ตอนที่ 8 เซน่า
ตอนที่ 8 เซน่า
“พี่สาว อย่าไปตรงนั้น น้ำมันลึก”
เรดิกัลหาได้สนใจเสียงเรียกของเด็กสาวเซน่า เขายังคงเดินลงแม่น้ำไปเรื่อยๆ
“พี่สาว พี่สาว พี่สาว” เซน่าตะโกนอย่างเสียงดัง น้ำเสียงเต็มด้วยความห่วงใยระคนตกใจ
เรดิกัลไม่มีกระจิตกระใจจะรับฟังเสียงผู้ใดอีก
“พี่สาว ได้โปรด” เซน่าเริ่มหวาดกลัวเสียงสั่นเครือขึ้นมา สาวน้อยเห็นเรดิกัลศีรษะจมมิดไปกับสายน้ำ นางได้แต่ยืนตะลึงไม่ทราบจะทำอย่างไร
เรดิกัลจมอยู่ในห้วงน้ำลึก น้ำไหลทะลักเข้ามาในส่วนต่าง ๆ ทั้งหู จมูก จนลมหายใจเริ่มติดขัด
ลือกันว่าคนเราก่อนตายมักจะนึกถึงเรื่องราวในอดีต ครอบครัวหรือคนที่รัก แต่สำหรับเรดิกัลกลับแตกต่างไป
ตลอดชีวิตเรดิกัลมีแต่ฝึกฝนวิชาเพื่อสู้รบ ภาพเขาลอบเข้าค่ายโจรภูเขาเพื่อสังหารหัวหน้าโจร สังหารแม่ทัพเผ่ายักษ์น้ำแข็ง ปลงพระชนม์กษัตริย์เผ่ายักษ์ตาเดียว กำราบเจ้ามังกรเขียวเซเวียส สังหารพญามัจจุราชเพลิง ล้วนผุดขึ้นมาในสมอง ไม่มีการศึกคราใดที่เขาไม่ตกอยู่ในอันตราย แต่เขาก็รอดชีวิตมาได้ทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นเพราะพลังฝีมือหรือสติปัญญาหรือการใช้วิธีสกปรกก็ตาม
แล้วเหตุใดครั้งนี้เขาต้องยอมแพ้?
เรดิกัลเริ่มถามตนเอง ขณะที่น้ำเข้ามาในร่างกายไม่หยุด อาการสำลักน้ำของเขาก็เริ่มขึ้น
“เราสู้ซาอูไม่ได้เพราะร่างกายเรามีสภาพเช่นนี้ แต่หากร่างกายเราคืนสู่ภาพเดิมได้เล่า?”
คำถามสำคัญผุดขึ้นในใจ เรดิกัลรู้สึกลมหายใจเขากำลังจะขาดห้วง จึงรีบว่ายน้ำขึ้นมาทันที
เรดิกัลหอบหายใจขณะร่างกายยังลอยอยู่บนแม่น้ำ ได้ยินเสียงเซน่าเรียก “พี่สาว พี่สาว” ไม่หยุด
เรดิกัลค่อย ๆ ว่ายน้ำมาริมฝั่ง เขาถามเซน่าว่า “เจ้าเรียกข้าทำไม?”
“ข้าคิดว่าท่านจมน้ำ” เซน่าตอบเสียงสั่นเครือเล็กน้อย
“ข้าเพียงแค่ว่ายน้ำเล่น เจ้าร้องไห้หรือ?” เรดิกัลถาม
เซน่าส่ายหน้า “ข้าไม่ได้ร้องไห้ ตั้งแต่ตาข้าเสียชีวิตข้าสัญญากับตนเองว่าจะไม่ร้องไห้อีก เพียงแต่ข้าเป็นห่วงท่านกลัวท่านจมน้ำ”
“เป็นห่วง” หากคำพูดนี้ออกมาจากขุนนางเพธอสคนใดเรดิกัลต้องกล่าวหาว่าคนเหล่านี้กล่าววาจาเสแสร้งแน่ หากแต่น้ำคำอันใสซื่อที่ออกมาจากปากเด็กสาววัยสิบสองปี ทำให้เรดิกัลบังเกิดความรู้สึกอบอุ่นขึ้นในใจเล็กน้อย
ตลอดยี่สิบสี่ปีที่เขามีชีวิตอยู่ไม่เคยสัมผัสถึงความรู้สึกแปลกประหลาดนี้มาก่อน
“กลับเถอะ” เรดิกัลกล่าวกับเซน่า
เรดิกัลสวมใส่ชุดของโคอีน กางเกงและเสื้อดูหลวมกว้างไปบ้าง โชคดีโคอีนมิใช่คนรูปร่างสูงใหญ่ เรดิกัลจึงสามารถสวมใส่ชุดของโคอีนได้ไม่ลำบากนัก เรดิกัลนอนพักอยู่ที่บ้านโคอีน เขานอนที่ห้องเซน่าโดยใช้ผ้านวมปูกับพื้นใช้รองต่างเตียง ส่วนเซน่านอนบนเตียงตามปกติ เซน่าชวนเรดิกัลคุย แต่ปกติเรดิกัลไม่ใช่คนมากวาจาจึงได้ตอบรับคำแบบผ่าน ๆ ไป เซน่าเห็นคุยกับพี่สาวคนสวยไม่สนุก ไม่นานก็เผลอหลับไป
อาณาจักรเพธอสเข้าสู่เช้าวันไหม่ แต่ท้องฟ้าก็ยังคงมืดมนไม่ต่างจากวันอื่น โคอีนตื่นแต่เช้าออกไปทำงานที่เหมือง เรดิกัลความจริงก็เป็นคนตื่นเช้าเพราะทุกเช้าเขาจะต้องลุกขึ้นมาฝึกฝนเพลงดาบและเวทมนตร์ แต่เหตุการณ์ที่ผ่านมาทำให้เขารู้สึกอ่อนเพลียเป็นอย่างมาก จึงหลับตานอนต่ออีกสักพักหลังจากที่ลืมตาตื่นไม่นาน
ได้ยินเสียงฝีเท้าม้าดังมา เรดิกัลตื่นตัวไวอย่างยิ่ง เขาลุกขึ้นมาจากที่นอนและเปิดหน้าต่างในห้องเซน่า เมื่อมองออกไปพบทหารเพธอสชุดดำสองคนกำลังขับขี่ม้ามาทางบ้านที่เขาพัก
“โคอีนทรยศเรา” ความคิดระแวงผุดขึ้นในสมองอย่างรวดเร็ว
เรดิกัลรีบวิ่งไปที่ห้องทำครัว หยิบมีดทำครัวเล่มหนึ่งขึ้นมา
“หากโคอีนแจ้งต่อทางการ อย่างน้อยสมควรฆ่าภรรยามันก่อน” ความคิดล้างแค้นผุดขึ้นในใจ เรดิกัลเพิ่งโดนทรยศมาความระแวงจึงรุนแรงเป็นพิเศษ เขาเดินไปที่หน้าห้องมาเรียซึ่งกำลังหลับ หากทหารบุกเข้ามาเขาจะสังหารนางก่อน แต่สำหรับเซน่าเรดิกัลยังไม่ตัดสินใจว่าจะสังหารเด็กสาวที่ช่วยชีวิตตนไว้หรือไม่
“ทุกคนออกมา” เสียงทหารเพธอสนายหนึ่งดังขึ้น
ทหารเพธอสตะโกนเรียกอีกหลายครา ชาวบ้านต่างไปรวมตัวกันตามที่ทหารเพธอสยืนเรียกอยู่ มาเรียเองก็ถูกเสียงเรียกปลุกให้ตื่นขึ้น นางพบเรดิกัลยืนอยู่หน้าห้องนางก็แปลกใจ
“มีไรอะไรหรือเปล่า?” มาเรียถามขึ้น
เรดิกัลซ่อนมีดทำครัวไว้ด้านหลัง ส่ายหน้ากล่าวว่า “ข้าได้ยินเสียงทหารเรียก”
“พวกทหารมีอะไรนะ? มาแต่เช้าเชียว” มาเรียกล่าวอย่างสงสัยจากนั้นก็เดินไปล้างหน้าและออกจากบ้าน ส่วนเรดิกัลไม่ยอมออกไป เขาบอกต่อมาเรียว่าเขาไม่สบาย
“นับตั้งแต่ทรราชเรดิกัลครองอำนาจ สั่งประหารประชาชนราวผักปลาเป็นเหตุให้ชาวเพธอสตกอยู่ในความหวาดกลัว ท่านซาอูมหาเสนาบดีแห่งเพธอสได้ยินถึงเสียงร่ำร้องแห่งความทุกข์ยาก จึงสังหารทรราชเรดิกัล ทำการปราบดาภิเษกขึ้นเป็นกษัตริย์ ปลดเปลื้องความทุกข์ให้ชาวเพธอส…”
ทหารเพธอสอ่านคำประกาศที่ค่อนข้างยืดยาวไม่หยุด ประชาชนเมื่อได้ยินว่าเรดิกัลถูกสังหารต่างจับกลุ่มวิจารณ์
“เรดิกัลยามปกติก็ชอบขยายอำนาจทำสงคราม มันเกณฑ์ลูกชายข้าไปเป็นทหาร ข้าสูญเสียลูกชายก็เพราะมัน” หญิงชราอายุราวหกสิบปีกล่าวขึ้น
“ได้ข่าวว่ามันส่งทหารไปตายเพื่อมันจะได้มีโอกาสสังหารคอร์แซค ช่างอำมหิตจริง ๆ คนแบบนี้ตายเสียก็ดี” ชายผอมซูบผู้หนึ่งกล่าว
“หกปีก่อนตอนมันยกทัพไปปราบเผ่ายักษ์ตาเดียว มันเกณฑ์ข้าไปเป็นทหาร ข้าต้องสูญเสียแขนก็เพราะมัน หลังจากข้ากลับจากสงครามก็หาลูกเมียไม่พบ” ชายชุดสีเทาเข้มแขนข้างขวาด้วนกุดผู้หนึ่งกล่าวด้วยน้ำตาคลอเบ้า
เมื่อมาเรียรับฟังคำประกาศและกลับไปที่บ้านเธอ มาเรียเห็นเซน่านั่งอยู่ในบ้านจึงถาม “แม่นางคนนั้นเล่า?” เซน่าส่ายหัวตอบว่า “พี่สาวออกไปแล้ว”
เรดิกัลเมื่อเห็นทหารเพธอสอ่านคำประกาศ ได้รับฟังคำวิจารณ์ของเหล่าชาวบ้านที่ลบหลู่ตน ทำให้เรดิกัลทราบว่าประชาชนเพธอสไม่มีผู้ใดรู้สึกดีกับตนและยังเกลียดชังตนเป็นอย่างยิ่ง การอยู่เพธอสนอกจากไร้ประโยชน์แล้วหากมีผู้ใดสงสัยว่าเขากลายร่างเป็นสตรีจะยิ่งทำให้มีอันตรายมากขึ้นเพราะเขาไม่ทราบว่าซาอูได้บอกเรื่องสาปเขาเป็นสตรีกับใครหรือไม่ เขาจึงตัดสินใจขโมยขนมปังในบ้านมาเรียทั้งหมด เร่งเดินทางออกจากหมู่บ้าน หวังออกไปให้ไกลจากอาณาจักรเพธอสที่แสนอันตราย
เรดิกัลเร่งเดินทางผ่านป่าน้อยใหญ่ ระหว่างทางพยายามปรับตนเองให้ชินกับสภาพร่างกายสตรี เขาพยายามจับสัตว์น้อยอย่างกระต่ายหรือไก่ป่ารับประทาน ใช้มีดทำครัวที่ขโมยมาในการสังหารหรือแล่เนื้อพวกมัน สำหรับวิธีจุดไฟย่าง เรดิกัลทราบดีอยู่แล้ว เนื่องเพราะเขามักออกศึกทำสงครามบ่อยครั้ง
ท้องฟ้าที่มืดมิดค่อย ๆ สว่างขึ้น เมฆทมิฬที่ปกคลุมดินแดนเพธอสค่อย ๆ ห่างไกลจากเขาไป นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นดวงตะวันสาดแสงเจิดจ้า จากอากาศที่ค่อนข้างเย็นยะเยือกในเพธอสกลับกลายเป็นอบอุ่นเย็นสบาย เรดิกัลต้องปรับดวงตาตนเองให้ชินกับแสงสว่างอยู่พักหนึ่งค่อยเดินทางต่อ
เขตแดนใต้
เรดิกัลไม่ทราบจะเริ่มต้นไปที่ใด ยามนั้นอากาศเริ่มเย็นลงเรื่อย ๆ แสงตะวันอันเจิดจ้ากลายเป็นแสงสีส้มอ่อนส่งสัญญาณถึงยามพลบค่ำใกล้มาเยือน เรดิกัลอยู่ในทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ เขามองเห็นหมู่บ้านอยู่เบื้องหน้าจึงรีบเร่งเดินทาง แต่ร่างกายที่เป็นสตรีอันอ่อนแอและเหน็ดเหนื่อยง่ายทำให้เขาเดินทางช้ากว่าปกติหลายเท่า
เรดิกัลมาถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่งในยามค่ำคืน หน้าหมู่บ้านเขียนป้าย “ดอร์มัง” เห็นบ้านหลายหลังปิดประตู แต่ยังมีแสงไฟลอดออกมาจากหลายบ้านแสดงว่ายังไม่ได้หลับนอน เรดิกัลเดินทางไปเรื่อย ๆ พบเห็นโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งเขียนป้ายคำว่า “สุขสันต์”
โรงเตี๊ยมสุขสันต์ในหมู่บ้านดอร์มังเป็นบ้านไม้สูงสามชั้น ชั้นแรกทำเป็นร้านอาหาร ชั้นที่สองและสามเป็นห้องพักของผู้เดินทาง ในห้องอาหารชั้นแรกมีโต๊ะไม้ประมาณสิบกว่าโต๊ะ มีผู้คนดื่มกินคึกคัก ส่วนใหญ่ล้วนเป็นบุรุษ สตรีส่วนน้อยที่มีก็แต่งหน้าทาปากด้วยสีจัดจ้าน สตรีเหล่านี้หากไม่ถูกบุรุษสวมกอดก็โอบเอว กริยาพวกนางออดอ้อนเอาใจบุรุษ การกระทำเหล่านี้น่าจะเป็นส่วนหนึ่งของอาชีพของพวกนาง ชาวดอร์มังหลังเหน็ดเหนื่อยจากยามทำงาน มักใช้ที่นี่เป็นที่นัดหมายพบปะดื่มกิน
เรดิกัลสวมชุดบุรุษเข้าไปในโรงเตี๊ยมสุขสันต์ ทำให้คนในร้านหันมามองเป็นตาเดียวกัน ทั้งตกตะลึงในความงามและแปลกใจในการแต่งกาย เรดิกัลสั่งเบียร์ ขนมปังและเนื้อแพะจานหนึ่ง ไม่นานเด็กในร้านก็นำอาหารมาให้
เรดิกัลไม่สนใจว่ามีเงินจ่ายค่าอาหารหรือไม่เพราะตลอดชีวิตการเป็นราชาของเขาแทบไม่ต้องจ่ายเงินทองด้วยตนเองเลย
ที่โต๊ะข้าง ๆ เรดิกัล มีชายสี่คนกำลังนั่งดื่มกินกันอย่างสนุกสนาน ชายผู้หนึ่งไว้หนวดดำอายุราวสี่สิบพูดขึ้น
“พวกเจ้าได้ยินข่าวสำคัญหรือยัง?”
ชายตัวเล็กอายุราวสี่สิบเช่นกันกล่าวถาม “เรื่องอะไร?”
“ได้ยินว่าเพธอสเปลี่ยนราชาคนใหม่แล้ว รู้สึกจะเป็นพ่อมด..พ่อมดไม้เฒ่าอะไรนั่น” ชายหนวดดำกล่าวติดขัด พยายามนึกฉายาของซาอู
.“พ่อมดไม้เท้าเพลิง” ชายตัวเล็กอายุราวสี่สิบเสริมขึ้น พ่อมดไม้เท้าเพลิงเป็นอีกฉายาหนึ่งของซาอู
“ได้ข่าวเรดิกัลราชาเก่าของพวกมัน โดนตัดหัวเสียบประจานไปทั่วทั้งเพธอส ให้ชาวบ้านถมน้ำลายรดใส่” ชายหนวดดำกล่าวขึ้น
“สมควรแล้ว ข้าเคยคุยกับชาวเพธอสที่เดินทางผ่านมาที่นี่ พวกเขาต่างหวาดกลัวเรดิกัล เพียงแค่เอ่ยนามก็มีน้ำเสียงสั่นเทาราวกับเจ้าเรดิกัลอะไรนั่นมายืนอยู่ด้านข้าง ชาวเพธอสเล่าว่าเจ้าเรดิกัลมักเกณฑ์ทหารไปทำสงครามและฆ่าคน” ชายร่างท้วมอายุราวสี่สิบกล่าวขึ้น
“ข้าไม่ค่อยรู้เรื่องการเมือง แต่คนแบบนี้ตายได้ก็ดี” ชายร่างสูงใหญ่กล่าวเสริม
ปัง !
เสียงแก้วเบียร์กระแทกกับโต๊ะเสียงดัง ชายทั้งสี่คนหยุดพูดคุยชั่วคราวและหันไปมอง พบคนกระแทกแก้วเบียร์คือสตรีสาวสวมชุดบุรุษที่โต๊ะข้างพวกเขาเอง
เรดิกัลได้ยินคำนินทาของชาวบ้านทั้งสี่คน แม้เขาจะมีความอดทนอย่างยิ่ง พยายามที่จะไม่อาละวาดออกมาแต่ก็อดระบายออกไม่ได้
“เป็นอะไรไปหรือแม่หนู” ชายหนวดดำกล่าวขึ้นด้วยความแปลกใจ
เรดิกัลไม่ตอบ เขาดื่มเบียร์ต่อ ชายหนวดดำเห็นเรดิกัลหน้าตางดงามจึงถามขึ้น
“แม่หนู มาคนเดียวหรือ?”
เรดิกัลยังคงไม่ตอบ ชายหนวดดำลุกขึ้นจากเก้าอี้ ไปนั่งที่เก้าอี้ที่ยังไม่มีคนนั่งที่โต๊ะเรดิกัล ชายหนวดดำเอ่ยขึ้น “ข้าไม่คุ้นหน้าเจ้ามาก่อน เจ้ามาจากที่ไหน?”
เรดิกัลจ้องชายหนวดดำด้วยแววตาคมกริบ กล่าวว่า “ออกไปจากโต๊ะข้า”
ชายหนวดดำเห็นเรดิกัลร่างอ้อนแอ้นบอบบางก็ไม่มีความเกรงกลัวบวกกับฤทธิ์สุราที่ดื่มไปก่อนหน้ายิ่งทำให้มันคึกคะนอง มันทำเสียงจุ๊ปากและกล่าวต่อ
“ช่างดุร้ายจริง ๆ สั่งเบียร์เพิ่มไหม ข้าเลี้ยงเอง”
ชายหนวดดำที่กำลังมึนเมาเล็กน้อยจากฤทธิ์สุรา พลันรู้สึกมีน้ำอุ่น ๆ สาดใส่ใบหน้า เป็นเรดิกัลสาดเบียร์ออกใส่ใบหน้าชายหนวดดำ
“หายเมาแล้วก็ออกไป” เรดิกัลกล่าวเสียงเย็นชา แต่น้ำเสียงสดใสในร่างสตรีทำให้ดูขาดความน่าเกรงขามไปบ้าง
ชายหนวดดำรู้สึกสร่างเมาเล็กน้อย โทสะพลันพุ่งขึ้น เขาลุกขึ้นเดินเข้าหาเรดิกัลตวาดว่า
“เจ้ากล้าดียังไง?”
ทันใดนั้นทั้งโรงเตี๊ยมเงียบกริบ ทุกคนหันไปมองที่โต๊ะเรดิกัลเป็นจุดเดียว
ชายร่างเล็กเพื่อนของชายหนวดดำกล่าวว่า “ฮาค เจ้าใจเย็นก่อน”
ชายหนวดดำที่ชื่อฮาคไม่ได้สนใจคำเตือนเพื่อน เขาจ้องหน้าเรดิกัลด้วยความโกรธแค้น เขากำลังใช้ความคิดว่าจะใช้วิธีใดจัดการกับสตรีงดงามนางนี้ดี
“น่าจะนำไปขายซ่อง” คำพูดคะนองปากของฮาคดังขึ้นพร้อมสายตาที่ลามกชั่วช้า
ผัวะ!!!
ใบหน้าของฮาคถูกต่อยเข้าอย่างจัง เรดิกัลสิ้นสุดความอดทน หากหมัดนี้ถูกต่อยออกโดยเรดิกัลในร่างบุรุษ หากฮาคไม่ฟันหลุดร่วงหมดปากก็คงกรามหักเป็นแน่ แต่ถึงแม้จะเป็นแรงของร่างสตรีก็เพียงพอที่จะทำให้ริมฝีปากฮาคมีเลือดไหลซิบออกมาได้
อารมณ์โกรธของฮาคพุ่งขึ้นสูงสุด เขาต่อยใส่เรดิกัลด้วยความรวดเร็ว แต่เรดิกัลเตรียมพร้อมไว้ก่อนแล้ว เขาเบี่ยงกายหลบจากนั้นต่อยหมัดขวาใส่ใบหน้าฮาคอีกหมัดหนึ่ง หมายจะให้มันสลบหรือล้มลงให้ได้
แต่หมัดของเรดิกัลนี้ไม่หนักหน่วงพอ แม้จะทำให้ฮาคเจ็บปวดแต่ก็หาได้สลบหรือล้มลงตามคาด ฮาคเตะเท้าขวาใส่ชายโครงเรดิกัล เขารีบก้าวเท้าหลบเลี่ยงแต่ด้วยร่างกายที่ไม่คุ้นเคยทำให้ชักช้าไป ชายโครงด้านซ้ายของเรดิกัลได้รับความเจ็บปวด แต่เขาไม่คิดจะร้องออกมา
เรดิกัลเห็นจานและแก้วบนโต๊ะจึงหยิบขว้างปาใส่ ฮาคไม่สามารถหลบทัน
“โอ๊ย!” ฮาคใช้มือซ้ายจับหน้าผากที่มีเลือดไหลซิบออกมา
จากนั้นเรดิกัลเอื้อมมือไปด้านหลังหมายหยิบมีดที่พันไว้ในห่อผ้าซึ่งเขาซุกซ่อนไว้หลังกางเกง
แต่มือยังไม่ทันจะสัมผัสถูกมีด ร่างกายเรดิกัลพลันถูกคนผู้หนึ่งจับไว้ คนผู้นี้เข้ามาจากด้านหลัง คล้องแขนทั้งสองข้างของเขาไว้ ชายร่างสูงใหญ่ซึ่งเป็นเพื่อนฮาคจับตัวเรดิกัลไว้
“อีริค จับมันไว้ นังนี่ทำข้าแสบ” ฮาคที่ใบหน้าอาบโลหิตตวาดด้วยโทสะจากนั้นต่อยใส่ท้องเรดิกัล ทำให้เรดิกัลเจ็บปวดน้ำตาแทบไหล แต่เขายังทะนงในศักดิ์ศรีกษัตริย์ แม้แต่เสียงร้องสักเล็กน้อยก็ไม่มี
“รู้สึกหรือยัง..โอ๊ย”ฮาคถูกเรดิกัลเตะใส่หว่างขาขณะกล่าววาจา จนใบหน้าเขียวคล้ำด้วยความจุก
“เพี๊ยะ” ชายร่างเล็กตบใส่ใบหน้าเรดิกัล ผิวพรรณอันขาวละเอียดปรากฎรอยนิ้วสีแดงห้านิ้ว มันระบายความแค้นแทนฮาคผู้เป็นเพื่อนตน
เรดิกัลมองชายร่างเล็กด้วยแววตาอาฆาต เขาเคยผ่านสมรภูมินับไม่ถ้วนบาดเจ็บไม่น้อย แต่ไม่เคยถูกลบหลู่เกียรติเช่นนี้มาก่อน
“ร้ายนัก นังนี่” ชายร่างเล็กกล่าวพร้อมถามพวกพ้องมัน “จะเอาอย่างไรต่อ?”
ชายร่างท้วมเห็นคนในโรงเตี๊ยมมองมาที่พวกมันเป็นจุดเดียว จึงเอ่ยขึ้น “ลากตัวมันออกไป” ใบหน้าแดงด้วยฤทธิ์สุราของมันแฝงแววชั่วร้ายอย่างเห็นได้ชัด
“แฟลช แอโรว์” (Flash Arrow-ลูกศรประกายแสง) ทันใดแสงสว่างวาบขึ้นไปทั่วชั้นล่างของโรงเตี๊ยม คล้ายมีผู้ใดยกดวงตะวันมาไว้ที่นี่ในชั่วเสี้ยววินาที คนทั้งหมดได้แต่หลับตาเพื่อหลบประกายแสงที่เจิดจ้าราวแสงตะวันนี้
ลูกศรดอกหนึ่งยิงเข้าหาชายร่างสูงใหญ่ที่จับเรดิกัลไว้อย่างรวดเร็ว มันถูกลูกศรยิงใส่ที่ไหล่จนร่างกายกระเด็นไปชนติดกับกำแพงโรงเตี๊ยม
บุรุษหนุ่มผู้หนึ่งกระโจนมาอย่างรวดเร็วดุจหมาป่าล่าเหยื่อ เขาต่อยหมัดออกด้วยความเร็วดุจสายลม หมัดถูกใบหน้าชายร่างเล็กที่กำลังหลับตาอยู่ จากนั้นกระทุ้งศอกใส่ท้องชายร่างท้วมจนตัวมันคุกเข่างอตัวด้วยความเจ็บปวดและเตะใส่ชายโครงของชายหนวดดำจนมันกระเด็นไปกระแทกกับโต๊ะของเรดิกัล
คนในโรงเตี๊ยมรวมทั้งเรดิกัลได้ยินเสียงโครมคราม จึงค่อย ๆ ลืมตาขึ้น พบชายทั้งสี่ถูกจัดการในชั่วพริบตาเดียว เรดิกัลพบเห็นบุรุษผมน้ำตาลแดง ใบหน้าอ่อนเยาว์ยืนอยู่เบื้องหน้าตน เห็นมือเขาถือธนูเงินด้านหลังสะพายซองธนูพร้อมลูกศร
“รอข้าเดี๋ยว” ชายผมน้ำตาลแดงกล่าวกับเรดิกัล เขาเดินไปหาชายร่างสูงใหญ่ที่ถูกลูกศรโจมตีใส่ไหล่จนสลบ เขาเก็บลูกศรซึ่งอยู่ข้าง ๆ ชายร่างสูงใหญ่ใส่ซองธนู ที่แท้ลูกศรนั้นไม่มีหัว เขาเพียงแค่ใช้แรงอัดจากเวทมนตร์ผ่านลูกศรโจมตีใส่ชายร่างสูงใหญ่เพื่อสั่งสอนแต่หาได้คิดเล่นงานถึงชีวิต
บุรุษผมน้ำตาลแดงเดินไปหาเรดิกัล ถามว่า “บ้านเจ้าอยู่ที่ใด ข้าจะไปส่ง”
เรดิกัลกล่าวว่า “ข้าไม่มีบ้าน”
จากนั้นเรดิกัลรู้สึกปวดท้อง ที่แท้เขาได้รับบาดเจ็บจากการถูกบุรุษหนวดดำเมื่อครู่ต่อยใส่ ร่างกายเขาหาได้แข็งแกร่งเหมือนช่วงเป็นบุรุษ
เรดิกัลมีสีหน้าเจ็บปวด เขาใช้มือกุมท้อง ชายผมน้ำตาลแดงเห็นเรดิกัลบาดเจ็บจึงกล่าว “หากไม่รังเกียจก็ไปที่บ้านข้าก่อน ข้ามีสมุนไพรรักษาได้”
เรดิกัลเห็นว่าอยู่ที่นี่ไปก็ไม่มีประโยชน์ เขาจึงพยักหน้าติดตามบุรุษผมน้ำตาลแดงผู้นั้นไป บุรุษผมน้ำตาลแดงวางเหรียญเงินไว้บนโต๊ะสามเหรียญเพื่อจ่ายค่าอาหาร พลังธนูของเขาทำให้ไม่มีผู้ใดกล้าเอ่ยปากหรือขัดขวาง
บุรุษผมน้ำตาลแดงไปที่คอกม้าหลังโรงเตี๊ยม เขานำม้าสีน้ำตาลของตนออกมาจากคอก จากนั้นเขาขึ้นม้าก่อนและส่งมือให้เรดิกัล
“ขึ้นมาสิ”
เรดิกัลปฏิเสธที่จะจับมือบุรุษ เขาเหยียบบังโกลนและกดอานม้าขึ้นไปเอง แม้จะมีสภาพทุลักทุเลอยู่บ้างก็ตาม
“เข้มแข็งต่างจากสตรีอื่น” บุรุษผมสีน้ำตาลครุ่นคิดขึ้น เขาอดยิ้มน้อย ๆ ไม่ได้เมื่อเห็นเรดิกัลพยายามขึ้นม้าด้วยตนเอง
ม้าของบุรุษผมน้ำตาลแดงวิ่งเหยาะ ๆ ออกนอกหมู่บ้านดอร์มัง เขากล่าวขึ้น
“ข้าชื่อโคโล่ แล้วเจ้าล่ะชื่ออะไร?”
เรดิกัลเห็นว่าหากเขาจะเลี่ยงตอบชื่อสตรีตนไปเรื่อย ๆ คงไม่ได้
“เซน่า” เรดิกัลกล่าวเบา ๆ เสียงอันแผ่วเบาของเขาไพเราะดั่งเสียงนกกระจิบ
เซน่าคือเด็กสาวผู้ช่วยดึงวิญญาณของเขาออกมาจากปากประตูนรก เขาใช้ชื่อนี้ถือเป็นการระลึกถึงนางและไม่นับว่าเป็นการลดทอนเกียรติตนแต่อย่างไร
“ชื่อไพเราะดี” โคโล่ยิ้ม จากนั้นกระตุกบังเหียนม้า บังคับม้าวิ่งอย่างว่องไวดุจสายลมเพื่อไปถึงที่หมายโดยไว
-----------------
เซน่า ชื่อของเรดิกัลในร่างสตรีมาแล้ว !! โคโล่เป็นใครมีบทบาทอย่างต้องติดตาม การผจญภัยของพวกเขาเพิ่งเริ่มต้น /// หลังจากนี้ผู้เขียนจะขอเรียกเรดิกัลในร่างหญิงสาวแสนสวยว่าเซน่าและใช้คำสรรพนามเรียกว่านางนะครับ เข้าใจตรงกันน๊า (อ้อน)