DC บทที่ 3: น่าเสียดายความหล่อ
ภายในห้อง ซูหยางถอดเสื้อผ้าและเข้าไปในห้องน้ำซึ่งอยู่ติดกับห้องนอนเพื่อทำความสะอาดเลือดออกจากร่าง
“ถึงกระนั้นเจ้าเด็กนั่นก็ยังทำได้ดีบนตัวข้า… นานกี่ปีแล้วที่ข้าได้เห็นเลือดตัวเอง นับประสาอะไรกับช่องเปิดบนอก”
ซูหยางเป็นเซียนในชาติก่อน บางคนซึ่งอยู่ในจุดเกือบสูงสุดของการฝึกปราณ เขามีทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นสาวสวย พลังอำนาจ หรือวัตถุที่ใครก็ต้องอิจฉา บัดนี้เขาไม่สามารถแม้กระทั่งจะถือเทียนไขให้คนธรรมดาที่อยู่ในเขตปฐมวิญญาณ ไม่ต้องพูดถึงการบาดเจ็บหนัก
แน่นอนว่ามันเป็น “ซูหยาง” คนก่อนผู้ตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ ไม่ใช่ซูหยางคนปัจจุบัน อย่างไรก็ตามซูหยางไม่ได้ใช้สิ่งนั้นเป็นข้ออ้างเมื่อเขาใช้ร่างเดียวกัน ดังนั้นเขาจึงกล่าวโทษตัวเอง
หลังจากทำความสะอาดเลือดจากร่างแล้ว เขาทายาบางอย่างบนช่องเปิดบนอกก่อนที่จะพันไว้ด้วยผ้ารอบบาดแผลเป็นอันจบ
เวลาผ่านไปซูหยางรักษาบาดเจ็บเรียบร้อยแล้ว ข่าวสารที่เขาทุบตีเอียนหมิงบนเวทีต่อสู้เป็นตายได้แพร่กระจายไปทั่วพื้นที่ศิษย์นอกราวกับไฟใหม้ทุ่ง
“อะไรนะ เจ้าสวะซูหยางที่ไร้สมรรถภาพนั่นรึที่ล้มเอียนหมิง เจ้าแน่ใจนะ”
“ข้าเห็นมันกับสองตาข้าเอง หลังจากถูกเอียนหมิงแทงเข้าที่อกซูหยางก็คำราม และทุกคนรอบเวทีล้วนกระอักเลือด เอียนหมิงถึงกับล้มลงสลบ”
“แค่ตะโกนทำให้ทุกคนถึงกับกระอักเลือด โม้เกิน ข้ามิเชื่อ”
“อัยย… ข้ามิถือ… กระทั่งข้ายังยากจะยอมรับสายตาข้าตอนนั้น...”
การสนทนาเช่นนั้นกระจายไปทั่วนิกาย แม้กระทั่งผู้อาวุโสซวินผู้ซึ่งหยุดการต่อสู้ยังไม่สามารถอดนึกถึงแรงกดดันอันน่าหวาดหวั่นที่พลันครอบคลุมไปทั่วบริเวณ
“เกิดอะไรขึ้นกับทั้งคู่ระหว่างการต่อสู้ บอกข้ามาให้หมด”
ผู้อาวุโสซวินจ้องไปยังเอียนหมิงผู้ถูกนำตัวมาซักถาม
“ข้า… ข้ามิรู้...” เอียนหมิงพูดด้วยความปวดหัวหนัก “ทุกสิ่งที่ข้าจำได้ก็คือข้าแทงเข้าไปที่อกซูหยางก่อนที่จะมีรังสีอมหิตครอบงำข้า… ก่อนที่ข้าจะแทงเจ้านั่นเหมือนคนปัญญาอ่อนซึ่งมิรู้แม้วิธีใช้ดาบให้ถูกต้อง… หลังจากนั้น เช่นไร...”
เอียนหมิงสะท้านเมื่อเขานึกถึงการแสดงออกบนใบหน้าของซูหยางหลังจากถูกแทง
“เหมือนกับว่าข้ามองไปยังคนอีกคนหลังจากเจ้านั่นรับดาบข้า”
"..."
ผู้อาวุโสซวินบ่นพึมพัมถ้อยคำที่เอียนหมิงพูด
“รังสีอมหิตที่ข้ารู้สึกจากเจ้าเด็กนั่น มิใช่บางอย่างที่สามารถสร้างขึ้นมาได้หลังจากถูกแทงโดยบางอย่าง นั่นมันสามารถสร้างขึ้นมาจากประสบการณ์เฉียดตายหลายครั้งและฆ่าคนมากมายเท่านั้น… เจ้าซูหยางนี่จริงแล้วเป็นใคร และทำไมข้ามิเคยได้ยินชื่อเจ้านี่มาก่อนเลย”
ผู้อาวุโสซวินมองไปที่เอียนหมิงและพูดว่า “เจ้าไปได้ อย่าให้ข้าจับเจ้าได้บนเวทีโดยมิมีคำอนุญาตอีกครั้ง”
“ศิษย์มิกล้าแล้ว”
หลังจากที่เอียนหมิงลับสายตา ผู้อาวุโสซวินเริ่มค้นหาข้อมูลของซูหยาง แต่หลังจากเพียงไม่กี่นาทีของการตรวจสอบเขาก็ตกตะลึงกับข้อมูลที่เขาได้รับ
จากที่เขารวบรวมมา ซูหยางอยู่ในนิกายมาเกือบปีแต่ยังคงไม่มีความคืบหน้าในพลังฝีมือตั้งแต่เริ่มเพราะว่าเขาไม่สามารถหาคู่ฝึกได้ ผู้อาวุโสซวินไม่อยากเชื่อว่าคนหล่อดังซูหยางจะไม่สามารถหาคู่ฝึกได้แม้สักคน เขาจึงค้นข้อมูลลึกไปกว่านั้น
สิ่งที่เขาพบทำให้ตกตะลึงจนพูดไม่ออก จนถึงขั้นว่าเขาไม่ทราบว่าควรรู้สึกอย่างไร
“ปัญหาด้านจิตใจ มิรู้วิธีใช้นกเขาอย่างถูกต้อง ขาดพรสวรรค์ แน่ใจว่าข้อมูลถูกต้อง”
ผู้อาวุโสซวินถามผู้ที่ให้ข้อมูล ซึ่งเป็นผู้อาวุโสนิกายอีกคน
“ท่านอาจมิรู้จักเจ้านั่นเพราะท่านยากจะสนใจลานศิษย์นอก แต่แทบทุกคนในลานศิษย์นอกล้วนรู้จักซูหยางและปัญหาของเจ้านั่น เหตุผลที่เจ้านั่นยังอยู่ในนิกายฐานะศิษย์ก็เพราะเจ้านิกายเชื่อว่าเขาอาจมีประโยชน์ต่อนิกายจากใบหน้าหล่อเหลา”
“อัยยย ถ้าเจ้านั่นมีสภาพจิตปกติ บางทีเจ้านั่นอาจจะยังพอมีหวังในโลกนี้...”
ผู้อาวุโสซวินถอนหายใจจากคำพูดของผู้อาวโสนั้น เขาเห็นด้วยว่าถ้าซูหยางมีใบหน้าหล่อเหลาเกินใครแม้ในมาตรฐานที่สูงมากของนิกาย แต่สิ่งที่เขาเป็น ช่างน่าเสียดายความหล่อ
“เช่นไรก็ตาม...”
ทันใดนั้นผู้อาวุโสซวินก็หรี่สายตา “เจ้านั่นดูมิเหมือนกับที่ท่านเพิ่งพูดกับข้าจากที่เห็นวันนี้”
“ข้ามิรู้ว่าจะบอกท่านเช่นไร ท่านผู้อาวุโสซวิน นั่นคือทุกสิ่งที่เรารู้” ผู้อาวุโสยักไหล่
"..."
“ข้าเข้าใจ ขอบคุณสำหรับข้อมูล ท่านผู้อาวุโสมู่”
“ใช่แล้ว หลานสาวท่านอยู่ในนิกายเป็นเช่นไรบ้าง มิทราบว่ามีคู่ฝึกหรือยัง”
ผู้อาวุโสมู่พลันพูดถึงหลานสาวผู้อาวุโสซวินที่พึ่งเข้านิกาย
เมื่อผู้อาวุโสมู่พูดถึงหลานสาว ความเครียดของผู้อาวุโสมู่หายไปทันที เขาหัวเราะ “เด็กหญิงนั่นช่างเลือก คงต้องใช้เวลาอยู่บ้างกว่าจะเจอใครสักคน”
“งั้นมิลองให้เธอพบหลานชายข้า มู่กง สักวันข้างหน้า”
ผู้อาวุโสซวินทำปากเบี้ยวในคำแนะนำของผู้อาวุโสมู่ แต่เขายังรักษารอยยิ้มและพูดไปอย่างนั้นว่า “สักวันข้างหน้า”
–
–
–
ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจออกจากห้อง ซูหยางได้พบกับ ถังหูและหญิงสาวสวย เธอคือ เมิ่งเจีย คู่ฝึกของถังหู
“อาการบาดเจ็บของเจ้าเป็นเช่นไรบ้าง”
ถังหูถามเขาหลังจากสังเกต
“แค่มดกัด”
“มดกัด หือ..”
ถังหูหัวเราะ เป็นเพื่อนร่วมห้องมานานเกือบปี เขารับรู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับซูหยางตอนนี้ สิ่งที่เห็นชัดเจนก็คือไม่มีสีหน้าคนปัญญาอ่อนอีกต่อไป เขาดูเหมือนคนปกติ
“หืม เจ้าจะไปไหนรึ”
“ว่าจะเดินเล่นแถวนี้” ซูหยางซึ่งไปถึงประตูตอบ พร้อมจากไป
“แต่อาการบาดเจ็บ...”
“เช่นที่บอก แค่มดกัด”
"…"
หลังจากที่ซูหยางจากไป เมิ่งเจียพูด “เจ้านั่นดูต่างออกไป...”
“เจ้าคิดอย่างนั้นเช่นกันหรือ เช่นไรรึ”
“อืม… หล่อขึ้นกว่าเดิม”
“เอ๋”
คำพูดของหล่อนทำให้เขาตะลึง
เมิ่งเจียยิ้มให้กับท่าทางของเขา พูดว่า “อย่ากังวล มิว่าเขาจะหล่อขึ้นมากเท่าไร เจ้าเป็นคู่ฝึกคนเดียวของข้า”
“นั่นมิใช่...” ถังหูพูดด้วยใบหน้าแดง
“ใช่ละ ไปฝึกกันเถอะ”
เมิ่งเจียพลันจูงมือถังหูเข้าไปในห้อง ไม่นานพวกเขาก็ตระกองกอดกันโดยไร้อาภรณ์