ตอนที่แล้วบทที่ 10 เมดสาวกับห้องน้ำ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 12 แลนด์มาร์คต่างโลก

บทที่ 11 ผู้ก่อให้เกิดปาฏิหาริย์


บทที่ 11 ผู้ก่อให้เกิดปาฏิหาริย์

หลังจากหมดเวลา 5 ชั่วโมงผมก็ถูกส่งกลับ แต่แทนที่จะเป็นห้องผม กลับเป็นสถานที่แปลก ๆ ไปซะได้ ผมขยี้ตาอยู่สองสามที ก่อนจะทำใจยอมรับความจริง ว่าตาตัวเองไม่ได้ฝาด

ท้องฟ้าสีครามเบื้องบนมีเมฆลอยไปมาอย่างอ้อยอิ่ง พื้นเบื้องล่างก็ดูเหมือนจะเป็นกระจกที่สะท้อนภาพก้อนเมฆบนท้องฟ้า มันให้ความรู้สึกว่างเปล่า จนทำให้ผมที่ยืนอยู่รู้สึกมวนท้องอยู่นิดหน่อย

“สวัสดีเจ้าหนุ่ม เราพึ่งเคยพบกันตัวเป็น ๆ ครั้งแรกสินะโฮะ ๆ ๆ ๆ” เสียงที่แค่ฟังดูก็ให้ความรู้สึกสบาย ๆ เป็นกันเองดังขึ้นข้างตัวผม เจ้าของเสียงเป็นชายวัยกลางคนผมงอกขาว หนวดเคราถูกถักเป็นเปียกับชุดนักรบสมัยโบราณ

“อย่าบอกนะว่านี่...” ผมตวัดสายตาขึ้นลงมองตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าของชายแปลกหน้า “เทพเจ้าสูงสุด!”

“ถูกต้อง ตัวจริงข้าหล่อใช่ไหมล่ะหึหึ เจ้าเป็นคนแรกจากผู้คนจำนวนนับหมื่นนับแสนที่ข้าส่งไปต่างโลกเลยนะ ที่ได้เห็นร่างจริงของข้า จงภูมิใจเสียเถอะ” เทพเจ้าสูงสุด แห่งโลกแฟนตาซี เดินเข้ามาตบหลังผมอย่างแรงจนหลังแทบเดาะ

“ไม่น่าดีใจเลยสักนิด โปรดหลอกลวงผม ว่าคุณเป็นเทพธิดาสุดเซ็กซี่ตั้งแต่แรกจะดีกว่ามาก” ผมลูบหลังตัวเองปอย ๆ ด้วยความเจ็บแสบ ตบมาได้นะลุง ดีที่ผมมีกระเป๋ากั้นอยู่อีกที “แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น จู่ ๆ ก็มีภารกิจ ไม่เห็นบอกกันก่อนเลย ผมตกใจแทบแย่ แถมยังเป็นภารกิจมัดมือชกอีกต่างหาก”

“ฮ่า ๆ เจ้านี่ตลกกว่าที่ข้าคิดนะ เรื่องนั้นไม่ต้องถาม ข้าก็กำลังจะบอกอยู่นี่ไง” เทพเจ้าสูงสุดดีดนิ้วขึ้นทีหนึ่ง ก้อนกลม ๆ สีทองก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ ซึ่งมันก็คือทีมงานซังนั่นเอง

“จากการที่ข้าเฝ้ามองเจ้าผ่านทีมงานซัง ทำให้ข้ารู้ว่าเจ้ามัน...พิลึก ไม่ใช่สิ โทษที ข้าแค่จะพูดว่าเจ้าช่างแตกต่างจากนักเดินทางข้ามมิติคนอื่น ๆ ไปไกลลิบ”

จะหลุดปากมาขนาดนี้ก็ไม่ต้องแก้คำหรอกเฟ้ย! ผมบ่นอุบอิบเสียงเบา

“คนปกติไปต่างโลกครั้งแรก ส่วนมากจะพยายามกลมกลืนไปกับผู้คน และหาข้อมูลในต่างโลกให้มากที่สุด หรือไม่ก็ตรงไปหากิลนักผจญภัยทำภารกิจ แต่เจ้ากลับวิ่งเข้าสู่เหตุการณ์สำคัญของโลกแฟนตาซีที่ 112 อย่างรวดเร็ว” เทพเจ้าสูงสุดยกมือขึ้นนวดหว่างคิ้ว ทำหน้าเข้มแล้วกล่าวต่อ

“ทำให้ข้าต้องร่นเวลาเหตุการณ์พิเศษมาไวขึ้นกว่ากำหนด ที่จริงระบบภารกิจจะถูกเริ่มเมื่อเจ้าเดินทางข้ามมิติในครั้งที่ 7 เพราะใน 6 วันแรก ข้าจะให้เจ้าได้ทำตัวคุ้นชินกับโลกของข้า ในครั้งที่ 7 ข้าก็จะเรียกเจ้ามาคุยสัพเพเหระแบบตอนนี้ และมอบภารกิจแรกที่มีรางวัลเป็นพลังพิเศษให้กับเจ้า ซึ่งมันง่ายกว่าภารกิจที่เจ้าได้รับจากเธอเยอะ”

WTF! นั่นไงตูว่าแล้วววววว ชาติที่แล้วคงเผลอไปโกงกินใครมาแน่ ๆ ชีวิตเลยบัดซบขนาดนี้ ตัวผมที่ได้รับรู้ความจริงอันโหดร้ายทรุดตัวลงไปกองบนพื้น กลายร่างเป็นผ้าขี้ริ้วเปื่อยน้ำตานองหน้า เหมือนสภาพผมตอนนี้จะอนาถาไม่พอ เทพเจ้าสูงสุดเอามือลูบเปียหนวด หรี่ตามมองผมแกมสมเพชเวทนา แล้วเอ่ยประโยคทำร้ายจิตใจกันหนักกว่าเดิม

“แต่ก็อย่างที่พูด ชาล็อต วินเชสเตอร์นับเป็นตัวเอกสำคัญ ถ้าให้เรียกศัพท์เกมง่าย ๆ ก็คือ เธอเป็น NPC พิเศษระดับสูง จึงสามารถมอบภารกิจให้เจ้าได้ เรื่องดีคือถ้าเจ้าทำสำเร็จ พลังพิเศษการันตีแน่นอนว่าเป็นแรงค์ S ตามระดับภารกิจแน่ ๆ ส่วนเรื่องร้าย โอกาสสำเร็จของภารกิจนี้ต่ำกว่า 1% และภารกิจที่มอบพลังพิเศษให้ก็มีได้เพียงครั้งเดียว”

ถ้าผมไม่รู้ความจริงผมคงไม่เศร้าขนาดนี้!! บัดซบ ๆ ๆ ผมเอามือทุบพื้นอย่างแรงด้วยความคับแค้นใจ ถ้าไม่ติดว่ากลัวจะโง่ไปกว่านี้คงเอาหัวโขกพื้นไปแล้ว ตาลุงบ้านี่ไม่คิดถึงจิตใจดวงน้อย ๆ ของผมบ้างเลยรึไง เรื่องนี้ไม่พูดออกมาก็ไม่มีใครว่าลุงหรอกนะรู้ไหม!

เหมือนเทพแห่งความซวยยังไม่สะใจพอ ในระหว่างที่ภาวินด่าพ่องอยู่ในใจก็สะดุดเข้ากับบ้างเรื่อง จึงยันตัวลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว“เดี๋ยวนะลุง ในรายละเอียดภารกิจ ไม่เห็นบอกไว้เลยว่าจะไม่ได้พลังพิเศษอีก”

“ก็ข้าบอกเองอยู่นี่ไง”

“เรื่องแบบนี้ก็ควรเขียนบอกให้ครบสิ! อ๊ากกกก ทุกอย่างเลยตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นไอ้งั่ง”

เทพเจ้าสูงสุดก้มมองมนุษย์ตัวควาย ๆ ที่กำลังดีดดิ้นกรีดร้อง ราวไส้เดือนโดนน้ำร้อนลวกบนพื้น เขาไม่อาจทนมองสภาพอุจาดตาของชายหนุ่มได้ จึงเบือนหน้าหนีและส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ

“เรื่องแบบนี้ใครเขาจะบอกกัน นายต้องค้นหาด้วยตัวเองสิ ตัวอย่างง่าย ๆ ทำไมเพียงแค่สองวันแรกเจ้าดันได้รับภารกิจระดับ S ที่ชั่วชีวิตใครบางคนกลับไม่มีโอกาสจะได้รับมัน”

“ก็มันพลาดไง! ผมสมควรรู้เรื่องต่างโลกก่อนจะโดนส่งไปด้วยซ้ำ”

คำตอบของชายหนุ่มเรียกสายตาของเทพเจ้าสูงสุดให้หันกลับมามองได้อีกครั้ง

“หืม...ถ้าอย่างนั้นหลังจากเจ้าได้ศึกษาเรื่องต่างโลกมาแล้วล่ะ เจ้าจะทำอะไร”

“วันนี้ผมเตรียมเอาของไปขายหาเงินใช้หนี้ แล้วไปสมัครกิลนักผจญภัย แต่ดันโดนจับไปหาชาล็อตซะก่อน” ผมพูดขึ้นอย่างหัวเสีย ลุกขึ้นนั่งให้มันดี ๆ อีกครั้ง

“งั้นเจ้าลองคิดแบบนี้ ถ้าเจ้ารู้ตั้งแต่แรกว่ามาต่างโลกต้องไปไหน ทำอะไร เจ้าจะได้พบทีน่ากับนาตาเลีย เอลฟ์สาวที่ชาติหนึ่งจะโผล่มาในเมืองมนุษย์สักตนรึเปล่า เจ้าจะได้รู้จัก และสนิทกับชาล็อตที่เป็นเจ้าเมืองหรือไม่”

“เอ่อ...คงไม่” คำถามของเทพเจ้าสูงสุดเรียกสีหน้าเอ๋อ ๆ ของภาวินออกมา

“ข้าถามอีกข้อ ระหว่างเจ้าขายของให้ชาล็อต กับไปขายตามร้านเอง เจ้าว่าแบบไหนดีกว่า”

“ขายให้ชาล็อต”

เทพเจ้าสูงสุดหัวเราะเสียงดังกับคำตอบอัตโนมัติของชายหนุ่ม

“แล้ว ฮ่า ๆ แล้วเจ้ายังอยากทำตามคู่มือไร้สาระของเจ้าอีกหรือไม่?”

“ผมทำตามคู่มือก็ถูกแล้วนิ เพราะมันดีมันถึงได้เป็นคู่มือไงล่ะ” อะไรของตาลุงเทพเจ้าสูงสุดฟะ ถามไรไม่เห็นจะรู้เรื่อง “คุณคงไม่ได้เรียกผมมาด้วยเรื่องแค่นี้หรอกใช่ไหม เพราะทุกอย่างที่พูดมันผ่านมาหมดแล้ว ผมช้ำใจพอแล้ว”

เทพพระเจ้าสูงสุดส่ายหน้าอย่างปลง ๆ กับสมองของคนตรงหน้า อยากจะตะโกนด่ามันจริง ๆ ว่าเพราะเอ็งทำตามคู่มือไงเลยไม่ดังเหมือนชาวบ้านเขาสักที สิ่งที่กลายเป็นของดาษดื่นผู้คนจะให้ความสนใจได้ยังไงกัน

“เรื่องสำคัญที่อยากพูดคือ โลกทุกใบมีประวัติศาสตร์ มีเหตุการณ์ยิ่งใหญ่ มีความชั่วร้าย มีความดี และมีวีรบุรุษ เนื่องจากเจ้าได้รับภารกิจหลักและเป็นตัวแปรที่สำคัญต่อโลกทั้งใบ โลกจึงนับรวมตัวเจ้าเป็น NPC พิเศษอีกตัวตนหนึ่ง หรือสิ่งที่เรียกขานกันว่า ผู้ก่อให้เกิดปาฏิหาริย์ นับจากวันนี้เจ้าจะไม่ได้เป็นแค่นักเดินทางข้ามมิติ การกระทำของเจ้าจะมีผลต่อความเป็นไปของโลก...”

“เดี๋ยว ๆ ๆ มันเวอร์เกินไปรึเปล่า” ถึงมันจะให้ความรู้สึกยิ่งใหญ่ดีแต่มันทะแม่ง ๆ ในความรู้สึกผมยังไงไม่รู้

“มันเวอร์ก็ถูกแล้ว ที่จริงวันนั้นนาตาเลียต้องถูกสังเวย เพื่อแลกกับเหรียญอัญเชิญอสูรนรก 101 ตน ทีน่าจะตาย อัศวินของชาล็อตช่วยได้เพียงตัวเธอเท่านั้น เทพแห่งความมืดจะมีพลังมากกว่าเทพแห่งแสง ทัพอสูรจะกวาดทำลายบ้านเมือง ผู้กล้าจะถือกำเนิดขึ้น ที่จริงแล้วข้าเรียกเจ้ามาเป็นพิธีกรรายการผู้กล้ากู้โลก เพราะข้ารู้ว่าพล็อตแบบนี้มันขายดี แต่ทุกอย่างมันเพี้ยนเพราะสมองเจ้าไม่เหมือนชาวบ้าน เป็นคนธรรมดาแท้ ๆ ดันฟลุ๊คฝ่าด่านคำสาปสาวกวิหารเทพแห่งความมืดด้วยเพลง BNK เมื่ออสูรไม่มี ผู้กล้าไม่เกิด โบสถ์เทพแสงก็ไม่ปรองดองกัน”

“ก็ดีแล้วนิ โลกสงบสุข” โลกสงบไม่ดีตรงไหนกัน ผมก็ดีใจอยู่ลึก ๆ นะ ที่การตัดสินใจในช่วยเหลือทีน่ามันถูกต้อง

“เปล่า ที่เลวร้ายคือ เทพแห่งความมืดดันมากับดวง การพลาดเหรียญอัญเชิญอสูรดันเป็นสิ่งดี พวกสาวกที่เหลือรอดจากเหตุการวันนั้น ดันหลบหนีไปยังหมู่บ้านแห่งหนึ่งซึ่งเป็นที่ ๆ นักบุญหญิงถือกำเนิด เธอคือมนุษย์เพียงผู้เดียวที่มีพลังปฏิเสธเทพเจ้า และธำรงไว้ซึ่งคุณความดีมหาศาล ผู้ชำระล้างโลกทั้งใบให้ใสสะอาด ถ้าหล่อนถูกสังเวยให้เทพแห่งความมืด ความฉิบหายจะบังเกิด เพราะหล่อนสามารถอัญเชิญเทพแห่งความมืดตัวเป็น ๆ ลงมายังโลกมนุษย์ได้เลยล่ะ ให้รอผู้กล้าเกิดคงจะไม่ทันกว่าจะคลอดกว่าจะอย่านม ตายกันหมดพอดี ทำโอกาสกำเนิดผู้กล้าที่ 100 ปีจะมีสักคนเสียเปล่า”

หา..เมื่อกี้ว่าไงนะ เรื่องนี้มันจะโกงเกินไปแล้ว “ไอ้ตัวตนที่ดูเหมือนของเติมเงิน ไอ้คนที่เหมือนไอเทมกดใช้แล้วจะเทพจนพลิกกระดานได้แบบนั้น มันสมควรมีอยู่ในโลกรึไง!”

“ฮ่า ๆ โลกแฟนตาซีทุกแห่งไอเทมโกงก็มีดาษดื่น อยู่ที่ว่าเจ้าจะมีบุญได้เจอ และรู้ตัวว่ามันเป็นไอเทมโกงรึเปล่าเท่านั้นเอง สำหรับนักบุญหญิง ที่เหมาะแก่การสังเวยก็มีเพียงตอนนี้เท่านั้น เมื่อเธอลืมตาตื่น กลายเป็นนักบุญหญิงเต็มตัว แม้แต่เทพก็ยังต้องให้ความเคารพเธอ แต่เพราะพลังอันยิ่งใหญ่ มาพร้อมอุปสรรคที่ใหญ่ยิ่งไงล่ะ ในช่วงพันปีที่ผ่านมาเธอเลยลืมตาไม่ขึ้นสักที เกิดกี่ครั้ง ๆ ก็ตายก่อนเสมอ เธอเปรียบเสมือนพระเยซูที่ต้องโดนตรึงกางเขน”

ผมแทบจะกุมขมับกับเรื่องราวรันทดของแม่นั่น ขนาดยังไม่เห็นหน้าชีวิตหล่อนยังโหดร้ายได้ขนาดนี้

ไม่ใช่แค่นายภาวินคนเดียวที่ปวดหัว เทพเจ้าสูงสุดก็เช่นกัน เขาถอนหายใจแรง แต่มุมปากกลับยกยิ้มขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่ เซ็ตติ้งโลกใหม่คือสิ่งที่เขาต้องการจากเหล่านักเดินทาง และนี่คือเซ็ตติ้งโลกใหม่ที่บ้าบอที่สุดทั้งแต่เขาเคยอัญเชิญมา จะรุ่งก็รุ่งในทันทีจะร่วงก็จมมิดจนโงหัวไม่ขึ้นกันทั้งโลก

ผู้คนที่เขาอัญเชิญมาส่วนมาก มักมีแนวทางเปลี่ยนแปลงโลกไปตามสิ่งที่ตนถนัดและชื่นชอบ หรือไม่ก็เป็นได้แค่ตัวเอกในบทเล็ก ๆ ในสถานที่ใดที่หนึ่งบนโลก แต่สำหรับเจ้าภาวิน...คงต้องเรียกได้ว่าดวงซวยของแท้ เข้ามาอยู่ในวังวนหลักของเนื้อเรื่อง ที่เกี่ยวพันถึงชีวิตผู้คนทั้งโลกตั้งแต่ 2 วันแรก

“ข้าเพียงอยากให้เจ้าระลึกไว้ว่า ถ้าโลกจะถล่มก็ถล่มคามือเจ้านั่นแหละ จะทำอะไรก็คิดดี ๆ เพราะข้าจะไม่แทรกแซงอะไรทั้งนั้น ข้าต้องดูแลโลกแฟนตาซีหลายแสนหลายล้านใบ”

“ที่พูดมาขนาดนี้จะบอกให้ผมไปช่วยหล่อนรึไง? แล้วถ้าผมไม่ช่วยล่ะ”ผมถามกลับไป เรื่องใหญ่อย่างการกู้โลก แทบไม่เคยอยู่ในหัวเขาเลยสักนิด โลกก็ยังอยู่ที่เดิม ใบเดิม ๆ แค่เปลี่ยนมือคนดูแลก็เท่านั้น ยังไงสักวันโลกก็ต้องเปลี่ยน และโลกจะเป็นยังไงก็ไม่เกี่ยวกับเขาสักหน่อย เขาไม่สนใจหรอกนะที่คนไม่รู้จักต้องตายไปเงียบ ๆ วันทุกวันก็มีคนตายเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว

“ตามใจเจ้าเลย ใจจริงก็อยากให้ไปช่วยแหละ ถ้าเจ้าคิดว่าผู้คนบนโลกของข้า มีคุณค่าเท่าคนบนโลกของเจ้า และเจ้ายังอยากอยู่อย่างสบาย ๆ ในต่างโลก ที่สำคัญข้าเตือนไว้ก่อน ผู้คนคงไม่อยากเห็นไลฟ์สตรีมที่มีเจ้าวิ่งหนีอสูร หรือจอดำเพราะเจ้าตายทุก EP. หรอก”

อะไรนะ จอดำ ตายทุก EP. วิ่งหนีอสูร? ตาลุงเทพเจ้าจะบอกว่า ถ้าเจ้าพวกนั้นอัญเชิญเทพแห่งความมืดได้ โลกจะมีแต่ความฉิบหายแล้วเขาจะต้องใช้ชีวิต 5 ชั่วโมงอยู่ในโลกที่เลวร้าย เวรล่ะ!

ภาพตัวเองหน้าดำเปื้อนฝุ่นเสื้อผ้าขาดวิ่น วิ่งหลบคำสาปแช่ง จากพวกสาวกบูชาเทพแห่งความมืดสุดจูนิเบียว ตามซากปรักหักพัง หรือไม่มันก็รู้ความลับของผม เลยจับผมไปขังและทรมานตลอด 5 ชั่วโมง กลับมาอีกทีก็ยังโดนมันทรมานอยู่ที่เดิมทุก ๆ วัน แค่คิดผมบนหัวก็ร่วงลงมาหลายเส้นแล้ว ถ้าเป็นเรื่องจริงหัวต้องล้านตั้งแต่ยังหนุ่มแน่ ๆ

“ลาออกตอนนี้ทันไหม”ผมพูดออกมา เสมือนวิญญาณได้หลุดออกจากร่างเรียบร้อย

"อาชีพนี้เป็นจนวันตาย ดูสิพวกเรามีสัญญาเลือดต่อกัน"เทพเจ้าสูงสุดจัดการดีดนิ้วเรียกสัญญายาวเฟื้อยที่มีรอยเลือดประดับอยู่ชวนสยอง

"เฮ้ เดี๋ยวก่อนผมไปทำสัญญาเลือดตอนไหนฟะ"ถึงเมื่อวานผมจะเมาผมก็จำทุกอย่างได้นะเว้ย

"ล้อเล่น นี่ของคนอื่น แต่ข้าพูดจริงนะเจ้าเลิกไม่ได้ เจ้ามีตราประทับแห่งมิติแล้ว"ตาลุงเทพเจ้าโบกมือเก็บสัญญาเลือดสุดสยองกลับไป แล้วเอานิ้วจิ้มลงบนหน้าผากผม

"แล้วแม่นักบุญหญิงนั่นเป็นใครอยู่ที่ไหน” เนื่องจากไม่มีวิธีอื่นแล้ว ไฟความฮึดในการกู้โลกจึงถูกจุดขึ้นในทันที โลกไหนจะแตกเขายอมได้ แต่เรื่องนี้เขายอมไม่ได้ ถ้าเขาต้องวิ่งหนีหัวซุกหัวซุน หรือโดนทรมานจนผมร่วงหมดหัวออกสื่อทุกวัน เขาไม่มีทางได้เป็นซุปตาร์อย่างที่ฝันแน่ ๆ

“เรื่องนักบุญหญิงเจ้าต้องเอาหาเอง”

“พูดมาขนาดนี้จะไม่ใบ้หน่อยเหรอลุงงงง อีกอย่างดูผมสิตัวเปล่า ๆ ปลี้ ๆ จะเอาอะไรไปงัดข้อกับเทพแห่งความมืดกัน ทีในนิยายต่างโลกลุงยังแจกพรตั้งเยอะแยะ”

“เจ้าก็ทำภารกิจให้ผ่านไงล่ะ พลังพิเศษระดับ S ก็จะมาหาเจ้า ข้าใบ้เยอะแล้วนะ ที่ข้าให้พรคนอื่นเพราะมันมีโอกาศตายในต่างโลก ต่างจากเจ้าที่ไปกลับได้ แถมยังไม่ตายจริง ๆ เพราะงั้นไม่ต้องอ้อน ข้าหยะแหยง ไปได้แล้ว ข้าจะได้ทำงานต่อสักที อย่าลืมล่ะว่าเจ้าเป็นคนแรกที่ได้ทดลองระบบยูทูบ ถ้าเจ้าไม่ดัง รุ่นสองจะไม่ตามมา เพื่ออนาคตของน้องใหม่ เจ้าควรทำให้ดี”

“ใครสนน้องใหม่กัน ผมต้องเป็นซูเปอร์สตาร์อยู่แล้ว พวกเจริญรอยตามน่ะของธรรมดา วะฮ่า ๆ ๆ”ผมที่ลืมตัวว่ากำลังคุยเรื่องกู้โลกสุดเคร่งเครียด ดันยืนกอดอกเชิดหน้าขึ้นหัวเราะอย่างหนักหน่วง แถมพอรู้สึกตัวอีกทีก็มาโผล่อยู่ในห้องตัวเองซะแล้ว ไหงงั้น เป็นแบบนี้ตลอดยังคุยกันไม่ถึงไหนเลยนะลุงงงงงงงงงง เผลอตัวอวยตัวเองไปหน่อยเดียว โดยส่งกลับเฉย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด