Chapter 7 : เด็กหญิงกับคำอธิษฐาน
Chapter 7 : เด็กหญิงกับคำอธิษฐาน
สายฝนตกลงมากระทบที่หน้าต่างห้องนอนของคฤหาสน์หลังใหญ่แห่งหนึ่ง
ภายในห้องนอนมีเด็กหญิงอยู่เพียงคนเดียว ดวงตากลมโตของเด็กหญิงตัวน้อยที่กำลังนั่งอยู่บนเตียงมองไปยังบริเวณหน้าต่าง เสียงของสายฝนที่ตกกระทบลงมาที่บานกระจกหน้าต่างทำให้เธอรู้สึกแปลก ๆ เมื่อมันผสมรวมกันกับเสียงเพลงที่เปิดคลอขึ้นมาเบา ๆ ภายในห้อง เธอไม่เข้าใจความรู้สึกนี้ว่ามันคืออะไร
รอบห้องของเด็กหญิงเต็มไปด้วยตุ๊กตาน่ารักหลายสิบตัวพร้อมกับของเล่นอีกมากมาย แต่ใบหน้าของเด็กหญิงกลับดูไม่มีความสุขเลยที่ได้อยู่ท่ามกลางข้าวของมากมายเหล่านี้ ถ้าเป็นเด็กหญิงคนอื่นในวัยเดียวกันคงจะสนุกสนานอยู่กับข้าวของพวกนี้ไปแล้ว
เหงา ...
คำคำนี้น่าจะเป็นคำจำกัดความได้ดีสำหรับเด็กหญิงตัวน้อยในวัย 13 ขวบ ที่ยังไม่เข้าใจความหมายของมันแต่เธอกลับกำลังรู้สึกถึงมันอยู่ เด็กหญิงหยิบตุ๊กตาบริเวณหัวเตียงของตัวเองมาเล่นเป็นเพื่อน ขณะสายฝนยังคงทำตามหน้าที่ของมันไปเรื่อย ๆ ตามฤดูกาล เสียงคำรามของท้องฟ้าดังขึ้นมาเหมือนต้องการขู่ให้เด็กหญิงกลัว
แต่เด็กหญิงไม่กลัวเสียงฟ้าร้อง เธอชินกับมันแล้วด้วยซ้ำ จำไม่ได้ด้วยว่าเมื่อไรที่เลิกร้องไห้เพราะเสียงฟ้าร้อง ไม่มีคำปลอบโยน ไม่มีการเข้ามากอดเอาใจ หรืออะไรทั้งนั้น เธอถูกเลี้ยงให้โตมาแบบนั้นตั้งแต่จำความได้ ไม่รู้ว่านานเท่าไรฝนถึงจะหยุดตกลงมาสักที ถึงแม้จะไม่ได้กลัว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะชอบ เด็กหญิงไม่ชอบบรรยากาศตอนฝนตกเลย เธออยากให้พ่อของเธอกลับมาเร็ว ๆ
อยู่ ๆ เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น พร้อมกับร่างของสาวใช้ในบ้านที่เข้ามาหาเธอ สาวใช้อยู่ในชุดเมดส่งยิ้มให้เธอพร้อมกับเข้ามาอุ้มอย่างใจดี เด็กหญิงไม่ขัดขืนอะไร ปล่อยให้สาวใช้อุ้ม
แต่มันคงจะดีกว่านี้ถ้าสาวใช้เป็นคนจริง ๆ ไม่ใช่หุ่นยนต์ AI ทั้งบ้านตอนนี้คงมีแต่เธอกระมังที่เป็นมนุษย์จริง ๆ
“คุณพ่อกลับมาแล้วนะคะคุณหนู” เสียงใสดังออกมาจากปากหุ่นยนต์สาวใช้ เด็กหญิงยิ้มกว้างขึ้นมาอย่างดีใจ ในที่สุดพ่อเธอก็กลับมาจากที่ทำงานสักที ใบหน้าของหุ่นยนต์สาวใช้ยิ้มกว้างมากขึ้นหลังจากสแกนใบหน้าเจ้านายตัวเองแล้วพบว่ามีรอยยิ้มอยู่บนหน้า หุ่นยนต์ AI ตัวนี้อยู่กับเด็กหญิงมานานจนเรียนรู้ได้ว่าเด็กหญิงต้องการอะไร และอะไรทำให้เธอมีความสุข
“พาฉันลงไปหาพ่อหน่อยเจนนี่” เด็กหญิงพูดกับสาวใช้
หุ่นยนต์สาวใช้ไม่ตอบอะไร อุ้มเด็กหญิงตัวน้อยออกไปจากห้องพร้อมกับเดินลงไปชั้นล่างของบ้าน เพียงไม่นานร่างของเด็กหญิงตัวน้อยก็ลงมาอยู่ชั้นล่าง ตรงหน้าของเธอมีชายคนหนึ่งกำลังเดินเข้ามาภายในคฤหาสน์หลังใหญ่แห่งนี้ ใบหน้าของเขานิ่งจนเหมือนไม่มีความรู้สึกอะไร เด็กหญิงหลังจากถูกสาวใช้ปล่อยตัวลงที่พื้นก็วิ่งเข้าไปหาพ่อของตัวเองด้วยความดีใจ
“คุณพ่อจำได้ไหมคะ ว่าวันนี้วันอะไรเอ่ย” เด็กหญิงยิ้มกว้างถามพ่อของตัวเอง
“ไอรีน พ่อเหนื่อย ไปเล่นกับเจนนี่นะ”
เสียงตอบดังกลับมาจากปากของคนเป็นพ่ออย่างไม่ใส่ใจ ไม่คิดจะเล่นทายคำถามไร้สาระของลูก ขณะที่ลูกสาวตัวน้อยเข้ามากอดเขาที่ขา ไม่ยอมให้เขาเดินหนีไปไหน คนเป็นพ่อถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อนหันไปมองหุ่นยนต์ AI เป็นเชิงให้มาช่วยดูแลลูกสาวของตัวเองต่อ
“แต่วันนี้วันเกิดหนูนะคะ หนูยังไม่ได้เป่าเค้กเลย” เด็กหญิงพูดขึ้นมาพร้อมกับเฉลยคำถามเมื่อสักครู่
“เจนนี่ ไปทำเค้กมาให้ไอรีนเป่าด้วย” คนเป็นพ่อพูดต่อ ไม่ได้คิดว่าเป็นวันสำคัญอะไร เขากำลังจะก้าวเดินต่อ แต่มือของเด็กหญิงตัวน้อยก็ยังคงไม่ยอมปล่อยจากขาเขาสักที
“พ่อขอไปพักก่อน เดี๋ยวเจนนี่ทำเค้กมาให้นะ”
พูดจบคนเป็นพ่อก็ก้มลงมาแกะมือเล็กที่เกาะขาเขาอยู่ออก ก่อนเดินหนีออกไป เด็กหญิงทำท่าเหมือนจะร้องไห้ขึ้นมาเมื่อไม่ได้รับความสนใจ แล้วเธอก็ร้องไห้ออกมาจนได้ โดยมีหุ่นยนต์ AI เข้าไปปลอบ เด็กหญิงรู้ดีว่าวิธีนี้ไม่เคยได้ผล ต่อให้เธอร้องไห้จนตาแดงก็ไม่สามารถทำให้พ่อหันมาสนใจเธอได้ แต่เด็กก็คือเด็ก เธอเก็บความรู้สึกไม่ให้ร้องไห้ออกมาไม่ได้อยู่ดี
สัญชาตญาณบางอย่างในตัวเธอทำให้แจกันใบหนึ่งลอยออกมาจากชั้นที่วางโชว์ มันลอยออกมาอยู่บริเวณกลางโถงคฤหาสน์ ก่อนมันจะร่วงตกลงมาตามแรงโน้มถ่วงอย่างรวดเร็ว
เพล้ง !
เสียงของแตกดังขึ้นมาทำให้คนเป็นพ่อที่กำลังเดินขึ้นบันไดไปชั้นบนของบ้านหันกลับมามองอย่างรวดเร็ว ใบหน้าที่เคยไร้ความรู้สึกเปลี่ยนแปลงไปจนดูน่ากลัว ภาพที่เขาหันกลับมาเห็นคือลูกสาวกำลังร้องไห้อยู่ข้างหุ่นยนต์ AI พร้อมกับเศษแจกันที่แตกกระจายอยู่บนพื้น แจกันมันมาแตกอยู่กลางโถงได้ยังไง
“เมื่อกี้ลูกทำอะไรน่ะ ! ลูกเป็นคนทำใช่ไหม !”
เสียงดังขึ้นมาจนเกือบเรียกได้ว่าตวาด ดังมาจากชายผู้ขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อ เขาไม่อยากเชื่อเลยว่าในที่สุดวันนี้ก็มาถึงจนได้ วันที่ได้เห็นลูกสาวตัวเองทำเรื่องแบบนั้นออกมา
สายเลือดสารเลว จากแม่สารเลว พวกกลายพันธุ์
ร่างนั้นพุ่งตรงมาหาเด็กหญิงตัวน้อยพร้อมกับดึงตัวออกมาจากหุ่นยนต์ AI ที่กำลังปลอบอยู่ สายตาที่มองมายังลูกสาวตัวเองเหมือนเห็นสิ่งที่น่าขยะแขยงที่สุดในชีวิต เด็กหญิงตัวน้อยยิ่งร้องไห้หนักกว่าเดิมเมื่อมือหนาของคนเป็นพ่อเข้ามาบีบไหล่เธอแน่นจนเจ็บไปหมด
“พ่อถามว่าเมื่อกี้มันเกิดอะไรขึ้น !”
“ฮึก ฮือ หะ หนู หนูไม่รู้”
เด็กหญิงร้องไห้หนักขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมกับสะอึก น้ำตาไหลลงมาอาบแก้มหลังจากโดนตะคอกถามใส่ เธอก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ามันเกิดอะไรขึ้น เธอแค่อยากให้พ่อหันกลับมาสนใจเธอ หันมากอดเธอ หันมาเข้าใจเธอ แต่อยู่ดี ๆ แจกันมันก็ลอยออกมาแล้วร่วงลงสู่พื้นเองอย่างรวดเร็ว เธอไม่ได้ตั้งใจ เธอแค่คิดว่าถ้าการร้องไห้มันไม่ช่วยอะไร มันก็ต้องมีวิธีอื่นที่ทำให้พ่อหันกลับมาสนใจเธอได้
คนเป็นพ่อเหมือนจะได้สติขึ้นมาหลังจากจ้องไปที่ดวงตาของเด็กหญิงที่เอ่อล้นไปด้วยน้ำตา มือหนาค่อย ๆ ปล่อยไหล่ของเด็กหญิงตัวน้อยออก ปรากฏให้เห็นเป็นรอยแดงเป็นจ้ำ เนื่องจากแรงบีบของมือเขาเมื่อตะกี้ เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนค่อย ๆ พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเบาลงกว่าเดิม
“อย่าร้องไห้ พ่อไม่ชอบ ถ้าอยากเป่าเค้กก็เงียบแล้วรอเจนนี่ทำให้ พ่อเหนื่อยมาก ขอตัวก่อน เข้าใจพ่อนะ”
เด็กหญิงทำตามคำสั่งของพ่อ เธอพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมาอีกเมื่อรู้ว่าพ่อไม่ชอบ หลังจากเด็กหญิงเริ่มสงบลง คนเป็นพ่อก็เดินหนีออกไปชั้นบนของคฤหาสน์ เด็กหญิงไม่เข้าใจว่าตัวเองทำผิดอะไร เธอเป็นเด็กดี ทำทุกอย่างตามคำสั่งของพ่อ พ่อให้เธออยู่ในบ้านเธอก็อยู่ พ่อให้เธอทำอะไรเธอก็ทำ แต่ทำไม ...
ทำไมเธอถึงรู้สึกว่าพ่อไม่รักเธอเลย
เค้กช็อกโกแลตก้อนใหญ่พร้อมกับเสียงร้องเพลงอวยพรวันเกิด ถูกถือและร้องออกมาจากหุ่นยนต์ AI ที่เดินเข้ามาภายในห้องของเด็กหญิง ด้านบนของเค้กมีเทียนปักอยู่ เด็กหญิงหยุดร้องไห้นานแล้วแต่ตายังคงแดงอยู่ สายตาของเธอมองไปยังเค้กที่ถูกถือเข้ามาภายในห้องนอน เด็กหญิงยื่นหน้าเข้าไปเป่ามันจนเทียนดับทั้งหมด หุ่นยนต์ AI ถามเด็กหญิงว่าอธิษฐานหรือยังก่อนเป่าเค้ก ทำไมถึงเป่าเร็วจัง
“จะอธิษฐานทำไมเจนนี่ ต่อให้อธิษฐานเหมือนเดิมทุกปี มันก็ไม่เห็นเป็นจริงสักทีเลย” เด็กหญิงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเศร้า เธอหมดศรัทธาในการอธิษฐานไปแล้ว
นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เธอก็ไม่เคยอยากเป่าเค้กวันเกิดอีกเลย
ร้านกาแฟชื่อดังย่านกลางเมืองวันนี้คนน้อยกว่าปกติ
คงเป็นเพราะสายฝนที่ตกลงมาตลอดทั้งวันด้วยกระมัง มันเลยทำให้บรรยากาศทั้งเมืองเงียบเหงาพอสมควร อาจจะเห็นการจราจรทางท้องถนนและทางอากาศอยู่บ้าง แต่ก็ไม่มีผู้คนออกมาเดินคึกคักมากนัก
ท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาปรอย ๆ หญิงสาวคนหนึ่งกำลังเดินถือร่มตรงมายังร้านกาแฟชื่อดังใจกลางเมือง เธอจัดเป็นคนที่สวยมากคนหนึ่ง เส้นผมสีน้ำตาลอ่อน ดวงตาเรียวสวย ริมฝีปากน่ามอง งดงามราวกับเป็นเทพธิดาที่มาจากบนสรวงสวรรค์ องค์ประกอบบนใบหน้าทำให้ทุกอย่างดูดี มีเสน่ห์ไปหมด น่าเสียดายที่ตอนนี้ใบหน้านั้นดูเหมือนจะไม่แสดงความรู้สึกอะไรออกมาเลยสักนิด แต่ถ้าสังเกตดี ๆ มันเหมือนกับว่าดวงตาสวยคู่นั้นกำลังเก็บซ่อนความเศร้าและความเจ็บปวดอยู่เต็มไปหมด
ดูลึกลับ และน่าค้นหาอย่างประหลาด
เสียงการติดต่อดังขึ้นมาจากสายรัดข้อมืออิเล็กทรอนิกส์ของเธอ มือเรียวยกขึ้นมาแตะอุปกรณ์การรับฟังที่เสียบอยู่ที่หูตัวเองเพื่อตอบรับการติดต่อ
“ถึงแล้วใช่ไหมไอรีน” เสียงหนึ่งดังเข้ามาในโสตประสาท
“ค่ะพ่อ พ่อไม่ต้องห่วง กุญแจจะต้องเป็นของเรา”
หญิงสาวคุยอะไรต่ออีกนิดหน่อยก่อนจะจบการสนทนานั้นลง ตอนนี้เธอเดินมาถึงด้านหน้าของร้านกาแฟชื่อดังใจกลางเมือง ตำแหน่งที่ถูกพบว่ามีสัญลักษณ์ของจักรราศีสิงห์ปรากฏขึ้นเมื่ออาทิตย์ก่อนบนฟากฟ้า ตัวร้านใหญ่พอ ๆ กับที่จะเรียกได้ว่าเป็นคฤหาสน์ มันถูกออกแบบมาเป็นทั้งร้านกาแฟและที่อยู่ในคราวเดียวกัน
เธอมองขึ้นไปด้านบนของร้าน ซึ่งมีแผ่นป้ายไม้ขนาดใหญ่ติดอยู่ มันถูกเขียนไว้ว่า ‘Karan Café’ เมื่อมองเข้าไปในร้านที่เป็นกึ่งกระจกใสจะพบว่าในนั้นมีจำนวนคนน้อยกว่าปกติจากที่เธอหาข้อมูลมา สงสัยคงเป็นเพราะสายฝนที่เธอไม่ชอบอีกนั่นแหละ
หญิงสาวหุบร่มลง ก่อนมือเรียวจะเปิดประตูเดินเข้าไปภายในของร้าน
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป มินจุน สองฝาแฝดไพส์ซีส และซาจิททาเรียสก็กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของบ้านผม มินจุนเล่าให้ผมฟังว่าช่วงนี้ไม่มีงานยาว ๆ หลังจากจบคอนเสิร์ต เลยถือโอกาสมาพักผ่อนที่ประเทศนี้ แต่ถูกกลุ่มผู้ถือครองกุญแจจักรราศีที่เคยรู้จักตามมาฆ่า เนื่องจากเขามีกุญแจจักรราศีอยู่ที่ตัวตอนนี้ถึงสองดอก แต่แล้วก็รอดตายมาเจอผมอย่างหวุดหวิดตามที่ผมรู้นี่แหละ
ห้องที่ลีโอและไพส์ซีสเคยต่อสู้กันจนพังยับเยินตอนนี้ก็ซ่อมเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ห้องนั้นกลายเป็นห้องของมินจุนไปโดยปริยาย ผมคุยกับพ่อเรื่องที่มินจุนจะมาขออยู่ที่นี่พร้อมกับจ่ายค่าเช่าให้ด้วย พ่อก็บอกโอเค มีอะไรจะได้ช่วยเหลือกันง่าย ๆ ซึ่งนั่นก็เป็นการดีกับผมด้วย
วันนี้ก็เป็นวันปกติอีกหนึ่งวันของผม แต่ข้างนอกไม่ปกติแฮะ เพราะฝนตกทั้งวันเลยวันนี้ ผมเดินลงมาจากชั้นบนของบ้านหลังจากเคลียร์งานวิจัยเสร็จและรู้สึกเบื่อ ๆ ไม่มีอะไรทำต่อ พอเดินมาถึงด้านล่างก็พบพ่อกับฟินิกซ์กำลังช่วยกันอบขนมเค้กอยู่โซนด้านใน มุมหนึ่งของร้านแก๊งของมินจุนที่ประกอบไปด้วยฝาแฝดไพส์ซีสกับซาจิททาเรียสที่ใช้พลังเปลี่ยนท่อนล่างที่เป็นม้าของตัวเองให้เป็นขา กำลังนั่งแช่กินกาแฟกันไปอย่างชิว ๆ โดยมินจุนจัดเต็มใส่ทั้งแว่นกันแดดและผ้าปิดปากกลัวคนจะจำได้ ผมคิดว่าการกระทำแบบนั้นมันยิ่งเป็นที่น่าจับตามองมากกว่าอีก เห็นแล้วก็ได้แต่ส่ายหัว
ร้านค่อนข้างเงียบพอสมควรเลยเมื่อเทียบกับปกติ คงเป็นเพราะสายฝนที่ตกลงมาทั้งวันด้วยกระมัง เมื่อมองออกไปด้านนอกหน้าต่างกระจกใสจะเห็นสายฝนที่ตกลงมาปรอย ๆ ไอน้ำบางส่วนเกาะอยู่ที่กระจกจนเป็นไอ น่าเอามือไปขีดเขียนเล่น ผมมองไปยังลีโอที่ตอนนี้กลายมาเป็นพนักงานของร้านในชุดยูนิฟอร์มยืนอยู่แถวประตูร้านด้วยใบหน้าไม่ค่อยต้อนรับลูกค้าเท่าไร เพราะโดนฟินิกซ์ใช้ให้มาทำ มองแล้วก็ตลกดีเลยเดินเข้าไปทักพร้อมกับคุยเล่น
ขณะที่ผมกำลังคุยเล่นอยู่กับลีโอ ประตูของร้านก็ถูกเปิดขึ้นมาพร้อมกับลูกค้าคนใหม่ ทำให้ผมละความสนใจไปมอง คนเดินเข้ามาเป็นผู้หญิงหน้าตาน่ารัก น่าจะอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับผม เธอสวยอย่างกับนางฟ้า เส้นผมสีน้ำตาลอ่อนที่ดูเหมือนจะโดนสายฝนนิดหน่อยทำให้เจ้าตัวดูน่ามองมากขึ้นไปอีก ดวงตาคู่นั้นมีแววเศร้าเจืออยู่ ริมฝีปากที่แม้จะไม่ได้ยิ้มแต่กลับมีเสน่ห์อย่างน่าประหลาด ในมือขวาของเธอมีร่มที่หุบไว้อยู่
ให้ตายเถอะ มันเหมือนต้องมนต์ ผมหยุดมองผู้หญิงคนนี้ไม่ได้เลย
เธอดูลึกลับ น่าค้นหาอย่างบอกไม่ถูก
“เชิญทางนี้เลยครับคุณลูกค้า วันนี้ทางร้านมีโปรโมชันพิเศษด้วยนะครับ”
ผมได้สติขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงของลีโอ ว่าแต่ร้านผมมีโปรโมชันพิเศษเมื่อไร ทำไมผมไม่เคยรู้ แล้วผมก็ช้ากว่าไอ้สิงโตเผือกจนได้ ลีโอฉีกยิ้มกว้างอย่างเจ้าชู้ ผิดกับตอนก่อนที่ผมจะเดินเข้ามาคุยจากหน้ามือเป็นหลังมือ พาลูกค้าผู้หญิงคนนั้นเดินไปที่เคาน์เตอร์ร้านแล้วปล่อยให้ผมมองตาม
เห็นแล้วก็อยากจะเรียกกลับมาอยู่ในกุญแจสักเจ็ดวันเจ็ดคืน...