ตอนที่ 9 หนึ่งกระบวนท่าอีกแล้ว [อ่านฟรี]
ตอนที่ 9 หนึ่งกระบวนท่าอีกแล้ว
ผู้แปล Doramartin
หลินหานเดินออกจากลานประลองของทำเนียบภายนอกเตรียมตัวไปยังห้องฝึกตนของสำนัก ด้านในมีคนเหล็กหุ่นเชิด สามารถขัดเกลาวิชาดาบได้อย่างมหันต์
เดิมทีหลินหานไม่ได้มีคุณสมบัติที่จะเข้าห้องฝึกตนแต่ในปัจจุบัน เขาผู้มีตบะของวิชายุทธตรีสวรรค์ขั้นสูงสุดจึงมีคุณสมบัติเป็นธรรมดา
อย่างไรก็ตาม เมื่อหลินหานเพิ่งมาได้ครึ่งทาง
"หลินหาน ในที่สุดข้าก็พบตัวเจ้าเสียที ข้ายังคิดว่าเจ้าจะเป็นเต่าหดหัวตลอดชีวิต!"
เสียงที่เต็มไปด้วยความคับแค้นใจก็ได้ดังขึ้นในระยะที่ไม่ไกลนัก
เขาคือหลินสือ
หลินหานหันกลับไปมอง คิ้วขมวดเล็กน้อย
หลินสือผู้นี้ถูกเขาสั่งสอนจนพิการ ยังกล้าที่จะท้าทายเขาอีกเหรอ?
ตุบตุบตุบ!
มีคนสามคนเดินเข้ามาโดยมีหลินสือยืนอยู่ตรงกลางในเวลานี้ร่างกายของเขาวางก้ามอย่างยิ่ง ดวงตาที่เย็นชาจ้องเขม็งหลินหาน สายตาสื่ออารมณ์เหี้ยมโหด
“จนฝึกฝนจนจุดตันเถียนฟื้นฟูแล้วเหรอ?” หลินหานรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
"ใช่!"
หลินสือแสยะยิ้มอย่างเย็นชา ดวงตาของเขาขุ่นมัว และพูดว่า: "ข้าได้รับยาตันวิญญาณมาหนึ่งเม็ด ไม่เพียงแค่ฟื้นฟูทะเลปราณของจุดตันเถียนจนเต็มเปี่ยม แต่ยังพึ่งพาพลังวิญญาณที่ทรงพลังทำให้ข้าทะลุสู่ยุทธตรีสวรรค์คราวนี้ เจ้าจักต้องตาย!"
วันก่อน หลินหานทำให้จุดตันเถียนของเขาเสียหาย ทำให้เขาขายขี้หน้าต่อหน้าทุกคน
หลินสือในยามนี้ มีแต่ความอาฆาตต่อหลินหานอย่างหาใดเปรียบ อยากจะหักกระดูกเป็นหมื่นชิ้นอย่างอดใจไม่ไหว
อย่างไรก็ตาม หลินหานไม่แม้แต่จะสนใจ
หลินเจี้ยนนักดาบอันดับหนึ่งแห่งทำเนียบภายนอก ยุทธจตุสวรรค์ ยังถูกเขาฆ่าตายด้วยดาบเดียว แล้วเขาจะกลัวหลินสือเชียวหรือ?
ก็แค่สวะ
“อย่าขวางข้า ข้าไม่มีเวลามาเล่นกับเจ้า”สายตาของหลินหานช่างเย็นชา เขาพูดทิ้งท้ายประโยคหนึ่งและเดินตรงไปในทิศทางเดิม
ไม่มีเวลาเล่นกับเจ้า?
เมื่อคำพูดนี้เอ่ยจบ หลินสือรู้สึกดั่งได้รับความอัปยศอย่างใหญ่หลวง เขาเป็นเดือดเป็นร้อนทันที ทันใดนั้น มีดยาวปรากฏขึ้นในมือของเขา
ฉึก!
มีดส่องแสงระยิบระยับ เย็นยะเยือกเข้ากระดูกดำ เขาฟันไปที่หลินหานทันที
"ใสหัวไป!"
หลินหานตะคอกเสียงดัง
"ฝ่ามือมังกรผงาด!"
บูม!
พลังอันน่าสะพรึงกลัวปะทุออกมา หลินหานฟาดฝ่ามือออกไป ปราณถ่องแท้ก่อตัวเป็นรูปร่างหัวมังกร ดุร้ายและผยอง แหงนหน้าขึ้นฟ้าคำรามกู่ก้อง ทะยานตรงไปโจมตีหลินสือ
แครก!
มีดยาวถูกโจมตีจนแตกทันที
บูม!
หลังจากนั้นไม่นาน พลังฝ่ามือของหลินหานที่ไม่ลดลง ได้เขาไปตรึงอยู่บนจุดตันเถียนของหลินสือ โจมตีจนทะเลปราณถูกทำลาย
"อ้ากกกกกกก!"
เสียงร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวดดังขึ้น ร่างของหลินสือกระเด็นลอยออกไป พ่นเลือดออกจากปากในขณะที่ลอยบนอากาศใบหน้าซีดเผือด
หนึ่งกระบวนท่า!
หนึ่งกระบวนท่าโจมตีจนกระเด็นลอยไป!
"เป็นไปได้ยังไงกัน? เป็นไปไม่ได้! ข้าย่างก้าวสู่ยุทธตรีสวรรค์แล้ว แต่เจ้ายังคงเอาชนะข้าด้วยกระบวนท่าเดียว?" หลินสือเอ๋อรับประทาน
ศฺษย์สองคนที่ติดตามเขา ต่างรู้สึกตกตะลึง
หลินหานผู้นี้ เก่งกาจระดับนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
จอมยุทธตรีสวรรค์ ถูกโจมตีกระเด็นลอยไปด้วยการโจมตีเดียว?
ทรงพลังเกินไป!
น่าสะพรึงยิ่ง!
ยามนี้ คนทั้งสองต่างเริ่มตัวสั่นเทา ไม่กล้ามองหลินหานตรงๆ เพราะกลัวว่าจะโชคร้ายจนนำตัวเองไปสู่ความตาย
"หากเจ้าตั้งปฏิญญาเป็นตาย เจ้าคงจบชีวิตไปนานแล้ว!"
หลินหานมองหลินสือซึ่งถูกเขาโจมตีจนพิการครั้งที่สอง เขาพูดทิ้งท้ายไว้หนึ่งประโยค แล้วหันหลังเดินออกไป
หลินสือผู้นี้ หลินหานมิได้มองว่าเป็นคู่ต่อสู้ด้วย
ตั้งแต่ได้รับเคล็ดวิชาจักรพรรดิมังกรแห่งไท่กู่และเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์สีทองภายในจิต จึงทำให้หัวใจของหลินหานหมดความรู้สึกที่จะหยุดอยู่แค่สำนักตระกูลหลินเล็กๆนี้
เขารู้ว่าตัวเองถูกลิขิตให้ออกจากสำนักตระกูลหลิน รอนแรมออกจากเมืองต้วนเทียน และอาจจะต้องออกจากรัฐเยียน ไปยังดินแดนกว้างใหญ่ไพศาลในตำนาน
ในเวลานี้ ชายหนุ่มที่อยู่ข้างหลินสือ จ้องมองแผ่นหลังของหลินหานที่กำลังเดินจากไป จึงกล่าวในทันใดว่า:“นายน้อยสือ ไม่ต้องกังวลพี่หลินหลางของท่านคือผู้แข็งแกร่งอันดับเจ็ดแห่งทำเนียบภายนอกของเรา ตบะได้ก้าวเข้าสู่ยุทธจตุสวรรค์แล้ว ขอให้เขาแก้แค้นให้ท่าน!”
"แค้นนี้ จะต้องชำระ" พอรู้สึกถึงความเจ็บปวดจากจุดตันเถียนหลินสือจึงแสดงสีหน้ามืดมนอย่างสุดขั้ว
......
หลังจากนั้น หลินหานไปที่ตำหนักศาสตราของสำนัก เพื่อระบุระดับของดาบที่หลินเจี้ยนเคยครอบครอง
ผลลัพย์ทำให้หลินหานมีความสุขมากดาบภูมิ มีวงแหวนเย็นเยียบล้อมรอบเล็กน้อย เป็นอาวุธระดับต่ำที่หลอมเหล็กน้ำแข็ง!
ต้องทราบว่า อาวุธเหมือนกับวิชายุทธ แบ่งออกเป็น: ระดับต่ำระดับกลางระดับสูงสุดและระดับสูงสุด
อาวุธที่มีระดับ ระดับต่ำคือระดับที่น้อยสุด แต่ยังคมและทนทานกว่าดาบไร้ระดับหลอมด้วยเหล็กธรรมดาไม่รู้ตั้งกี่เท่าต่อกี่เท่า
ยิ่งไปกว่านั้นดาบยาวตัวนี้ยังถูกหลอมรวมเข้ากับเหล็กน้ำแข็ง ทำให้มีคุณสมบัติของความเย็นเยียบ พลังการฆ่าฟันจึงแข็งแกร่งขึ้น
ในตอนที่ฆ่าหลินเจี้ยนหลินหานไม่เพียงแต่จะได้รับดาบยาวระดับต่ำเล่มนี้ แต่ยังได้รับวิชายุทธระดับสูงหนึ่งชุด นั่นคือ ลำแสงสิบสามดาบ
ใช่แล้วมันคือ ลำแสงสิบสามดาบ!
เพราะเสี้ยววินาทีที่หลินเจี้ยนโจมตี หลินหานได้วสลักตราตรึงลำแสงสิบสามดาบไว้ในเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์สีทอง ไว้ใช้เพื่อตัวของเขาเอง
ยามนี้ หลินหานมาถึงห้องฝึกตนของสำนักตระกูลหลิน เขาเผชิญหน้ากับหุ่นเชิดขนาดใหญ่ที่หล่อจากหินเหล็ก หุ่นเชิดเปี่ยมจิตสังการจ้องมองเขา
"ลำแสงสิบสามดาบ!"
"ดาบทะยานเก้าพิภพ!"
"ดาบฟันใต้หล้า!"
"ดาบสะบั้นชีวิต!"
เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง ......
ณจุดนี้ เสียงดาบดังขึ้นต่อเนื่อง เสียงสนั่นดั่งฟ้าร้องดังขึ้นในอากาศ
เมื่อหลินหานใช้วิชาดาบนี้ ผสานกับพลังของวิชาดาบปลดฝัก ปลายดาบจะแหลมคมขึ้น รุนแรงขึ้น แฝงพลังที่สามารถตัดขาดได้ทุกอย่าง
หัวใจของหลินหานครุ่นคิดว่าถ้ารู้แจ้งลำแสงสิบสามดาบและดาบถอดฝักได้ถึงขอบข่ายบริบูรณ์ แล้วผสานเข้าด้วยกัน อาจจะสามารถปลดปล่อยพลังของวิชายุทธระดับสูงสุดได้
อย่างไรก็ตามมันยังเร็วเกินไปที่จะคิดในตอนนี้
ครืด!
ครืด!
ดาบยาวเขาปะทะกับหุ่นเชิดหินเหล็ก จนก่อเกิดเสียงโลหะเสียดสีกัน
ด้วยพรสวรรค์ดั่งปีศาจที่ถูกสังสรรค์จนเปลี่ยนแปลงของเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์สีทอง วิชาดาบของหลินหานจึงกำลังก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว
ยิ่งไปกว่านั้น ในขณะที่หลินหานกำลังต่อสู้กับหุ่นเชิดหินเหล็ก การเคลื่อนไหวทะยานไปมาดุจดั่งมังกรทะยาน คือวิชายุทธสิบสามย่างก้าวแห่งมังกร
การประลองทำเนียบภายนอกยังมีเวลาอีกสองวัน หลินหานไม่อาจเกียจคร้าน
ในใจของเขามีความคิดหนึ่ง หรือจะเรียกว่าความทะเยอทะยาน
นั่นคือ การแย่งอันดับหนึ่งในสาม หรืออาจจะเป็นอันดับหนึ่ง
แต่เดิม ต่อให้ตีหลินหานจนตายเขาก็ไม่กล้ามีความคิดนี้แต่ศักยภาพของร่างกายของเขาได้รับการแปรสภาพโดยเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์สีทองและเคล็ดวิชาจักรพรรดิมังกรไทกู่ ทำให้หลินหานมีความมั่นใจนี้
ตราบใดที่ให้เวลาเขาเขาสามารถทะยานสู่ฟ้าระเบิดศักยภาพอย่างน่าอัศจรรย์
หลินหานเอาแต่ฝึกฝนวิชายุทธและวิชาดาบในห้องฝึกตนตลอดช่วงบ่าย
ด้วยศักยภาพในการฝึกตนที่แข็งแกร่งอย่างหาใดเทียบ ทำให้หลินหานมีความก้าวหน้าอย่างน่าพอใจ
วิชาดาบถอดฝัก สำเร็จจนถึงขอบข่ายอุรุสวรรค์ รู้แจ้งลำแสงสิบสามดาบจนถึงขอบข่ายอุรุสวรรค์ สิบสามย่างก้าวแห่งมังกรทะยาน ก็จนถึงขอบข่ายอุรุสวรรค์เช่นกัน
ส่วนฝ่ามือมังกรผงาดได้ตระหนักถึงจนถึงขอบข่ายบริบูรณ์แล้วแต่ครั้งก่อน หลินหานลองพยายามผสานพลังของเคล็ดวิชาจักรพรรดิมังกรแห่งไทกู่ จึงทำให้ฝ่ามือมังกรผงาดระเบิดออกมาจนเหนือกว่าขอบข่ายบริบูรณ์
สิ่งนี่ ทำให้หลินหานคาดเดาอย่างลางๆ ว่าวิชายุทธขอบข่ายบริบูรณ์ยังมีอีกขอบข่ายหนึ่ง ซึ่งเหนือกว่าจนถึงขอบข่ายบริบูรณ์
"ยังเหลือวันสุดท้ายอีกวัน การประลองทำเนียบภายนอกจะเริ่มต้น"
หัวใจของหลินหานครุ่นคิดอย่างเงียบๆหากต้องการบรรลุ“ความทะเยอทะยาน”ของตัวเอง ตบะแห่งยุทธตรีสวรรค์ยังไม่เพียงพอ
ตัวอย่างเช่น หลินหรูเยียน เกรงว่านางคงก้าวสู่ยุทธปัญจสวรรค์แล้ว สสารถ่องแท้มากมายอย่างหาที่เปรียบมิได้และนางไม่ใช่คนที่เขาสามารถต้านทานได้
ตอนนี้ ถ้าต้องการพัฒนาพลังการต่อสู้ของตัวเอง มีสองวิธี: อย่างแรก ต้องเพิ่มระดับของวิชายุทธ หรืออย่างที่สอง เพิ่มพูนตบะ เพื่อก้าวสู่ยุทธจตุสวรรค์
"สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ สามารถฝ่าด่านกำแพงอุปสรรคแห่งยุทธตรี เพื่อก้าวเข้ายุทธจตุสวรรค์ได้หรือเปล่า"
หลินหานพูดพึมพำเงียบๆ แม้ว่าเคล็ดวิชาจักรพรรดิมังกรแห่งไท่กู่จะสามารถกลืนกินปราณวิญญาณในอากาศบนผืนดินโดยรอบแต่ความเร็วนั้นช้าเกินไป
หากหลินหานต้องการฝ่าด่านกำแพงอุปสรรคแห่งยุทธตรีสวรรค์ในช่วงเวลาสั้นๆเขาต้องการความช่วยเหลือจากพลังช่วยเสริมอันทรงพลัง
"ยาตัน!"
ดวงตาของหลินหานเป็นประกายสดใสทันที
อย่างไรก็ตามเขายังเป็นเพียงลูกศิษย์จากสาขา ยากจนอย่างน่าอดสู จะเอาเงินที่ไหนไปซื้อยาตัน
“ดูเหมือนว่าคงไปที่สถานที่แห่งนั้นเพื่องลองเสี่ยงโชค”หลินหานกัดฟันและตัดสินใจ