมอาศัยอยู่มาร่วม 5 ปี ผมยกจักรยานคู่ใจเข้าไปในลิฟต์ ภายในลิฟต์ทั้งเก่าทั้งโทรม ไหนจะไฟตรงเพดานติด ๆ ดับ ๆ ชวนหลอน บอกเลยว่ามันเป็นลิฟต์ประจำหอเพียงตัวเดียว ที่ทำผมใจเต้นตุ๊ม ๆ ต่อม ๆ ทุกครั้งเมื่อได้ใช้งาน
ปกติผมจะเดินขึ้น เพราะห้องผมมันอยู่แค่ชั้น 4 แต่วันนี้ต้องแบกจักรยานไปต่างโลกด้วยจึงต้องใช้บริการลิฟต์นรกนี่ ระหว่างอยู่ในลิฟต์ผมก็ได้แต่สวดภาวนาให้มันขยับไปได้ถึงจุดหมายปลายทางอย่างปลอดภัย
เมื่อถึงชั้น 4 ผมทำการยกจักรยานออกจากลิฟต์ ก่อนจะลูบอกปลอบใจตัวเองว่าวันนี้รอดแล้ว เพื่อความสะดวกสบายและประหยัดเวลาเดินทาง ผมเลยกะว่าจะนำจักรยานคู่ใจไปต่างโลกด้วยในครั้งนี้ จะให้คนเจนวายอย่างผม ขี่ม้าเหมือนผู้คนในต่างโลก ผมทำไม่เป็นหรอกนะ เวลาก็น้อย ไหนจะยังต้องเดินทางไปทั่วแดนเหนือ ที่ไม่รู้ว่ามีอาณาเขตกว้างใหญ่เพียงไหน ในเวลาแค่ 30 วัน วันละแค่ 5 ชั่วโมง มันเป็นภารกิจที่ยังไง ๆ ก็มีแววล่มมาตั้งแต่แรก ถ้าไม่มีเครื่องทุ่นแรงผมก็คงไม่ไหว
ใจจริงอยากเอามอเตอร์ไซค์หรือรถยนต์ไปขับเหมือนกัน แต่ความจนมันไม่เข้าใครออกใคร ตั้งแต่เกิดมาจนอายุ 25 ผมก็มีแค่จักรยานเท่านั้นแหละครับ...
ผมมาถึงห้องโดยสวัสดิภาพในเวลาเที่ยงคืนพอดิบพอดี ก่อนจะล้มตัวลงไปนอนหงายมองเพดาน เอาแขนก่ายหน้าผากแล้วคิดอย่างเหม่อลอยอยู่บนเตียง เรื่องเมื่อวานทำเอาผมปวดหัว สิ่งที่ได้จากการนั่งคิดนอนคิด หาทางออกกับปัญหาโลกแตกมาทั้งวันก็คือ ทำยังไงก็ได้ ไม่ให้นักบุญหญิงตกอยู่ในมือสาวกวิหารเทพแห่งความมืด ไม่งั้นความฉิบหายจะมาเยือนผมทุกทิศทาง ส่วนภารกิจของชาล็อตผมก็จะทำ ใครจะยอมพลาดโอกาสกลายเป็นคนพิเศษกันเล่า สำหรับผมแล้วการตั้งความหวังไว้สูง ก็ยังดีกว่ายอมแพ้ตั้งแต่แรก ถึงในตอนนี้จะยังไม่รู้ว่าตัวเองต้องเริ่มต้นจากไหน แต่ผมก็จะพยายามทำมันให้ดีที่สุด
ตีหนึ่งกว่า ผมลุกขึ้นไปลวกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกินจนหมดในคราวเดียว ต้องรองท้องก่อนไปต่างโลก วันนี้นอกจากจะต้องคืนหนี้ให้ทีน่าแล้ว ยังต้องไปสมัครกิลนักผจญภัยอีก เพราะถ้ามีบัตรกิลนักผจญภัย จะเดินทางไปไหนมาไหนก็ง่ายกว่าชาวบ้านทั่วไปมาก โดยเฉพาะในสถานที่หวงห้ามเช่นดันเจี้ยน ถึงผมจะโกหกไปว่าตัวเองเป็นพ่อมด แต่ก็ไม่มีกฎข้อไหนห้ามพ่อมดเป็นนักผจญภัยนิ แม้แต่นักรบเผ่าเอลฟ์อย่างทีน่าก็ยังมีบัตรกิลนักผจญภัยเลย แถมหล่อนยังเป็นแรงค์ B อีกต่างหาก
พอเปลี่ยนเสื้อผ้าจากชุดพนักงานเซเว่นไปใส่ชุดดำ ตัวผมก็พึ่งคิดขึ้นได้ว่าชาล็อตมอบทองก้อนเล็ก ๆ มาให้เป็นค่าสินค้าเซเว่นเมื่อวาน เลยแทบจะเอามือตบหน้าผากตัวเอง หลังจากคืนหนี้ให้ทีน่าเป็นเงิน coin แล้วเงินส่วนพี่เหลือผมก็ขอรับเป็นทองทั้งหมดแทน
ไอ้ทองก้อนที่ให้มาเนี่ย ถึงจะก้อนเล็กเท่าลูกอมฮอลล์คูล มันกลับมีมูลค่ามากกว่าของทั้งกระเป๋าผมเมื่อวานชัวร์ ๆ แต่มันเล็กมากผมเลยลืมสนิทว่าเก็บมันไว้ในซอกหลืบของชุด ผมหยิบมันออกมาแล้วเก็บใส่ในที่ปลอดภัย ไว้พรุ่งนี้ค่อยเอาไปขายร้านทอง เมื่อเช้ามัวแต่คิดมากเรื่องที่ตาลุงเทพเจ้าสูงสุดพูดกับภารกิจของชาล็อตจนลืมไปซะสนิท
แต่ถึงแม้การค้าครั้งแรกจะประสบผลดี แต่ทางชาล็อตยังขอเวลาพิสูจน์สรรพคุณสิ่งของต่าง ๆ ให้แน่ใจ โดยเฉพาะยาสามัญประจำบ้านทั้งหลาย ในรอบนี้ผมเลยไม่ได้ซื้ออะไรติดไม้ติดมือไปขาย นอกจากอุปกรณ์จำเป็นบางอย่างที่ต้องใช้งานในพื้นที่กันดารเทคโนโลยีเข้าไม่ถึงอย่างต่างโลก
อันที่จริงเรื่องค้าขายผมกลับไม่คิดจะทำมันอย่างจริงจังมาแต่แรก ครั้งที่แล้วแค่จะทดลองอะไรบางอย่าง และหาเงินคืนทีน่า ทำบ่อย ๆ ผมคงเสี่ยงต่อการโดนจับได้ นอกจากนั้นมันยังเป็นปัญหาใหญ่สำหรับผมด้วยถ้าทำทุกวัน คุณดูหน้าผมดี ๆ คนหน้าตาแบบผมเดินเข้าออกร้านทองบ่อย ๆ เจ้าของร้านคงคิดว่ากำลังรับซื้อของโจร แล้วโทรเรียกตำรวจมาจับผมจะทำไง เห็นแบบนี้ผมก็ไม่โง่นะ
.......
นาฬิกาบนไอโฟน 10 ที่ยังผ่อนไม่หมด แสดงเวลาตีสาม ร่างของผมปรากฏขึ้นพร้อมจักรยานคู่ใจในห้องสี่เหลี่ยมผืนผ้า ที่มีเพียงเตียงนอนแข็ง ๆ หลังหนึ่ง แสงแดดยามกลางวันสาดเข้ามาทางหน้าต่าง มันให้ความรู้สึกอบอุ่นมีชีวิตชีวาไม่เหมือนแสงแดดเมืองไทยที่ร้อนจนแสบผิว
นี่คือห้องพักธรรมดา ๆ ในโรงแรมแห่งหนึ่ง มันอยู่ใกล้กับอาคารสำนักงานกองกำลังทหารประจำเมือง ผมยกมือทักทายทีมงานซัง ที่ลอยมาเสนอหน้ารายงานตัวอย่างกระตือรือร้น พร้อมข้อความแสดงยอดคนดูไลฟ์สตรีมในวันนี้
หืม 6 คน ถือว่าไม่เลวเลย จำนวนคนดูเพิ่มขึ้นถึงแม้ไม่มากแต่มันก็เพิ่ม ผมยิ้มให้ทีมงานซังแล้วเริ่มกล่าวเปิดการไลฟ์สตรีมในวันนี้“ยินดีต้อนรับเข้าสู่ชาแนล Pawin กับปฏิบัติการ Live stream ณ ต่างโลก เฮ้!” ผมปรบมือรัว ๆ อย่าคึกจัด “และนี่ก็เป็นการไลฟ์ครั้งที่ 3 แล้ว ใครที่ยังไม่ได้กดไลท์ กดไลท์ให้ด้วย แล้วอย่าลืมถ้าชอบนิยายเรื่องนี้กดติดตามและเพิ่มผมเข้าชั้นหนังสือด้วยนะคร้าบบบบ”
“ส่วนภารกิจแรกในวันนี้ ผมจะพาพวกคุณออกไปตามหากิลนักผจญภัยกันครับ”
“ไหนขอแผนที่เมืองหน่อยสิทีมงานซัง”
ทีมงานซัง : ขอโทษด้วย ทีมงานไม่มีระบบแผนที่ [อีโมติคอนน้ำตานองหน้า]
หลังจากอ่านข้อความของทีมงานซัง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าตอนนี้หน้าผมเอ๋อแค่ไหน เรื่องสำคัญแบบนี้ทำไมไม่เตือนกันก่อนเล่า!!
ผมหอบหิ้วจักรยานออกจากห้องพักโรงแรมอย่างเซ็งจัด แล้วเดินเข้าไปหาพนักงานในโรงแรมที่มองผมอย่างอึ้ง ๆ ว่าไปหอบไอ้ของหน้าตาประหลาดพันธุ์นั้นมาจากไหน ทั้งที่เมื่อวานก็มาพักตัวเปล่าแท้ ๆ
"นี่คุณพนักงาน กิลนักผจญภัยไปทางไหนเหรอ?"
.........
หลังจากที่ปั่นจักรยานหลงทางไปมาอยู่เป็นครึ่งชั่วโมง เนื่องจากถามทางจากพนักงานในโรงแรมมาแล้วก็ยังหลง จะเอาอะไรกับคนอย่างผมที่พึ่งมีอิสรเสรีไปไหนมาไหนเองเป็นครั้งแรกในต่างโลก แม้แต่แผนที่ ๆ โรงแรมแจกให้ก็ยังอ่านไม่ออก แต่แล้วเหมือนเทพธิดานำทางจะเห็นใจ ผมได้พี่ทหารใจดียอมขึ้นนั่งซ้อนท้ายจักรยานที่ผมปั่น และช่วยบอกทางมาจนถึงหน้าตึกกิลนักผจญภัย
ที่จริง ไม่ใช่ว่าพี่ทหารแกใจดี เห็นผมเดือดร้อนเลยยื่นมือช่วยเหลือหรอก พอดีเนื่องจากชาล็อตเป็นเจ้าเมือง ตัวผมที่เป็นพ่อมดเก๊ ที่ซึ่งได้รับความไว้วางใจจากเธอจึงมีออร่าแขกพิเศษของเจ้าเมืองติดตัว ทหารเลยใจดีกับผมเป็นพิเศษ (จับตามองผมเป็นพิเศษ) นอกจากนั้นผมยังสามารถเปิดเผยตัวตน ยืดอกพกจักรยานในที่สาธารณะได้ ทำให้ผู้คนไม่แตกตื่นและไม่โดนทหารยามวิ่งไล่จับเหมือนวันแรกอีกต่อไป
กิลนักผจญภัย พูดง่าย ๆ คือสถานที่อำนวยความสะดวกของเหล่านักผจญภัยนั่นเอง มันเป็นตึกสองชั้น ทำจากหินเหมือนสถานที่อื่น ๆ ภายในเมือง แต่บรรยากาศและการตกแต่ง ดันให้ความรู้สึกเหมือนร้านเหล้ามากกว่ากิลนักผจญภัยในจิตนาการของผม แถมตึกกิลยังตั้งอยู่ซะเกือบชิดประตูเมือง
จะว่าไป ที่นี่นับเป็นหนึ่งในสถานที่ยอดฮิตของต่างโลกเลยนะครับจากการสำรวจข้อมูลในเน็ต กว่า 90 เปอเซ็นต์ของนิยายต่างโลกจะต้องมีกิลนักผจญภัย เพราะงั้นแม้ภารกิจจะรุมเร้าตัวผมก็ต้องมาสมัครสมาชิกกิลนักผจญภัยให้ได้
"ทุกคนครับ กิลนักผจญภัยนี่เป็นแลนด์มาร์คอันดับต้น ๆ เลย ถ้าคุณมีโอกาสมาต่างโลกแล้วไม่ได้มาที่กิลนักผจญภัย ก็คงจะเรียกว่ามาไม่ถึงต่างโลก"ผมหันไปพูดแนะนำสถานที่กับทีมงานซัง น้ำเสียงแฝงไว้ด้วยความตื่นเต้นทำหน้าที่เป็นเป็นไกด์ที่ดีในต่างโลก
“รับสมัครปาร์ตี้ไปลุยป่าแดง ขอคนเกรด D ขึ้นไป”
“รับสมัครคนจำนวนมาก ไปลุยดันเจี้ยนบอสเจ้าแห่งพงไพร นักธนูขอเกรด B ขึ้นไป นักรบขอเกรด A ขึ้นไป”
เสียงตะโกนหาคนเข้าปาร์ตี้ ดังครึกครื้นมาตั้งแต่หน้าทางเข้า "ถ้าไม่รู้ว่าตะโกนรับสมัครคน ผมคงจะคิดว่ากำลังก่อม็อบประท้วงขอขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ"กล่าวแซะพวกเขาใส่กล้องก่อนที่จะลากจักรยานไปจอดไว้ตรงแถวพุ่มไม้
ผมเดินฝ่าฝูงคนจำนวนมากที่ประกาศรับสมัครคนและเข้ามาด้านในได้สำเร็จ ภายในตึกถูกแบ่งเป็นโซนอย่างมีระเบียบ โซนติดต่อพนักงานและโซนกระดานภารกิจที่เหมือนในเกม RPG ทั่ว ๆ ไป จะอยู่บนชั้นลอย ด้านล่างจะเป็นโซนร้านเหล้านั่งชิลล์ ผมเดินผ่านโซนร้านเหล้าขึ้นไปยังชั้นลอยตามคำแนะนำของทีมงานซังผู้แสกนอาคารกิลนักผจญภัยเสร็จเรียบร้อย ต้องยอมรับเลยว่าที่นี่แม้แต่เวลากลางวันคนก็นั่งกันเต็มเกือบทุกโต๊ะ แถมยังมีนักดนตรีบรรเลงเพลงรื่นเริง บรรยากาศโดนรวมชวนให้รู้สึกว่าผมกำลังอยู่ในโลกแฟนตาซีอย่างแท้จริง ไม่ใช่เพียงแค่ย้อนเวลาไปยังสมัยยุโรปยุคกลาง
“ยินดีต้อนรับสู่กิลนักผจญภัยเมืองรีโอเจ้าค่ะ” หญิงสาวสวมแว่นกลมใส หน้าตาจืดชืดผมสีน้ำตาลไหม้เอ่ยทักขึ้นเมื่อผมเดินเข้ามาหาเธอตรงเค้าเตอร์
“เอ่อ สวัสดีครับ ผมจะมาสมัครเป็นนักผจญภัยครับ”
“สมัครสอบเป็นนักผจญภัยประจำเมืองรีโอนะคะ สมัครแบบธรรมดา ค่าสอบ 10 Coin สมัครแบบ VIP ค่าสอบ 500 Coin ค่ะ จะรับแบบไหนดีเอ่ย”
“แล้วมันต่างกันยังไงครับ” ผมเกาหัวงง ๆ โลกนี้มันก็มีระบบ VIP ด้วยเหรอฟะ
พนักงานสาวส่งยิ้มการค้ามาให้ พร้อมเริ่มพูดอธิบาย
“แบบธรรมดาจะต้องสอบข้อเขียน และสอบปฏิบัติพร้อมทำภารกิจ 5 ภารกิจให้สำเร็จภายในเวลา 1 สัปดาห์ แรงค์เริ่มต้นจะอยู่ที่แรงค์ F ค่ะ”
“ส่วนแบบ VIP จะมีขั้นตอนแค่ทดสอบวัดค่าสถานะ กับอาร์ติแฟคที่ทางเราเตรียมไว้ให้ ถ้าสถานะของท่านถึงขั้นต่ำแรงค์ไหน ก็จะได้แรงค์นักผจญภัยตามค่าสถานะค่ะ เช่นค่าสถานะของท่านถึงแรงค์ A ท่านก็จะได้รับแรงค์ A ไปเลยโดยไม่ต้องทำภารกิจไต่แรงค์ให้วุ่นวาย เมื่อสอบเสร็จจะสามารถรับภารกิจตามแรงค์ของท่านได้ทันที”
“ผมสอบก่อนจ่ายที่หลังได้ไหมครับ...” หลังจากได้ยินคำตอบจากผม รอยยิ้มพนักงานพลันแข็งค้างขึ้นมาทันที
“ไม่มีเงินหรือคะ?”
“ครับ” ผมเบนสายตาหลบจากเธออย่างอาย ๆ ลืมไปได้ยังไงว่าขอเงินจากชาล็อตเป็นทองไปแล้ว เหอ ๆ ๆ
“ถึงผมจะไม่มีเงิน แต่ใช้ของแลกแทนได้ไหมครับ” ผมหยิบมีดพกอเนกประสงค์ที่คิดว่าน่าจะมีราคามาที่สุดที่มีติดตัวในตอนนี้ ขึ้นมาวางไว้บนเค้าเตอร์ “คิดว่าจะได้สัก 500 Coin ไหมครับผมขี้เกียจทำอะไรวุ่นวายน่ะ”
ผมใช้เวลาอธิบายสรรพคุณมีดพกอเนกประสงค์ พร้อมสาธิตการใช้งานอยู่นาน กว่าสาวเจ้าจะยอมรับมันไปแทนค่าสมัครสอบของผม เกือบหวิดมาเสียเที่ยวแล้วไหมล่ะ! ผมร้องเยสอยู่ในใจ เมื่อมันมีมูลค่าพอในการจ่ายค่าสอบแบบ VIP
พนักงานสาว ก้มลงไปหยิบแผ่นหินขนาดเท่าครึ่งกระดาษ A4 ขึ้นมาส่งให้ผม
“ถือแผ่นหินไว้แล้วพูดคำว่า ‘ตรวจสอบ’ นะคะ”
แค่เนี๊ย? ...ง่ายเกินไปป่ะ เมื่อมีเงินทุกอย่างก็ง่าย ๆ แบบนี้สินะ การเป็น VIP นี่มันดีจริง ๆ ผมก็ถือแผ่นหินด้วยมือทั้งสองข้างและพูด Keyword การใช้งานออกมา
“ตรวจสอบ”
หลังจบคำ แผ่นหินในมือเรืองแสงสีขาวอ่อนจางก่อนจะมีตัวอักษรประหลาด ๆ ที่ผมอ่านไม่ออกปรากฏขึ้นเต็มไปหมด
การใช้อุปกรณ์อาร์ติแฟคครั้งแรกของผมก็ถือว่าหน้าตื่นตาตื่นใจดีแฮะ
“นี่คุณ แบบนี้ถือว่าเสร็จแล้วใช่ไหม?” ผมยื่นแผ่นหินคืนกลับไปให้พนักงาน
“รอสักครู่นะคะ ข้าขอจดข้อมูลลงในบัตรก่อน ชื่อของท่านคือ ภาวิน พัด-ทา-รา-พัน ถูกต้องไหมคะ”
“ภาวิน ภัทรพันธุ์ ครับ”
“พัด-ทา-รา-พัน ทะระพัน”
“ภัทรพันธุ์ ใช่มันเป็นนามสกุล”
“เอ๋ ท่านคงเป็นขุนนางสินะถึงได้มีนามสกุลเช่นนี้” พนักงานสาวเงยหน้าขึ้นมามอง แล้วเนื่องจากผมขี้เกียจอธิบายให้ยืดยาวเลยพยักหน้าให้เธอไป
“ท่านคงจะเป็นนักรบ ค่าพลังกายกับความอึดโดดเด่นมาก ค่าจิตใจก็สูง อืม ๆ ค่าโชคต่ำ ค่าเสน่ห์ต่ำ ค่า...”
ไม่รู้ว่าหล่อนอ่านค่าสถานะให้ฟังหรือกำลังแทงใจดำผมอยู่กันแน่ ทำไมรู้สึกเจ็บปวดเหลือเกิน
“เอาล่ะ เรียบร้อย นี่ค่ะบัตรกิลนักผจญภัย ท่านได้เริ่มต้นที่แรงค์ D แม้ค่าพลังกายและความอึดของท่าน จะจัดอยู่ในระดับแรงค์ C แต่ค่าสถานะอื่น ๆ บางชนิดกลับต่ำยิ่งกว่าแรงค์ F การประเมินโดยรวมจึงเป็นแรงค์ D ค่ะ”
เธอยื่นบัตรกิลนักผจญภัยส่งมาให้ มันมีขนาดเท่าบัตรเครดิตแต่ทำจากเหล็ก ด้านหนึ่งของบัตรถูกสลักด้วยชื่อของผม ไม่เห็นว่ามันจะเหมือนบัตรสวย ๆ ของทีน่าตรงไหนเลย
“กรุณาหยดเหลือยืนยันความเป็นเจ้าของบัตรด้วยค่ะ”
หืออออ อะไรนะเลือด เลือดเนี่ยนะ ผมมองบัตรในมือทีมองหน้าเธอที แต่แม่สาวพนักงานกิลกลับพยักหน้าให้ผมอย่างหนักแน่นว่าต้องทำ
โลกนี่ช่างป่าเถื่อน แค่สมัครสมาชิกทำไมต้องใช้เลือดด้วยฟะ ตอนนี้สมองผมมีภาพกรีดเลือดสาบานในหนังจีนผุดขึ้นมาเป็นฉาก ๆ เอาว่ะไหน ๆ ก็จ่ายไป 500 coin แล้ว ตัวผมผู้มีความซาดิสไม่พอจะกัดนิ้วตัวเองเหมือนพระเอกหนังจีน จึงเอ่ยขอเข็มจากพนักงานสาวเพื่อเจาะเลือดอย่างจำยอม
เมื่อหยดเลือดจากปลายนิ้วลงไปบนบัตรกิล มันก็เปลี่ยนลวดลายทันทีจากบัตรสีเงินธรรมดาเป็นบัตรที่มีลวดลายสวยงาม พร้อมตราประทับแรงค์ D
สุดยอดสมกับเป็นต่างโลก! ไอ้บัตรนี่ก็นับเป็นอุปกรณ์อาร์ติแฟคสินะ เจ้านี่มันคือบัตรนักผจญภัยที่ต้องแลกมาด้วยเลือด! เป็นไงล่ะ เป็นไงล่ะ แค่ถือไว้ในมือก็รู้สึกเท่โคตร ๆ แล้ว วะฮ่า ๆ ๆ ๆ ด้วยความตื่นเต้นจัดผมก็อดใจตัวเองไว้ไม่ได้ ลืมไปเลยว่าตอนนี้กำลังยืนอยู่ต่อหน้าพนักงานกิล เผลอส่งเสียงหัวเราะแปลก ๆ พร้อมชูบัตรใส่ทีมงานซัง “มิชชั่นคอมพลีท! คุณเห็นไหมครับ ผมได้มาแล้วบัตรนักผจญภัย หุหุหุ”