ตอนที่ 5 สลักวิชายุทธ [อ่านฟรี]
ตอนที่ 5 สลักวิชายุทธ
ผู้แปล Doramartin
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม หลินหานก็มาถึงจุดหมายของการเดินทางครั้งนี้คือตำหนักยุทธ
ห้องโถงขนาดใหญ่ เก่าแก่ ปลดปล่อยออร่าผ่านกาลเวลามาอย่างเนิ่นนาน ตั้งตระหง่านอยู่บนโลก
นี่เป็นหนึ่งในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในของสำนักตระกูลหลิน ซึ่งตำหนักยุทธิ์เป็นที่เก็บเทคนิคการต่อสู้มากมาย
"หยุด!"
อย่างไรก็ตาม เมื่อหลินหานยังไม่ทันก้าวไปถึงหน้าประตูตำหนักยุทธิ์ภายในห้ากิโล พลัน มีเสียงเย็นชาดังขึ้นทันที
พวกเขาคือจอมยุทธิ์สองคนผู้พิทักษ์ตำหนักยุทธิ์ มีขอบเขตยุทธิ์ทวิสวรรค์
พวกเขามองเสื้อสีเขียวหนาของหลินหาน ดวงตาสื่ออารมณ์ความเย็นชา "ตำหนักยุทธิ์ เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของสำนักพวกเรา ศิษย์จากสาขา เชิญออกไปให้เร็ว"
“ทำไมพวกเขาถึงเข้าไปได้?” หลินหานขมวดคิ้วเล็กน้อย มือชี้ไปที่อีกด้านหนึ่ง
ที่นั่นมีสาวกหลายคนเหมือนกันทุกคนเดินเข้ามาไม่มีใครขวางกั้น
“เพราะพวกเขามีขอบเขตยุทธิ์สูงกว่าเอกาสวรรค์ ข้ารู้ว่าเจ้าชื่อหลินหาน ครึ่งเดือนก่อนเจ้าเคยมาที่นี่ แล้วถูกรุ่นพี่ที่คุ้มกันโจมตีด้วยหนึ่งฝ่ามือ ยุทธของเจ้าคือเอกาสวรรค์เท่านั้น มันต่ำเกินไป ไม่มีสิทธิ์เข้าไป!”
ผู้พิทักษ์พูด ดวงตาของพวกเขาเฉียบคม สื่อความเย็นชาและพูดว่า "ไปเถอะ นี่ไม่ใช่ที่ที่เจ้าจะมา ถ้าเจ้ายังกล้าพรวดพราดเข้ามา อย่าหาว่าข้าโหดเหี้ยมละกัน"
"พรวดพราดเข้าไป?"
ทันใดนั้นหลินหานก็หัวเเยาะเย้ย เขาก้าวเท้ายาวเดินไปที่ทางเข้าตำหนักด้วยใบหน้าที่ไม่แยแส
อะไร?
นี่เป็นเจ้าคนต่ำต้อยจากสาขาคนนี้กล้าเข้ามาจริงๆ?
"รนหาที่ตาย!"
ผู้พิทักษ์คนหนึ่งยิ้มเหี้มเกรียม พร้อมปล่อยปราณถ่องแท้ออกมาอย่างกระหน่ำ ฝ่ามือของเขาเป็นกรงเล็บ พลังปราณหมุนลอยอยู่ที่ปลายนิ้ว แข็งประดุจเหล็กกล้า
หากเป็นคนธรรมดา หลังจากถูกจับได้ ก็จะถูกเจาะจนเลือดไหลสด หรือแม้แต่เจาะถึงกระดูก และพิการทันที
"ใสหัวไป!"
ทันใดนั้น หลินหานตะคอกอย่างเย็นชา ฝ่ามือโจมตีกระแทกออกไป
อ๋าววววว!
เสียงร้องคามมังกรดังอย่างกระทันหันหนึ่งครั้ง พลังปราณที่เป็นรูปร่างหัวมังกรจากจินตนาการปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของหลินหาน
ฝ่ามือมังกรผงาดขอบข่ายบริบูรณ์ระเบิดขึ้นทันที
แคร่กก!
วินาทีต่อมา เสียงกระดูกแตกก็ดังขึ้นอย่างชัดเจน
"อ๊ากกกกกก!" ร่างหนึ่งกระเด็นลอยออกไป พร้อมส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวด
เขาคนนั้นเป็นหนึ่งในผู้พิทักษ์ เมื่ออยู่ต่อหน้าของหลินหาน เขาไม่มีสิทธิ์ที่จะต่อต้านเลย ซ้ำยังถูกฟาดโจมตีด้วยฝ่ามือกระเด็นลอยไป กระอักเลือด
"พลังปราณอันทรงพลังนี้ หรือว่าเจ้าก้าวเข้าสู่ยุทธตรีสวรรค์แล้ว?!" พลัน ผู้พิทักษ์อีกคนตกใจตกตะลึงจนหน้าถอดสี
เขามีท่าทางหวาดกลัว มองหลินหาน ไม่รู้ว่าต้องทำเช่นไร
"ครั้งต่อไปถ้ายังกล้าขวางข้า ข้าจะหักกระดูกเจ้า!"
หลินหานก้าวเท้ายาวๆเข้าสู่ตำหนักยุทธิ์ น้ำเสียงแสดงความเย่อหยิ่ง เดินผ่านไปทันที
ในตอนนี้ หลินหานรู้สึกมีความสุขล้น
นั่นสินะ มีพลังแข็งแกร่ง จึงจะมีคุณสมบัติเอ่ยคำพูด
เขาเข้าสู่ตำหนักยุทธ ผู้เฒ่าพิทักษ์คนหนึ่งนั่งอยู่หลังแท่นหยกหน้าประตู
"ผู้อาวุโส ข้ามาเลือกวิชายุทธ" หลินหานยกมือกำคำนับ
"ทำไมถึงเป็นเจ้าอี ... เอ๋? เจ้าทลายแล้ว? ทั้งยังทลายติดต่อกันจนถึงยุทธตรีสวรรค์?" ผู้เฒ่าพิทักษ์ที่มีท่าท่างหุนหันพลันแล่นเปลี่ยนสีหน้าทันที เขามองหลินหาน ในใจของเขารู้สึกประหลาดใจอย่างลับๆ
เด็กคนนี้ เมื่อครึ่งเดือนก่อนมีพลังยุทธเอกาสวรรค์เท่านั้น
น่าเหลือเชื่อ
"อายุสิบเจ็ด พลังยุทธตรีสวรรค์ ก็มีสิทธิ์ที่จะเข้าไปในชั้นแรกของตำหนักยุทธ" ผู้เฒ่าพิทักษ์พยักหน้า กล่าวทันทีว่า: "ภายในหนึ่งชั่วยาม เข้าไปชั้นที่หนึ่ง อนุญาติให้เลือกวิชายุทธเพียงบทเดียวครั้งเดียวเท่านั้น"
พอพูดจบ ผู้เฒ่าพิทักษ์ก็ไม่พูดอะไรอีก
หลินหานยกมือคำนับอีกครั้ง เขาหันไปแล้วเดินไปทางชั้นที่หนึ่งตำหนักยุทธ
ชั้นที่หนึ่ง ส่วนใหญ่คือวิชายุทธระดับต่ำ ระดับกลาง, วิชายุทธระดับสูง และสูงสุด เล่าขานกันว่าอยู่บนชั้นสอง
น่าเสียดาย ชั้นที่สองนั้นอย่างน้อยๆต้องมีขอบข่ายยุทธจตุสวรรค์ จึงจะมีสิทธิ์เข้าไปด้านใน
สำหรับชั้นบนสุดของตำหนักฝึกตน นั่นคือชั้นสาม ต้องเป็นระดับปรมาจารย์ยุทธจึงจะเข้าไปได้ ด้านใน เล่าขานกันว่าซ่อนวิชายุทธที่เหนืกว่าระดับสูงสุด ทรงพลังมาก ...
"หนึ่งชั่วยาม วิชายุทธหนึ่งบท"
หัวใจของหลินหานพึมพำ เขาเดินเข้าไปในชั้นที่หนึ่งของตำหนัก
ข้างในนั้นกว้างใหญ่มาก หลินหานหันมองรอบ ๆ มีชั้นหนังสือเรียงราย จนมองไม่เห็นปลายทาง ในแต่ละชั้นมีคัมภีร์โบราณเกี่ยวกับวิชายุทธมากมาย
"ฝ่ามือคลั่ง", "สิบสามกระบี่ถลาลม", "มีดเมฆาเพลิง", "ย่างก้าวไร้เงา" ... "
หลินหานมองดูแต่ละเล่มแต่ละเล่ม วิชายุทธมีจำนวนมากเกินไป แต่เป็นวิชายุทธระดับต่ำ และระดับกลาง ทำให้เขารู้สึกเวียนหัวเล็กน้อย
หลินหานจึงเดินเลยผ่านทักษะฝ่ามือ ในช่วงเวลาสั้นๆนี้ฝ่ามือมังกรผงาดยังสามารถใช้งานได้
"สิ่งที่พึงปรารถนาที่สุดในชีวิตของข้าคือเหล้าหนึ่งเหยือก ดาบหนึ่งเล่ม เดินทางท่องยุทธภพ ทักษะดาบ! ดี ข้าจะเลือกทักษะดาบ!"
ชายหนุ่ม และหนึ่งดาบท่องใต้หล้า
นี่คือความฝันของคนหนุ่มสาวทุกคน หลินหานก็ไม่มีข้อยกเว้น
"วิชาดาบปลดฝัก: เมื่อดึงดาบจะฆ่า หนึ่งดาบสะท้านฟ้า!"
หลินหานมองคัมภีร์ดาบเล่มหนึ่ง และเขาก็ไม่สามารถละสายตาได้
"วิชาดาบปลดฝัก" นี้สอดคล้องกับความคิดของในเรื่องวิชาดาบของหลินหาน
เมื่อดึงดาบ เมฆ ลม แปรเปลี่ยน สบั้นใต้หล้า!
"สิ่งนี้ละกัน!" หลินหานดีใจมาก และหยิบวิชาดาบขึ้นมา
"ได้ยินมาว่า ศิษย์สายเลือดตรงสามารถเลือกได้สามเล่มในหนึ่งครั้ง แต่ข้า สามารถเลือกได้ครั้งละหนึ่งเล่ม แม้ว่าข้าจะก้าวข้ามสู่ยุทธสามสวรรค์แล้ว แต่เพราะข้าคือศิษย์จากสาขาอันเป็นตัวตนที่ต่ำต้อย!"
ดวงตาของหลินหานสื่ออารมณ์ไม่ยินยอม เขาหยิบคัมภีร์โบราณเกี่ยวกับการต่อสู้ขึ้นมาอีกเล่ม เปลวไฟสีทองเปลี่ยนความสามารถทั้งหมดของเขา เขาจึงอยากลองทดสอบความจำของเขาเอง
"สิบสามย่างก้าวแห่งมังกรทะยาน" ศิลปะการต่อสู้ระดับกลาง เมื่อเข้าใจถึงขอบเขตบริบูรณ์ ย่างก้าวต่อเนื่องสิบสามก้าว ร่างกายดุจดั่งเริงระบำ ล่องลอยไร้ร่องรอย ... "
ในเวลานี้ ดวงตาหลินหานเบิกกว้าง พลัน กระแสความคิดของเขาเชื่อมโยงกับเปลวไฟสีทองในจิต ตัวอักษรและท่วงท่าในหนังสือโบราณซึ่งอยู่ในมือของเขาทั้งหมดนี้ถูกตราตรึงอยู่ในเปลวไฟสีทองทันที
"พรึบ!"
หลินหานแสดงความตกใจบนใบหน้า เขาวางคัมภีร์โบราณที่อยู่ในมือลง และเริ่มเพ่งจิตมองดูเปลวไฟสีทองในจิตของตัวเอง
เวิง!
ทันใดนั้น ตัวอักษรและท่วงท่าได้ปรากฏขึ้นอีกครั้งในจิตของหลินหานทีละตัวทีละท่า มันเป็นเพียงศิลปะการต่อสู้เมื่อครู่นี้ สิบสามย่างก้าวแห่งมังกรทะยาน
“หรือว่า เปลวไฟสีทองสามารถสลักสิ่งของในโลกภายนอกได้ แล้วนำมาเก็บไว้ในจิตของข้า?” หลินหานแสดงอารมณ์ของความปีติยินดี แล้วโห่ร้องอย่างอดไม่ไหว
เขาหยิบคัมภีร์โบราณขึ้นมาอีกเล่มหนึ่งทันที และเริ่มการจดจำ
"แย่แล้ว เวียนหัว ... "
แต่ในเวลานี้ หลินหานก็รู้สึกวิงเวียนตาลาย
“ดูเหมือนว่า ถ้าต้องการสลักสิ่งที่อยู่ในโลกภายนอกผ่านเปลวไฟสีทอง จักต้องใช้พลังจิตมากมาย ตอนนี้พลังยุทธของข้าน้อยนิดเกินไป หนึ่งครั้งสามารถสลักศิลปะการต่อสู้ได้เพียงหนึ่งเล่ม”
พลัน หลินหานนึกสาเหตุออก
หลินหาน ค้นพบความสามารถยอดเยี่ยมของเปลวไฟสีทอง หัวใจของหลินหานจึงยินดีอย่างยิ่ง
ยิ่งกว่านั้น หลินหานรู้สึกได้ลางๆว่าเปลวไฟสีทองนี้ต้องมีอะไรที่มากกว่านี้ จักต้องมีความสามารถอื่นๆซึ่งขัดต่อสวรรค์
บูม!
หลินหานหมุนเคล็ดวิชาจักรพรรดิมังกรแห่งไท่กู่ ทำให้ช่วยบรรเทาอาการวิงเวียนศีรษะเล็กน้อย เขาหันตัวแล้วเดินไปข้างนอกตำหนัก
การได้รับศิลปะการต่อสู้อีกหนึ่งบทถือว่าคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม
วันนี้ ได้วิชาดาบ ทั้งยังได้ศิลปะการต่อสู้ ฝึกฝนยุทธและกายภาพด้วยการสืบทอด "เคล็ดวิชาจักรพรรดิมังกรแห่งไท่กู่"
หลินหานหัวเราะในใจ ใบหน้าของเขาแสดงอารมณ์ตื่นเต้นเล็กน้อย
“วิชาดาบถอดฝัก? เจ้าแน่ใจหรือว่าต้องการฝึกวิชาดาบถอดฝักนี้?” ผู้เฒ่าผู้พิทักษ์ตำหนักถามด้วยท่าทางแปลกใจ
"ใช่แล้ว ศิลปะการต่อสู้ที่ข้าเลือกก็คือ วิชาดาบถอดฝัก" หลินฮัหานตอบอย่างแน่นอน
"ดี."
ผู้เฒ่าผู้พิทักษ์ตำหนักแอบส่ายหัวและคิดว่าหลินหานหัวสูง เพราะวิชาดาบถอดฝักนั้นกำแหงหาใดเปรียบ ถ้าความสามารถในการเข้าใจทักษะดาบไม่สูงนัก ก็รังแต่จะทำร้ายตัวเอง
อย่างไรก็ตาม เมื่อมองดูความมั่นใจในตนเองของหลินหาน ผู้เฒ่าผู้พิทักษ์ตำหนักจึงไม่พูดอะไรมากความ เขาประทับวิชาดาบถอดฝักด้วยหินจนก๊อปออกมาหนึ่งชุด แล้วส่งมอบให้หลินหาน กล่าวว่า:“ศิลปะการต่อสู้ของสำนัก ห้ามเผยแพร่สู่ภายนอก”
"ขอรับ ผู้อาวุโส"
หลินหานยกมือคำนับ ใบหน้าของเขาไร้ซึ่งอารมณ์ แล้วเขาก็ก้าวออกจากตำหนัก
เมื่อมองดูร่างของหลินหานที่เดินจากไปไกลทุกที ผู้เฒ่าผู้พิทักษ์ตำหนักก็ส่ายหัวและพูดพึมพำกับตัวเอง "มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะมีต้นกล้าดีในตระกูลสาขา หวังว่าคงไม่ฝึกวิชาดาบถอดฝักจนตัวเองพิการไปเสียก่อน... "