ตอนที่แล้วตอนที่ 5: เดินทางเข้าสู่ทะเลทราย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 7: ภารกิจส่งไข่แมงป่องทะเลทราย (II)

ตอนที่ 6: ภารกิจส่งไข่แมงป่องทะเลทราย (I)


 

ตอนที่ 6: ภารกิจส่งไข่แมงป่องทะเลทราย (I)

 

เฮเซคียาห์มองรูบนพื้นทะเลทรายที่มีขนาดใหญ่ไล่เลี่ยกับศีรษะของเขาเอง บรอธยืนยันว่าในรูดังกล่าวมีแมงป่องทะเลทรายตัวเมียคุดคู้พักผ่อนอยู่ภายในพร้อมกับไข่ของมัน

 

เฮเซคียาห์กับมูนนี่ตกลงกัน ว่ามูนนี่จะเป็นคนล่อแมงป่องทะเลทรายให้ตามไป ส่วนเฮเซคียาห์จะรับบทเป็นหัวขโมย รีบขโมยไข่แมงป่องทะเลทรายจากรังของมันและหนีไปให้ไกลที่สุดโดยเร็วก่อนที่แมงป่องทะเลทรายตัวแม่จะรู้ตัวและรี่กลับมาจัดการกับเขา

 

“เอาล่ะ ใกล้เวลาที่เราจะเริ่มงานกันละนะ” มูนนี่เอ่ยขึ้น

 

วีวี่ในสภาพรถบรรทุกขนน้ำขนาดใหญ่ วิ่งมาแต่ไกลจากทิศทางเดียวกับโอเอซิสซึ่งทั้งคู่อาศัยค้างแรมเมื่อคืน

 

ถ้าเฮเซคียาห์ไม่ได้คุยกับมูนนี่เมื่อคืนก่อนผล็อยหลับไป การได้เห็นภาพที่วีวี่วิ่งมาเองโดยไม่มีมูนนี่เป็นผู้ขับขี่คงทำให้เขาเชื่อไปเองว่าวีวี่คิดเองและควบคุมตัวเองได้ ทั้งที่จริงๆ แล้ววีวี่ต่างจากบรอธอย่างสิ้นเชิง มันแค่เคลื่อนที่ตามความคิดของมูนนี่เท่านั้น ซึ่งการขับเคลื่อนโดยไม่มีผู้ขับขี่ ความเร็วของพาหนะจะถูกจำกัด

 

เฮเซคียาห์มองมูนนี่ดึงสายยางมาจากตัวรถบรรทุกขนน้ำ เขาไม่รอช้าพาตัวเองวิ่งไปไกลจากรูที่กำลังถูกเทน้ำใส่ ก่อนจะฟุบกายนอนคว่ำหน้ากับพื้น ครีมที่มูนนี่ให้เขาทาก่อนเริ่มภารกิจของพวกเขาทำให้เฮเซคียาห์ไม่รู้สึกว่าทรายกำลังลวกไล้ผิวกาย

 

มูนนี่เทน้ำใส่รูของแมงป่องต่อไปเรื่อยๆ จนน้ำที่ขนมาหมด แล้วเขาก็เปลี่ยนสภาพวีวี่ให้เป็นรถสำหรับตักทรายรุ่นเก่าล้าสมัยซึ่งมนุษย์สามารถใช้ได้ มูนนี่บังคับคันโยกตักพื้นทรายบนปากรูขึ้นทีละน้อย กระทั่งปากรูนั้นถูกขยายกว้างจนเห็นเป็นหลุมขนาดใหญ่พอให้เฮเซคียาห์กระโดดลงไปได้

 

หลังจากนั้นมูนนี่ก็เริ่มขุดพื้นด้านข้างปากหลุม

 

พื้นทรายเริ่มกระเพื่อม แล้วก้ามยักษ์ของแมงป่องทะเลทรายข้างหนึ่งก็ชูขึ้นมาจากหลุม มูนนี่เปลี่ยนวีวี่เป็นรถสำหรับหยิบจับของขนาดใหญ่ขนาดเท่าแมงป่องยักษ์ แล้วเขาก็บังคับที่จับของไปเหนือหลุม ก่อนที่เฮเซคียาห์จะเห็นแมงป่องยักษ์ดิ้นพราดๆ ขณะโดนยกขึ้น แต่ไม่นานนัก แมงป่องยักษ์ก็หล่นโครมลงกับพื้นทรายเพราะที่จับของทนแรงดิ้นและรับน้ำหนักของมันไม่ไหว

 

แมงป่องยักษ์พุ่งเข้าไปที่รถสำหรับหยิบจับของอย่างดุดัน แรงกระแทกอัดเข้ากับด้านข้างของห้องโดยสาร

 

แต่มูนนี่ปลอดภัย เช่นเดียวกับเศวตศาสตราของเขาที่ไม่เป็นอะไร

 

เฮเซคียาห์มองการเปลี่ยนรูปของวีวี่อย่างสนใจ มันเกิดขึ้นเร็วมาก เมื่อวีวี่เปลี่ยนจากรถสำหรับหยิบจับของที่พบได้ในงานก่อสร้างกลายเป็นรถยนต์หุ้มเกราะซึ่งวิ่งทะยานออกไปอย่างรวดเร็วขณะที่แมงป่องทะเลทรายเงื้อก้ามของมันข้างหนึ่งเตรียมจะฟาดเข้ากับตัวถังต่อ

 

แต่พอทะยานออกไปได้สักพัก เสียงไบค์ก็ดังกระหึ่มแทน

 

มูนนี่อธิบายให้เฮเซคียาห์ฟังไว้ว่า วีวี่อาจเปลี่ยนเป็นพาหนะได้ทุกแบบ แต่พาหนะที่ต้องใช้น้ำมัน เชื้อเพลิง และไฟฟ้า มูนนี่ก็ต้องเติมน้ำมัน เชื้อเพลิง หรือชาร์จไฟฟ้าให้วีวี่ขณะเปลี่ยนร่างเป็นพาหนะนั้นไว้ก่อนด้วย ไม่เช่นนั้นพอเปลี่ยนวีวี่ให้เป็นพาหนะเหล่านั้นแล้ว มันก็ยังไม่สามารถออกวิ่งได้ และเพราะไม่ต้องการยุ่งยากหาแหล่งพลังงานระหว่างการเดินทาง มูนนี่จึงชอบใช้พาหนะซึ่งทำงานด้วยการชาร์จสะสมพลังงานแสงอาทิตย์ที่สุด

 

“ตอนนี้ละ ไปเลย” บรอธส่งเสียงบอกเขาจากระยะไกล มันลอยอยู่แถวปากหลุม

 

เฮเซคียาห์ลุกขึ้นแล้ววิ่งไปที่ปากหลุมอย่างรวดเร็ว ทรายทำมุมลาดลงจากปากหลุมไปจนถึงก้นหลุมซึ่งมีไข่ใบใหญ่สีดำสนิทหนึ่งใบฝังอยู่ในทรายลิบๆ เฮเซคียาห์นั่งลงแล้วค่อยๆ ถดร่างลงไปยังภายในหลุมอย่างค่อยเป็นค่อยไป ก่อนจะเปลี่ยนใจเร่งรัดการเคลื่อนที่ด้วยการนอนลงและกลิ้งลงไปตามทางลาด

 

“ฮ้า...” เขาหายใจออกมาเมื่อกลิ้งมาถึงก้นหลุม กายด้านข้างชนเข้ากับไข่

 

เฮเซคียาห์รีบลุกขึ้น แล้วก้มลงขุดทรายส่วนที่ฝังไข่ครึ่งล่างเอาไว้ เขาใช้เวลาอยู่ครู่ใหญ่จึงแซะให้ไข่แมงป่องทะเลทรายเป็นอิสระจากทรายได้ แล้วจึงรีบยกไข่แมงป่องทะเลทรายขึ้นมาอุ้มไว้ในอ้อมแขน

 

“ไปกันได้แล้ว” เขาบอกบรอธและจับมันเอาไว้

 

บรอธค่อยๆ ลอยสูงขึ้นพร้อมกับยกตัวของเขาลอยขึ้นไปด้วย ไม่นานเฮเซคียาห์ก็ขึ้นมาถึงปากหลุมพร้อมกับไข่แมงป่องทะเลทราย เขาเริ่มออกวิ่งไปในทิศทางที่ตกลงไว้กับมูนนี่ โดยวิ่งให้เร็วที่สุด

 

เมื่อคิดว่าวิ่งมาได้ไกลพอแล้ว เฮเซคียาห์หยุดพักหายใจ

 

เขาไม่เห็นวี่แววว่า แมงป่องทะเลทรายตัวแม่จะกลับมา งานนี้คงง่ายกว่าที่คิด...

 

เฮเซคียาห์ออกเดินต่อ เขาให้บรอธนำทางเขาไปยังโอเอซิสที่เป็นสถานที่นัดพบกับมูนนี่ เป็นโอเอซิสคนละแห่งกับที่พักค้างแรมเมื่อคืน มูนนี่บอกพิกัดไว้กับบรอธเมื่อตอนเช้า

 

“แต๊ก.. แต๊ก... แต๊ก…”

 

เฮเซคียาห์ได้ยินเสียงบางอย่าง

 

เขาหันไปมองรอบกาย แต่ไม่พบสิ่งที่อาจเป็นที่มาของเสียง เขาพลันนึกเฉลียวใจ รีบยกเอาไข่ขึ้นมาแนบกับหู และฉงนเมื่อพบว่าเสียงที่เขาได้ยิน มันมาจากภายในไข่

 

“คำเตือน: มันกำลังเรียกแม่ของมันมา นายอาจได้ยินเสียง แต่สิ่งที่มันตั้งใจให้เกิดขึ้นจริงๆ คือคลื่นความถี่ต่ำที่สามารถใช้ทรายเป็นสื่อในการส่งคลื่นต่อไปเรื่อยๆ เพื่อสื่อสารกับแม่ของมัน ไม่ว่าจะไกลแค่ไหนในเขตทะเลทราย” บรอธไขความกระจ่างเกี่ยวกับเสียงที่เฮเซคียาห์ได้ยิน

 

“แล้วทำไมไม่เตือนไว้ก่อนว่าไข่ส่งสัญญาณถึงตัวแม่ได้ นี่แม่ของมันจะมาจริงๆ ใช่ไหม” เฮเซคียาห์ออกวิ่งอีกครั้ง

 

เขาไม่กล้าเดินชักช้าต่อ

 

“โต้แย้ง: ฉันรู้เพราะวิเคราะห์คลื่นความถี่ที่มาพร้อมกับเสียงได้ ไม่ได้รู้มาแต่แรก” บรอธว่าไปตามข้อเท็จจริง “ผลวิเคราะห์: ไม่พบข้อมูลเกี่ยวกับความผูกพันระหว่างแม่แมงป่องทะเลทรายกับไข่ของมันจากฐานข้อมูลไหนเลย ดูเหมือนนายกับมูนนี่จะเป็นมนุษย์พวกแรกที่ต้องการไข่แมงป่องทะเลทราย พวกมัสตินเองก็ไม่เคยอยากได้ไข่ของมัน”

 

“โอเค ฉันทำงานเสี่ยงอันตรายอยู่ นายบอกได้ไหมว่าตอนนี้แม่มันอยู่ที่ไหน แล้วเราควรทำยังไงดี” เฮเซคียาห์ตระหนักถึงความสำคัญของข้อมูลหากต้องการรักษาชีวิตไว้

 

“รายงาน: มันไม่สนใจมูนนี่อีก หลังจากเขาวิ่งออกไปห่างจากรังเกินรัศมี 50 กิโลเมตร และมันกำลังกลับไปที่รังแต่ได้รับคลื่นความถี่ที่ว่าลูกของมันอยู่ที่นี่เสียก่อน ตัวแม่กำลังมาทางนี้ด้วยความเร็ว 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มันเคลื่อนที่ช้าลงเพราะต้องพยายามจับคลื่นความถี่ที่ส่งออกมาจากไข่ไปพลางๆ ด้วย”

 

“จะทำยังไงถึงจะหยุดลูกแมงป่องไม่ให้ทำเสียง” เฮเซคียาห์ไม่อยากเจอแมงป่องทะเลทรายตัวแม่

 

“วิเคราะห์: ต้องมีอลูมิเนียมฟอยล์”

 

“ที่เอาไว้ห่ออาหารน่ะนะ” เฮเซคียาห์นึกได้ว่ามูนนี่มีมันอยู่กับตัว “นายไปเอามาจากมูนนี่ได้ไหม ฉันจะวิ่งไปเรื่อยๆ ก่อน”

 

“โอเค” บรอธรับปากแล้วไม่รีรอที่จะลอยฉิว ผละจากเขาไปในทันที

 

เฮเซคียาห์วิ่ง วิ่ง และก็เปลี่ยนเป็นเดิน แล้วก็เดิน เดินอีก และก็เปลี่ยนเป็นวิ่ง สลับกันไปมา แดดบนศีรษะก็แรงยิ่งนัก เหงื่อโซมเปียกกายเขาไปหมด เขายกมือหนึ่งขึ้นปาดเหงื่อที่ไหลลงมาข้างแก้ม

 

เฮเซคียาห์เห็นฝูงมดตาบอดเดินอยู่ไม่ไกล เขารีบนั่งลงกับพื้นและอยู่เฉยๆ หายใจเบาๆ

 

ฝูงมดเดินผ่านไป เขายังปลอดภัยอยู่

 

เมื่อเดินไปอีกครู่ใหญ่ เขามองเห็นสิงโตทะเลทรายที่อยู่รวมกันเป็นฝูง พวกมันคล้ายกับบรรพบุรุษที่ขนาดตัว แต่มัดกล้ามเนื้อของมันแข็งแรงกว่ามาก เฮเซคียาห์โชคดีที่พวกมันหลบลมร้อนอยู่ไกลออกไปและกำลังขี้เกียจหลังจากเพิ่งอิ่มจากการกินอูฐตัวใหญ่ซึ่งซากถูกทิ้งไว้ไม่ไกลจากฝูง พวกสิงโตทะเลทรายไม่โจมตีเฮเซคียาห์และเขาก็ออกเดินทางต่อไปได้

 

ต่อมาบนทางเดินของเขา งูตัวหนึ่งที่เลื้อยมาอย่างรวดเร็วบนพื้นทรายหยุดการเคลื่อนไหวและยกหัวของมันแผ่แม่เบี้ยข่มขู่นักเดินทางอย่างเขา

 

เฮเซคียาห์ปลดผ้าคลุมอย่างเชื่องช้า ระมัดระวังไม่ให้งูเกิดความระแวงและเด้งตัวขึ้นฉก เขาเหวี่ยงผ้าเบาๆ และทิ้งให้มันคลุมตัวงูเอาไว้ จากนั้นเขาก็เข้าไปตะครุบผ้าที่มีงูอยู่ภายใน

 

ก่อนเขาจะควานจับบริเวณคอของงูไว้ได้ ก็รู้สึกได้ ว่างูพยายามฉกกัดเขาจากภายใต้ผ้า แต่ผ้าคลุมเนื้อหนา คมเขี้ยวพร้อมกับพิษของงูไม่อาจแทรกออกมาทำร้ายเฮเซคียาห์

 

มือที่เค้นตรงคองูบีบแน่นขึ้นจนงูเริ่มดิ้นรนรุนแรง พยายามเอาชีวิตรอด แต่เฮเซคียาห์ไม่ปรานี เขาใช้ข้อศอกของมือที่ว่างอยู่กระแทกลงไปบนหัวงูอย่างแรงหลายครั้ง ทำจนกระทั่งมันแน่นิ่งไป พอเปิดผ้าคลุมออก เขาก็ได้กลิ่นเลือดงูคลุ้งอยู่ในผ้า เฮเซคียาห์รีบชำแหละเอาเนื้องูบางส่วนแยกจากตัวของมันอย่างรวดเร็วและฉีกชายเสื้อเพื่อห่อเก็บเนื้อที่หั่นออกมา

 

เขากะจะเก็บเป็นเสบียงรอนไว้กินกับมูนนี่

 

“เฮ้! มันใกล้เข้ามาแล้ว เร็วเข้า” บรอธโผล่มาขณะที่เฮเซคียาห์สวมผ้าคลุมกลับไปบนตัวอย่างไม่ยี่หระกับคราบเลือดงูและกลิ่นฉุนของมัน

 

เฮเซคียาห์มองบรอธอย่างทึ่งจัด ตอนแรกเขาก็นึกอยู่ว่ามันจะเอาอลูมิเนียมฟอยล์มาให้เขาได้อย่างไร เพราะมันไม่มีมือหิ้ว แต่เห็นได้ชัดว่าบรอธวางแผนเอาไว้ก่อนเหมือนเช่นเคย มันให้มูนนี่เอาอลูมิเนียมฟอยล์ห่อมันเอาไว้ และดูเหมือนจะห่อหลายชั้นเพื่อให้เฮเซคียาห์มีอลูมิเนียมฟอยล์อย่างเพียงพอในการห่อไข่แมงป่องทะเลทราย

 

“เร็ว”

 

บรอธกระตุ้นเฮเซคียาห์ ขณะที่เขาดึงเอากระดาษฟอยล์ชิ้นแรกออกไปจากตัวมันแล้วห่อไข่แมงป่องทะเลทรายแทน กระดาษฟอยล์แต่ละชิ้นไม่สามารถห่อไข่แมงป่องทะเลทรายได้ทั้งฟอง แต่ด้วยลักษณะของกระดาษฟอยล์ที่ห่อตัวและแนบกับของที่มันห่อได้ พอโปะกระดาษฟอยล์ทั้งหมดกระจายกันไปบนไข่ กระดาษฟอยล์แต่ละแผ่นก็ห่อไข่พลางทับกับแผ่นอื่นๆ เอาไว้จนพอมองที่ไข่สีดำตอนนี้ ปรากฏว่าไม่เหลือพื้นที่สีดำของไข่ให้เห็นอีก

 

เฮเซคียาห์ได้ยินเสียงแมงป่องทะเลทรายตัวแม่ร้องโหยหวน มันยังอยู่ไกลออกไปโข ขนาดของมันในมุมมองของสายตาเขาจึงหดเล็กลงกว่าความเป็นจริง ท่าทางของมันกระวนกระวาย

 

“น่าสงสารเหมือนกันนะ” เฮเซคียาห์มองไข่ที่อยู่ในมือ เขายังได้ยินเสียงที่ตัวอ่อนภายในไข่ทำลอดออกมา แต่คลื่นความถี่ที่เกิดขึ้นพร้อมกับเสียงดังกล่าวแน่นอนว่าถูกสกัดกั้นไว้ด้วยกระดาษฟอยล์แล้ว

 

“ไปที่โอเอซิส มูนนี่กำลังใช้อีกทางมุ่งหน้าไปที่นั่น” บรอธไม่สนใจแสดงความเห็นด้วย

 

เฮเซคียาห์พยักหน้าเนือยๆ เขาออกเดินต่อ หอบทั้งไข่แมงป่องทะเลทรายและห่อเนื้องูไว้แนบตัวด้านหน้า

 

มูนนี่ขับไบค์พาเฮเซคียาห์มาจนถึงชายขอบทะเลทรายด้านหนึ่ง แล้วพวกเขาเริ่มเดินเท้าเข้าสู่พื้นที่ป่าซึ่งอยู่ติดกัน พวกเขาต้องใช้เวลาต่อจากนั้นอีกสองวัน จึงพบกับหมู่บ้านของมนุษย์ซึ่งถูกสร้างไว้อย่างดีซ่อนอยู่ในป่า

 

เมื่อแรกมาถึงทางเข้าหมู่บ้าน เฮเซคียาห์ไม่อาจสังเกตเห็นหมู่บ้านที่ประกอบด้วยบ้านเรือนกว่าร้อยหลังคาเรือน เพราะถูกภาพเฮโลแกรมพรางตาหลอกว่าทางเข้าหมู่บ้านเป็นดงไม้หนาทึบ แต่มูนนี่นำเฮเซคียาห์ให้เดินเข้าหมู่บ้านโดยเดินชนกับภาพต้นไม้และหายไปเสียเฉยๆ พอเฮเซคียาห์ลองทำตามเพราะบรอธยืนยันว่าเขาต้องทำแบบนั้น เฮเซคียาห์ก็พบว่าหลังภาพต้นไม้ที่เห็น มีประตูเข้าหมู่บ้านรอให้เปิดเข้าไปอยู่พร้อมกับกำแพงเก็บเสียงสูงประมาณตึกสามชั้นที่ล้อมไว้รอบหมู่บ้าน

 

“เทคโนโลยีพวกนี้ พัฒนาขึ้นไปอีก” เฮเซคียาห์หันหน้าเข้าหากำแพง ยกมือขึ้นแตะ

 

มูนนี่กดกริ่งประตูทางเข้า แล้วคนในหมู่บ้านก็โผล่ออกมาต้อนรับมูนนี่เป็นอย่างดี แต่พวกเขาไม่สนใจเฮเซคียาห์ที่มูนนี่กำชับให้สวมผ้าคลุมไว้มิดชิดเนื่องจากภายนอกดูเผินๆ คล้ายกับชาวมัสติน

 

นับว่าเป็นเรื่องดีที่ไม่มีคนให้ความสนใจกับเฮเซคียาห์ เพราะเขาเองก็ไม่อยากสุงสิงกับมนุษย์คนอื่น

 

“นายดูไม่ค่อยตื่นเต้น เคยเห็นเมืองใหญ่ๆ แบบนี้มาก่อนอย่างนั้นเหรอ” มูนนี่กระแซะเฮเซคียาห์ระหว่างเดิน

 

ในฐานะอดีตรัชทายาทของชาวมัสติน เฮเซคียาห์เคยเข้าร่วมกับกองทัพ หรือกองกำลังเพชฆาตเพื่อสังหารหมู่ และทำลายหมู่บ้านของมนุษย์มาบ้าง

 

“ก็แค่เมือง...” เฮเซคียาห์ยักไหล่

 

เฮเซคียาห์ตามมูนนี่มาพักในโรงแรมซึ่งสร้างเป็นตึกสองชั้นมีห้องนับสิบห้องตามความยาวแทนที่จะเป็นความสูง ภายในโรงแรมตกแต่งด้วยรูปแบบวินเทจ แต่มีอุปกรณ์สร้างความสะดวกสบายครบครัน

 

“เดี๋ยวฉันไปแลกของก่อน นายมาด้วยกันไหม”

 

“ไม่ดีกว่า” เฮเซคียาห์มองไปที่ประตูห้องน้ำ

 

“จะอาบน้ำก่อนใช่ไหม งั้นเดี๋ยวฉันกลับมารับ”

 

เฮเซคียาห์แสร้งทำเป็นหยิบถุงชาที่โรงแรมเตรียมไว้สำหรับให้แขกต้มดื่มมาดม เขารอจนมูนนี่เดินออกไปแล้ว จึงหมุนกายไปยืนอยู่ริมหน้าต่าง มองลอดกระจกใสไปมองที่ถนนหน้าโรงแรม

 

การมาใช้ชีวิตอยู่ในหมู่บ้านของมนุษย์ แทนที่จะมาที่หมู่บ้านเพื่อฆ่าพวกเขา ให้ความรู้สึกแปลกชะมัด

 

“ฉันอยากให้เอ็กซัสมาทำลายที่นี่”

 

“คำถาม: เอ็กซัสที่พูด หมายถึงสมุหเพชฆาตชาวมัสตินน่ะเหรอ?”

 

“ใช่ เขาควรทำลายเมืองนี้ เมืองกระจอกๆ พรรค์นี้ ทำลายได้ไม่ยากหรอก”

 

“วิเคราะห์และรายงาน: เมืองนี้มีผู้ใช้เศวตศาสตราพักอาศัย 40 คน รูปแบบเป็นการตั้งรกราก 25 คน”

 

“นี่มันกองทัพย่อยๆ” เฮเซคียาห์นิ่วหน้า รู้เองจากประสบการณ์ว่าเมืองนี้ไม่ได้ทำลายได้ในชั่วพริบตาอย่างที่คิดไว้เพียงผิวเผิน

 

“เทคโนโลยีพรางตัวเทียบเท่าเทคโนโลยีของชาวมัสตินถึง 80% ถูกออกแบบและพัฒนาโดยผู้ใช้เศวตศาสตราที่มีประสบการณ์ต่อสู้กับชาวมัสติน” บรอธรายงานต่อ “เทคโนโลยีสำหรับป้องกันเมือง เมื่อถูกโจมตีด้วยชาวมัสติน รั้งชาวมัสตินพร้อมอุปกรณ์ต่างๆ ครบมือไว้ได้ขั้นต่ำนอกกำแพง 24 ชั่วโมง สูงสุด 30 ชั่วโมง ตรวจพบเซ็นเซอร์ 25 ตัวแสกนหาผู้บุกรุกที่ไม่ได้รับอนุญาต ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง จำนวนยานสำหรับการหลบหนีและเส้นทางอพยพ ทำสำเร็จแก่ประชากรทั้งหมดประมาณ 1,200 คนได้ในเวลา 10 ชั่วโมง”

 

“ทันสมัยและเตรียมพร้อม มีนักสะสมทรัพยากรรวยๆ ในเมืองนี้สินะ”

 

เฮเซคียาห์ผลักหน้าต่างเปิดออก ลมเย็นมีกลิ่นชื้นของฝนพัดเข้ามา เขาหมุนกายไปหาถุงสัมภาระของมูนนี่ แล้วถือวิสาสะหยิบเอาเสื้อผ้าของอีกฝ่ายออกมาวางเตรียมไว้ปลายเตียง เสื้อผ้าของมูนนี่จะหลอมหน่อยเมื่อเขาสวมใส่ แต่เฮเซคียาห์ไม่มีปัญหา

 

เขาหยิบผ้าขนหนูของทางโรงแรมที่ปลายเตียง และเข้าไปในห้องน้ำ

 

เพียงยืนในจุดที่ถูกต้องในห้องชั้นในของห้องน้ำ น้ำร้อนก็ไหลลงมารดร่าง เฮเซคียาห์สบายตัวขึ้น

 

“เฮ้! จะไปกันหรือยัง” มูนนี่เปิดประตูห้องน้ำเข้ามา

 

เฮเซคียาห์บอกอีกฝ่ายให้รอ

 

“อ๊ะ! ระวังหน่อยสิ” มูนนี่เอ็ดเด็กประมาณ 8-10 ขวบที่วิ่งไล่กันไปมาอยู่หน้าโรงแรมและชนเข้ากับเฮเซคียาห์

 

เฮเซคียาห์คิดในใจ ถ้าเขาควบคุมธาตุได้ เด็กไม่รู้ภาษาที่ชนเขาจะถูกเผาให้กลายเป็นกองขี้เถ้า

 

พวกเขาออกเดินต่อ มูนนี่แวะไปยังร้านขายอาวุธเพื่อขอให้ลับมีดให้ พร้อมกับซื้อปืนพกมาหนึ่งกระบอก หมู่บ้านนี้มีพ่อค้าที่เดินทางไปยังหมู่บ้านอื่นเพื่อซื้อปืนและอาวุธประเภทต่างๆ และนำมาขายต่อ เฮเซคียาห์เจออาวุธรุ่นเก่าของชาวมัสตินรวมอยู่ในบรรดาสินค้าด้วย ดูท่าว่าจะเก็บมาจากสนามการต่อสู้จากศพของชาวมัสตินที่ตายแล้ว

 

“มาเถอะ เดี๋ยวฉันพานายไปยังที่ที่ฉันเล่าให้ฟัง คลับที่มีแต่ผู้ใช้เศวตศาสตรา” มูนนี่เดินมากอดคอเฮเซคียาห์ที่ยืนมองชุดมีดพกที่บริเวณด้ามจับเป็นไม้สลักที่ถูกขัดและลงเงาจนมันปลาบ “บางทีนายอาจได้งานจากที่นั่น จะได้เอาเงินมาซื้อเจ้าพวกนี้ ถ้านายชอบ”

 

“ฉันไม่ได้อยากได้”

 

“นายต้องมีอาวุธติดตัวไว้บ้าง”

 

“เหรอ?” เฮเซคียาห์ยกมือขึ้นแตะบนเพนดูลัมของเขาที่คล้องคออยู่อย่างเสียไม่ได้ หันไปยิ้มแหยให้มูนนี่ที่เขย่าไหล่เขาพร้อมกับเร่งเร้าให้เดินไปยังคลับของผู้ใช้เศวตศาสตราด้วยกัน

 

“นายจะไปที่นั่นเพื่อคุยเรื่องส่งมอบไข่แมงป่องทะเลทรายอย่างนั้นเหรอ” เฮเซคียาห์ถาม สายตามองเงาของเขาที่ทอดยาวไปด้านหน้าบนพื้นที่ดูเหมือนถูกย้อมด้วยสีเหลืองอมแดงจากดวงตาทิตย์อัสดงที่สาดแสงมาจากทางเบื้องหลัง

 

“ไม่ใช่ว่าคุยเลย แต่ไปส่งข่าวก่อน ฉันไม่เคยเห็นคนที่จ้างทำงานนี้โดยตรง”

 

มูนนี่พาเขามายังคฤหาสน์หลังใหญ่ที่ตั้งอยู่หลังรั้วไม้ระแนงซึ่งเตี้ยแค่เข่า หน้าบ้านมีสนามหญ้าใหญ่และแปลงดอกไม้หลายสีสวยงาม เฮเซคียาห์เคยเห็นคฤหาสน์แบบนี้บ้านในเมืองหลวง ชาวมัสตินหลายคนชื่นชอบรูปแบบสถาปัตยกรรมหรูหราแบบมนุษย์

 

เขาเดินตามมูนนี่ผ่านประตูคฤหาสน์

 

ส่วนแรกของบ้านเป็นทางเดินยาวที่มีกระดานปิดประกาศไม้อันใหญ่ มีกระดาษแปะเต็มไปหมดบนนั้น แต่เรียงตัวกันอย่างเป็นระเบียบ

 

“คนธรรมดาจะมาแปะงานไว้ที่นี่ พวกเขาไม่มีสิทธิเข้าไปข้างใน” มูนนี่พยักพเยิดใบหน้าไปยังประตูที่อยู่สุดทางยาว มันเป็นประตูไม้ที่แกะสลักอย่างงดงามและประณีต

 

“ครั้งแรกของนายใช่ไหม เข้ามาในคลับของผู้ใช้เศวตศาสตรา”

 

“อืม”

 

เฮเซคียาห์เพิ่งรู้ว่ามีสถานที่แบบนี้

 

เขาคิดเอาไว้แล้วว่าพวกผู้ใช้เศวตศาสตราต้องมีที่สุมหัวกัน แต่ไม่คิดว่าจะอยู่ตามเมือง หาเจอได้ง่าย

 

หรืออาจจะไม่ใช่หาเจอได้ง่าย!? เทคโนโลยีของเมืองนี้ ช่วยเมืองนี้ ให้ซ่อนตัวอย่างมิดชิดในป่า

 

“ถ้าเมืองนี้ถูกโจมตี เรามีเวลาประมาณ 10 วินาทีเพื่อหนีออกไป จะโดดออกทางหน้าต่างหรือทลายกำแพงแล้วรีบออกไปก็ได้ เพราะที่นี่จะถูกระเบิดทิ้ง ไฟจะถูกปล่อยออกมาจากสปริงเกอร์แทนน้ำเพื่อให้มั่นใจว่าเอกสารทุกอย่างหรืออะไรก็แล้วแต่จะไม่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลังให้พวกมัสตินแกะรอยใครได้”

 

มูนนี่หยุดที่หน้ากระดานปิดประกาศ สายตาไล่มองหาประกาศที่เป็นเป้าหมาย แล้วเฮเซคียาห์ก็เห็นมูนนี่หยิบอุปกรณ์บางอย่างออกมา เป็นแท่งทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้ายาวสิบเซนติเมตรสีขาวซึ่งเมื่อเปิดการทำงานด้วยการกดนิ้วค้างไว้ที่หัวของมัน แท่งสีขาวเปลี่ยนสี กลายเป็นสีฟ้า

 

มูนนี่กดอุปกรณ์ที่เปลี่ยนเป็นสีฟ้าในมือ ให้ด้านแถบยาวด้านหนึ่งแนบกับหัวมุมกระดาษด้านขวาของประกาศเกี่ยวกับความต้องการใช้ไข่แมงป่องทะเลทราย

 

“นายทำอะไร นั่นมันอุปกรณ์อะไร” เฮเซคียาห์ถามขึ้นหลังจากมูนนี่ไม่ได้พูดอธิบายถึงอุปกรณ์ที่เขาใช้งานอยู่

 

“นายไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้เลยเหรอ” มูนนี่หันมามองเฮเซคียาห์อย่างแปลกใจ

 

เฮเซคียาห์ส่ายหน้า

 

“มันคือเครื่องส่งข้อมูลของเราเองไปยังใครก็แล้วแต่ที่มีเครื่องรับแบบเดียวกัน เรียกว่า เดต้าทร้าน ปกติเวลาที่ฉันทำงานเสร็จแล้ว ฉันจะเอาเครื่องนี้กดแนบไปที่กระดาษประกาศจ้างงานหรือข้อความช่วยเหลือ ตรงหัวมุมขวามือของกระดาษบนกระดานประกาศพวกนี้จะมีลายน้ำพิเศษอยู่ ลายน้ำพวกนี้เข้ารหัสไว้และกำหนดว่าพิกัดของคลับและข้อมูลของเราจะถูกส่งไปให้ใครจากอุปกรณ์ตัวนี้ แล้วถ้าคนที่เราติดต่อด้วยจะมาพบหรือมารับของหลังจากได้ข้อมูลของเรา พวกเขาก็จะส่งพิกัดที่สะดวกเดินทางมาพบพร้อมกับวันที่ที่จะให้พบมาให้”

 

“ฉันจะหาเครื่องนั่นได้ที่ไหน”

 

“ซื้อเอา ข้างในมีขาย” มูนนี่ดึงประกาศงานที่เพิ่งเอาเดต้าทร้านแนบไปออกจากกระดาน ขยุ้มและโยนลงไปในถังขยะที่อยู่ใกล้ ไอร้อนซ่านออกมาจากถังขยะและเฮเซคียาห์ก็เห็นไฟลุกโชนขึ้นมาวูบหนึ่งเผาประกาศงานเป็นจุณในพริบตา

 

มูนนี่เดินไปที่ประตูทางเข้า และหยิบเศวตศาสตราของเขาออกมาจากในกระเป๋า ก่อนจะแนบมันเข้ากับประตูไม้ซึ่งฉับพลันจากไม้กลับเปลี่ยนเป็นน้ำที่ขุ่นเป็นสีฟ้าเข้ม มูนนี่หันมามองหน้าเฮเซคียาห์แล้วเดินทะลุประตูน้ำขุ่นๆ หายเข้าไป แล้วประตูด้านหน้าเฮเซคียาห์ก็กลับมาเป็นไม้เหมือนเดิม

 

เฮเซคียาห์แตะที่ประตู พบว่ามันเป็นไม้อย่างที่ตาเห็น

 

บรอธที่ยอมพักอยู่ในกระเป๋ากางเกงยีนส์ที่มูนนี่ยกให้เขาใส่ขยับขยุกขยิก เฮเซคียาห์ช่วยมันออกมาข้างนอกด้วยการล้วงกางเกงเข้าไปหยิบมันออกมา เขาเลียนแบบมูนนี่ด้วยการแนบบรอธกับประตูไม้และฉงนเมื่อพบว่าประตูไม้เปลี่ยนเป็นประตูน้ำสีฟ้าขุ่นๆ เช่นเดิมกับที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ต่อหน้ามูนนี่

 

เฮเซคียาห์เดินผ่านประตูน้ำเข้าไปยังอีกด้าน เขาพบว่าตัวเองไม่เปียกจากน้ำที่ประตู และพอหันกลับไปมองดูประตูที่เดินผ่านเข้ามาก็พบว่ามันไม่มีประตูอยู่ แต่เป็นแค่ช่องว่างซึ่งพอยื่นมือออกไป มือก็ออกไปยังโถงทางเดินเมื่อครู่ได้เลย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด